สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 40 นึกว่าอ่อย
บทที่ 40 นึกว่าอ่อย
บทที่ 40 นึกว่าอ่อย
ลู่ฉิวเยว่เดือดดาลขึ้นมาทันที เธอรีบลุกวิ่งเข้าไป “พวกคุณจะโวยวายทำไม!”
เมื่อมองไปที่ลูกพี่ลูกน้องของตนเอง หญิงสาวก็อ่อนเสียงลง “เกิดอะไรขึ้น?”
หวังเซวียนเซวียนทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ “ตอนที่ผมจะเอาอาหารไปเสิร์ฟ เขาหันแก้วเหล้ามาพอดี ผมไม่นึกว่าเขาจะยกมือขึ้นมาแบบนั้น น้ำแกงก็เลยกระเด็นไปโดนเสื้อเขานิดหน่อยครับ”
อาหารชามนี้เพิ่งจะทำเสร็จออกมาจากห้องครัวร้อน ๆ
ลู่ฉิวเยว่ตกใจ เธอรีบดูมือของหวังเซวียนเซวียน มือของเด็กหนุ่มมีรอยแดง เห็นได้ชัดว่าถูกน้ำแกงลวกอย่างรุนแรง ส่วนเสื้อของผู้ชายคนนั้นเปื้อนเพียงแค่เพราะหยดน้ำแกงกระเด็นไปโดนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
พ่อแม่ของลู่ฉิวเยว่รีบเข้ามาดูเหตุการณ์ แล้วพวกเขาก็โมโหสุดขีด แม่ของลู่ฉิวเยว่รีบลากตัวหวังเซวียนเซวียนไปทายาทันที
ลู่ฉิวเยว่พูดด้วยความโมโหว่า “คุณเป็นคนผิดแล้วยังกล้ามาตะโกนใส่คนอื่นอีก! คุณต้องเป็นคนจ่ายค่ารักษา!”
“จ่ายค่ารักษาอะไร!”
เถาหลินเซินขึ้นเสียงด้วยความโกรธแค้น เพราะเสื้อสูทที่เขาใส่อยู่ในตอนนี้เป็นเสื้อที่ฝากคนอื่นซื้อมาจากต่างประเทศ มันมีราคามากกว่า 100 หยวน และเป็นสูทตัวโปรดของเขาที่มีเพียงตัวเดียวเท่านั้น
เถาหลินเซินจะนำสูทตัวนี้ออกมาใส่แค่ในโอกาสสำคัญอย่างเช่นวันนี้ ลู่เจี๋ยหรงบอกว่าจะพาเขามาทานอาหารในร้านของพ่อเธอ ดังนั้น เขาจึงนำสูทตัวนี้ออกมาใส่เพื่อเห็นแก่หน้าว่าที่พ่อตาในอนาคต
แต่ตอนนี้สูทตัวเก่งของเขาต้องมาเปื้อนหยดน้ำแกง!
“เธอเป็นใคร! นี่เป็นร้านอาหารของแฟนฉัน เธอเป็นแค่เด็กเสิร์ฟ กล้าดียังไงมาพูดจาแบบนี้!” เขาตะโกน
ป้าลู่ไม่ทันได้ห้ามปราม ลู่เจี๋ยหรงทำได้เพียงยืนตัวแข็งทื่อเท่านั้น
พอกันที!
“นี่เป็นร้านของแฟนคุณเหรอ? ลู่เจี๋ยหรงเนี่ยนะ?” ลู่ฉิวเยว่ระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความโกรธแค้น ก็ไหนแม่ลูกคู่นี้บอกว่าแค่อยากจะมาทำตัวเป็นลูกค้าไม่ใช่หรือไง?
แต่พวกหล่อนกลับไปอ้างคนอื่นว่านี่เป็นร้านของตัวเองหน้าตาเฉย!
ส่วนเจ้าของร้านตัวจริงก็กลายเป็นแค่เด็กเสิร์ฟเท่านั้น ช่างน่านับถือจริง ๆ
พ่อของลู่ฉิวเยว่ได้ยินเช่นกัน เขามีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาในทันตา ก่อนหน้านี้ ใบหน้าของเขาก็เย็นชามากพอแล้วเมื่อเห็นมือที่บวมพองของหวังเซวียนเซวียน แต่ในตอนนี้ พ่อของเธอยิ่งมีสีหน้าเย็นชามากกว่าเดิมหลายเท่า
ลู่ฉิวเยว่ฉีกหน้าสองแม่ลูกตัวแสบอย่างไม่ใยดี “ร้านนี้ไม่ใช่ของแฟนคุณหรอกนะ แต่เป็นร้านของพวกฉันต่างหาก ส่วนแฟนคุณน่ะ เป็นแค่คนมาขอส่วนบุญกินอาหารฟรีเท่านั้น”
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอ เธอมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่สื่อความหมายว่า ‘พวกแกมันก็เป็นขอทานกันหมดนั่นแหละ’ เถาหลินเซินรู้สึกเหมือนถูกตบหน้ากลางสี่แยกไฟแดงขึ้นมาทันที
หลังจากหายตกตะลึงแล้ว เขาก็รีบหันไปถามลู่เจี๋ยหรงว่า “ที่เธอพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่… ความจริง พวกเรามี…”
เมื่อเห็นลู่เจี๋ยหรงพูดตะกุกตะกักอย่างรู้สึกผิด เถาหลินเซินก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว
เขาเคยขายหน้าขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ชายหนุ่มหมุนตัวเดินจากไปทันที!
แววตาสุดท้ายที่เขามองมาเต็มไปด้วยความเย็นชา ลู่เจี๋ยหรงรู้สึกหนาวเย็นไปถึงขั้วหัวใจ เธอรีบวิ่งตามไปอย่างไม่รอช้า “เถาหลินเซิน ฟังฉันอธิบายก่อน”
แต่เมื่อเธอวิ่งไปถึงประตู ใครบางคนก็จิกเส้นผมของเธอจนหนังศีรษะแทบถลอก หญิงสาวรู้สึกหนาวเย็น จากนั้นเธอก็ถูกตบใบหน้าอย่างแรง
เพียะ!
สวีต้าหลิน
“ลู่เจี๋ยหรง นังแพศยา แกกล้านอกใจฉันได้ยังไง! ฉันจะกระทืบแกให้ตาย! หน้าด้านไร้ยางอายที่สุด!” สวีต้าหลินคำรามด้วยความโกรธแค้น
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ลู่เจี๋ยหรงก็ต้องกรีดร้องออกมาด้วยความสะพรึงกลัว
ป้าลู่ตั้งสติขึ้นมาได้ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปต่อสู้กับสวีต้าหลิน แต่เรี่ยวแรงของหญิงวัยกลางคนจะไปสู้กับชายฉกรรจ์อย่างสวีต้าหลินได้อย่างไร
อีกอย่าง ป้าลู่เป็นคนที่ไม่เคยทำงานหนักมาก่อนด้วยซ้ำ
หญิงวัยกลางคนถูกสวีต้าหลินต่อยหลายครั้ง ทำให้ต้องกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลนองใบหน้า
ถึงแม้ว่าพวกของลู่เจี๋ยหรงจะทำไม่ดีกับพวกเขามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่พ่อของลู่ฉิวเยว่ก็ทนไม่ได้อีกต่อไป เขาอยากจะเข้าไปช่วยแต่ก็ถูกลู่ฉิวเยว่หยุดเอาไว้
พ่อของเธอแขนขาไม่ดี เข้าไปช่วยตอนนี้จะไม่ถูกต่อยกระเด็นกลับมาหรือ?
และเธอก็ยังไม่ลืมว่าอีกฝ่ายทำกับหวังเซวียนเซวียนไว้อย่างไร
ลู่ฉิวเยว่คิดด้วยความเศร้า พ่อของเธอก็รู้ดีว่าคนเป็นลูกกำลังคิดอะไรอยู่ ลู่ฉิวเยว่จ้องมองลู่เจี๋ยหรงกับป้าลู่เหมือนกำลังจ้องมองฆาตกรสองคน
หญิงสาวไม่ใจอ่อนเลยสักนิด
พ่อของเธอกลัวว่าเธอจะปล่อยให้ลู่เจี๋ยหรงกับป้าลู่ถูกฆ่าตายจริง ๆ
แต่สิ่งที่ทำให้ลู่ฉิวเยว่ประหลาดใจมากที่สุดก็คือ แฟนใหม่ที่ลู่เจี๋ยหรงพามาเปิดตัวในวันนี้ เขาเอาแต่ยืนจ้องมองเธอถูกทุบตีหน้าตาเฉย
ไม่มีใครคิดจะเข้าไปหยุดเหตุการณ์นี้
ทุกคนได้แต่ยืนมอง
ลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจ สุดท้ายก็กลัวว่าสวีต้าหลินจะกระทืบลู่เจี๋ยหรงจนตายจริง ๆ เธอจึงให้แม่ไปตามตำรวจมาเพื่อยุติเหตุการณ์
เถาหลินเซินถอยออกไปยืนมองอยู่นอกร้าน เมื่อเขาเห็นตำรวจวิ่งมาตั้งแต่ไกล เขาก็หมุนตัวเดินจากไปทันที
เถาหลินเซินคิดว่าลู่เจี๋ยหรงเป็นหญิงสาวผู้บริสุทธิ์ที่มาจากครอบครัวร่ำรวย แต่ในเมื่อเธอเป็นแค่หญิงสาวยากจน เขาก็ไม่ต้องการเธออีกต่อไป
ในที่สุดพวกเขาก็ถูกพาตัวไปที่สถานีตำรวจ ร้านอาหารกลับมาอยู่ในความสงบสุขอีกครั้ง
ในช่วงเทศกาลตรุษจีน คนส่วนใหญ่มักจะจัดงานรวมญาติกันที่บ้าน มีคนมารับประทานอาหารที่ร้านไม่มาก และลู่ฉิวเยว่ยังรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย
เธอจะเรียกคนเข้าร้านอย่างไรดีนะ? ใช้บัตรส่วนลด? หรือว่าส่งของขวัญเล็ก ๆ ไปให้?
ไม่ได้ นี่ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจ
ต้นเหตุของปัญหาคือทุกคนอยากจะอยู่บ้านรับประทานอาหารกับครอบครัว ไม่ว่าเธอจะลดราคามากเท่าไหร่ คนก็คงไม่สนใจอยู่ดี
แล้วถ้า… ส่งอาหารไปที่บ้านล่ะ?
ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับ เธอนึกถึงพวกบริษัทส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ในชาติที่แล้วของตนเอง ในช่วงเทศกาลตรุษจีน นอกจากจะได้รวมญาติแล้ว ผู้คนยังได้ทานอาหารอร่อย ๆ อีกด้วย
น่าจะแก้ปัญหาได้ใช่ไหม?
เธอนี่มันฉลาดจริง ๆ!
“มายืนยิ้มอะไรคนเดียว?” เมื่อเห็นลูกสาวออกมายืนยิ้มอยู่เพียงลำพัง แม่ของเธอก็เดินเข้ามาสะกิดบอกว่า “คุณฉินมาทานอาหารค่ำแล้ว”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า นับตั้งแต่ที่ฉินซือย้ายเข้ามาอยู่ในตัวอำเภอเมื่อครั้งที่แล้ว เขาก็ไม่ได้กลับไปที่หมู่บ้านเยว่เหลียงอีกเลย มีเพียงกลับไปดูงานเป็นครั้งคราวเท่านั้น
และด้วยความที่เขาย้ายเข้ามาอยู่ในตัวอำเภอ เขาจึงมารับประทานอาหารที่ร้านเธอเกือบทุกวัน ตอนแรกฉินซือยืนยันว่าจะจ่ายเงิน แต่พ่อแม่ของลู่ฉิวเยว่ก็ปฏิเสธ สุดท้ายฉินซือจึงลงเอยด้วยการมาทานมื้อค่ำพร้อมกับครอบครัวของลู่ฉิวเยว่ในทุก ๆ วัน
“เนื้อตุ๋นวันนี้อร่อยกว่าครั้งที่แล้วอีกนะครับ ฝีมือการทำอาหารของเชฟลู่พัฒนาขึ้นไม่หยุดเลยจริง ๆ”
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ เลขาหวังก็ยกนิ้วโป้งชื่นชมจากใจจริงและทุกคนก็เห็นด้วย
ตอนที่รับประทานอาหารกันเมื่อสักครู่ ตะเกียบของทุกคนก็พุ่งไปที่เนื้อตุ๋นราวกับกลัวว่าถ้ามัวแต่ชักช้าจะอดกิน และเพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้น เนื้อตุ๋นก็หมดลงอย่างรวดเร็ว
ลู่ฉิวเยว่แอบหัวเราะเล็กน้อย นี่คือสูตรการทำอาหารที่เธอคิดคนขึ้นมาเก็บค่าความสุข ซึ่งทำให้ฝีมือการทำอาหารจากชาติที่แล้วของเธอพัฒนามากขึ้น
เมื่อได้ยินเลขาหวังกล่าวชมเชย แม่ของลู่ฉิวเยว่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้า “อร่อยไปก็เท่านั้น ช่วงตรุษจีนอย่างนี้ ไม่มีลูกค้ามาเข้าร้านเลยค่ะ ร้านเราเงียบเหงาเหลือเกิน”
ลู่ฉิวเยว่กำลังกังวลอยู่ว่าจะไปหาคนส่งอาหารได้จากที่ไหน เมื่อได้ยินคำพูดของแม่ เธอจึงรู้สึกหงุดหงิดใจ
“ผ่านตรุษจีนไปก็ไม่มีอะไรแล้วครับ อาหารร้านนี้อร่อยขนาดนี้ ผมกลัวว่าจะรับลูกค้าไม่ไหวมากกว่า” ฉินซือพยายามปลอบใจ
ลู่ฉิวเยว่ไม่ทราบเลยว่าตนเองกำลังคิดอะไรอยู่ ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับขณะจ้องมองไปที่ฉินซือ ทำให้แก้มของเขาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ทำไมอยู่ดี ๆ ผู้หญิงคนนี้ก็มาจ้องเขาแบบนี้นะ… หรือว่าเธอกำลังอ่อยเขา?
คิดดังนั้น ฉินซือก็มีความสุขขึ้นมาทันที
“ฉินซือ พวกเรามาร่วมมือกันเถอะ!” ลู่ฉิวเยว่ไม่รู้อีกแล้วว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ เธอถึงได้หลุดคำนั้นออกไป
ร่วมมือกันอีกแล้ว!
รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของฉินซือทันที เขาอุตส่าห์นึกว่าเธอจะ…
ช่างมันเถอะ ถึงอย่างไรเธอก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว
เขาปรับเปลี่ยนสีหน้าของตนเอง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “บอกผมมา คุณคิดจะทำอะไร?”