สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 4 สาลี่หิมะตุ๋นยาจีน (รีไรท์)
บทที่ 4 สาลี่หิมะตุ๋นยาจีน (รีไรท์)
บทที่ 4 สาลี่หิมะตุ๋นยาจีน (รีไรท์)
ในเวลาเดียวกันนี้ ลู่ฉิวเยว่ไม่รู้เลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เธอกับแม่เดินทางกลับมาได้ครึ่งทาง เสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้น หญิงสาวพบว่าตนเองได้รับค่าความสุขเพิ่มขึ้นมาถึง 100 แต้ม!
ก่อนหน้านี้เธอจะได้รับค่าความสุขจากการขายโร่วเจียโม๋ครั้งละ 1 แต้มเท่านั้น แต่คราวนี้ทำไมจู่ ๆ ถึงได้รับถึง 100 แต้มล่ะ?
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ เธอรีบมุ่งหน้ากลับหมู่บ้านเยว่เหลียงอันเป็นหมู่บ้านที่คุณลุงของเธออาศัยอยู่ จากนั้นแจ้งให้ผู้เป็นลุงทราบว่าโร่วเจียโม๋ทั้ง 200 ลูกขายหมดแล้วด้วยความดีอกดีใจ
“จริงเหรอ สุดยอดไปเลย!” แม้ว่าริมฝีปากยิ้มแย้ม หากแต่สีหน้าคุณลุงกลับดูหดหู่
ลู่ฉิวเยว่พลันสังเกตเห็นได้ว่าบรรยากาศไม่ถูกต้องจึงถามว่า
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?”
ป้าสะใภ้ของหญิงสาวถอนหายใจ พลางเอ่ยว่า
“ก่อนหน้านี้ลุงหนูได้คุยกับสหกรณ์จำหน่ายสินค้าไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาตกลงจะซื้อสาลี่หมู่บ้านของเรา พวกเรากำลังจะเริ่มเก็บสาลี่ แต่อยู่ดี ๆ ตัวแทนสหกรณ์ก็มาบอกว่าไม่เอาแล้ว พวกเขาจะเปลี่ยนไปซื้อสาลี่จากหมู่บ้านลู่เจี๋ยแทน เพราะทางนั้นขายให้พวกเขาในราคาถูกกว่า”
“สาลี่ของหมู่บ้านลู่เจี๋ยไม่ได้มีมากนัก แถมคุณภาพก็สู้พวกเราไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะเห็นแก่ของถูก ยกเลิกคำสั่งซื้อของเราเพื่อไปซื้อสาลี่ของหมู่บ้านลู่เจี๋ยเสียอย่างนั้น” คุณลุงสูบบุหรี่พลางพึมพำเสียงแผ่ว
“ปกติสาลี่ในหมู่บ้านลู่เจี๋ยมีคนปลูกอยู่ไม่มาก ชาวบ้านต้องเอามาเร่ขายเองตลอด แล้วทำไมปีนี้ถึงมีคนไปรับซื้อถึงที่ได้ล่ะ?” เมื่อคุณแม่ลู่รับรู้เรื่องนี้ ความดีใจในตอนแรกก็หายไป
คุณลุงของลู่ฉิวเยว่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านของหมู่บ้านเยว่เหลียง ถ้าคำสั่งซื้อสาลี่ถูกยกเลิก บรรดาเกษตรกรผู้เป็นลูกบ้านจะต้องไม่พอใจในตัวเขาแน่ ๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นพรุ่งนี้หนูจะหยุดขายของก่อน 1 วัน เดี๋ยวหนูไปคุยกับตัวแทนสหกรณ์ให้เอง ลุงไปเก็บสาลี่มาจำนวนหนึ่งก่อน หนูจะเอาพวกมันไปตุ๋นยาจีน เผื่อได้ลองกินสาลี่ตุ๋นยาจีนของหนูแล้วพวกเขาอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้” ลู่ฉิวเยว่กล่าว
“ฝีมือของหนูดีขนาดนี้ พวกเขาอาจเปลี่ยนใจจริง ๆ ก็ได้แฮะ” คุณลุงเห็นด้วย
หลังจากนั้น คุณลุงก็ออกไปเก็บสาลี่กลับมาให้ลู่ฉิวเยว่ หญิงสาวปลอกสาลี่แล้วนำไปตุ๋นพร้อมกับเห็ดหูหนูขาว โดยไม่ลืมใส่น้ำจากน้ำพุแห่งจิตวิญญาณลงไปตุ๋นด้วย จากนั้นก็นำสาลี่พร้อมน้ำซุปที่ตุ๋นออกมาแล้วบรรจุใส่กล่องอย่างดี
วันรุ่งขึ้น ลู่ฉิวเยว่นำกล่องใส่สาลี่ตุ๋นยาจีนเดินทางไปที่สหกรณ์จำหน่ายสินค้าประจำอำเภอ รอไม่นานผู้อำนวยการของสหกรณ์ก็มาถึง แต่เขามาพร้อมกับคนรู้จักของลู่ฉิวเยว่อีกสองคน
สวีต้าหลินอดีตคู่หมั้นและลู่เจี๋ยหรงลูกพี่ลูกน้องของเธอ
เมื่อเห็นลู่ฉิวเยว่ ลู่เจี๋ยหรงก็เสแสร้งแกล้งเดินเข้ามาจับมืออย่างสนิทสนมพร้อมกับพูดว่า “พี่ฉิวเยว่ เข้าอำเภอมาทั้งทีทำไมไม่มาหาฉันล่ะ จริงด้วยสิ พี่แต่งงานกับเอ้อหม่านตี้ไปแล้วใช่ไหม?”
เมื่อพูดถึงเอ้อหม่านตี้ ดวงตาของสวีต้าหลินก็เผยความรังเกียจที่ปิดไม่มิด เขามองไปที่ลู่ฉิวเยว่อย่างเย็นชา พลางพูดกับลู่เจี๋ยหรงด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เจี๋ยหรง! คุณมัวทำอะไรอยู่! ไปยืนคุยกับคนสกปรกอย่างนั้นได้ยังไง! ไม่รู้ผู้หญิงคนนี้ผ่านมือผู้ชายมาแล้วกี่คน! อย่าเอาตัวเองไปเกลือกกลั้วกับคนแบบนั้นเลย!”
เมื่อได้ยินสวีต้าหลินพูดอย่างนี้ จู่ ๆ สายตาของผู้อำนวยการสหกรณ์จัดจำหน่ายก็มองไปที่ลู่ฉิวเยว่
“อารองครับ เรื่องซื้อสาลี่ต้องรบกวนอาแล้ว ผมไปทำงานก่อนนะ” สวีต้าหลินหันมาพูดกับผู้อำนวยการ
ผู้อำนวยการพยักหน้าและตอบว่า “รู้แล้ว เดี๋ยวฉันไปคุยกับที่หมู่บ้านของแกเอง”
เมื่อลู่ฉิวเยว่ได้ยินอย่างนั้น เธอก็รู้ทันทีว่านี่เป็นแผนการของสวีต้าหลินกับลู่เจี๋ยหรง
ผู้อำนวยการของสหกรณ์จำหน่ายสินค้าเป็นอารองของสวีต้าหลิน จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่อยู่ดี ๆ ก็ยกเลิกการสั่งซื้อสาลี่จากหมู่บ้านเยว่เหลียง
“ผู้อำนวยการคะ ก่อนหน้านี้คุณตกลงจะซื้อสาลี่ของหมู่บ้านเยว่เหลียงไม่ใช่เหรอ? สาลี่ของหมู่บ้านลู่เจี๋ยเทียบกับสาลี่ของพวกเราไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพและปริมาณก็ตาม” ลู่ฉิวเยว่กล่าว
สวีต้าหลินได้ยินเข้าก็หัวเราะอย่างเย็นชา สายตากวาดมองมาที่ลู่ฉิวเยว่อย่างมาดร้าย
“ฉันเนี่ยแหละให้อารองมาสั่งซื้อสาลี่ของหมู่บ้านลู่เจี๋ยเอง เธอหนีไปอยู่หมู่บ้านอื่นแล้วไม่ใช่เหรอ สาลี่ของลุงเธอขายไม่ออกแล้วล่ะสิ อยากจะรู้นักว่าเธอจะวิ่งหนีไปหาใครอีก แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรสำหรับผู้หญิงสำส่อนอย่างเธออยู่แล้ว!”
“แก!” ลู่ฉิวเยว่นึกไม่ถึงว่าอดีตคู่หมั้นของตนเองจะเป็นคนร้ายกาจถึงเพียงนี้ นอกจากแต่งงานกับลู่เจี๋ยหรงแล้ว ยังคิดจะจองล้างจองผลาญเธออีก
โชคดีของเธอแล้วที่ไม่ต้องแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้
“แหมมม ต้าหลินคะ ถึงอย่างไรพี่ฉิวเยว่ก็เป็นพี่สาวของฉันนะ พี่ฉิวเยว่จ๊ะ พวกเราแค่ชวนคุณอารองไปเที่ยวชมหมู่บ้านลู่เจี๋ยเท่านั้นเอง พี่เองก็เป็นคนของหมู่บ้านลู่เจี๋ยเหมือนกัน น่าจะดีใจกับพวกเรานะจ๊ะ” ลู่เจี๋ยหรงยิ้มแย้มอย่างใจกว้าง
ลู่ฉิวเยว่เกือบจะหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ
“แต่สหกรณ์แห่งนี้ตกลงว่าจะซื้อสาลี่ของหมู่บ้านเยว่เหลียงอยู่ก่อนแล้ว พวกเธอเข้ามาแทรกแซงได้สำเร็จก็ดีใจด้วยนะ น่าไม่อายจริง ๆ” ลู่ฉิวเยว่มองลู่เจี๋ยอย่างเย็นชา
“พวกเธอคงทำเป็นเรื่องปกติเลยสินะ”
ลู่เจี๋ยหรงถูกลู่ฉิวเยว่มองด้วยสายตาเย็นชา ร่างกายพลันชาวาบไปถึงกระดูก เริ่มเกิดความกลัวขึ้นในใจ
“เจี๋ยหรง พวกเราไปกันเถอะ ผู้หญิงแบบนี้จะพูดอะไรก็ได้ ผมบอกแล้วไงว่าต่อจากนี้ไปอย่าให้เธอมาเหยียบบ้านเราอีก ผมอายคน!”
หลังจากนั้นสวีต้าหลินก็จับมือลู่เจี๋ยหรงเดินจากไปอย่างเชิดหน้าชูตา
ลู่ฉิวเยว่เห็นว่าผู้อำนวยการสหกรณ์แห่งนี้เป็นญาติกับสวีต้าหลิน เธอก็ขี้เกียจจะเสวนากับคนแบบนี้อีกต่อไป
หญิงสาวปั่นรถสามล้อเดินทางกลับ แต่เมื่อมาถึงซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ผู้อำนวยการก็วิ่งตามมาพร้อมร้องเรียกว่า
“สาวน้อย ต้าหลินกับฉันสนิทสนมกันดี มันเลยยากที่จะปฏิเสธน่ะ แต่ตอนนี้เธอกับฉันมาเจรจากันได้นะ” ผู้อำนวยการมองลู่ฉิวเยว่ด้วยสายตาหลงใหล
“เอาเป็นว่าที่นี่ไม่สะดวกพูดคุย เธอตามฉันกลับไปคุยที่บ้านดีกว่า เรามาคุยกันดี ๆ ถ้าได้ราคาที่เหมาะสม ฉันจะกลับไปซื้อสาลี่จากพวกเธอก็ได้” ผู้อำนวยการเอื้อมมือมาจับมือของลู่ฉิวเยว่
ไอ้เฒ่าลามกนี่มันน่ารังเกียจจริง ๆ
ลู่ฉิวเยว่เตะผ่าหมากตาเฒ่าหัวงูพร้อมกับสาปแช่ง “ฝันไปเถอะ!”
ผู้อำนวยการถูกเตะจนตัวงอกุ้ง สบถออกมาทันทีว่า “เป็นแค่ผู้หญิงสำส่อน ทำตัวสูงส่งไปได้ คิดเหรอว่าเธอจะหนีฉันพ้น”
หลังจากนั้น เขาก็จับตัวลู่ฉิวเยว่กดไปกับกำแพงอย่างแรง หญิงสาวกำลังจะหยิบมีดทำครัวออกมาใช้ป้องกันตัวเอง แต่ทันใดนั้นกลับมีเสียงเย็นยะเยือกดังมาจากข้างหลัง “ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!”
เมื่อลู่ฉิวเยว่เงยหน้ามองตามเสียง เธอก็เห็นใบหน้าด้านข้างอันแสนเย็นชาและหล่อเหลาของชายผู้หนึ่ง