สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 37 จดหมายขอโทษ
บทที่ 37 จดหมายขอโทษ
บทที่ 37 จดหมายขอโทษ
หลังจากที่พ่อแม่ของฉินซือเลิกยื่นมือเข้ามาแทรกแซง ฝั่งตระกูลจ้าวก็รู้สึกตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
เมื่อได้รู้ว่าฉินซือขอร้องไม่ให้พ่อแม่เข้ามายุ่งเกี่ยว พ่อแม่ของจ้าวซูซินก็แอบตามมาดูการใช้ชีวิตของฉินซือและได้เห็นว่าเขาอาศัยอยู่ใกล้กับร้านของลู่ฉิวเยว่
พ่อแม่ของจ้าวซูซินมารอคอยฉินซืออยู่แทบทุกวัน
สร้างความรำคาญใจให้แก่ฉินซือเป็นอย่างมาก
ลู่ฉิวเยว่ออกมาพูดคุยธุระกับฉินซือที่ข้างนอกหลายครั้ง แต่เมื่อพบเห็นพ่อแม่ของจ้าวซูซินอยู่ด้วย เธอก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าฉินซือไม่สบอารมณ์ที่สุด
หากเปลี่ยนเป็นจ้าวซูซินมายืนอยู่ตรงนี้แทน ฉินซือคงไม่ลังเลที่จะสั่งสอนและให้บทเรียน แต่อีกฝ่ายเป็นถึงผู้อาวุโสของตระกูลจ้าว เขาจึงทำได้เพียงยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเท่านั้น ลู่ฉิวเยว่รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเขากำลังอึดอัดใจมาก
เธออดถอนหายใจออกมาไม่ได้
“ลืมเรื่องนี้ไปเถอะ ให้จ้าวซูซินเขียนจดหมายขอโทษฉันก็แล้วกัน แล้วฉันจะถือว่าเลิกแล้วต่อกัน”
“ว่าไงนะ?” ฉินซือกำลังนำแก้วน้ำออกมาจากห้องครัวให้เธออยู่พอดี ตอนที่ได้ยินคำพูดประโยคนั้น เขารู้สึกไม่พอใจ “ฉิวเยว่ เรื่องนี้เป็นความผิดของพวกเขา คุณไม่จำเป็นต้องห่วงผมก็ได้”
เขาเป็นคนทำให้เธอต้องเจอปัญหา แต่ตอนนี้เธอกำลังเป็นห่วงเขา ฉินซือรู้จักเธอดี จึงไม่อยากให้เธอตัดสินใจผิดพลาด
ลู่ฉิวเยว่ส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอก ถือซะว่าจ้าวซูซินเป็นแค่เด็กน้อยที่ถูกตามใจมากเกินไป เราลองให้โอกาสเธอดูสักครั้ง”
เด็กน้อยอย่างนั้นหรือ?
ฉินซือรู้สึกหมดหวัง เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าลู่ฉิวเยว่มีอายุน้อยกว่าจ้าวซูซินตั้งหลายปี
แต่ลู่ฉิวเยว่สามารถจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ได้ดีเกินกว่าอายุของเธอเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่เคยเจอผู้หญิงรุ่นเดียวกับเธอคนไหนมีความสามารถถึงขนาดนี้มาก่อน
เมื่อเห็นลู่ฉิวเยว่ยืนยันว่าต้องการทำเช่นนี้ ฉินซือก็ไม่ปฏิเสธอีกแล้ว เขาทำได้เพียงยอมรับการตัดสินใจ
ในตอนเย็น เขาคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่ของจ้าวซูซิน และในที่สุด ทุกคนก็ได้ข้อสรุปที่พอใจกันทุกฝ่าย
เหตุการณ์ครั้งนี้กินเวลายาวนาน ทำให้เรื่องราวหลายอย่างล่าช้าไปมาก ถ้าไม่กลัวว่าฉินซือจะส่งจ้าวซูซินไปเข้าคุกจริง ๆ พ่อแม่ของเธอก็คงไม่เดินทางมาเสนอหน้าที่นี่ทุกวันหรอก
จ้าวซูซินไม่เห็นด้วย เธอด้แต่อาละวาดอยู่ที่บ้านในคืนนั้น
จะให้เธอเขียนจดหมายขอโทษลู่ฉิวเยว่เนี่ยนะ?
ลู่ฉิวเยว่คู่ควรแล้วหรืออย่างไร?
“จ้าวซูซิน!” นี่คือครั้งแรกที่พ่อของเธอดุลูกสาวอย่างจริงจัง “ถ้าแกไม่ขอโทษ ฉินซือได้ส่งแกเข้าคุกจริง ๆ แน่ เรื่องฝิ่นไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ ถ้าแกติดคุก หน้าที่การงานของพ่อก็ต้องเดือดร้อนไปด้วย ครอบครัวของเราจะต้องล่มจม แกโตขนาดนี้แล้ว ยังไม่เข้าใจอีกได้ยังไง!”
จ้าวซูซินไม่อยากเชื่อว่าพ่อของเธอจะดุเธอ ทั้ง ๆ ที่พ่อเธอรักเธอมากกว่าใคร แม้ว่าจ้าวซูซินจะไม่พอใจ แต่เธอก็ไม่กล้าปฏิเสธอีกแล้ว
เธอยิ่งรู้สึกเกลียดชังลู่ฉิวเยว่มากขึ้น ถ้าไม่ได้เป็นเพราะลู่ฉิวเยว่ ฉินซือก็คงไม่ทำกับเธอแบบนี้ และตระกูลจ้าวก็ไม่ต้องเดือดร้อนเช่นนี้
ผู้หญิงคนนั้นแย่งคนรักของเธอ ทำให้เธอต้องถูกพ่อดุ เธอจะไม่มีทางปล่อยลู่ฉิวเยว่ไปอย่างแน่นอน
แม่ของจ้าวซูซินนำจดหมายขอโทษมาส่งมอบให้แก่ฉินซือ
ในร้านโร่วเจียโม๋ของลู่ฉิวเยว่
“ให้จบเรื่องกันที่ตรงนี้แหละ” ลู่ฉิวเยว่เปิดซองจดหมายและอ่านเนื้อหาด้านในอย่างตั้งใจ
ถึงลายมือจะหวัด แต่เธอก็จำได้ว่าเป็นลายมือของจ้าวซูซิน ถึงนี่จะเป็นจดหมายขอโทษ แต่ลู่ฉิวเยว่ก็รู้ว่าความรู้สึกที่แท้จริงของคนเขียนนั้นเป็นอย่างไร
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกได้ว่าจ้าวซูซินไม่ได้สำนึกผิดสักนิด แต่เธอก็ไม่อยากมีปัญหาอีกแล้ว มันทำให้หลายอย่างของเธอล่าช้ามากเกินไป
ฉินซือโน้มตัวเข้ามาอ่านเนื้อหาจดหมาย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่ลู่ฉิวเยว่ตั้งใจแล้วว่าจะไม่เอาผิดจ้าวซูซิน ไม่ว่าเขาพูดอย่างไร เธอก็ไม่เปลี่ยนใจ ฉินซือจึงทำได้เพียงจดจำความแค้นครั้งนี้เอาไว้เท่านั้น
ถ้าหลังจากนี้ จ้าวซูซินกล้ามารังแกลู่ฉิวเยว่อีก เขาจะไม่ปล่อยเธอไปแน่
“เรียบร้อย ฉันไม่โกรธแล้วล่ะ แล้วคุณยังจะโกรธเธออยู่อีกทำไม” ลู่ฉิวเยว่จ้องมองไปที่ฉินซือด้วยความขบขัน แต่ในหัวใจของเธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย
ลู่ฉิวเยว่สามารถบอกได้เลยว่าฉินซือชอบเธอจริง ๆ และเขาก็พยายามปกป้องเธอ ถึงแม้ว่าตระกูลจ้าวจะไม่ได้มีอำนาจเหมือนตระกูลฉิน แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดา
ฉินซือคงต้องแบกรับความกดดันอยู่ไม่น้อย
ถึงแม้ว่าจ้าวซูซินจะพยายามใส่ความเธอ แต่เขาก็คอยอยู่ช่วยเหลือลู่ฉิวเยว่เสมอ
เมื่อคิดถึงการเสียสละของเขา เธอก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ก่อนหน้านี้เผลอทำตัวไม่ดีใส่เขาไป
“ฉินซือ” ลู่ฉิวเยว่พูดพร้อมกับยิ้มกว้าง “ขอบคุณมากนะคะ”
ฉินซือที่ยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึมอยู่เมื่อสักครู่ก็กลับกลายเป็นอ่อนโยนลงทันทีเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเธอ “ไม่เป็นไร”
คนดีอย่างเธอสมควรได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในโลกและไม่ควรต้องมาพบเจอเรื่องแบบนี้เลย
นอกจากนี้ ธุรกิจในร้านของลู่ฉิวเยว่ก็ยิ่งเติบโตมากขึ้น เพราะได้รับความร่วมมือจากสวนดอกไม้ของฉินซือ เธอถึงกับต้องจ้างชาวบ้านในหมู่บ้านเยว่เหลียงมาช่วยงานแล้ว
และเธอยังยุ่งมากเกินไปด้วย
ลู่ฉิวเยว่ต้องนอนดึกตื่นเช้า เธอรู้สึกเหนื่อยล้าและหมดแรง แต่เมื่อเห็นเงินที่เข้ามาในทุก ๆ วัน เธอก็รู้สึกว่าขยันทำงานตอนนี้ก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องผิดบาปอะไร
ธุรกิจในร้านของลู่ฉิวเยว่เติบโตเช่นเดียวกับสวนดอกไม้ของฉินซือ
คนส่วนใหญ่ชอบส่วนลด เมื่อพวกเขาได้รับบัตรส่วนลดซื้อดอกไม้จากร้านขายโร่วเจียโม๋ ลูกค้าก็ซื้อดอกไม้กลับไปโดยไม่ลังเล
อีกอย่าง การเปลี่ยนดอกไม้สดใหม่ใส่แจกันยามเช้าทุกวันก็นับเป็นเรื่องที่ดี
และการซื้อดอกไม้ไปมอบให้กับคนรักในช่วงเทศกาลตรุษจีนก็ถือเป็นการอวยพรที่ดีเช่นกัน
เมื่อเห็นว่ากิจการของสวนดอกไม้เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ เลขาหวังก็อดชื่นชมไม่ได้ นับว่าลู่ฉิวเยว่คนนี้มีความสามารถจริง ๆ นอกจากเก่งเรื่องการทำอาหารแล้ว ยังมีหัวด้านการตลาดอีกด้วย
เขาพูดว่า “ทำไมคุณลู่ถึงเก่งขนาดนี้ครับ?” ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้านายของเขาจะชอบเธอ ชอบถึงขั้นไปแอบดูในทุก ๆ วัน ถ้าฉินซือไม่ได้มีหน้าตาหล่อเหลา ก็คงถูกมองว่าเป็นไอ้โรคจิตคอยถ้ำมองไปแล้ว
“ชมกันมากไปแล้ว” ฉินซือยิ้มมุมปาก ทำเหมือนเลขาหวังชมตัวเอง
ความร่วมมือระหว่างร้านโร่วเจียโม๋ของลู่ฉิวเยว่กับสวนดอกไม้ประสบความสำเร็จ เธอมีความสุขมาก เธอจึงตัดสินใจเฉลิมฉลองและให้ของรางวัลแก่ผู้ที่มาช่วยงานในร้านของเธอ
เมื่อไม่กี่วันก่อน ร้านใหม่ของเธอได้รับการปรับปรุงเสร็จสิ้น ลู่ฉิวเยว่ยิ่งมีความสุขมากกว่าเดิมหลายเท่า เธอตัดสินใจจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำในลานหลังร้านใหม่ ที่นั่นมีพื้นที่กว้าง สามารถรองรับผู้คนได้เป็นจำนวนมาก
โต๊ะอาหารถูกจัดวางอย่างอบอุ่น
ลู่ฉิวเยว่เลิกงานตั้งแต่ตอนบ่ายและแขวนป้าย ‘ร้านปิด’ ไว้ที่หน้าประตู
“ฉินซือมาแล้ว”
ลู่ฉิวเยว่กำลังทำอาหารอยู่ในครัว แม่ของเธอจึงทำหน้าที่ออกไปต้อนรับแขก หญิงสาวรีบหันหน้าไปมอง
บางทีอาจเป็นเพราะบรรยากาศที่อบอุ่น และชายหนุ่มที่ถอดเสื้อโคตออกเผยให้เห็นถึงเสื้อสเวตเตอร์สีขาวสบาย ๆ ด้านใน ฉินซือจึงดูแตกต่างจากภาพลักษณ์ก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
เขาดูเป็นมิตรมากขึ้น
ลู่ฉิวเยว่มองเขาอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
คืนนี้ เธอตั้งใจจะทำเกาเหลาเนื้อตุ๋น เนื้อวัวสดใหม่ถูกนำลงไปต้มและตักฟองทิ้งเป็นระยะ เพิ่มผักและสมุนไพรหลายชนิดลงไป หญิงสาวไม่ลืมหั่นมันฝรั่งใส่ลงไปต้มพร้อมกัน เพราะมันฝรั่งจะคอยดูดน้ำที่ไหลออกมาจากเนื้อวัว ทำให้เวลารับประทาน มีรสชาติอร่อยมากขึ้น
และน้ำเกาเหลาก็ยังต้มจากน้ำพุแห่งจิตวิญญาณ ลู่ฉิวเยว่มักจะเอาน้ำพุแห่งจิตวิญญาณมาใส่อาหารเวลารับประทานกันเองที่บ้านเสมอ อาหารที่เธอทำจึงมีความอร่อยเพิ่มมากขึ้นทวีคูณ
และยังทำให้ผู้ที่รับประทานมีร่างกายแข็งแรงมากขึ้นอีกด้วย ถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว
กลิ่นหอมของเนื้อตุ๋นลอยไปในอากาศ ทุกคนที่รวมตัวกันอยู่ในลานด้านหลังร้านอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ หัวใจของพวกเขาลอยไปอยู่ในห้องครัวกันหมดแล้ว
พวกเขาแทบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังพูดคุยอะไรกันอยู่
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
ผู้คนส่งเสียงหัวเราะ
เด็กหนุ่มผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องลู่ฉิวเยว่หน้าแดงก่ำ เขารีบลุกขึ้นยืนและวิ่งหนีไป “ผมไปช่วยพี่ทำอาหารดีกว่า”
ไปช่วยทำอาหารงั้นหรือ?
ฉินซือเลิกคิ้วขึ้นสูง พ่อของเขาตอนอยู่บ้านก็ชอบทำอาหารเหมือนกัน แม่ของเขามีหน้าที่เป็นลูกมือคอยส่งเครื่องปรุงและคอยหั่นหัวหอมอะไรทำนองนั้น
เป็นภาพที่อบอุ่นเหลือเกิน
อืม… สงสัยเขาคงต้องไปขอให้แม่ช่วยสอนงานในครัวสักหน่อยแล้วสิ
“คุณคิดอะไรอยู่เนี่ย? อาหารค่ำพร้อมแล้วนะ” ลู่ฉิวเยว่มาถึงที่โต๊ะพร้อมกับเมนูสุดท้าย ทุกคนนั่งที่โต๊ะกันเกือบหมดแล้ว มีเพียงฉินซือคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่มุมลาน
เธอยิ้มและโบกมือให้เขา
ตอนนั้นเอง ฉินซือจึงกลับมาได้สติ เขายิ้มตอบกลับไปว่า “ไม่มีอะไรหรอก”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าและนั่งลง
ตอนนั้นเอง ฉินซือถึงได้รู้ว่าที่โต๊ะอาหารเก้าอี้ถูุกจองเต็มไปเกือบหมดแล้ว มีเก้าอี้ว่างแค่ 2 ตัวเท่านั้น และเก้าอี้ทั้ง 2 ตัวนั้นก็อยู่ห่างจากลู่ฉิวเยว่มากเหลือเกิน