สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 31 มีฝิ่นอยู่ในร้าน
บทที่ 31 มีฝิ่นอยู่ในร้าน
บทที่ 31 มีฝิ่นอยู่ในร้าน
มีเฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นที่ไม่เหมาะกับร้านขนาดเล็ก จนลู่ฉิวเยว่ต้องตั้งพวกมันไว้ข้างนอก
เมื่อคืนนี้ลู่ฉิวเยว่โทรไปหาม่อหยาง ขอให้เขามาดูเฟอร์นิเจอร์พวกนี้
ม่อหยางตอบรับโดยไม่ลังเล
เช้าวันต่อมา ม่อหยางก็มาตรวจสอบ พวกมันเป็นไม้จันทร์จริง ๆ ชายหนุ่มยินดีซื้อเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ด้วยราคาเหมา 1,000 หยวน
ลู่ฉิวเยว่ทำเงินก้อนใหญ่ได้อย่างง่ายดาย เธอจึงรีบเอาไปฝากไว้ในธนาคาร
วันนั้นลู่ฉิวเยว่ยุ่งมาก ฉินซือเข้ามาบอกว่าเขาพบร้านฝั่งตรงข้ามทางเข้าตลาดกำลังเปิดขายอยู่ ร้านนั้นมีคุณสมบัติตามที่เธอต้องการ มีพื้นที่กว้างกว่าเก่าและมีห้องสำหรับใช้พักอาศัย
ลู่ฉิวเยว่เข้าใจดีว่าจะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปไม่ได้เด็ดขาด จึงตัดสินใจไปดูโดยทันที
เมื่อพวกเขาไปที่ร้านแห่งนั้น ข้าวของเครื่องใช้ภายในร้านก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไปหมดแล้ว ในร้านแทบไม่เหลืออะไรเลย
ไม่มีขยะ มีแต่เศษฝุ่นที่จับตัวหนาบนพื้นไม้
หญิงคนหนึ่งใส่ชุดกี่เพ้ารัดรูปยืนอยู่ตรงตำแหน่งเดียวที่สะอาดที่สุดภายในบ้าน เธอดูมีเสน่ห์อย่างประหลาด อายุประมาณ 40-50 ปี
ลู่ฉิวเยว่ยืนอยู่หน้าประตู เธอเคาะประตูเบา ๆ และยิ้มอย่างสุภาพ “เถ้าแก่เนี้ย ได้ยินว่าจะขายร้านนี้ใช่ไหมคะ?”
“อ้อ ใช่แล้ว!” หญิงคนนั้นหันหน้ามา เผยให้เห็นใบหน้าเต็ม ๆ เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ลองเข้ามาดูก่อนสิ”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าและเดินเข้าไปสำรวจภายในร้านอย่างจริงจัง
ร้านหันหน้าเข้าหาทิศเหนือ มีหน้าต่างบานใหญ่ ตัวอาคารได้รับแสงแดดในตอนกลางวัน กำแพงเป็นสีขาว ดูเหมือนจะผ่านการใช้งานมาหลายปีแล้ว แต่ไม่มีคราบดำหรือความสกปรกปรากฏให้เห็นเลย
ลู่ฉิวเยว่ตรวจสอบรายละเอียดอีกหลายอย่าง ก่อนจะพยักหน้ากับหญิงผู้เป็นเจ้าของร้าน “เถ้าแก่เนี้ยต้องการเท่าไหร่คะ?”
“4,000 หยวน”หญิงเจ้าของร้านชูนิ้วขึ้นมา 4 นิ้ว
4,000 หยวน?
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิวขึ้นสูง ก่อนจะพูดยิ้ม ๆ ว่า “เถ้าแก่เนี้ยล้อเล่นหรือเปล่า? ไม่ว่าจะมองยังไง ร้านของคุณก็ไม่น่าจะถึง 4,000 หยวนเลย”
“ทำไมจะไม่ถึง” เถ้าแก่เนี้ยขมวดคิ้ว เธอชี้ไปที่กำแพงและพูดว่า “ดูในร้านเราซะก่อน วัสดุที่นำมาใช้ก่อสร้างเป็นของชั้นดีมีคุณภาพสูง หน้าร้านเรามีพื้นที่กว้างถึง 200 ตารางเมตร แล้วก็ยังมีชั้น 2 อีกด้วย คุณจะไปหาร้านดี ๆ แบบนี้ได้จากที่ไหนอีก!”
ลู่ฉิวเยว่ตอบกลับไปอย่างเย็นชาว่า “ทำเลดีแต่ก็ไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองนะคะ ทำไมถึงขายตั้ง 4,000 หยวนล่ะคะ? ราคาขนาดนี้ ฉันไปซื้อร้านเล็ก ๆ ในตัวเมืองได้เลยด้วยซ้ำ! อีกอย่าง วัสดุของคุณก็ไม่ได้มีคุณภาพดีอย่างที่พูด เมื่อกี้ฉันเดินเหยียบริมประตู ไม้กระดานผุแล้ว อีกไม่กี่ปีคงต้องรื้อเปลี่ยนใหม่ แล้วก็ยังมีเรื่องท่อน้ำ…”
ลู่ฉิวเยว่ยื่นคำขาดว่าเธอยินดีจ่ายแค่ 2,500 หยวนเท่านั้น เธอจะไม่จ่ายมากไปกว่านี้อีกแม้แต่หยวนเดียว
ลู่ฉิวเยว่ปฏิเสธการต่อรองราคาด้วยเหตุผลหลายอย่าง จนในที่สุดหญิงเจ้าของร้านก็ต้องยอมกัดฟันขายให้เธอด้วยความจำใจ
ร้านค้ากึ่งบ้านพักอาศัยหลังนี้ประกาศขายมาเดือนกว่าแล้ว มีคนมาดูไม่มากนัก หญิงเจ้าของร้านเป็นต้องใช้เงิน เธอจึงต้องขายให้ลู่ฉิวเยว่ในที่สุด
เพราะเธอไม่รู้เลยว่าถ้าปล่อยให้ลูกค้าคนนี้หลุดมือไป เธอจะต้องรออีกนานแค่ไหนกว่าจะมีลูกค้าคนใหม่เข้ามาดู และร้านนี้ก็ไม่ได้มีมูลค่าถึง 4,000 หยวนจริง ๆ เธอแค่ตั้งราคาเอาไว้เผื่อโชคดีเท่านั้น
ขายได้ 2,500 หยวนก็ไม่ได้ถือว่าย่ำแย่อะไร
ลู่ฉิวเยว่เซ็นสัญญา จ่ายเงิน และโอนชื่อร้านอย่างรวดเร็ว
นี่คือบ้านหลังแรกที่เป็นของเธอเองในชาตินี้ ลู่ฉิวเยว่ไม่จำเป็นต้องทนอยู่ในร้านเล็ก ๆ นั่นอีกต่อไปแล้ว
วันต่อมา เธอวางแผนปรับปรุงอาคารใหม่ เธอจ้างคนงานมาเริ่มต้นปรับปรุงอาคารทันที
อาจเป็นเพราะว่าทางเดินมีขนาดใหญ่มาก ในช่วงการปรับปรุงอาคารจึงมีคนสนใจเป็นจำนวนมาก เพียงไม่กี่วัน พวกเขาก็ทราบกันแล้วว่าจะมีร้านอาหารเปิดใหม่ที่นี่
บางครั้ง ลู่ฉิวเยว่ได้ยินลูกค้าพูดคุยกันด้วยความสงสัยระหว่างที่อยู่ในร้านของตนเอง
“ได้ข่าวไหม? ร้านติ่มซำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทางเข้าตลาดมีคนซื้อไปแล้วนะ เห็นว่าเจ้าของใหม่จะเอาไปทำเป็นร้านอาหาร”
“จริงเหรอ? ให้ตายเถอะ ธุรกิจของพวกเราแย่แน่” ชายคนหนึ่งยื่นมือมารับโร่วเจียโม๋จากแม่ของลู่ฉิวเยว่พร้อมกับหันไปคุยกับเพื่อนของตนเอง
“ไม่รู้เลยว่าจะรวยขนาดนี้ ร้านใหญ่ขนาดนี้ ราคาแพงแน่ ๆ”
เมื่อได้ยินบทสนทนา มือที่กำลังหั่นเนื้อก็หยุดชะงักลงทันที ลู่ฉิวเยว่หันหน้าไปแล้วจามออกมา
นี่… มีคนกำลังนินทาเธออยู่ใช่ไหมนะ?
“ใช่ไหมล่ะ? ต้องเป็นพวกคนรวยเงินถุงเงินถังแน่ ๆ”
ทันใดนั้น มีเสียงหัวเราะดังขึ้น ลู่ฉิวเยว่หันกลับไปมองด้วยความรวดเร็ว
นั่นเป็นเสียงหัวเราะของลู่เจี๋ยหรง
ลู่เจี๋ยหรงยกนิ้วมือป้องปากหัวเราะคิกคัก เธอหัวเราะจนไหล่สั่น ก่อนพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ลู่ฉิวเยว่ กำลังจะมีร้านใหญ่มาเปิดแล้ว แล้วร้านเล็ก ๆ ของเธอจะไปแข่งกับเขาได้ยังไง? อีกไม่นานร้านเธอก็คงจะเจ๊งแล้วสินะ”
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูง ก้มหน้าต่ำ พยายามใช้กระดาษห่อเค้กข้าวไม่พูดอะไร
ลู่เจี๋ยหรงคิดว่าเธอทำให้อีกฝ่ายเสียใจได้สำเร็จจึงยิ่งรู้สึกดีใจมากขึ้น
เธอโกรธแค้นมานานมากแล้ว เธอรอไม่ไหวที่จะได้เห็นร้านของลู่ฉิวเยว่เจ๊ง แล้วลู่ฉิวเยว่ก็จะต้องกลับไปเป็นชาวสวนในหมู่บ้านเยว่เหลียงเหมือนเดิม!
“ไปให้พ้น! อย่ามาขวางทางสิ คนจะซื้อโร่วเจียโม๋!”
มีคนทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของลู่เจี๋ยหรงจึงผลักเธอออกไป ส่งผลให้ลู่เจี๋ยหรงโกรธแค้นจนตัวสั่น เธอยกมือชี้หน้าคนคนนั้นและตะโกนว่า “กินเข้าไปเถอะ กินเข้าไป กินให้ตายไปเลย อีกหน่อยพวกแกก็จะไม่ได้กินแล้ว… ฮึ่ย!”
เมื่อเห็นผู้ชายคนนั้นพับแขนเสื้อขึ้นและเดินเข้ามาหาอย่างน่ากลัว ลู่เจี๋ยหรงก็ตื่นตกใจและตะโกนสาปแช่งออกมาทันที
เธอแน่ใจแล้วว่าลูกค้าของลู่ฉิวเยว่ก็เป็นพวกตัวร้ายเหมือนลู่ฉิวเยว่นั่นแหละ!
ลู่ฉิวเยว่จ้องมองไปที่ลู่เจี๋ยหรงด้วยความเย็นชา เธอหยิบโร่วเจียโม๋ชิ้นหนึ่งส่งไปให้พร้อมกับยิ้มกว้าง “ขอบใจที่ช่วยสนับสนุนลูกค้านะ พี่สาว นี่โร่วเจียโม๋ของเธอ”
“เฮ้อ เวรกรรมแท้ ๆ ทำไมเธอถึงต้องมีพี่สาวแบบนี้ด้วยนะ” หญิงคนหนึ่งที่ยืนต่อแถวเพื่อรอซื้อโร่วเจียโม๋ถึงกับส่ายหัวด้วยความเวทนา
ถ้าเธอมีญาติพี่น้องเป็นแบบนี้บ้าง มีหวังคงได้บ้าตายกันพอดี
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
แต่ปัญหาเกิดขึ้นไม่รู้จบ ยังไม่ทันจะเข้าช่วงบ่าย ลูกพี่ลูกน้องของเธอที่ไปช่วยพ่อเธอควบคุมการปรับปรุงร้านใหม่ก็รีบวิ่งกลับมาด้วยความตื่นตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น?”ลู่ฉิวเยว่ถามด้วยความตกใจเช่นกัน
หวังเซวียนเซวียนหอบหายใจ ต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะพูดได้ว่า “ตรงนั้นครับ… มีตำรวจมากันเต็มเลย ตำรวจบอกว่ามีคนไปแจ้งว่ามีฝิ่นอยู่ในร้านใหม่ของพวกเรา!”
มีฝิ่นอยู่ในร้านใหม่ที่ยังไม่ได้เปิดเนี่ยนะ?
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว นี่คือเรื่องใหญ่ เธออาจติดคุกได้เลย
แล้วจะไปมีฝิ่นอยู่ในร้านใหม่ของเธอได้อย่างไร?
“เดี๋ยวฉันไปดูก่อน ฝากดูแลลูกค้าที่ร้านด้วยนะ” หญิงสาวพยักหน้าให้ ถอดผ้ากันเปื้อนออก และรีบเดินตรงไปที่ร้านใหม่ของตนเอง
เมื่อลู่ฉิวเยว่ไปถึงที่นั่น พื้นที่โดยรอบก็ถูกปิดตาย มีนายตำรวจหลายคนยืนเฝ้าประตู ไม่มีคนงานก่อสร้างให้เห็น พวกเขาคงถูกพาตัวไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจกันหมดแล้ว
มีชาวบ้านมามุงดูอยู่เป็นจำนวนมาก ผู้คนที่อยู่ตามอาคารบ้านเรือนโดยรอบก็ออกมายืนดูด้วยความสนใจ
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว เธอเดินฝ่ากลุ่มคนมุงเข้าไปพูดกับนายตำรวจคนหนึ่งที่พอจะรู้จักกันอยู่ว่า “พี่ชาย พ่อฉันอยู่ที่ไหน? ร้านนี้เป็นร้านของฉันเอง มีอะไรก็บอกฉันมาได้เลย”
นายตำรวจคนนี้เป็นคนที่ช่วยเธอจับกุมลู่เจี๋ยหรงมาแล้วหลายครั้ง เขาประทับใจในตัวลู่ฉิวเยว่มาก “เธอมาก็ดีแล้ว ตามพวกเราไปที่โรงพักก่อนเถอะ”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าและขึ้นรถตำรวจไป เธอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี