สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 24 เทศกาลไหว้พระจันทร์
บทที่ 24 เทศกาลไหว้พระจันทร์
บทที่ 24 เทศกาลไหว้พระจันทร์
เฉินซุนเหยียนตระหนักได้ทันทีและรีบวิ่งออกไปข้างนอก “ใช่แล้ว ขอโทษ ฉันจะไปขอโทษลู่ฉิวเยว่”
ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดครึ้ม ในร้านโร่วเจียโม๋ของตระกูลลู่ พ่อของหญิงสาวกำลังเก็บชามและตะเกียบอย่างคล่องแคล่ว เตรียมตัวกลับบ้าน
“ลู่ฉิวเยว่”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ลู่ฉิวเยว่ก็ขมวดคิ้ว “เฉินซุนเหยียน คุณกลับมาทำไมอีก”
“ฉัน…” หญิงร่างอ้วนบิดตัวและเอ่ยปากว่า “ฉันขอโทษ คนที่มาก่อกวนที่ร้านวันนี้คือหลานชายของฉัน ฉันเป็นคนจ้างเขามาเอง เธอยกโทษให้ฉันเถอะนะ”
“แกยังกล้ามาที่นี่อีกนะ!” แม่ของลู่ฉิวเยว่วิ่งเข้ามาอย่างโกรธแค้น เธอเกลียดชังจนถึงขั้นตบเฉินซุนเหยียนไปฉาดใหญ่
เฉินซุนเหยียนถูกตบโดยหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง ความโกรธในใจของเธอก่อตัวขึ้นทันที เธออยากตอบโต้อีกฝ่ายกลับไป แต่จู่ ๆ ในหัวของเธอกลับนึกถึงคำพูดของหลี่เต๋อกุ้ยขึ้นมา
ถ้าเธอทำให้ลู่ฉิวเยว่ยอมยกโทษให้ไม่ได้ เธอก็ต้องติดคุก และเขาก็ต้องตกงาน
เฉินซุนเหยียนกัดฟัน พยายามกล้ำกลืนความโกรธแค้นลงไป เธอกัดฟันและโค้งคำนับด้วยความจำเป็น “ขอให้พวกคุณยกโทษให้ฉันเถอะ ฉันรู้ตัวแล้วว่าฉันผิดจริง ๆ”
“เหอะ! มารู้ตัวเอาป่านนี้ก็สายเกินไปแล้ว!” ลู่ฉิวเยว่กลอกตา ก่อนจะหยิบไม้กวาดที่มุมกำแพงมาไล่เธอออกไป “ไปให้พ้น!”
“แก!” เฉินซุนเหยียนกัดฟัน เธอไม่เคยโกรธแค้นถึงขนาดนี้มาก่อน
สักพักสองแม่ลูกก็แอบชะโงกหน้าออกมาดู
“ไปแล้ว!” แม่หันกลับไปพูดกับลู่ฉิวเยว่
“ค่ะ” ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า เฉินซุนเหยียนคนนี้หยิ่งผยองและยโสโอหังเป็นอย่างยิ่ง หล่อนจะขอโทษจากใจจริงได้อย่างไร
แค่วิ่งมาขอโทษเพราะกลัวติดคุกเท่านั้นแหละ
“งั้นพวกเรากลับบ้านกันเถอะค่ะ” คนเลวแบบนี้ไม่สมควรได้รับความสนใจจากพวกเธออีกต่อไป
บ้านตระกูลหลี่
หลี่เต๋อกุ้ยเห็นเฉินซุนเหยียนกลับมาแล้ว เขาพูดอย่างใจจดใจจ่อ “เป็นยังไงบ้าง ลู่ฉิวเยว่ให้อภัยคุณหรือเปล่า”
“ไม่!” เฉินซุนเหยียนกัดฟัน “ผู้หญิงคนนั้น เธอ…”
เพียะ!
เฉินซุนเหยียนเงยหน้าขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ เธอแสบไปทั้งใบหน้าและโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “หลี่เต๋อกุ้ย คุณกล้าตบฉันได้ยังไง?”
“แล้วทำไมผมถึงไม่กล้าตบคุณ คุณมันโง่ ถ้าเธอไม่ให้อภัย พวกเราจบเห่กันหมดแน่!” เขาโกรธจัด
ทำไมเขาถึงแต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้ตั้งแต่แรก วัน ๆ ไม่ทำอะไร มีแต่หาเรื่องให้วุ่นวายปวดหัวทั้งนั้น
“ไม่ได้ พรุ่งนี้คุณต้องไปขอโทษอีกที!”
“ฉันไม่ไป!” เฉินซุนเหยียนวิ่งหนีไปอย่างไม่เต็มใจ เธอจะไม่ยอมกลับไปตกอยู่ในสภาพนั้นอีกแน่
ลู่ฉิวเยว่ ยัยเด็กบ้านนอกนั่นจะต้องดูถูกเธออย่างแน่นอน
แม้ปากจะบอกว่าไม่ไป แต่วันรุ่งขึ้น เฉินซุนเหยียนก็มาถึงร้านของตระกูลลู่
“ลู่ฉิวเยว่” เฉินซุนเหยียนก้าวไปข้างหน้าอย่างกระฉับกระเฉง
ให้ตายเถอะ มาอีกแล้ว! ลู่ฉิวเยว่กลอกตา
หลายวันมานี้ เฉินซุนเหยียนมาที่นี่ทุกวัน บางวันถึงกับช่วยล้างจานเพื่อเอาใจพวกเธอ
“ก็ได้ คุณกลับไปเขียนเรียงความสำนึกผิดมาก็แล้วกัน ถ้าฉันอ่านดูแล้วพอใจก็จะถอนฟ้องให้” ลู่ฉิวเยว่โบกมือให้เธอรีบไปให้พ้น การที่มีเฉินซุนเหยียนคอยส่งเสียงอยู่ต่อหน้าเธอทั้งวันนั้นน่ารำคาญจริง ๆ
เธอวางแผนที่จะเก็บเงินไปเปิดร้านในที่ใหม่ แต่ตอนนี้ยังต้องใช้ร้านนี้ไปอีกสักพัก ลู่ฉิวเยว่จึงไม่สามารถมีปัญหากับเฉินซุนเหยียนได้เต็มที่
เฉินซุนเหยียนวิ่งกลับบ้านไปด้วยความดีใจ
อีกไม่นานก็จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว ในช่วงเทศกาลประจำปีเช่นนี้ ทุกคนจะไม่ออกมาซื้ออะไรกินอีก ลู่ฉิวเยว่จึงไม่ได้เปิดร้าน
ครอบครัวของคุณลุงต้องมาฉลองเทศกาลกับพวกเขาที่นี่ ได้ยินว่าฉินซือก็จะมาด้วย และเขาจะพาเพื่อนคนหนึ่งมาอีก บ้านเช่าไม่กว้างขวางพอ เธอจึงตั้งโต๊ะรับประทานอาหารเย็นในร้านแทน
“โอ๊ะ ไม่ได้เห็นฉิวเยว่มาสักพักแล้ว เธอสวยขึ้นเรื่อย ๆ เลย เหมือนนางฟ้าเลยนะเนี่ย” พอคุณลุงเดินเข้าประตูมาก็เข้ามากอดลู่ฉิวเยว่ด้วยความคิดถึง
แม่ของเธอหัวเราะขณะมองลูกสาวอย่างละเอียดสองสามรอบและพูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “ใช่จริง ๆ ด้วย”
เธออยู่กับลู่ฉิวเยว่ทุกวันแต่ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง วันนี้ฟังที่น้องสะใภ้พูด ก็รู้สึกว่าเป็นไปตามนั้น
ผิวของลูกสาวขาวละเอียดเหมือนไข่ต้มที่ปอกเปลือกแล้ว
ลู่ฉิวเยว่ได้ยินก็รู้สึกตลกขบขัน แม่ของเธอชมเธอได้อย่างไม่เกรงใจใครเลยจริง ๆ
ฉินซือเดินเข้ามาจากข้างนอก ข้างหลังยังมีคนตามมาอีก 1 คน
“ลู่ฉิวเยว่ พวกเราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” เขาพูดอย่างอบอุ่น คนที่อยู่ด้านข้างก็โผล่ออกมาจากข้างหลัง “นี่คือเพื่อนของผม ม่อหยาง”
ลู่ฉิวเยว่เงยหน้ามองผ่านไป ชายหนุ่มคนนั้นยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ ท่าทางเป็นคนตรงไปตรงมาและให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนคุณชายที่มาจากตระกูลใหญ่โตสักคนหนึ่ง
เธอยิ้มเล็กน้อย “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อลู่ฉิวเยว่”
ม่อหยางพยักหน้าด้วยรอยยิ้มบาง “สวัสดีครับ ผมมักจะได้ยินเพื่อนผมพูดถึงคุณเสมอ ในที่สุดก็ได้พบกับตัวจริงแล้ว สวยกว่าที่เพื่อนผมชมเอาไว้เยอะทีเดียว”
ลู่ฉิวเยว่มองไปที่ฉินซือ นี่เขาพูดถึงเธอบ่อย ๆ ด้วยเหรอ
ฉินซือมีท่าทางกระอักกระอ่วน เขาทำเป็นมองไม่เห็นสายตาของเธอ
ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะว่าความสนใจของเธออยู่ที่ม่อหยางต่างหาก
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเจอผู้ชายที่มีบุคลิกอบอุ่นอย่างนี้มาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเกิดความรู้สึกสนใจมากถึงขนาดนี้
ฉินซือเห็นว่าลู่ฉิวเยว่กำลังสนใจม่อหยางมากกว่า ในใจของเขาก็รู้สึกขมขื่นขึ้นมาทันที ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจ เขาไม่ควรพาไอ้หมอนี่มาด้วยเลย
ให้ตายเถอะ!
“วันนี้คุณแต่งตัวสวยจังเลยนะ”
เขาแกล้งทำเป็นก้าวออกมาข้างหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจและยืนขวางสายตาของลู่ฉิวเยว่ที่มองไปหาม่อหยาง
แต่งตัวสวย?
ลู่ฉิวเยว่มองลงไปที่เสื้อยืดสีขาวและกางเกงสีดำของตนเองด้วยความสงสัย นี่เป็นชุดที่เรียบง่ายมาก สาว ๆ ทั่วไปตามท้องถนนก็ใส่แบบนี้ เอาอะไรมาเรียกได้ว่าแต่งตัวสวย?
ทันใดนั้นฉินซือก็ตระหนักได้ว่าเขาพูดอะไรโง่ ๆ ออกไป เขารีบทำหน้าไร้อารมณ์ทันที
ม่อหยางเห็นเพื่อนมีท่าทางแบบนี้ครั้งแรก จึงเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว
เลขาหวังแอบปิดหน้าเงียบ ๆ คุณม่อนะคุณม่อ หัวเราะออกมาได้ยังไง ไม่เห็นเหรอว่าเจ้านายของเขาหน้าแดงไปหมดแล้ว
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะชวนคุยว่า “นั่งรอกันก่อนนะคะ อาหารยังไม่เสร็จ ต้องรออีกสักพัก ดื่มชากันก่อนเถอะค่ะ”
“เอ๊ะ?” สายตาของม่อหยางหยุดที่จุดหนึ่งกะทันหัน
เขาหยุดสายตาที่ห้องซึ่งประตูไม่ได้ปิดสนิท เผยให้เห็นมุมของเตียงขนาดใหญ่ที่แกะสลักด้วยไม้จันทน์
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้วแล้วถือโอกาสผลักประตูเปิด “คุณม่อสนใจเตียงนี้เหรอคะ”
มีคนรู้จักเตียงไม้จันทน์ด้วยเหรอเนี่ย?
สิ่งของที่อยู่ในห้องค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในสายตาของผู้คน มันเป็นเตียงไม้สีแดงอร่ามสวยงาม แกะสลักอย่างประณีต หากบอกว่าเตียงไม้นี้เป็นงานศิลปะก็คงไม่มีผู้ใดคัดค้าน
ม่อหยางรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงมาก เขาหันไปถามอย่างตื่นเต้นว่า “คุณขายเตียงนี้ไหม ไม่ว่าแพงแค่ไหนผมก็พร้อมจ่าย”
ฉินซือเห็นลู่ฉิวเยว่กับม่อหยางคุยกันอย่างมีความสุขเหมือนเพื่อนที่พลัดพรากจากกันหลายปี เขากัดฟันจนฟันเกือบหัก
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มเบา ๆ “ถ้าคุณอยากได้จริง ๆ ฉันจะขายให้คุณ 800 หยวนค่ะ”
เขาเป็นเพื่อนกับฉินซือ แสดงว่าต้องมีฐานะร่ำรวยอย่างแน่นอน
อีกอย่าง ตอนนี้เธอกำลังต้องการเงิน
800 หยวน?
แม่ของเธอตกใจมาก ไม่แปลกใจเลยที่ลู่ฉิวเยว่จะซื้อเตียงหลังนี้กลับมา
คนอื่น ๆ ก็แปลกใจเช่นกัน
ม่อหยางยิ้มอย่างสดใส “800 หยวนเหรอ คุณนี่มีสายตาแหลมคมจริง ๆ อีกหน่อยคุณคงได้เป็นนักธุรกิจอนาคตไกลแน่นอน”
ในเมื่อลู่ฉิวเยว่ซื้อมันกลับมาจากร้านขายเฟอร์นิเจอร์เก่าได้ เธอคนนี้ต้องรู้ราคาที่แท้จริงของเตียงหลังนี้แน่นอน
ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา
เขายิ้มเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ตกลง”
ลู่ฉิวเยว่รู้ตั้งแต่ซื้อเตียงหลังนี้มาแล้วว่ามันสามารถนำคุณค่ามหาศาลมาสู่เธอ และในตอนนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะเดาถูกจริง ๆ
ฉินซือเองก็ประหลาดใจกับการประเมินมูลค่าของลู่ฉิวเยว่ เตียงนี้ดีจริง ๆ เหมาะสมกับราคาประมาณ 800 หยวนที่สุด ไม่เพียงแต่ขายต่อให้ม่อหยางได้อย่างสมเหตุสมผลแล้ว ตัวเธอเองก็ทำเงินได้มากมายอีกด้วย
ต้องยอมรับเลยว่าเธอมีหัวทางธุรกิจจริง ๆ
ลู่ฉิวเยว่คำนวณเงินในมือ เธอมีเงินมากพอจนเกือบจะซื้อร้านได้แล้ว
เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและเฉินซุนเหยียนเมื่อครั้งที่แล้วคือสิ่งที่เตือนให้เธอรู้ว่าการเช่าร้านคนอื่นไม่ดีเท่ากับมีร้านเป็นของตัวเอง ทางที่ดีเธอควรซื้อร้านที่มีห้องเล็ก ๆ สำหรับพักอาศัย ครอบครัวของพวกเธอจะได้พักอาศัยตอนกลางคืนโดยไม่ต้องไปกลับให้เหนื่อยแรง
ลู่ฉิวเยว่ตัดสินใจได้ทันทีว่าจะซื้อร้านใหม่