สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 23 แผนการร้ายของเฉินซุนเหยียน
บทที่ 23 แผนการร้ายของเฉินซุนเหยียน
บทที่ 23 แผนการร้ายของเฉินซุนเหยียน
ในเวลาเดียวกันนี้ เฉินซุนเหยียนเปิดประตูห้องนั่งเล่นอย่างรีบร้อน ทำให้หลี่เต๋อกุ้ยที่นอนอยู่บนโซฟาตกใจ
“นี่ เกิดอะไรขึ้น?” เขาถามอย่างสงสัย
เฉินซุนเหยียนไม่สนใจเขา มัวแต่ค้นหาสัญญาของเธอ
“หึ ๆ! อยู่นี่เอง!”
เธออุทานและเปิดมันออกอย่างระมัดระวัง ก่อนจะตรวจสอบเนื้อหาในสัญญาอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก
“… หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติตามภาระผูกพันตามสัญญา จะต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนสามเท่าของค่าฉีกสัญญาของอีกฝ่าย?!”
สามเท่า… ลู่ฉิวเยว่ทำสัญญาเช่าหนึ่งปี ถ้าอย่างนั้นเธอต้องจ่ายเงินให้ลู่ฉิวเยว่มากกว่าสองพันหยวนไม่ใช่หรือ
“คุณคะ จะทำยังไงดีล่ะ” เฉินซุนเหยียนพูดอย่างหงุดหงิด
สองพันหยวน เธอจะหาเงินมากมายขนาดนั้นมาจ่ายได้อย่างไร
หลี่เต๋อกุ้ยเคยเรียนมัธยมปลาย เขายังคงมีความรู้ทางกฎหมายอยู่บ้าง หลังจากอ่านสัญญาอย่างจริงจัง เขาก็ได้แต่ส่ายหัว “ไม่มีทาง ถ้าไม่จ่ายค่าผิดสัญญาหรือให้เธอเช่าหนึ่งปี เราก็ทำอะไรไม่ได้เลย ผมบอกคุณนานแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่พวกอ่อนแอที่จะรังแกได้ง่าย ๆ คุณไม่เชื่อผมเลย”
“นังตัวดี คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเหลี่ยมจัดขนาดนี้ ฉันกับเธอไม่จบกันแค่นี้แน่!” เฉินซุนเหยียนเป็นคนหยิ่งผยองมาแต่ไหนแต่ไร เธอจะยอมให้ลู่ฉิวเยว่เอาชนะอยู่ฝ่ายเดียวได้อย่างไร หญิงร่างอ้วนคิดบางอย่างขึ้นได้
“คุณจะไปไหน”
เมื่อเห็นเฉินซุนเหยียนถือกระเป๋าหนังออกไปอีกครั้ง หลี่เต๋อกุ้ยก็ขมวดคิ้วและตะโกนอย่างไม่พอใจ
ภรรยาของเขาคนนี้เก่งแต่หาเรื่องไปวัน ๆ ถ้ามีปัญหาใหญ่ลุกลามมาถึงตัวเขาอีก เขาก็ไม่อยากเสียเวลาอยู่กับเธออีกต่อไปแล้ว
“ไปบ้านแม่”
น้ำเสียงของเธอมุ่งมั่นมาก
ในตอนเช้า ลู่ฉิวเยว่ยุ่งอยู่ในร้านเช่นเคย
“โครม!”
“เหวอ!”
เสียงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทำให้เธอตกใจ ลู่ฉิวเยว่หันไปมองด้วยความประหลาดใจ
โต๊ะที่มุมกำแพงถูกพลิกคว่ำ
“โร่วเจียโม๋อะไรกันเนี่ย มีแต่แมลงวันเต็มไปหมด คืนเงินมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ชายคนหนึ่งคายไม้จิ้มฟันในปากออกและตะโกนอย่างหยิ่งผยอง
“ร้านของเราถูกสุขอนามัยเสมอมา แม้แต่โต๊ะอาหารก็ขัดเป็นเงาอย่างดีเลยนะ จะมีแมลงวันได้ยังไง คุณมองผิดไปเองหรือเปล่า” พ่อของลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
เขาดูออกว่าอีกฝ่ายมีเจตนาก่อกวน
“บอกว่ามีก็มีสิวะ อยากมีเรื่องหรือไง” ชายฉกรรจ์อีกคนหนึ่งคว่ำโต๊ะ
จากนั้นคนอื่น ๆ ก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่รอช้า
ลูกค้าจำนวนมากกลัวจนไม่กล้ากินอีกและรีบหลบออกไป บางคนก็อยากมาช่วย แต่เนื่องจากกลุ่มชายฉกรรจ์มีจำนวนมากเกินไป จึงไม่กล้าก้าวออกมาข้างหน้า ได้แต่ยืนห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้วและกระซิบให้แม่ที่อยู่ข้าง ๆ ไปที่สถานีตำรวจ
“แล้วลูกทำยังไงล่ะ” แม่จับมือลู่ฉิวเยว่แน่นด้วยความกังวล
“แม่รีบไปเถอะ สถานีตำรวจอยู่ไม่ไกล ทางนี้หนูจัดการเองได้” ลู่ฉิวเยว่ชั่งน้ำหนักมีดทำครัวในมือและปลอบใจผู้ให้กำเนิด
แม่มีสีหน้ากังวล แต่สุดท้ายก็แอบย่องออกไป
มองดูก็รู้แล้วว่าเป็นพวกอันธพาล มีแต่ต้องตามตำรวจมาจัดการเท่านั้น
“ดูจากหน้าพวกคุณแล้ว เหมือนไม่เคยมากินอาหารร้านฉันเลยนะคะ” ลู่ฉิวเยว่หรี่ตาและตัดสินใจได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาหาเรื่อง
แล้วเหตุผลล่ะ
“พวกเราเคยมากินหรือไม่เคยมามันเกี่ยวอะไรด้วยวะ เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ถ้ายังไม่ยอมจ่ายเงินมา วันนี้พวกแกก็ไม่ต้องขาย!” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งเตะเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ อย่างหยิ่งผยอง เขาประกาศชัดว่าวันนี้ต้องมีเรื่องกันแน่นอน
“น้องสาว ตัวก็เล็ก ผิวก็ขาว หน้าตาไม่เลวเลยนะ” ชายฉกรรจ์หน้าตาหื่นกามจ้องมองใบหน้าของลู่ฉิวเยว่อย่างหื่นกระหาย เขาทำท่าจะเอื้อมมือเข้ามาหาเธอ
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกเย็นวูบ
“ไปให้พ้น!” พ่อของเธอโกรธมากและถือไม้เท้าไว้ในมือแน่น ไม่รู้ว่ามืออีกข้างคว้ามีดปอกผลไม้มาจากไหน
ในขณะเดียวกัน ลู่ฉิวเยว่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พ่อก็คว้ามีดหั่นเนื้อบนโต๊ะ พลางเล็งปลายมีดไปที่คนเหล่านั้น “ทำไม ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม กล้ามาก่อกวนถึงในร้านของฉัน คงอยากตายกันมากเลยสินะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น พวกอันธพาลหลายคนก็ตกตะลึง
น้ำเสียงนี้ฟังดูน่ากลัวกว่าพวกเขาเสียอีก
ระหว่างที่จ้องมีดในมือของลู่ฉิวเยว่ หัวหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์รู้สึกหนาวสั่นที่ลำคอ แต่ก็ยังทำเป็นอวดเก่งอยู่ดีว่า “แก่ขนาดนี้ยังจะมีปัญญาทำอะไรได้อีกวะ เก่งจริงก็เข้ามาเลยสิ!”
ควับ! ปึก-
ลู่ฉิวเยว่ฟันมีดหั่นเนื้อลงไปที่โต๊ะข้างหน้าพวกเขาอย่างแรงจนโต๊ะเกือบทะลุ “ให้ฉันลองฟันพวกแกดูไหม? ใครจะเสนอหน้าออกมาเป็นคนแรก เชิญออกมาได้เลย”
กลุ่มชายฉกรรจ์แสดงความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ลู่ฉิวเยว่แอบหัวเราะ นี่เธอยังไม่ได้เอาจริงเลยนะ แค่นี้ก็กลัวแล้วเหรอ
เจ้าพวกนี้ยังเด็กเกินไปเมื่อเทียบกับพวกอันธพาลที่เธอเคยเจอมาก่อน พวกเขาแทบไม่สามารถข่มขู่เธอได้เลย
กลุ่มชายฉกรรจ์ตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาแค่ต้องการทำให้เธอกลัวจนต้องยอมจ่ายเงินคืน แต่ไม่ได้คิดว่าจะทำให้ชีวิตของตนเองตกอยู่ในอันตราย
ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงเหมือนนักเลงตัวจริงเลยนะ
เห็นหน้าตาใส ๆ ใครจะรู้ว่าบทจะโหดขึ้นมาก็น่ากลัวขนาดนี้
“ใจเย็น ๆ ก่อนเถอะครับ… คุณผู้หญิง วางมีดลงก่อน พวกเราเป็นพวกเดียวกันนะ…” ชายร่างใหญ่ที่เป็นผู้นำกลุ่มรีบกลืนน้ำลายและจ้องมองมีดในมือหญิงสาวเล่มนั้นด้วยความกลัวว่าเธอจะพลาดฟันพวกเขาขึ้นมาจริง ๆ
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเย็นชาและเดินเข้าไปใกล้ “ถ้าฉันวางมีดลงแล้วจะฟันคนได้ยังไง หรือว่าเริ่มจากแกก่อนเลยดีไหม”
เธอเล็งไปที่ชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มและแทงมีดเข้าไป
ชายตัวใหญ่ขาอ่อนจนเกือบทรุด
ในขณะนี้ ตำรวจมาถึงอย่างรวดเร็ว
“ขอโทษจริง ๆ นะคะ ต้องรบกวนพวกคุณตลอดเลย!” ลู่ฉิวเยว่บอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง กิริยาวาจาที่อ่อนหวานนั้นแตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
กลุ่มชายฉกรรจ์ตกตะลึง
เหมือนเห็นหญิงสาวคนละคน
“ไม่ต้องเกรงใจครับ เป็นหน้าที่ของเราที่จะรับใช้ประชาชนอยู่แล้ว คุณผู้หญิงวางใจได้ครับ เราจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน” นายตำรวจปลอบโยนด้วยเสียงอบอุ่น
เมื่อเห็นตำรวจจากไป จู่ ๆ พ่อของหญิงสาวก็มีอาการขาอ่อน เขานั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้
ชายชราตาแดง ไม่มีใครรู้ว่าเขากลัวแค่ไหนตอนที่เห็นลู่ฉิวเยว่หยิบมีดขึ้นมา
เขาคิดไว้หมดแล้วว่าถ้าเธอพลาดฆ่าคนตายขึ้นมาจริง ๆ ตนเองจะยอมติดคุกแทน
“พ่อคะ หนูแค่ขู่พวกมันเฉย ๆ” เมื่อเห็นบิดามีท่าทางแบบนี้ ลู่ฉิวเยว่จึงต้องส่งเสียงปลอบประโลม
แม่ของเธอก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ข้าง ๆ
“ไม่เป็นไรนะคะ ไม่เป็นไรแล้ว” ลู่ฉิวเยว่ทำอะไรไม่ถูก เธอกอดทั้งสองคนไว้แน่นเพื่อปลอบประโลม
เธอไม่กลัว แต่พ่อแม่ของเธอกลัวมาก
เช่นเดียวกับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่พอมาถึงโรงพักก็กลัวจนตัวสั่น ไม่ว่าตำรวจจะถามอะไรก็รีบสารภาพออกมาอย่างรวดเร็ว
ปรากฏว่าหนึ่งในพวกอันธพาลเป็นหลานชายของเฉินซุนเหยียน ผู้หญิงคนนั้นใช้เงินจ้างพวกเขามาขู่ลู่ฉิวเยว่
ครอบครัวหลี่กระวนกระวายขึ้นมาทันที
หลี่เต๋อกุ้ยจ้องผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างดุร้าย “ผมบอกแล้วไงว่าไม่ให้คุณไปยุ่งกับลู่ฉิวเยว่ ตอนนี้เป็นไงล่ะ ถ้าเรื่องนี้ตกลงกันไม่ได้ ผมคงได้ตกงานแน่”
เขาเป็นข้าราชการประจำอำเภอ ถ้าเรื่องนี้เกี่ยวโยงมาถึงเขา เขาคงจะต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งในอีกไม่กี่วัน
มีคนจำนวนมากต้องการแย่งชิงตำแหน่งของเขา แล้วภรรยาของเขาก็ยังสร้างเรื่องขึ้นมาอีก
ลู่ฉิวเยว่ฟ้องเธอและตอนนี้หมายศาลก็ถูกส่งมาถึงที่บ้านแล้ว
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ…” เฉินซุนเหยียนรู้ว่าครั้งนี้ตัวเองสร้างปัญหาใหญ่ จึงไม่กล้าโต้แย้งและพูดอย่างอ่อนแอ
เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าลู่ฉิวเยว่จะไปฟ้องศาลจริง ๆ เธอแค่ต้องการทำให้ลู่ฉิวเยว่กลัวและย้ายออกไปเท่านั้น
อีกอย่าง ลู่ฉิวเยว่เป็นแค่เด็กสาวบ้านนอกคนหนึ่ง เธอจะมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวอย่างนี้ได้อย่างไร?
ถึงกับฟ้องร้องดำเนินคดีกันเชียวหรือ? ช่างร้ายกาจจริง ๆ
“คุณคะ ทำยังไงดี ฉันไม่อยากถูกตำรวจจับ” เฉินซุนเหยียนกอดหลี่เต๋อกุ้ยไว้ขณะร้องไห้อย่างน่าเวทนา “คุณรู้จักคนเยอะนี่นา ช่วยฉันหน่อยสิ ฉันไม่อยากติดคุก…”
ตำรวจคงมาหาเธอที่บ้านอย่างแน่นอน
“หุบปาก! ถ้าเธอกลัวก็ไม่ควรทำเรื่องแบบนี้ตั้งแต่แรกสิ!” หลี่เต๋อกุ้ยด่าอย่างดุร้าย “ตอนนี้คุณไปขอโทษลู่ฉิวเยว่ก่อน ตราบใดที่เธอให้อภัยคุณ เรื่องนี้ก็จะจบลงด้วยดี”