สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 198 พ่อแม่ของฉินซือต้องการสงบศึก
บทที่ 198 พ่อแม่ของฉินซือต้องการสงบศึก
เมื่อเห็นผู้อาวุโสทั้งสองท่านโกรธแค้นเดือดดาล ลู่ฉิวเยว่ก็รีบรินน้ำชาให้พวกท่านทันที “คุณลุงคุณป้าคะ อย่าโมโหเพราะเรื่องนี้เลยค่ะ ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ”
คุณแม่ฉินรับน้ำชาไปจิบ สุดท้ายก็ใจเย็นลง หันมามองลู่ฉิวเยว่พลางคิดที่จะพูดบางอย่าง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจไม่พูดออกมา
ลู่ฉิวเยว่กำลังหันกลับไปคุยกับฉินซือพอดี เธอจึงไม่ทันได้สังเกต
“ดึกแล้ว ฉันกลับก่อนดีกว่า เดี๋ยวพ่อแม่เป็นห่วง” เธอวางถ้วยน้ำชาในมือลงและลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุม
ฉินซือลุกขึ้นยืนเช่นกัน “เดี๋ยวผมไปส่ง”
พ่อแม่ของเขาเดินออกมาส่งที่หน้าประตู
“คุณลุงคุณป้ากลับเข้าข้างในเถอะค่ะ หนูไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ” เมื่อเห็นสีหน้าของสองผู้อาวุโส ลู่ฉิวเยว่ก็ทำได้เพียงยิ้มปลอบใจพวกท่าน และโบกมือลาพวกท่านระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ
คุณแม่ฉินพยักหน้า “ฉิวเยว่ก็กลับบ้านไปพักผ่อนนะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก”
ลู่ฉิวเยว่ตอบตกลงในขณะที่ฉินซือจัดการสตาร์ทเครื่องยนต์
เมื่อไปส่งหญิงสาวกลับถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว ฉินซือก็ขับรถกลับมาบ้านของตนเอง พ่อแม่ของเขายังคงนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น พวกท่านกำลังพูดคุยอะไรกันบางอย่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ฉินซือรินน้ำใส่แก้วให้แก่ตนเองและถามด้วยความสงสัยว่า “คุยอะไรกันอยู่ครับ?”
แม่เขาถอนหายใจกลับมา “แม่ไปเยี่ยมฉินเซียวมาเมื่อไม่กี่วันก่อน พี่แกท้องใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว แต่เธอก็ยังอยากเจอม่อป๋อซง พ่อกับแม่ไม่กล้าบอกความจริง กลัวว่าพี่แกจะทำใจไม่ได้”
“ม่อป๋อซงกลายเป็นคนแบบนี้ ตอนนี้เราอาจจะเก็บเป็นความลับได้ แต่อีกหน่อยความลับก็คงแตกอยู่ดี พ่อไม่รู้จะอธิบายกับพี่แกยังไง” คุณพ่อฉินยกมือนวดขมับด้วยความปวดหัวเล็กน้อย
“ม่อป๋อซงจะต้องชดใช้ที่มันกล้าทำเรื่องระยำแบบนี้ครับ ผมไม่ปล่อยมันเอาไว้แน่” ฉินซือพูดด้วยแววตาโกรธแค้น มือใหญ่ของเขาถือแก้วอย่างแรงจนเส้นเลือดปูด
พ่อแม่ของเขาก็รู้ดีเช่นกันว่าฉินซือคงไม่มีทางปล่อยให้ม่อป๋อซงลอยนวลอยู่แล้ว ดังนั้นพวกท่านจึงไม่ได้พูดอะไรอีก
ฉินซือก้มดูนาฬิกาข้อมือ พบว่าตอนนี้เป็นเวลา 22:00 น.แล้ว เขาจึงเก็บกุญแจรถบนโต๊ะและพูดว่า “เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจะจัดการเองครับ ตอนนี้ดึกแล้ว ผมจะขับรถไปส่งพ่อแม่เอง”
คุณพ่อฉินและภรรยาตอบตกลง เพียงไม่ช้าพวกเขาก็กลับมาถึงบ้าน ก่อนจะโทรไปหาฉินเซียว บอกว่าวันนี้ม่อป๋อซงติดงานสำคัญคงกลับบ้านไม่ได้
ฉินเซียวนึกว่าสามีของตนเองกลับมามีความสนิทสนมกับพ่อแม่ของเธอแล้ว ดังนั้น เธอจึงตอบรับอย่างมีความสุข แต่สีหน้าของคนเป็นแม่ที่โทรไปแจ้งข่าวดูเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
คืนนั้นคู่สามีภรรยานอนไม่หลับ พวกท่านไม่ได้ไปพบหน้าฉินเซียวหลายวันแล้ว ตอนนี้ม่อป๋อซงก็ไม่อยู่บ้าน คนท้องที่ต้องออกจากคุกมาอยู่บ้านตามลำพังคงใช้ชีวิตไม่สะดวกสบายสักเท่าไหร่ ด้วยเหตุนี้ เช้าวันต่อมาพวกท่านจึงนำอาหารบำรุงร่างกายไปเยี่ยมลูกสาวถึงที่บ้าน
“กินข้าวเช้าหรือยังเนี่ย?” คนเป็นแม่ถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าโต๊ะอาหารว่างเปล่าและไม่มีร่องรอยการทำอาหารในห้องครัว
ฉินเซียวยื่นศีรษะออกมาจากใต้ผ้าห่มแล้วตอบด้วยความเหนื่อยล้าว่า “หนูไม่หิวค่ะ หนูไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น”
“ลูกต้องกินนะ ถ้าไม่นึกถึงตัวเองก็นึกถึงเด็กในท้องบ้างสิ” คุณแม่ฉินดุและเดินเข้าครัวไปทำอาหาร คุณพ่อฉินจ้องมองลูกสาว เขาไม่มีอะไรจะพูดจึงเดินตามภรรยาเข้าไปในห้องครัว
เพียงไม่นาน โจ๊กหมูสองชามก็ถูกนำมาวางอยู่ตรงหน้าฉินเซียว
ฉินเซียวยังคงหมดอาลัยตายอยากในชีวิต เธอรับประทานโจ๊กหมูได้แค่สองคำเท่านั้นก่อนจะพูดออกมาด้วยความเบื่อหน่ายว่า “เมื่อไหร่ป๋อซงจะกลับมาคะ? หัวใจของหนูว่างเปล่าไปหมดเวลาเขาไม่อยู่บ้าน”
คุณแม่ฉินบ่นพึมพำอะไรบางอย่างก่อนจะส่ายศีรษะ “ลูกต้องรอไปก่อน เขาเดินทางไปทำธุระ อย่างน้อยก็ใช้เวลาอีกหลายวัน”
ฉินเซียววางชามโจ๊กลงบนโต๊ะ ทิ้งตัวลงนอน หมดอารมณ์รับประทานอาหาร
เมื่อเห็นสภาพของลูกสาวไม่ค่อยสู้ดี คนเป็นพ่อแม่จึงยิ่งวิตกกังวลมากขึ้น พวกเขาเดินทางไปที่บ้านของฉินซือ
“มาทำอะไรกันครับเนี่ย?” ฉินซือเปิดประตูกลับเข้ามาในบ้านและเห็นพ่อแม่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เขารีบเปลี่ยนรองเท้าและเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามทันที
“พ่อเพิ่งไปดูพี่แกมาก็เลยแวะกลับมาหาแกนี่แหละ” คุณพ่อฉินพูด
ฉินซือพยักหน้า “ฉินเซียวเป็นยังไงบ้างครับ?”
แม่ของเขาสั่นศีรษะ “เมื่อไม่กี่วันก่อนสภาพยังดีกว่านี้เลย เช้านี้สภาพไม่ไหว แม้แต่ข้าวเช้าก็ไม่ยอมกิน”
“เพื่อนผมส่งอาหารเสริมมาให้ แม่เอาไปให้พี่เขาเถอะ” ฉินซือถอนหายใจออกมา
“ฉินซือ” คนเป็นแม่มีแววตาลังเล สุดท้ายก็กลั้นใจถามออกมา “ครั้งนี้ช่วยปล่อยม่อป๋อซงไปก่อนได้ไหม? ลูกก็รู้ว่าพี่เขารักมันแค่ไหน ถ้าพี่แกรู้เรื่องนี้ อาจจะเกิดอันตรายกับเด็กในท้องก็ได้”
เมื่อเห็นว่าลูกชายทำหน้าแปลก ๆ คุณพ่อฉินก็รีบกล่าวเสริมว่า “อย่างน้อยก็ให้พวกเขาได้เจอกันหน่อยเถอะ”
“พูดแบบนี้ได้ยังไงกัน!” ฉินซือมองพ่อแม่ของตนเองด้วยความตกตะลึง พูดออกมาด้วยความโกรธจัด “พ่อกับแม่คิดว่าม่อป๋อซงมันจะยอมปล่อยลู่ฉิวเยว่ไปไหมครับถ้าไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น? แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลู่ฉิวเยว่ ใครจะรับผิดชอบ? ชีวิตของลูกสาวคนอื่นไม่สำคัญเท่ากับลูกสาวตัวเองหรือไงครับ?”
ชายหนุ่มไม่เคยคิดเลยว่าพ่อแม่ของเขาที่มักจะเป็นคนยุติธรรมต่อทุกเรื่องราวเสมอจะพูดเรื่องเช่นนี้ออกมาได้
แม่ของเขาเม้มริมฝีปาก จุกอกจนพูดอะไรไม่ออก
คุณพ่อฉินก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน สุดท้ายก็ต้องแยกย้ายกันด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียด
…
บ้านที่จะใช้เป็นเรือนหอของฉินซือกับลู่ฉิวเยว่ได้รับการตกแต่งอย่างรวดเร็ว มีการขนย้ายเฟอร์นิเจอร์เข้าไปพร้อมสำหรับอยู่อาศัย พิธีหมั้นควรเริ่มเตรียมการได้แล้ว แต่ฉินซือยังคงโกรธพ่อแม่อยู่ไม่หายแม้จะผ่านมาหลายวัน…
วันนี้เมื่อเขามารับประทานอาหารที่บ้านของลู่ฉิวเยว่ แม่ของเธอถามเขาเรื่องงานหมั้นอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี สุดท้ายก็ต้องหาเรื่องกลบเกลื่อนไปตามสถานการณ์
ฉินซือต้องการจะอธิบายเรื่องนี้ให้ลู่ฉิวเยว่ฟัง แต่เขาก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ซึ่งหลังจากลังเลอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็พูดไม่ออก
เมื่อรับประทานอาหารค่ำเสร็จ ลู่ฉิวเยว่ก็บอกพ่อแม่ว่าจะเดินออกมาส่งฉินซือ เธอเดินตามเขาออกไปนอกบ้าน
“คุณเป็นอะไรไป?” เธอตามเขาเข้าไปในรถและมองเขาด้วยความเป็นกังวล
ฉินซือลังเลเล็กน้อยแต่ก็พูดออกมาในที่สุดว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อน พ่อแม่ผมไปเยี่ยมฉินเซียว เธออาการไม่ค่อยดี พวกท่านก็เลยขอให้ผมช่วยปล่อยม่อป๋อซง ไม่เอาเรื่องเขาในครั้งนี้ นั่นแหละที่เป็นปัญหา”
ลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ตบหลังมือของเขาเบา ๆ เป็นการปลอบโยน “ก็ลูกสาวของพวกท่านนี่นา คุณจะให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่สนใจได้ยังไง อย่าโกรธพวกท่านเลยนะคะ เราเลื่อนงานหมั้นออกไปก่อนก็ได้”
“แต่ว่า” เธอขมวดคิ้ว “ครั้งนี้ม่อป๋อซงทำเกินไปจริง ๆ เขาต้องได้รับบทเรียนบ้าง ฉันไม่ยกโทษให้เขาแน่ ๆ”
ฉินซือมีสีหน้าเคร่งขรึมทันที “ผมจะทำให้มันต้องชดใช้อย่างแน่นอน”
เขาจับมือของลู่ฉิวเยว่ขึ้นมาแนบกับใบหน้าของตนเอง ในที่สุด อารมณ์ที่ขุ่นมัวมาตลอดหลายวันของชายหนุ่มก็เบาบางลง “คู่หมั้นผมน่ารักจังเลย”
“เลิกพูดได้แล้ว” ลู่ฉิวเยว่กลอกตา เธอเปิดประตูและออกไปจากรถยนต์ “ฉันจะกลับเข้าบ้านแล้ว ขับรถระวังด้วยนะคะ”
ฉินซือมองเธอเดินกลับเข้าบ้านไปอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อประตูบ้านปิดลง เขาก็สตาร์ตเครื่องยนต์ เมื่อคิดว่ากำลังจะต้องเลื่อนงานหมั้นออกไป ชายหนุ่มก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
ด้วยความที่ต้องเลื่อนงานหมั้นในครั้งนี้ ฉินซือจึงกลัวว่าลู่ฉิวเยว่จะเกิดความไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงติดตามเธออย่างไร้ยางอายเป็นเวลาหลายวันหลังจากนั้น
…
ในวันนี้ฉินซือกำลังปอกแอปเปิลให้ลู่ฉิวเยว่รับประทานอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เธอกำลังดูโทรทัศน์อย่างตั้งอกตั้งใจ
เป็นเรื่องปกติที่คู่รักหนุ่มสาวจะเอาใจใส่กันและกัน พ่อแม่ของลู่ฉิวเยว่ไม่ได้สนใจมากนัก อีกอย่าง พวกท่านก็รู้ดีว่าลูกสาวของตนเองไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องที่ไม่ปลอดภัยอยู่แล้ว