สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 196 จางเฉียนซินกำลังป่วยเป็นอะไรบางอย่าง
บทที่ 196 จางเฉียนซินกำลังป่วยเป็นอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้น สายตาของลู่ฉิวเยว่ก็เหม่อมองออกไปนอกร้านอาหาร
“มีอะไรเหรอ?” ฉินซือมองตามสายตาของเธอไป ถนนด้านนอกเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังเดินผ่านไปมา เขาไม่รู้เลยว่าเธอกำลังจ้องมองอะไร
ลู่ฉิวเยว่ส่ายศีรษะ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ในช่วงหลัง เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกใครสักคนแอบมองอยู่ตลอดเวลา แต่หญิงสาวก็ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใครหรือซ่อนตัวอยู่ที่ไหน จึงเป็นไปได้ว่าเธออาจจะเหนื่อยล้ามากเกินไปจนคิดไปเอง
ลู่ฉิวเยว่สะบัดศีรษะ ไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากสมอง
ฉินซือก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เป็นเวลา 15:00 น. แล้ว เขาถือโอกาสหอมแก้มลู่ฉิวเยว่ “ผมกลับไปทำงานต่อก่อนนะ”
ลู่ฉิวเยว่โบกมือลาเขา “ไปเถอะค่ะ เกิดไปสายจะโดนเพื่อนบ่นเอาได้นะ”
ฉินซือสวมกอดเธอ รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้า ก่อนจะหมุนตัวแล้วก้าวเดินออกไปจากร้านอาหารของเธอในที่สุด
…
วันต่อมา ฉินซือได้จองห้องอาหารส่วนตัวเอาไว้ในโรงแรมชื่อดัง ที่นี่เป็นศูนย์ความบันเทิงครบวงจร
บรรดาเพื่อน ๆ ของเขามาถึงก่อนแล้ว เมื่อทุกคนเห็นว่าฉินซือพาลู่ฉิวเยว่เดินเข้าไป พวกเขาก็ลุกขึ้นต้อนรับอย่างเป็นมิตร
ฉินซือยิ้มกว้างและแนะนำตัวหญิงสาวให้ทุกคนรู้จัก “นี่คือคู่หมั้นของฉันเอง เธอมีชื่อว่าลู่ฉิวเยว่ พวกเรากำลังจะหมั้นกันแล้ว ขอเชิญพี่น้องทุกท่านไปร่วมงานมงคลด้วยนะ”
“สวัสดี อาซ้อ”
“สวัสดี คุณลู่”
ทุกคนต่างก็ทักทายอย่างเป็นมิตรและรับปากว่าจะไปงานหมั้นของสองหนุ่มสาวอย่างแน่นอน
แต่ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มงานเลี้ยงสังสรรค์ ฉินซือก็ได้หันไปบอกเด็กเสิร์ฟให้ปิดเสียงดนตรี ภายในห้องอาหารของพวกเขาจึงเงียบลงในทันใด แล้วสีหน้าของชายหนุ่มก็กลายเคร่งขรึมขึ้นในพริบตา
หลังจากเห็นว่าฉินซือมีสีหน้าเย็นชาผิดปกติ ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาอีกแล้ว
“ในช่วงนี้ ผมได้ยินข่าวลือแปลก ๆ เกี่ยวกับคู่หมั้นของผม ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เป็นเพื่อนและพี่น้องของผมทั้งนั้น พวกคุณคงรู้ดีว่าผมเป็นคนยังไง หวังว่าถ้ามีใครได้ยินข่าวลือแปลก ๆ เกี่ยวกับคู่หมั้นของผมอีก ทุกคนคงช่วยอธิบายแทนฉิวเยว่บ้างนะครับ” ฉินซือพยักหน้าเล็กน้อย
หลังจากกล่าวจบ เขาก็หันไปจ้องมองผู้คนที่ร่วมวงในโต๊ะอาหารทีละคน “ถ้าผมรู้ว่ามีใครแอบช่วยใส่ร้ายคู่หมั้นของผมด้วยล่ะก็ ผมจะไม่ยึดถือบุคคลนั้นเป็นเพื่อนอีกต่อไป”
บรรดาผู้คนที่เคยนินทาลู่ฉิวเยว่ลับหลังรู้สึกผิดขึ้นมาทันที ถึงแม้ฉินซือจะพูดว่าพวกเขาเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องกันหมด แต่ในความเป็นจริงนั้น ฉินซือคือศูนย์กลางแห่งอำนาจและเงินทองที่พวกเขาต้องพึ่งพิงอยู่เสมอ
ถ้าฉินซือรู้ว่ามีใครคอยใส่ร้ายคู่หมั้นของเขา…
ทุกคนตัวสั่นทันที
“พวกเราถูกคนนอกปั่นหัวน่ะ คู่หมั้นของคุณงดงามถึงเพียงนี้ แล้วเธอจะไปเป็นเหมือนอย่างที่ข่าวลือนั่นว่าได้ยังไง? ก่อนหน้านี้ผมอาจจะเคยพูดถึงคู่หมั้นของคุณไม่ดีไปบ้าง ผมจะรีบลงโทษตัวเองก็แล้วกันนะครับ หวังว่าพี่ฉินและพี่สะใภ้จะให้อภัยผมนะ แล้วก็ขอให้ทั้งคู่ครองรักกันไปยั่งยืนยาวนานเลยนะครับ!” ชายหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มพูดมากเป็นพิเศษ รีบขอโทษด้วยความจริงใจและรินไวน์แดงใส่แก้วให้กับสองหนุ่มสาวด้วยความเคารพ
เมื่อเขาเป็นคนนำร่อง ก็มีคนอื่น ๆ ทำตามหลังจากนั้น
เมื่อเห็นว่าฉินซือยังคงมีสีหน้าเคร่งเครียด ลู่ฉิวเยว่ก็ยิ้มออกมาอย่างใจดี บอกให้ทุกคนนั่งลง “ข่าวลือก็แบบนี้ล่ะค่ะ บางครั้งฉันก็เชื่อข่าวลือเหมือนกัน ทุกคนอย่าสนใจอีกเลย ฉินซือแค่เป็นห่วงฉันมากก็เท่านั้น ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
เธอกระตุกมือฉินซือเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง “ผมทำเสียบรรยากาศหมดเลย ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะครับ”
หลังจากนั้น เขาก็ส่งสัญญาณให้เด็กเสิร์ฟเปิดเพลงและนำอาหารมาเสิร์ฟตามเดิม
เมื่อทุกคนกลับนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็อดหยอกเย้าไม่ได้ว่า “โบราณว่าผู้ชายที่รักภรรยาจะมีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต มีครอบครัวที่อบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง ดูอย่างพี่ฉินของพวกเราสิ คำโบราณนั่นจะต้องเป็นความจริงอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินคำว่าภรรยาและครอบครัวที่อบอุ่น ความเข้มขรึมบนใบหน้าของฉินซือก็หายไป เขาหันกลับมายิ้มให้ลู่ฉิวเยว่
และด้วยความที่วงอาหารในวันนี้เป็นเพื่อนกันทั้งหมด แม้ว่าบรรยากาศในตอนแรกจะไม่ค่อยสู้ดี แต่ภายหลังก็มีชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง ไม่ทราบเลยว่าเป็นผู้ใดเริ่มพูดถึงเรื่องราวธุรกิจขึ้นมาก่อนเป็นคนแรก
ลู่ฉิวเยว่แสดงความคิดเห็นออกมาเป็นระยะ แล้วทุกคนก็ได้พบว่าเธอมีวิสัยทัศน์ไม่เหมือนใคร ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเธอไปโดยสิ้นเชิง และยิ่งรับฟังเธอมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งชื่นชมเธอมากเท่านั้น
“พอได้ฟังที่คุณลู่พูดออกมาแบบนี้แล้ว ผมก็ยิ่งสนใจร้านอาหารของคุณจริง ๆ สงสัยมีเวลาเมื่อไหร่ ผมคงต้องแวะไปกินบ้างแล้ว!” ใครบางคนอุทานขึ้นมา
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอ “ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยค่ะ”
เมื่อเห็นใบหน้าที่สวยงามและประจักษ์กับความฉลาดเฉลียวของเธอแล้ว ทุกคนก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ ไม่แปลกใจเลยที่ฉินซือจะชอบเธอ มีใครบ้างไม่ชอบผู้หญิงเก่งและมีเสน่ห์อย่างนี้
เมื่อพวกเขานึกถึงเรื่องที่จางเฉียนซินพยายามมาปล่อยข่าวลือลับหลังผู้คน ทุกคนก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจจางเฉียนซินมากกว่าเดิม
สำหรับลูกผู้ชายอย่างพวกเขา ถ้าเอาชนะกันด้วยความจริงจะไม่เป็นอะไรเลย แต่นี่มาเล่นงานกันด้วยการใส่ร้ายป้ายสี นับว่าไร้ยางอายมาก
ก่อนเดินทางกลับ ดูเหมือนลู่ฉิวเยว่จะนึกอะไรบางอย่างได้ เธอหันกลับไปพูดด้วยความเสียใจว่า “ทุกคนก็คงจะเป็นเพื่อนของคุณจางเฉียนซินเหมือนกันใช่ไหมคะ ถ้าพวกคุณมีเวลา อย่าลืมเตือนเขาให้ไปหาหมอบ้าง โรคบางอย่างรอไม่ได้นะคะ เกิดปล่อยไว้นานมากเกินไปจนรักษาไม่ได้จะทำยังไง?”
หลังจากใช้สีหน้าขบคิดอยู่เล็กน้อย เธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้และโบกไม้โบกมือ “ช่างมันเถอะค่ะ…ครั้งก่อนฉันบอกเขาไปเขาก็โกรธ พวกคุณอย่าไปบอกเขาเลย”
ทุกคนรู้ทันทีว่าเพราะเหตุใดจางเฉียนซินถึงได้ใส่ร้ายป้ายสีลู่ฉิวเยว่ ปรากฏว่าเขาโกรธเธอที่ไปเตือนให้เขาหาหมอนั่นเอง เขาคงอับอายผู้คนที่ถูกเปิดเผยว่าป่วยเป็นโรคอะไรบางอย่าง
“ว่าแต่จางเฉียนซินเป็นโรคอะไรเหรอครับ? คุณช่วยบอกให้ชัดเจนหน่อยได้ไหม เดี๋ยวพวกเราจะไปบอกเขาเอง” ยิ่งจางเฉียนซินทำตัวมีลับลมคมในมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งอยากรู้มากเท่านั้น สุดท้ายก็ต้องถามลู่ฉิวเยว่อย่างทนไม่ไหว
ลู่ฉิวเยว่มีท่าทางลังเล สุดท้ายก็สั่นศีรษะ “บอกไม่ได้ค่ะ”
หลังจากนั้น เธอและฉินซือก็ขอตัวกลับ
ยิ่งเธอพยายามช่วยจางเฉียนซินปกปิดมากเท่าไหร่ บรรดาเพื่อนของเขาก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากเท่านั้น ตกลงว่าจางเฉียนซินป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่?
ถ้าป่วยแล้วทำไมต้องอายคน?
หลายคนต่างก็คิดไปต่าง ๆ นานา ไม่มีใครสงสัยเลยว่าลู่ฉิวเยว่จะพูดโกหก เพราะเธอเป็นถึงเจ้าของร้านขายยาจีนที่ธุรกิจดีมาก อีกอย่าง จางเฉียนซินก็โกรธเธอเพราะเรื่องนี้จริง ๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะมาสร้างข่าวลือใส่ร้ายเธอทำไม
ด้านนอกโรงแรม ลู่ฉิวเยว่เข้าไปอยู่ในรถยนต์ของฉินซือเรียบร้อยแล้ว
เมื่อนึกถึงวิธีการหลอกลวงผู้คนของหญิงสาวเมื่อสักครู่นี้ ฉินซือก็ต้องมองเธอด้วยความสนใจ “คุณฉลาดมากเลยนะ พวกเขาทั้งกลุ่มถูกหลอกหมดเลย”
“คุณกลัวแล้วใช่ไหมล่ะ? ฉันเก่งขนาดนี้เลยนะ คุณอย่ามามีปัญหากับฉันก็แล้วกัน ไม่งั้นฉันจะทำให้คุณกลับบ้านไม่ถูกเลยทีเดียว” ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอ จ้องมองเขาพร้อมกับเชิดคางขึ้นเป็นการหยอกเย้า
ฉินซือหัวเราะในลำคอและตอบว่า “ไม่กลัวสักหน่อย ผมอยากรีบแต่งงานกับคุณให้เร็วมากขึ้นต่างหาก คุณจะได้ไม่ไปแกล้งหลอกใครอีก”
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะตอบกลับไป ก่อนจะยกมือกอดอกและจ้องมองไปนอกหน้าต่าง มุมปากยกตัวเป็นรอยยิ้ม
…
วันต่อมา ใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว มีคนเข้ามาก่อกวนในร้านขายยาจีนและยืนยันที่จะให้ทางร้านคืนเงิน
ลู่ฉิวเยว่ได้รับทราบข่าวก็รีบวิ่งไปดูสถานการณ์
หญิงชราผมกระเซิงคนหนึ่งยืนร้องไห้อยู่หน้าร้านขายยาจีนของเธอ
“หมอในร้านนี้ไม่ได้เรื่องเลย เมื่อวานเขาเขียนใบสั่งยาให้ฉัน แต่วันนี้ฉันมีจุดแดงขึ้นเต็มไปหมด ดูผิวหนังของฉันสิ!”