สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 195 แย่งซื้อบ้านหลังใหม่
บทที่ 195 แย่งซื้อบ้านหลังใหม่
ชายหนุ่มจ้องมองไปทางลู่ฉิวเยว่ที่ยืนอยู่ด้านหลังฉินซือโดยไม่รู้ตัวก่อนจะขยิบตาหยอกเย้าเขาว่า “แล้วคนนี้คือ…?”
“เธอชื่อลู่ฉิวเยว่ เป็นคู่หมั้นของฉัน อีกไม่กี่วันฉันจะชวนนายมาร่วมงานหมั้นด้วยก็แล้วกัน” สีหน้าของฉินซืออ่อนโยนลง เขาเอื้อมมือไปโอบเอวอ้อนแอ้นของลู่ฉิวเยว่
หลังจากพูดจบแล้ว เขาก็หันมาส่งยิ้มอ่อนโยนให้แก่ลู่ฉิวเยว่ก่อนจะแนะนำตัวว่า “ผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อนผมเอง ชื่อจางเฉียนซิน”
“สวัสดีค่ะ คุณจาง” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มทักทายด้วยความสุภาพ
จางเฉียนซินพยักหน้าเล็กน้อย แต่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างเขาทนไม่ไหวจนต้องกระตุกชายเสื้อของเขาด้วยความร้อนรนก่อนจะเบียดชิดกายเขาอย่างออดอ้อน
จางเฉียนซินยิ้มตอบกลับไปด้วยความสบายใจพลางตบหลังมือของเธอเบา ๆ และมองหน้าฉินซือ “ฉินซือ นายมีบ้านตั้งหลายหลังแล้วไม่ใช่หรือไง หลังนี้ฉันขอเถอะ”
“ไม่ได้” ฉินซือขมวดคิ้ว
ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างกายจางเฉียนซินได้ยินดังนั้นก็ชักสีหน้าด้วยความไม่สบอารมณ์ เธอกอดแขนเขาและทำตัวเหมือนเด็กน้อย “ฉันชอบหลังนี้นะคะพี่ พี่อย่าให้คนอื่นซื้อตัดหน้าพวกเราไปได้นะ”
“พวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน นายคงไม่อยากมาแตกหักกับฉันเพราะบ้านหลังนี้หรอกใช่ไหม ยกให้ฉันเถอะ” จางเฉียนซินมองหน้าฉินซือด้วยความไม่พอใจ
พูดจบแล้วเขาก็หันไปมองหน้าตัวแทนขายบ้าน “บ้านหลังนี้ราคาเท่าไหร่ครับ? ผมจะซื้อ”
ฉินซือขมวดคิ้วและจ้องมองจางเฉียนซิน “ไม่ได้ พวกเรามาดูบ้านหลังนี้ก่อน เรายกให้นายไม่ได้หรอก”
“ฉินซือ! ทำไมนายไม่ไว้หน้าฉันบ้างเลยวะ!” จางเฉียนซินโมโหขึ้นมาจริง ๆ
ฉินซือจ้องมองกลับไปด้วยความเย็นชา “ฉันจะซื้อบ้านหลังนี้เป็นเรือนหอในอนาคต นายจะซื้อไปทำไมล่ะ? ซื้อไว้เล่นสนุกกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าหรือไง?” ฉินซือรู้จักนิสัยของจางเฉียนซินเป็นอย่างดี เพื่อนของเขาคนนี้เป็นที่รู้จักในแวดวงเพื่อนฝูงว่าเป็นคนเจ้าชู้ไม่มีใครเกิน
หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายจางเฉียนซินได้ยินดังนั้นก็ดวงตาเขียวขึ้นมาทันที ดวงตาคู่งามของเธอหันกลับมาจ้องมองจางเฉียนซินด้วยน้ำตาที่คลอเต็มสองเบ้า
จางเฉียนซินต้องอับอายขายหน้าด้วยคำพูดของฉินซือ โดยเฉพาะต่อหน้าหญิงสาวที่พามาด้วย ดังนั้นจางเฉียนซินจึงกัดฟันกรอดและจ้องมองฉินซือด้วยความโกรธแค้น
ฉินซือยิ้มตอบกลับไป “ก็ได้! ในเมื่อนายยืนยันว่าจะแข่งกับฉัน งั้นเรามาประมูลแข่งกัน ใครให้ราคามากสุดก็เป็นผู้ชนะ ตกลงไหม?”
เมื่อถ้อยคำเหล่านี้ถูกกล่าวออกมา ใบหน้าของจางเฉียนซินก็ยิ่งแสดงความอับอายออกมามากกว่าเดิม แน่นอนว่าพื้นฐานครอบครัวของเขาสู้ครอบครัวของฉินซือไม่ได้ ถ้าต้องประมูลราคาบ้านแข่งกันจริง ๆ จางเฉียนซินก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้โดยไม่ต้องสงสัย
“ฉินซือ นายเก่งนักใช่ไหม! จะซื้อบ้านหลังนี้เป็นเรือนหอแต่งงานสินะ? ฉันขอให้นายแต่งงานกันอย่างมีความสุขไปตลอดเถอะ!” จางเฉียนซินกัดฟันและเดินลากหญิงสาวกลับออกไป
ลู่ฉิวเยว่ยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ทางด้านหลัง เมื่อเธอได้ยินคำพูดนั้น ก็ต้องมายื่นศีรษะออกไปตะโกนไล่หลังไปว่า “รอก่อนค่ะ คุณจาง!”
จางเฉียนซินหยุดชะงักและหันกลับมา
“ชีวิตแต่งงานของฉันกับฉินซือจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอนค่ะ แต่ว่าคุณ…” เธอใช้สายตาสำรวจมองเขาเล็กน้อยก่อนจะพูดด้วยความเหยียดหยาม “ฉันแนะนำให้คุณไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลบ้างนะคะ ไม่งั้นคุณอาจจะป่วยหนักเอาได้”
“เธอพูดบ้าบออะไรของเธอ!” จางเฉียนซินจ้องมองด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะลากสาวสวยข้างกายเดินจากไป
เมื่อทั้งสองคนเดินจากไปแล้ว ฉินซือก็หันกลับมาถามลู่ฉิวเยว่ด้วยความแปลกใจว่า “เขาเป็นอะไรเหรอ?” ลู่ฉิวเยว่ไม่เคยพูดจาเหลวไหลมาก่อน ถ้าเธอพูดออกมาอย่างนั้น มันก็ต้องเป็นความจริง
“ไตเขาไม่ค่อยดีค่ะ ทำไมถึงไม่ไปตรวจที่โรงพยาบาลบ้างก็ไม่รู้” ลู่ฉิวเยว่ยกมือปิดปากหัวเราะในลำคอและจ้องมองเขาด้วยสายตาหยอกเย้า
ฉินซือไม่คิดเลยว่านี่จะเป็นสิ่งที่คนรักของเขากำลังพูดถึง ใบหน้าของเขาแดงระเรื่อขึ้นไปจนถึงใบหู
ฉินซือหันกลับไปมองที่นายหน้าขายบ้าน เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้ยิน เขาจึงไอออกมาแห้ง ๆ และขยับเข้าไปกระซิบข้างหูลู่ฉิวเยว่ว่า “แต่ไตผมแข็งแรงดีนะ”
เสียงแหบแห้งของชายหนุ่มดังเข้ามาในหูของลู่ฉิวเยว่ หัวใจของเธอสั่นไหวเหมือนเกิดไฟฟ้าสถิต เธอหันไปมองค้อนเขาอย่างมีเสน่ห์
ฉินซือยิ้มกว้าง เขาต้องการจะจัดการธุระให้เสร็จสิ้นจึงเลิกหยอกเย้าเธอ “พวกเราจ่ายเงินซื้อบ้านหลังนี้กันเลยดีไหม?”
“หรือว่าเราจะเปลี่ยนไปดูบ้านหลังอื่นดีล่ะ?” ลู่ฉิวเยว่ทำหน้าไม่แน่ใจ “เพื่อนของคุณคนนั้นดูโกรธมากเลยนะ ถ้าพวกเราซื้อบ้านหลังนี้จริง ๆ เขาอาจจะมาหาเรื่องก็ได้”
ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้กลัวว่าจะมีปัญหา แต่การไม่มีปัญหาคือสิ่งที่ดีที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น การที่ต้องคอยมาจัดการปัญหาไร้สาระพวกนี้คือสิ่งที่เสียเวลาเป็นอย่างยิ่ง
ฉินซือพยักหน้า เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนั้น เขาก็โบกมือกับนายหน้าขายบ้าน “ขอดูบ้านหลังอื่นหน่อยนะครับ”
นายหน้าขายบ้านพยักหน้าตอบตกลง ก่อนจะพาพวกเขาไปดูบ้านหลังอื่น ๆ ด้วยรถยนต์ต่อไป
หลังจากเดินทางไปดูบ้านอีกหลายหลัง ในที่สุดลู่ฉิวเยว่ก็ได้พบเจอบ้านหลังใหม่ที่น่าสนใจ
เธอตัดสินใจเลือกบ้านหลังนี้ ขั้นตอนต่อไปก็คือการตกแต่งและซื้อเฟอร์นิเจอร์
ลู่ฉิวเยว่ชอบการตกแต่งที่เรียบง่ายและอบอุ่น อีกอย่างนี่ไม่ใช่ร้านอาหารหรือที่ทำงาน เธอจึงอยากให้บรรยากาศภายในบ้านอบอุ่นมากขึ้น
“คุณคิดว่ายังไงคะ?” ลู่ฉิวเยว่เล่าความคิดคร่าว ๆ ให้ฉินซือรับฟัง
ฉินซือพยักหน้าด้วยความพอใจ “ผมว่าก็น่าจะดีเหมือนกัน” เมื่อนึกภาพว่าเขาและลู่ฉิวเยว่กำลังจะสร้างครอบครัวเล็ก ๆ ที่อบอุ่นด้วยกันในอนาคต ชายหนุ่มก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจเป็นอย่างยิ่ง
วันต่อมาพวกเขาเดินทางไปเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์และวุ่นวายกับเรื่องราวจิปาถะอีกหลายวัน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเลขาหวังเตือน ฉินซือก็คงลืมไปแล้วว่าตนเองต้องกลับไปจัดการปัญหาที่โรงงานอีก
…
ในวันนี้ฉินซือได้บังเอิญเจอเพื่อนในแวดวงธุรกิจระหว่างเดินทาง ในเมื่อเป็นช่วงพักเที่ยงพอดี พวกเขาจึงตกลงไปรับประทานอาหารด้วยกัน
“หวังเหิง นายมีอะไรอยากจะบอกฉันใช่ไหม?” ฉินซือถามออกมาเมื่อเห็นว่าเพื่อนมีท่าทางเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างระหว่างรับประทานอาหารอยู่ด้วยกัน
หวังเหิงทำหน้าลำบากใจ “ฉันได้ข่าวว่านายกำลังคบผู้หญิงไม่ดี ฉินซือ อย่าเพิ่งตัดสินใจวู่วามเลยนะ”
แม้ว่าฉินซือจะเป็นคนฉลาด แต่เขาก็ไม่มีประสบการณ์ด้านความรักมาก่อน จึงอาจจะถูกผู้หญิงกร้านโลกหลอกลวงเอาได้
“ทำไมนายถึงพูดแบบนั้น?” ฉินซือวางตะเกียบในมือลง เพื่อนหลายคนของเขาก็พร้อมใจกันพูดแบบนี้ทุกครั้งที่เจอหน้า นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ๆ
หวังเหิงไอออกมาเบา ๆ “จางเฉียนซินเป็นคนบอกเราว่าคู่หมั้นของนายเป็นผู้หญิงบ้านนอก ที่หล่อนมาคบกับนายก็เพราะเห็นแก่เงิน แม่ของนายก็พูดเหมือนกัน”
ฉินซือมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาในทันใด จางเฉียนซินพยายามทำลายภาพลักษณ์ของลู่ฉิวเยว่นี่เอง
“อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระพวกนั้นเลย แฟนฉันเป็นคนดีมาก เธอไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอย่างที่คนอื่นพูดกันหรอก เมื่อถึงเวลาแล้ว เดี๋ยวฉันจะพามาให้นายได้รู้จัก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หวังเหิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งออก “ถ้างั้นก็ดีแล้ว” ในเวลาเดียวกันนี้ เขาก็รู้สึกสงสัยอยู่เหมือนกัน เขาไม่เคยเห็นฉินซือปกป้องใครขนาดนี้มาก่อน แถมยังรับประกันว่าแฟนของตนเองเป็นคนดีอีกด้วย ตัวจริงของผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคนแบบไหนกันนะ?
ฉินซือยิ้มออกมาอีกครั้ง เมื่อรับประทานอิ่มแล้ว เขาก็อยากจะกลับไปหาลู่ฉิวเยว่ จึงร่ำลาหวังเหิง “วันพรุ่งนี้เจอกันนะ”
หวังเหิงพยักหน้ารับคำ
เมื่อฉินซือออกไปจากร้านอาหาร เขาก็ขับรถตรงไปที่ร้านอาหารของลู่ฉิวเยว่และถามว่าเธอพอมีเวลาไปเจอเพื่อนเขาวันพรุ่งนี้หรือไม่
“ได้สิคะ” ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าเบา ๆ รู้สึกว่าเธอกับเขาคบหากันมานานแล้ว แต่เธอยังไม่ได้พบเจอเพื่อนของเขาเลย
ฉินซือจับมือเธอและยิ้มอย่างมีความสุข เขาจะแนะนำให้เพื่อนของตนเองรู้จักเธอเป็นอย่างดีเลยทีเดียว