สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 180 ฉินเซียวใส่ความฉินซือ
บทที่ 180 ฉินเซียวใส่ความฉินซือ
ฉินเซียวเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ เธอไม่คิดเลยว่าตนเองจะได้มาพบเจอกับฉินซือในช่วงเวลานี้ ถือเป็นวันดวงซวยของเธอจริง ๆ!
ความเกรี้ยวกราดของน้องชายยิ่งทำให้ฉินเซียวโกรธแค้นมากขึ้น ฉินซือเป็นน้องชายแท้ ๆ ที่ออกมาจากท้องแม่เดียวกัน แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเลือกที่จะเข้าข้างคนอื่น!
สมองของเธอร้อนฉ่า ตะโกนสวนกลับไปว่า “ก็นายเป็นคนสั่งให้ฉันมาขายเองไม่ใช่เหรอ?!”
น้ำเสียงของหญิงสาวเต็มไปด้วยความร้อนรนและจริงใจ เจ้าหน้าที่จากกรมอุตสาหกรรมและการค้ารวมไปถึงกลุ่มนายตำรวจต่างก็หยุดชะงัก และหันมามองที่ฉินซือโดยไม่รู้ตัว
หลังจากคิดทบทวนดูแล้ว พวกเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าชายหนุ่มคนนี้ช่วยเหลือการจับกุมคนร้ายมาตั้งแต่แรก แล้วเขาจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับคนร้ายได้อย่างไร ผู้หญิงคนนี้แค่ต้องการจะใส่ความเขาต่างหาก
นายตำรวจที่ควบคุมตัวฉินเซียวอยู่จึงมีสีหน้าเคร่งขรึมมากขึ้นและจับเธอใส่กุญแจมือ
ฉินซือไม่คิดเลยว่าพี่สาวของตัวเองนอกจากจะไม่สำนึกผิดแล้ว เธอยังคิดใส่ความเขาให้เดือดร้อนไปตาม ๆ กันอีก ใบหน้าของเขาจึงแสดงออกถึงความโกรธแค้นสุดขีด
“คุณฉินครับ คือว่าตอนนี้…” นายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดคุยอะไรบางอย่าง
ฟังจากสิ่งที่ชายหนุ่มพูดเมื่อสักครู่นี้ เห็นได้ชัดว่าเขากับผู้กระทำผิดน่าจะรู้จักกัน
ฉินซือหันไปมองฉินเซียวด้วยความผิดหวัง พูดกับนายตำรวจด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการขายแผ่นแปะแก้ปวดของปลอม คุณตำรวจจัดการตามความเหมาะสมได้เลยครับ”
ลู่ฉิวเยว่ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยเช่นกัน “ใช่ค่ะ ทำตามกฎหมายได้เลย” ผู้หญิงคนนี้มาก่อกวนเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าไม่สั่งสอนบทเรียนเสียบ้าง ฉินเซียวก็คงไม่คิดหลาบจำอย่างแน่นอน
ถ้าฉินซือไม่ได้พูดออกมาแบบนั้น ฉินเซียวก็คิดว่าด้วยความที่ตนเองเป็นพี่สาวสายเลือดเดียวกันกับเขา เธอก็อาจจะขอร้องความเมตตาจากเขาได้บ้าง แต่ในเมื่อเขาพูดออกมาแบบนี้ มันก็เป็นการประกาศชัดเจนแล้วว่าฉินซือเลือกที่จะเป็นศัตรูกับเธอ หัวใจของฉินเซียวจึงเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อเห็นว่าน้องชายใจดำถึงขนาดนี้ ฉินเซียวก็โกรธแค้นจนไม่อยากทำอะไรอีกทั้งสิ้น เธอเอาแต่ตะโกนออกมาว่า “ฉินซือ! นายเป็นคนเอาของพวกนี้มาให้ฉันขายเองนะ…”
“หุบปากได้แล้ว!” นายตำรวจไม่เชื่อคำพูดของเธอแม้แต่น้อย แถมยังดุเธออีกด้วย
ฉินซือจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา
ชายหนุ่มกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ลู่ฉิวเยว่รู้ได้ทันทีว่าเขากำลังโกรธจัดมากเพียงใด เธอขมวดคิ้วพลางดึงข้อมือของเขาให้มายืนอยู่ข้าง ๆ เธอ
เมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสจากมือของหญิงสาว ฉินซือก็ใจเย็นลงในทันใด เขาจับมือของเธอเอาไว้แนบแน่น ก่อนจะหันมายิ้มให้เธอ
ฉินเซียวยังคงส่งเสียงโวยวายไม่เลิกรา แต่พวกเขาก็ทำเป็นมองไม่เห็น เมื่อฉินเซียวถูกตำรวจควบคุมตัวไปแล้ว ลู่ฉิวเยว่กับฉินซือก็เดินจับมือกันตรงไปที่ร้านอาหาร
หลังจากที่ได้รับการปลอบโยนจากลู่ฉิวเยว่ ฉินซือก็นั่งมองเธอเดินไปดูร้านขายยา แล้วเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงใช้โทรศัพท์ในร้านอาหารโทรกลับไปหาที่บ้าน
“ฉินซือ?” ตอนที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คุณพ่อฉินกำลังจะมาดื่มน้ำในห้องนั่งเล่นพอดี เมื่อเขารับโทรศัพท์ก็ไม่คิดเลยว่าจะเป็นลูกชายที่โทรมา
เมื่อได้ยินเสียงของสามี คุณแม่ฉินที่กำลังถักผ้าพันคออยู่บนโซฟาก็รีบเอนตัวมาฟังบทสนทนาผ่านโทรศัพท์จากลูกชายด้วยความร้อนใจ และคำพูดของฉินซือในวินาทีต่อมาก็ทำให้พ่อแม่ของเขาแทบหัวใจวายตาย
“ฉินเซียวแอบทำแผ่นแปะแก้ปวดของปลอมของลู่ฉิวเยว่มาขายในเมืองหลวงครับ ตอนนี้เธอถูกตำรวจกับคนจากกรมอุตสาหกรรมและการค้าจับตัวไปแล้ว” ฉินซือพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่ฉินเซียวพยายามจะใส่ร้ายเขาเลย
คนเป็นแม่กัดฟันกรอด “นังลูกคนนี้นี่! เห็นทีต้องสั่งสอนสักหน่อยแล้ว!”
หลังจากวางโทรศัพท์ สองสามีภรรยาก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะพวกเขาสั่งสอนลูกสาวได้ไม่ดีเอง เธอถึงได้เที่ยวไปก่อปัญหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
…
ในคืนนั้น ตอนที่ลู่ฉิวเยว่กำลังช่วยพนักงานในร้านเก็บโต๊ะเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน เด็กเสิร์ฟคนหนึ่งก็เดินมาเรียกว่า “เจ้านายคะ มีคนโทรมาหาค่ะ”
ลู่ฉิวเยว่รีบวางจานในมือของตนเองลงและเดินไปรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว แต่เธอก็ไม่คิดเลยว่าคนที่โทรมาจะเป็นแม่ของฉินซือ
เธอเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจ “สวัสดีค่ะ คุณน้า”
“ฉิวเยว่ ฉินซือบอกฉันเรื่องที่ฉินเซียวทำในวันนี้แล้ว ฉันต้องขอโทษหนูมากเลยนะ” คุณแม่ฉินรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว เป็นเพราะนังลูกสาวตัวดีคนเดียวแท้ ๆ ที่ทำให้เธอแทบไม่กล้าสู้หน้าใครได้อีกแล้ว
ลู่ฉิวเยว่หัวใจกระตุกวูบ คุณแม่ฉินคงไม่ได้โทรมาเพื่อยื่นมือเข้าแทรกแซงเรื่องของฉินเซียวหรอกใช่ไหม?
“คุณน้าคะ คุณน้าไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ นี่เป็นเรื่องระหว่างหนูกับฉินเซียว”
คุณแม่ฉินสอบถามเธอด้วยความห่วงใยและอบอุ่นตลอดเวลาจนกระทั่งวางสาย คุณแม่ฉินไม่ได้ขอร้องให้เธอช่วยเหลือฉินเซียวเลยสักนิด ซึ่งทำให้ลู่ฉิวเยว่พิศวงเป็นอย่างยิ่ง คุณแม่ฉินไม่ได้โทรมาเพื่อขอให้เธอเห็นใจฉินเซียวอย่างนั้นเหรอ?
พอเป็นแบบนี้แล้ว ลู่ฉิวเยว่ก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจมากจริง ๆ
…
ในเวลาเดียวกันนี้ ณ ร้านขายยาจีนของคุณนายจาง คุณนายจางกำลังรู้สึกวิตกกังวลอย่างมาก ฉินเซียวถูกตำรวจจับตัวไปแล้ว แบบนี้เธอจะต้องพบกับความเดือดร้อนด้วยไหม?
ยิ่งคุณนายจางคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากเท่านั้น สุดท้าย วันต่อมาเธอก็ต้องคว้ากระเป๋าและเดินทางไปพบลู่ฉิวเยว่
“แหม มาทำอะไรที่นี่คะเนี่ย?” ลู่ฉิวเยว่ยกมือกอดอก จ้องมองหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่นอกประตูด้วยความประหลาดใจ พวกเธอไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้ว คุณนายจางมาหาเธอทำไมกัน?
“ฉันแค่แวะมาซื้อของแถวนี้น่ะ” คุณนายจางจ้องมองสภาพภายในร้านอาหารและดวงตาก็เป็นประกายด้วยความอิจฉาริษยา
ลู่ฉิวเยว่รู้ดีว่าอีกฝ่ายโกหก แต่ก็กำลังจะหมุนตัวกลับเข้าร้านอย่างช้า ๆ โดยไม่คิดสนใจพูดคุยอะไรอีก “ถ้าอย่างนั้นก็ไปดีมาดีนะคะ”
แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงของคุณนายจางดังขึ้นจากด้านหลังทันที “ฉันได้ยินว่าคุณลู่แจ้งตำรวจจับว่าที่พี่สะใภ้ของตัวเอง คุณทำแบบนี้ไม่ให้เกียรติครอบครัวของแฟนคุณเลยนะ ลองคิดดูเถอะว่าถ้าอีกหน่อยคุณแต่งงานกับน้องชายของเธอ ครอบครัวของเขาจะมองคุณเป็นคนยังไง”
ลู่ฉิวเยว่เบิกตาโตและหันกลับไปมองหน้าหญิงวัยกลางคน “จริงเหรอคะ? ถ้าอย่างนั้นฉันก็ควรปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นมาขายแผ่นแปะแก้ปวดของปลอมแบบนี้ไปเรื่อย ๆ หรือไง? แล้วใครจะรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นคะ? คุณนายจาง คุณเองก็เปิดร้านขายยาจีนเหมือนกัน เวลาจะพูดอะไรช่วยคิดก่อนหน่อยเถอะ ไม่งั้นอีกหน่อยคงไม่มีลูกค้าเข้าร้านคุณอีกแล้ว”
นี่เป็นช่วงพักเที่ยง เป็นช่วงที่ในร้านอาหารมีลูกค้าแน่นมากที่สุด ทุกคนได้ยินคำพูดของลู่ฉิวเยว่ พวกเขาจึงหันมาจ้องมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น คุณนายจางใช้เวลาแทบทั้งหมดของชีวิตทุ่มเทให้ร้านขายยา หลายคนที่รู้จักคุณนายจางพากันยกนิ้วชี้มาที่เธอพร้อมกับซุบซิบอะไรบางอย่าง ซึ่งไม่มีใครทราบเลยว่าพวกเขาพูดถึงเธอว่าอย่างไร
คุณนายจางตกตะลึง จ้องมองลู่ฉิวเยว่ด้วยความฉุนเฉียวก่อนจะรีบเดินกลับออกมา ถ้าสามีของเธอรู้ว่าเธอทำให้ภาพลักษณ์ของร้านขายยาจีนต้องเสื่อมเสีย เขาคงต้องดุด่าเธอแน่ ๆ
ลู่ฉิวเยว่ยืนมองหญิงวัยกลางคนเดินจากไปจนลับสายตา เธอไม่แปลกใจเลยที่เรื่องแผ่นแปะแก้ปวดของปลอมจะรู้ไปถึงหูของคุณนายจาง เพราะทุกคนที่อยู่แถวนี้ต่างก็รับรู้เหมือนกันหมด
แต่สิ่งที่ทำให้ลู่ฉิวเยว่แปลกใจก็คือคุณนายจางถึงกับดั้นด้นมาหาเธอที่ร้านเพราะเรื่องนี้งั้นเหรอ?
ลู่ฉิวเยว่คว้ากระเป๋าและเดินทางไปที่สำนักงานของกรมอุตสาหกรรมและการค้าโดยไม่รอช้า
“คุณลู่มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ?” เมื่อเห็นหน้าเธอ หนึ่งในชายฉกรรจ์ผู้ช่วยเหลือเธอจับกุมคนร้ายก็มีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าและพูดเข้าประเด็นโดยทันที “ฉันสงสัยว่าจะมีร้านขายยาร้านหนึ่งเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับฉินเซียวน่ะค่ะ และร้านขายยาร้านนั้นอาจจะขายยาปลอมด้วยเหมือนกัน”
“เข้ามาคุยรายละเอียดกันก่อนครับ” ชายฉกรรจ์เปิดประตูห้องทำงานของเขาและบอกให้เธอเข้าไปด้านใน ก่อนจะเทน้ำอุ่นใส่แก้วสองใบให้เธอและตัวเอง
ลู่ฉิวเยว่รีบอธิบายข้อสงสัยของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว รวมถึงบอกพฤติกรรมที่ผิดปกติของคุณนายจางอีกด้วย
“ขอบคุณที่มาแจ้งเตือนนะครับ พวกเราจะรีบไปสืบสวนให้เร็วที่สุด” ชายหนุ่มเขย่ามือเธอด้วยความจริงใจ
เมื่อลู่ฉิวเยว่กลับไปแล้ว เขาก็เล่าให้เพื่อนร่วมงานฟังเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ หลังจากนั้น พวกเขาจึงปลอมตัวเป็นลูกค้าไปที่ร้านขายยาจีนที่เป็นต้นตอของปัญหาทันที
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่หนุ่มก็ไม่พบร่องรอยของยาปลอมเลยสักนิด หลังจากที่เดินเข้าไปสำรวจอยู่พักใหญ่ เขาก็ตัดสินใจเดินกลับออกมา
เพื่อนร่วมงานของเขานำรูปถ่ายของฉินเซียวเข้าไปสอบถามผู้คนในละแวกนั้น และทุกคนก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าผู้หญิงในรูปถ่ายใกล้ชิดสนิทสนมกับคุณนายจางเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเร็ว ๆ นี้
ชายหนุ่มจึงรีบนำข้อมูลนี้ไปรายงานต่อผู้บังคับบัญชาภายในหน่วยงานทันที