สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 163 เปิดร้าน
บทที่ 163 เปิดร้าน
ลู่ฉิวเยว่จัดโปรโมชันเรียกลูกค้าด้วยการมอบส่วนลดในการขายวันแรกถึง 30% เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาอุดหนุนร้านเปิดใหม่ และลูกค้าท่านใดก็ตามที่สั่งอาหารครบ 28 หยวน ก็จะได้รับส่วนลด 3 หยวนโดยทันที และยังสามารถนำส่วนลดเก็บไว้ใช้ได้ในวันหลังอีกด้วย
และลูกค้าคนอื่น ๆ ที่มารับประทานอาหาร ไม่ว่าจะสั่งอาหารมากน้อยเพียงใด พวกเขาก็จะได้ผลไม้กล่องเล็ก ๆ เป็นของขวัญติดมือกลับบ้านอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้เองการเปิดร้านช่วงเช้าจึงมีลูกค้าเนืองแน่น บางคนมายืนรอตั้งแต่ประตูร้านยังไม่เปิดเลยด้วยซ้ำ
“ฉันดีใจมากเลยค่ะที่ทุกคนให้การสนับสนุนร้านเล็ก ๆ ของเราถึงขนาดนี้ ต้องขออภัยที่ปล่อยให้ยืนรอกันนานนะคะ” ลู่ฉิวเยว่พูดพร้อมกับนำขนมขบเคี้ยวออกมาจากตะกร้าและมอบให้แก่ลูกค้ากลุ่มแรกเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง
“ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรืองนะครับ”
“ขอให้ขายดิบขายดีนะครับ”
ดูเหมือนทุกคนจะติดเชื้อความกระตือรือร้นไปจากลู่ฉิวเยว่ กลุ่มลูกค้ามีสีหน้ายิ้มแย้ม มีเด็กน้อยวิ่งเข้ามาขอขนม ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้ขี้งก เธอนำขนมและลูกกวาดยัดใส่กระเป๋าของเด็กน้อยไปเต็มกำมือ ส่งผลให้บริเวณหน้าร้านเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะครึกครื้น
เวลา 8:30 น. บริเวณหน้าร้านมีกลุ่มคนมายืนรวมตัวกันอยู่มากพอสมควร พวกเขาต่างก็สงสัยในฝีมือการทำอาหารของลู่ฉิวเยว่ เพราะทุกคนต่างก็ได้อ่านบทสัมภาษณ์ของเธอในหนังสือพิมพ์เมื่อสองวันก่อน
เมื่อเห็นเช่นนี้ ลู่ฉิวเยว่ก็ยิ่งยิ้มกว้างมากกว่ากว่าเดิม ดูเหมือนการประชาสัมพันธ์ร้านผ่านการสัมภาษณ์นักข่าวหนังสือพิมพ์จะได้ผลดีจริง ๆ ด้วย นับว่าไม่เสียทีที่วันนั้นเธออุทิศเวลาสองชั่วโมงไปกับการนั่งสัมภาษณ์จนคอแห้ง
“พี่ครับ” หวังเซวียนเซวียนเดินถือตะกร้าเข้ามาเรียกด้วยสีหน้าตกตะลึง “ประธานเหอกับคนจากสมาคมนักทำอาหารก็มาเหมือนกันครับ”
ลู่ฉิวเยว่รีบส่งตะกร้าใส่ขนมที่อยู่ในมือตัวเองให้หวังเซวียนเซวียน ก่อนจะรีบเดินออกไปรับแขก
“ร้านสวยมากเลยนะ ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรือง!” ท่านประธานถือดอกไม้ช่อใหญ่อยู่ในมือ และบรรดามิตรสหายจากสมาคมนักทำอาหารที่ยืนอยู่ทางด้านหลังก็ซื้อดอกไม้ติดมือมาเช่นกัน
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกดีใจมากจริง ๆ “ขอบคุณท่านประธานมากค่ะ เรียนเชิญทุกคนเข้าด้านในกันก่อนนะคะ”
หลังจากพูดจบแล้ว เธอก็เดินนำกลุ่มคนตรงไปยังบริเวณกลางร้าน
ท่านประธานดูจะมีความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง วันนี้เขามีความสุขมาก เขาเดินตามเธอเข้าไปในร้านพร้อมกับยิ้มกว้าง
หลังจากทำพิธีตัดริบบิ้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถือได้ว่าร้านอาหารเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และกลุ่มลูกค้าก็รอไม่ไหวแล้วที่จะได้เดินเข้าไปภายในร้าน
ที่มุมร้านอาหาร คนกลุ่มหนึ่งมองบรรยากาศร้านที่คึกคักด้วยความสงสัย
“ทำไมเถ้าแก่จ้าวถึงต้องพาพวกเรามากินร้านนี้ด้วย?” หนึ่งในกลุ่มชายวัยกลางคนกระซิบถามเพื่อนเบา ๆ พวกเขาต่างก็เป็นนักธุรกิจ มีฐานะสูงส่งไม่น้อย แทบไม่เคยต้องมานั่งทานอาหารในร้านเล็ก ๆ แบบนี้มานานแล้ว…
เพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ ก็ส่ายหัวด้วยความสงสัย “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
พวกเขาได้สืบทราบข้อมูลมาก่อนหน้านี้ว่าเจ้าของร้านนี้ไม่ถูกกับตระกูลจ้าว เพราะฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เถ้าแก่จ้าวจะพาพวกเขามาอุดหนุนร้านของศัตรู สุดท้ายแล้วกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เถ้าแก่จ้าวผู้นั่งอยู่ร่วมโต๊ะได้ยินคำถามของทุกคน เขารู้ว่าทุกคนกำลังสงสัย แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายออกมา ชายวัยกลางคนได้แต่ยิ้มออกมาและกวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลให้เดินเข้ามารับออเดอร์
แผนการในวันนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เขาแค่ต้องสั่งอาหารมารับประทานและวิพากษ์วิจารณ์ให้นักธุรกิจพวกนี้ฟังว่าแท้ที่จริงแล้วเจ้าของร้านนี้เป็นแฟนสาวของฉินซือ พ่อของจ้าวซูซินมั่นใจมากว่านักธุรกิจที่เขาเชิญมาในวันนี้จะต้องเอาเรื่องนี้ไปพูดกันแบบปากต่อปาก สุดท้ายเรื่องนี้ก็จะรู้ไปถึงหูของฉินซือ ฉินซือจะต้องเกิดความอับอาย ฉินซือจะต้องไม่อยากคบหากับลู่ฉิวเยว่อีกต่อไป และนั่นก็จะเป็นโอกาสให้ลูกสาวของเขาได้เข้าหาฉินซืออีกครั้ง
ระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ เขาก็นั่งพูดคุยกับมิตรสหายพร้อมกับรับประทานผลไม้รองท้องไปด้วย ทันใดนั้น เถ้าแก่หวงที่นั่งอยู่ข้างกันก็อุทานออกมาด้วยความตกตะลึงว่า “หืม? นั่นมันแม่สาวน้อยที่สัมภาษณ์ลงหนังสือพิมพ์เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา?”
เมื่อได้ยินดังนั้น กลุ่มเถ้าแก่ที่นั่งอยู่ร่วมโต๊ะก็หันไปมองตามสายตาของเถ้าแก่หวง ทันใดนั้น ทุกคนก็ได้พบเห็นลู่ฉิวเยว่เดินออกมาจากห้องครัว
“จริงด้วย!” ใครคนหนึ่งอุทานออกมา
ความตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเถ้าแก่หวง เขารีบพูดคุยกับสหายของตัวเองด้วยความกระตือรือร้น “ฉันเพิ่งอ่านบทสัมภาษณ์ผู้หญิงคนนี้ไปเมื่อสองวันก่อน เธอได้ลงคอลัมน์ใหญ่ด้วยนะ การที่เป็นหญิงสาวจากชนบทและไต่เต้าขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ นับว่าต้องใช้ความพยายามไม่น้อยเลยจริง ๆ…”
สีหน้าของผู้คนที่อยู่ร่วมโต๊ะแสดงออกถึงความเคารพยกย่อง พวกเขาทุกคนก็เติบโตขึ้นมาจากครอบครัวที่ยากจนเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าใจดีว่าการเริ่มต้นธุรกิจนั้นยากลำบากเพียงใด และเมื่อได้เห็นหญิงสาวคนนี้เปิดร้านอาหารได้ในเวลาเพียงไม่กี่ปี พวกเขาก็อดรู้สึกชื่นชมในหัวใจไม่ได้ สมกับที่โบราณได้กล่าวเอาไว้ว่าคลื่นลูกใหม่ย่อมไล่หลังคลื่นลูกเก่าอยู่เสมอ แถมคลื่นลูกใหม่ยังสูงกว่าคลื่นลูกเก่าอีกด้วย!
“ช้าก่อน ฉันอยากร่วมธุรกิจกับสาวน้อยคนนี้ ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเธออยากจะร่วมธุรกิจกับฉันหรือเปล่า?” เถ้าแก่หวงพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง เขากำลังคิดอยู่ทีเดียวว่ากำลังจะหาโอกาสติดต่อหญิงสาวในบทสัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ แต่ก็นึกไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะได้พบกับโอกาสที่ดีงามในวันนี้
เมื่อความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ เถ้าแก่หวงก็หันหน้ามามองที่พ่อของจ้าวซูซิน “เถ้าแก่จ้าว เรื่องนี้ต้องขอบคุณคุณมาก ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ผมคงไม่มีโอกาสได้พบเจอสาวน้อยคนนี้แน่”
“ที่แท้เถ้าแก่จ้าวตั้งใจเชิญพวกเรามาร้านนี้ก็ด้วยเหตุผลนี้เองสินะ” ทุกคนหัวเราะด้วยความชอบใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อสมาชิกตระกูลจ้าวทั้งสามคนได้ยินคำพูดเหล่านั้น พวกเขาก็ยิ่งมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมามากขึ้นเรื่อย ๆ
จ้าวซูซินโกรธแค้นจนแทบบ้าคลั่ง เธอพยายามจะหาทางทำลายช่องทางหากินของลู่ฉิวเยว่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเพื่อนร่วมธุรกิจของพ่อเธอที่ได้รับเชิญให้มาทานอาหารด้วยกันในวันนี้ จะกลับกลายเป็นคนที่ช่วยเพิ่มช่องทางหากินของลู่ฉิวเยว่เสียอย่างนั้น!
ต้องใช้เวลาอีกอึดใจใหญ่ทีเดียวกว่าที่หญิงสาวจะสงบสติอารมณ์ลงได้ ฝีมือด้านการทำอาหารของลู่ฉิวเยว่ ผู้หญิงที่ออกมาจากหุบเขานั้นดีแค่ไหนกันเชียว? เมื่อเวลานั้นมาถึง คุณอาทุกคนก็จะต้องผิดหวังเมื่อได้รับประทานอาหารแน่
ยิ่งคาดหวังไว้สูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น ลู่ฉิวเยว่จะต้องหมดอนาคตอย่างแน่นอน!
เมื่อเห็นว่าร้านอาหารเริ่มวุ่นวายมากขึ้น จ้าวซูซินก็ได้แต่ยิ้มเยาะอยู่ในหัวใจ น่าเสียดายที่วันนี้พี่ฉินซือไม่ได้รับเชิญมาร่วมการเปิดร้านด้วย มิฉะนั้นแล้ว เขาก็จะได้มาเป็นสักขีพยานในความอับอายของลู่ฉิวเยว่ด้วยตาของตัวเอง
ลู่ฉิวเยว่คนนี้ช่างเจ้าเล่ห์จริง ๆ!
“สวัสดี แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน” ทันใดนั้นเสียงของชายชราคนหนึ่งดังขึ้นจากเวทีเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่กลางร้าน ทุกคนต่างก็หันมองหน้ากัน บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบทันที
เหอสยงอิ๋งยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย “วันนี้เป็นวันเปิดร้านของคุณลู่ เพื่อนของผม คุณลู่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีฝีมือ ที่เธอมีวันนี้ได้ก็เพราะฝีมือการทำอาหารอันยอดเยี่ยมของตนเอง…”
คำชมเชยจากชายชราทำให้ลู่ฉิวเยว่หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย ลูกค้าที่อยู่ในร้านทุกคนต่างก็รับฟังการพูดของเหอสยงอิ๋งด้วยความตั้งใจ มีแต่จ้าวซูซินเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยิ่งรับฟังมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกขยะแขยงมากกว่าเดิม
“ลู่ฉิวเยว่นี่หน้าไม่อายจริง ๆ ถึงกับเชิญคนมาอวยตัวเองแบบหน้าด้าน ๆ น่ารังเกียจชะมัด” เธอเยาะเย้ย “แต่ช่างเถอะ ถ้าจะให้คนมาอวยตัวเองก็น่าจะหาคนที่ดัง ๆ หน่อยสิ ไปเอาตาแก่ที่ไหนไม่รู้มาพูดแบบนี้ได้ยังไง? ทุเรศที่สุด”
จ้าวซูซินพูดเสียงไม่เบา เพื่อนพ่อของเธอที่นั่งร่วมโต๊ะได้ยินอย่างชัดเจน เถ้าแก่หวงหยุดชะงัก ก่อนจะหันมามองหน้าด้วยความไม่พอใจ “ตาแก่ที่ไหนไม่รู้อย่างนั้นเหรอ? หนูรู้หรือเปล่าว่าคนคนนั้นเป็นใคร? เขาเป็นถึงประธานสมาคมนักทำอาหารเชียวนะ!”
“ว่าไงนะ?!” บรรดานักธุรกิจที่นั่งอยู่ร่วมโต๊ะต่างก็ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง ประธานสมาคมนักทำอาหารเป็นบุคคลที่มีสถานะสูงส่ง ไม่ค่อยปรากฏตัวให้ผู้ใดได้พบเห็นง่าย ๆ แต่วันนี้เขาถึงกับมากล่าวเปิดร้านให้แก่ร้านอาหารเล็ก ๆ ร้านนี้ นี่หมายความว่าอย่างไรกัน? ทำไมพวกเขาถึงได้โชคดีอย่างนี้!
จ้าวซูซินรู้สึกอับอายเหลือเกินที่ถูกเถ้าแก่หวงตำหนิ ใบหน้าของเธอเดี๋ยวดำเดี๋ยวแดง บ่งบอกได้อย่างชัดเจนถึงความไม่สบอารมณ์ในหัวใจ