สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 161 เข้าสู่สมาคมนักทำอาหาร
บทที่ 161 เข้าสู่สมาคมนักทำอาหาร
ตอนนี้ทุกคนกำลังตกตะลึง
“ลู่ฉิวเยว่คนนี้เป็นสุดยอดเชฟจริง ๆ แม้แต่เหลียงซิง ศิษย์รักของเชฟทำอาหารชื่อดังก็ยังสู้เธอไม่ได้!”
“ได้ข่าวว่าอาหารที่ขายอยู่ในโรงแรมเซิงหัวก็ใช้เครื่องปรุงที่เธอทำด้วยนะ ฉันเคยไปกินมาแล้ว มันอร่อยมากเลยล่ะ! ถ้าเธอเข้าร่วมสมาคมนักทำอาหารของพวกเรา มันก็คงจะดีไม่น้อย! แต่ฉันก็ไม่แปลกใจหรอกที่เธอจะไม่สนใจ”
…
ทันใดนั้นก็มีใครคนนึงยกมือขึ้นและถามว่า “ผมอยากจะถามเชฟลู่ครับ คุณมีความคิดที่จะขายเครื่องปรุงบ้างไหมครับ?”
“ใช่แล้วครับ ถ้าคุณจะขาย คุณก็ติดต่อผมมาได้เลย ร้านของเราจะต้องให้ราคาที่คุณพึงพอใจอย่างแน่นอน!”
ลู่ฉิวเยว่ก้าวเดินออกมาข้างหน้าและรับไมโครโฟนมาจากทีมงาน “ขอบคุณทุกคนสำหรับคำชมเชยนะคะ ส่วนข้อเสนอของพวกคุณในวันนี้ ฉันจะเก็บไว้พิจารณาค่ะ”
แสดงว่ายังมีความหวังสินะ?
ทุกคนดวงตาลุกวาว รีบเดินเข้าไปหาเธอด้วยความตื่นเต้น
“เชฟลู่ ผมเถ้าแก่หลี่จากโรงแรมอานกั๋ว นี่คือนามบัตรของผม ร้านของเราอยากจะสั่งเครื่องปรุงจากคุณ…”
“ผมคือ…”
นามบัตรจำนวนนับไม่ถ้วนถูกยื่นส่งเข้ามาพร้อม ๆ กัน มันมีมากเสียจนลู่ฉิวเยว่รับเอาไว้ได้ไม่หมด โชคดีที่ทีมงานรีบเข้ามาช่วยเอาไว้ได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นเธอก็คงถูกรุมอยู่อย่างนั้นแล้ว
“เดี๋ยวเลิกงานแล้วฉันจะทิ้งเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ให้นะคะ ทุกคนไม่ต้องกังวลค่ะ” เธอยิ้มอย่างสุภาพและโค้งตัวคำนับเล็กน้อย
เดิมทีกลุ่มคนเหล่านี้เคยเป็นหุ้นส่วนธุรกิจของเหลียงซิง มีสองคนที่ยังเป็นหุ้นส่วนในปัจจุบันของเขาด้วยซ้ำ เมื่อเห็นท่าทางของหุ้นส่วนเหล่านี้ เหลียงซิงก็รู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเหมือนกำลังเหม็นอะไรบางอย่าง
“เหลียงซิง ตอนนี้จะยอมรับความพ่ายแพ้ได้แล้วหรือยัง?” เหอสยงอิ๋งแย่งไมโครโฟนไปจากทีมงานอีกคนหนึ่งและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
บังเกิดความเงียบปกคลุมในบรรยากาศ เหลียงซิงไม่คิดเลยว่าท่านประธานจะไม่ไว้หน้าเขาเพื่อลู่ฉิวเยว่ ถ้าไม่ได้มีกล้องจากนักข่าวอยู่มากมายขนาดนี้ เหลียงซิงก็คงเดินหนีออกมาแล้ว
และเนื่องจากคำพูดของท่านประธาน บรรดานักข่าวจึงหันกล้องถ่ายภาพกลับมาที่เหลียงซิงอีกครั้ง เขากลายเป็นจุดสนใจของทุกคน
ใบหน้าที่เคยสดใสก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลับบูดบึ้ง ทุกคนรู้ดีว่าเหลียงซิงกำลังอับอายเป็นอย่างยิ่ง
เขากำหมัดแน่น ต้องใช้เวลาตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมามองหน้าลู่ฉิวเยว่ผู้ยืนอยู่อย่างสง่างามตรงหน้าเขา และพูดออกมาด้วยความขมขื่นใจว่า “ทำไมผมต้องยอมแพ้ให้กับคนที่ไม่ยอมเปิดเผยสูตรของตัวเองด้วย?”
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะออกมาด้วยความขบขัน เรื่องราวบานปลายมาถึงขั้นนี้ เหลียงซิงก็ยังไม่ยอมแพ้เธอจริง ๆ
หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “งั้นคุณเอาสูตรลับประจำตระกูลของคุณมาเปิดเผยให้ทุกคนรู้บ้างดีไหมคะ? คุณเอาเงินประจำตระกูลของคุณมาแจกจ่ายให้ทุกคนใช้ด้วยดีไหม?”
กลุ่มคนดูหัวเราะลั่น พวกเขามองเหลียงซิงเป็นเพียงตัวตลกเท่านั้น
“นั่นสิ คุณเหลียง ทำไมคุณไม่สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนก่อน ด้วยการนำเงินในตระกูลมาแจกให้คนอื่นใช้บ้างล่ะ?”
เหล่านักข่าวรู้ดีว่านี่จะเป็นประเด็นใหญ่อย่างแน่นอน แล้วพวกเขาจะปล่อยให้ข่าวใหญ่หลุดมือไปได้อย่างไร กลุ่มนักข่าวรีบวิ่งเข้ามาขอสัมภาษณ์อย่างรวดเร็ว
“คุณเหลียงครับ ที่คุณพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เพราะว่าคุณอายใช่ไหมครับ?”
“คุณเหลียงครับ เท่าที่ผมรู้ ในการแข่งขันทำอาหารทั้งสองรอบที่ผ่านมา คุณแพ้ให้กับคุณลู่มาแล้วถึงสองครั้ง ผมได้ข่าวมาว่าคุณเป็นคนส่งคำท้าจัดการประลองในครั้งนี้ด้วยตัวเอง ผมขอถามได้ไหมครับว่าคุณไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?”
เหล่านักข่าวที่เคยถามคำถามลู่ฉิวเยว่อย่างไม่เกรงใจก่อนหน้านี้ หันมาถามคำถามกับเหลียงซิงด้วยความไม่เกรงใจเช่นกัน
เหลียงซิงถึงกับพูดอะไรไม่ออก เขาอยู่ในอาการลังเลอีกพักใหญ่ สุดท้ายก็กลั้นใจตอบออกมาพอเป็นพิธี ก่อนที่ชายหนุ่มจะสะบัดแขนเสื้อแล้วหมุนตัวเดินออกไปด้วยความโกรธแค้นและอับอาย
ลู่ฉิวเยว่จ้องมองแผ่นหลังของเหลียงซิงพลางหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ถ้าไม่อยากให้ตัวเองโดนกระทำแบบไหน ก็จงอย่ากระทำแบบนั้นกับคนอื่น ในเมื่อเขาอยากจะเล่นงานเธอก่อน เธอก็ต้องเล่นงานกลับอยู่แล้ว
หลังจากที่เหลียงซิงเดินจากไป กลุ่มนักข่าวก็หันความสนใจกลับมาที่ลู่ฉิวเยว่ ในขณะนี้ คำถามของพวกเขามีความอ่อนโยนมากกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า และแววตาของนักข่าวหลายคนก็บอกชัดถึงความชื่นชม
“เชฟลู่ ตอนที่เราสัมภาษณ์คุณก่อนหน้านี้ คุณบอกว่าตัวเองเป็นสาวจากชนบท ผมนับถือคุณจริง ๆ คุณช่วยเล่าให้พวกเราฟังหน่อยได้ไหมว่าคุณใช้ชีวิตมายังไงบ้างครับ?”
นักข่าวพวกนี้ก็แค่พวกที่ชอบยืนอยู่ข้างผู้ชนะเท่านั้น ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเยาะอยู่ในใจ แต่เธอก็ยังตอบคำถามทุกคนอย่างใช้ความคิดและเต็มไปด้วยความสุภาพอ่อนน้อม
“เชฟลู่ ประสบการณ์ชีวิตของคุณน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ได้ไม่น้อย เราอยากจะสัมภาษณ์คุณแบบลงรายละเอียด ไม่ทราบว่าคุณสะดวกไหมครับ?”
ทันใดนั้น มีใครคนหนึ่งพูดขึ้นมา ลู่ฉิวเยว่ก็ตอบรับกลับไปทันทีว่า “ไม่มีปัญหาค่ะ”
แน่นอนว่าการสัมภาษณ์ลงหนังสือพิมพ์เช่นนี้จะช่วยโปรโมทร้านอาหารและร้านขายยาของเธอได้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะการลงหนังสือพิมพ์จะทำให้คนกลุ่มใหญ่รู้จักเธอรวดเร็วมากขึ้น
“คุณนี่ใจดีจังเลย!” กลุ่มนักข่าวหัวเราะด้วยความชอบใจ
การสัมภาษณ์ลงรายละเอียดใช้เวลาไม่นานนัก หลังจากนั้นทีมงานก็มาเชิญตัวกลุ่มนักข่าวออกไป
ในที่สุด ลู่ฉิวเยว่ก็ถอนหายใจออกมาได้ด้วยความโล่งอก เธอลุกขึ้นยืนอย่างสง่างาม เมื่อเห็นเหอสยงอิ๋งอยู่ไม่ห่างออกไป เธอก็หยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาโดยทันที “ท่านประธานกำลังรอฉันอยู่หรือเปล่าคะ?”
“ใช่แล้ว” เหอสยงอิ๋งยิ้มออกมาอย่างแจ่มใส ก่อนจะชี้มือไปที่กลุ่มคนที่อยู่ทางด้านหลัง “พวกเขาทุกคนเป็นสมาชิกของสมาคมนักทำอาหารและพวกเขาก็ชื่นชมในฝีมือของคุณมาก พวกเขาอยากจะรับประทานอาหารกับคุณ ไม่ทราบว่าเชฟลู่พอจะมีเวลาบ้างไหม?”
“ใช่แล้วครับ เชฟลู่ พวกเราอยากจะพูดคุยเรื่องการทำอาหารกับคุณ” กลุ่มคนที่อยู่ทางด้านหลังพูดขึ้นอย่างเห็นด้วย
ลู่ฉิวเยว่หยุดชะงักให้กับคำว่าเชฟลู่ที่อีกฝ่ายเรียกหา เธอรีบตอบรับกลับไปอย่างถ่อมตัวว่า “ฉันไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเชฟหรอกค่ะ แต่ฉันย่อมมีเวลารับประทานอาหารกับพวกคุณอยู่แล้ว”
ท่านประธานหัวเราะลั่นและผายมือเป็นท่าทางเชื้อเชิญ “เลขาของผมจองโต๊ะที่ร้านอาหารเอาไว้แล้ว พวกเราไปกันเลยเถอะ”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า
เนื่องจากมีผู้คนเยอะเกินไป รถยนต์ของทางสมาคมจึงไม่สามารถบรรจุผู้โดยสารได้ทั้งหมด แต่โชคดีที่เลขาจองร้านอาหารเอาไว้ไม่ห่างจากที่นี่สักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงเดินไปได้โดยไม่มีปัญหา
แล้วพวกเขาก็ไปถึงร้านอาหารด้วยความสดชื่นแจ่มใส บรรยากาศของอาหารมื้อนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข
เหอสยงอิ๋งดื่มไวน์และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เชฟลู่มีฝีมือทำอาหารยอดเยี่ยมมาก พวกเราชื่นชมคุณจริง ๆ ไม่ทราบว่าคุณอยากจะมารับตำแหน่งรองประธานในสมาคมของเราไหม?”
รองประธานอย่างนั้นเหรอ? ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความไม่อยากเชื่อ เธอหันไปมองกลุ่มคนที่อยู่รอบกาย ดูเหมือนพวกเขาจะรู้ถึงการตัดสินใจของท่านประธานอยู่แล้ว ทุกคนจึงไม่ได้มีท่าทางตกใจเลย
“ฉันยังไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องนี้หรอกค่ะ ตอนนี้ฉันแค่อยากจะทำเรื่องขอใบอนุญาตเปิดร้านอาหารให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเท่านั้น” หญิงสาวใช้ความคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะปฏิเสธไปอย่างสุภาพ
“เชฟลู่ คุณลองคิดดูให้ดีนะ” แต่บรรดาสมาชิกของสมาคมนักทำอาหารไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ พวกเขาเริ่มบอกถึงข้อดีในการเป็นสมาชิกให้เธอฟัง ดูเหมือนว่าทุกคนอยากจะให้ลู่ฉิวเยว่เข้าร่วมกับสมาคมนักทำอาหารจริง ๆ
“ถ้าคุณเข้าร่วมสมาคมของเรา ร้านอาหารของคุณก็จะมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น…”
“ใช่แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องมาทำงานให้สมาคมอะไรมากมาย รับรองว่าไม่ส่งผลกระทบต่อร้านอาหารของคุณแน่…”
เมื่อได้รับการหว่านล้อมจากทุกคนถึงขนาดนี้ ลู่ฉิวเยว่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไป เธอเม้มริมฝีปากและจำใจต้องตอบตกลงในที่สุด
เหอสยงอิ๋งได้สิ่งที่ตนเองต้องการแล้ว เขาหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ ก่อนพูดว่า “ยอดเยี่ยม” หลายครั้งติด ๆ กัน ไม่ว่าผู้ใดล้วนดูออกว่าชายชรากำลังดีใจเป็นอย่างยิ่ง