สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 156 พบกับเหลียงซิงที่หน้าโรงแรม
บทที่ 156 พบกับเหลียงซิงที่หน้าโรงแรม
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ยังรักษาความสงบบนสีหน้าเอาไว้ “เอกสารไม่ครบเหรอคะ?”
หญิงวัยกลางคนหันมามองหน้าเธอเล็กน้อย “ใช่ เอารูปถ่ายบัตรประชาชนมาด้วยสิ”
หลังจากพูดจบ หญิงวัยกลางคนผู้นั้นก็หันไปพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี นั่นยิ่งทำให้ลู่ฉิวเยว่ที่ยืนอยู่เพียงลำพังรู้สึกอับอายมากไปกว่าเดิม
หลังจากยืนรออยู่นานและเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะหยุดพูดคุยเลย ลู่ฉิวเยว่จึงต้องส่งเสียงไอขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ พยายามจะเรียกร้องความสนใจจากหญิงวัยกลางคนอีกครั้ง
“มีอะไร?” หูเจวี้ยนหันมามองหน้าเธอด้วยแววตาไม่พอใจ
“รูปถ่ายเป็นภาพขาวดำใช่ไหมคะ?”
หูเจวี้ยนทำเหมือนไม่ได้ยินคำถามของลู่ฉิวเยว่ เธอหันกลับไปหัวเราะคิกคักให้กับเพื่อนร่วมงานอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงได้หันกลับมารับคำเบา ๆ ว่า “ใช่”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าพลางถอนหายใจ รวบรวมเอกสารของตนเองกลับคืนมาและหันหลังเดินกลับออกมาจากสำนักงานอีกครั้ง หลังจากเดินหาอยู่นาน หญิงสาวก็เจอร้านถ่ายรูปอยู่ห่างออกไป กว่าจะจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น เธอก็เรียกรถและนั่งกลับมาอีกครั้งตอนบ่ายสามโมงครึ่ง
“ฉันเอารูปถ่ายมาแล้วค่ะ ช่วยทำเรื่องขอใบอนุญาตให้ด้วยนะคะ” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะทำงานของเจ้าหน้าที่หญิงวัยกลางคน
ทำไมต้องเป็นป้าคนนี้อีกแล้วนะ!
ตอนแรก หูเจวี้ยนก็ยังมีสีหน้ายิ้มแย้มดีอยู่หรอก แต่เมื่อหันมาเห็นว่าเป็นลู่ฉิวเยว่ เธอก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย ยื่นมือออกไปรับภาพถ่ายขาวดำมาดู แล้วสีหน้าก็เย็นชาขึ้นมาอีกครั้ง
“ถ้าจะมาทำเรื่องขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจต้องใช้ภาพสีค่ะ เอาภาพถ่ายขาวดำมามันจะมีประโยชน์อะไร? แล้วก็เอาเอกสารพวกนี้ไปให้ทางตำรวจประทับตรารับรองก่อนนะคะ เสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยกลับมาใหม่”
เมื่อรู้ตัวว่าต้องวิ่งกลับไปกลับมาอีกครั้ง ลู่ฉิวเยว่ก็มีสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาจริง ๆ “แต่ก่อนหน้านี้ฉันถามคุณไปแล้วนะว่าใช้ภาพถ่ายขาวดำใช่ไหม คุณก็บอกมาว่าใช่ แล้วทำไมตอนนี้ถึงบอกว่าไม่ใช่คะ? หลอกให้คนอื่นวิ่งกลับไปกลับมาแบบนี้มันสนุกนักหรือไง?”
หูเจวี้ยนทำงานอยู่ในตำแหน่งนี้มาหลายปีแล้ว เธอจะเคยเจอคนที่มายื่นเอกสารถามกลับมาอย่างนี้ได้อย่างไร? หูเจวี้ยนย่อมทนไม่ได้อยู่ เธอรีบยิ้มเยาะเย้ย พูดจาถากถางกลับไปว่า “แล้วไงคะ? เรื่องพื้นฐานแค่นี้จะต้องให้ฉันบอกทุกอย่างเลยไหม? คุณไม่เข้าใจหรือไงว่าถ้าจะยื่นเรื่องขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ คุณต้องใช้ภาพถ่ายบัตรประชาชนเป็นภาพสี”
ลู่ฉิวเยว่เกือบจะหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ สิ่งที่อีกฝ่ายเรียกว่าเรื่องพื้นฐาน มันเป็นความรู้ที่อยู่ในเฉพาะวงของเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น แล้วประชาชนคนธรรมดาอย่างเธอจะไปรู้ได้อย่างไร?
“ขนาดจะทำเรื่องขอใบอนุญาตยังทำไม่ได้ ฉันว่าคุณอย่าเปิดร้านอะไรเลยค่ะ เปิดไปก็มีแต่เจ๊งเปล่า ๆ…” เจ้าหน้าที่หญิงวัยกลางคนยังคงพูดต่อไป
นี่ก็เย็นมากแล้ว สำนักงานใหญ่ของกรมอุตสาหกรรมและการค้ากำลังจะถึงเวลาปิดในอีกไม่เกินสามชั่วโมง เวลาในการทำเรื่องขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจเหลืออยู่ไม่มาก ลู่ฉิวเยว่จึงไม่สนใจโต้เถียงกับหญิงวัยกลางคนผู้นี้อีก เธอรีบเดินออกไปจากสำนักงานอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อเธอเดินพ้นประตูออกมา หญิงสาวก็เริ่มพบเจอกับปัญหาอีกครั้ง เธอคิดไม่ถึงเลยว่ากระบวนการขอใบอนุญาตประกอบการค้าจะซับซ้อนและยุ่งยากถึงขนาดนี้
เมื่อพิจารณาดูจากพฤติกรรมของหญิงวัยกลางคนผู้นั้น เห็นได้ชัดว่าเธอตั้งใจไม่ยอมบอกข้อมูลทั้งหมดแก่ลู่ฉิวเยว่ตั้งแต่แรก และตอนนี้ฉินซือก็กำลังกลับไปจัดการกับปัญหาที่โรงงาน เขาย่อมไม่สามารถกลับมาช่วยเหลือเธอได้…
ลู่ฉิวเยว่หยุดยืนใช้ความคิดอยู่เล็กน้อย หลังจากนั้นเธอก็เดินมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง ซึ่งอีกสิบนาทีให้หลัง เธอก็เดินเข้าสู่โรงแรมเซิงหัว เดินตรงเข้าไปที่เคาน์เตอร์ทางด้านหน้า
“สวัสดีค่ะ ฉันมาขอพบเถ้าแก่ซู เจ้าของโรงแรมของคุณ ช่วยแจ้งให้หน่อยได้ไหมคะ?”
พนักงานสาวที่เคาน์เตอร์เงยหน้ามองขึ้นมาและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ได้นัดไว้หรือเปล่าคะ?”
ต้องนัดด้วยเหรอเนี่ย?
ลู่ฉิวเยว่ยิ่งรู้สึกปวดหัวมากไปกว่าเดิม แน่นอนว่าเธอไม่ได้นัดล่วงหน้าเอาไว้ เธอแค่มาเสี่ยงโชคที่นี่ หญิงสาวจึงส่ายศีรษะ “ไม่ได้นัดเอาไว้ค่ะ แต่คุณช่วยแจ้งเถ้าแก่ให้หน่อยนะคะ บอกว่าฉันมาปรึกษาเรื่องการร่วมธุรกิจ ผู้จัดการของคุณก็น่าจะรู้จักฉันเหมือนกัน ช่วยแจ้งเรื่องให้หน่อยได้ไหมคะ?”
“ไม่ได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการหรือเถ้าแก่ก็มาพบคุณไม่ได้หรอก คุณต้องกลับไปนัดพบล่วงหน้าก่อนนะคะ” พนักงานสาวขมวดคิ้ว ในแต่ละวันมีพวกผู้หญิงหน้าตาดีมาถามหาเถ้าแก่ของเธอเป็นจำนวนมาก ผู้หญิงพวกนั้นต่างก็พยายามจะเข้าหาเถ้าแก่ ดังนั้นผู้หญิงคนนี้ก็คงเหมือนกัน
เมื่อจ้องมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของลู่ฉิวเยว่ พนักงานสาวก็รู้สึกเสียดายขึ้นมาเล็กน้อย เพราะอะไรกันนะ หน้าตาก็ดี ไม่น่าเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงินแบบนี้เลย
“ถ้าอย่างนั้น…ฉันรออยู่ตรงนี้ก็ได้ค่ะ” ลู่ฉิวเยว่รู้ดีว่าเธอต้องทำตามกฎเช่นกัน ดังนั้น เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากถอยออกมา
“วันนี้เถ้าแก่ไม่เข้าโรงแรมค่ะ คุณกลับไปก่อนเถอะ รอไปก็เสียเวลาเปล่า” พนักงานหญิงจ้องหน้าเธออีกเล็กน้อยก่อนจะเตือนขึ้นเบา ๆ
วันนี้ไม่เข้าโรงแรม…
ดวงตาของลู่ฉิวเยว่ปรากฏความหมองหม่นขึ้นมาในทันใด เธอยิ้มด้วยความจนใจ ขอบคุณพนักงานหญิง หมุนตัวเดินออกมาจากโรงแรม ยืนมองถนนที่มีคนเดินผ่านไปผ่านมา ไม่รู้อีกแล้วว่าตนเองควรทำอะไรดี
สงสัยคงต้องกลับบ้านไปขอความช่วยเหลือจากฉินซือในคืนนี้เสียแล้วสิ
ในจังหวะที่เธอกำลังจะเดินออกไปนั้นเอง เสียงของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นทางด้านหลัง
“ลู่ฉิวเยว่!”
เสียงนั้นคุ้นหูอย่างน่าประหลาด ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูง หันกลับไปมองและก็ได้พบเห็นเหลียงซิงเดินเอามือล้วงกระเป๋าเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางสบาย ๆ
“คุณเหลียง เรียกฉันมีอะไรหรือเปล่าคะ?” เธอถามด้วยความไม่ไว้ใจ ย่อมจำได้ดีว่าผู้ชายคนนี้มีความเกรี้ยวกราดอย่างไรต่อเธอบ้างระหว่างการแข่งขันทำอาหาร เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่เชื่อว่าเขาจะมีเจตนาดีกับตนเอง
เมื่อได้ยินคำถามนั้น เหลียงซิงก็หัวเราะเยาะตอบกลับมาทันที “ลู่ฉิวเยว่ ไม่เจอกันนานเลยนะ เป็นยังไงบ้าง? ไม่เจอตัวคนที่คุณอยากจะเจอในโรงแรมหรือไง?”
ผู้หญิงคนนี้แย่งชิงตำแหน่งอันดับหนึ่งไปจากเขา และยังแย่งชิงการเป็นหุ้นส่วนธุรกิจไปจากเขาด้วยเหมือนกัน เขาจึงเกลียดเธอมาก เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของเธอ เหลียงซิงจึงรู้สึกมีความสุขจากก้นบึ้งของหัวใจจริง ๆ
ลู่ฉิวเยว่กลอกตามองบน ผู้ชายคนนี้คงแอบดูเธอมาตั้งแต่แรกและเขาก็คงเห็นว่าเธอต้องเดินกลับออกมาพร้อมกับความผิดหวัง สุดท้าย ลู่ฉิวเยว่ก็ต้องฝืนหัวเราะตอบกลับไปว่า
“ใช่ค่ะ” เธอตอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีท่าทางอับอายแต่อย่างใด “แล้วไงคะ? ไม่ทราบว่ามันไปหนักส่วนไหนของคุณเหลียงหรือเปล่า?”
เหลียงซิงถึงกับหน้าชาไปทันทีด้วยคำพูดของเธอ
“อ้อ ฉันนึกว่าคุณเหลียงจะยิ่งใหญ่มาจากไหน แต่สุดท้าย คุณก็เข้าพบเถ้าแก่ซูไม่ได้เหมือนกัน” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย และในสายตาของเหลียงซิง นี่คือรอยยิ้มเหยียดหยาม เขารู้สึกโกรธจนอยากจะบีบคอเธอขึ้นมาจริง ๆ
เมื่อเห็นชายหนุ่มหน้าแดงจากการกลั้นหายใจ ลู่ฉิวเยว่ก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น เธอหมุนตัวหันกลับมาและก้าวเดินออกไป
“นี่! เดี๋ยวก่อนสิ!” เหลียงซิงโกรธจนหน้าแดงขนาดนี้ เขาจะปล่อยเธอไปง่าย ๆ ได้อย่างไร เมื่อเห็นเอกสารในมือของเธอ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายระยิบระยับ เขานึกแผนอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบเข้าไปขวางหน้าเธอไว้ “คุณอยากจะยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจใช่ไหม? ถ้าคุณเข้าร่วมสมาคมนักทำอาหารของพวกเรา ผมจะช่วยคุณเอง”
ลู่ฉิวเยว่ไม่เชื่ออยู่แล้วว่าเขามีเจตนาดี เมื่อสักครู่นี้ยังโกรธเธอหน้าดำหน้าแดงอยู่เลย แล้วอยู่ดี ๆ จะมาช่วยเหลือเธอเนี่ยนะ
ลู่ฉิวเยว่ปฏิเสธกลับไปอย่างไม่ต้องคิด “ขอบคุณมากค่ะ คุณเหลียง แต่เรื่องนี้ฉันจัดการเองได้ ไม่ต้องรบกวนคุณหรอก”
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น เหลียงซิงก็ถึงกับต้องชะงักไปอีกครั้ง หญิงสาวใช้จังหวะนี้รีบเดินออกมาอย่างรวดเร็ว
บัดซบ! ผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมติดกับดัก!
เหลียงซิงรู้สึกเคียดแค้นเป็นอย่างยิ่ง ทำได้เพียงมองแผ่นหลังของหญิงสาวเดินห่างไกลออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่แล้วใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มชั่วร้าย
…
เหลียงซิงเดินเข้าไปในสำนักงานของสมาคมนักทำอาหารด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ทำเอาเพื่อน ๆ ในสมาคมต้องหันมามองเป็นตาเดียวกัน
ใครคนหนึ่งก้าวออกมาข้างหน้าและถามด้วยความเป็นกังวล “เป็นอะไรไปครับท่านรองประธาน? ถูกใครก่อกวนมาหรือปล่าครับ?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ เหลียงซิงก็ยิ่งมีหน้าตาบูดบึ้งมากกว่าเดิม เขาลังเลอยู่นาน ก่อนที่จะเปิดเผยสาเหตุในที่สุด