สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 150 เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ
บทที่ 150 เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ
หญิงสาวดึงตัวเองกลับเข้ามาอยู่ในรถ ก่อนจะหันมาถามฉินซือว่า “ฉันต้องจ่ายคุณคืนเท่าไหร่?”
“ไม่ต้องจ่าย” ฉินซือส่ายหน้าและหัวเราะในลำคอ “ทำไมคุณต้องเกรงใจผมด้วย?”
ในฐานะคนรักของเขา แค่ฉินซือให้เธอกับหวังเซวียนเซวียนมาอาศัยอยู่บ้านเขาโดยไม่คิดเงินก็น่าเกรงใจพอแล้ว แต่นี่เขากลับหาร้านค้าในทำเลที่ดีงามมาให้เธออีก แล้วจะให้ลู่ฉิวเยว่ยอมรับเอาไว้ได้อย่างไร
ลู่ฉิวเยว่จ้องมองเขาด้วยความดื้อรั้น พูดอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “ไม่ได้ ฉันต้องจ่ายคืนคุณแน่นอน บอกฉันมาเถอะว่าเท่าไหร่”
ฉินซือเม้มริมฝีปากแน่น แต่สุดท้ายก็ยอมบอกตัวเลขออกมา ก่อนที่เขาจะเปิดประตูลงไปจากรถยนต์ ลู่ฉิวเยว่เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาไม่พอใจ
หญิงสาวหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ รีบลงจากรถและเดินตามไปกุมมือเขาไว้
สัมผัสอบอุ่นที่ฝ่ามือทำให้ฉินซืออดยิ้มออกมาไม่ได้ ความหงุดหงิดใจในแววตาสลายหายไป แล้วเขาก็กุมมือเธอแนบแน่นเช่นกัน
นั่นทำให้ลู่ฉิวเยว่แอบยิ้มออกมา
การตกแต่งด้านในของร้านค้าที่เขาซื้อไว้ให้เธอไม่เก่าเลย ทุกอย่างน่าจะได้รับการทำใหม่หมด 70% – 80% มาเรียบร้อยแล้ว หลังจากเดินสำรวจดู ลู่ฉิวเยว่ก็เริ่มออกแบบการตกแต่งอยู่ในใจเงียบ ๆ ขึ้นมาทันที
“เรียบร้อย พวกเรากลับกันเถอะค่ะ ฉันสำรวจเสร็จแล้ว” หลังจากเดินดูภายในร้านได้พักใหญ่ ลู่ฉิวเยว่ก็หันหลังเดินกลับออกไปจากประตู
ฉินซือพยักหน้า
หลังจากที่พวกเขากลับไปถึงบ้านพัก ลู่ฉิวเยว่ก็รีบตรงเข้าไปในห้องนอนของเธอ นำเงินสดที่เตรียมไว้ออกมานับดูเป็นอย่างดี เรียบร้อยแล้วจึงนำเงินใส่ซองเอามายื่นให้แก่ฉินซือ
“คุณเก็บเงินเอาไว้เถอะ หลังจากนี้คงต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตกแต่งอีกพอสมควร การเงินของคุณอาจจะติดขัดเอาได้ คิดเสียว่าผมเป็นหุ้นส่วนก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มไม่อยากรับเงินเอาไว้ เขาจึงพยายามหาข้ออ้าง แต่ลู่ฉิวเยว่ก็ไม่ยอม รีบยัดซองเงินใส่กระเป๋าของเขาทันที “ฉันไม่อยากให้คุณมาเป็นหุ้นส่วนของฉัน ฉันเตรียมเงินแยกเอาไว้อีกก้อนหนึ่งแล้ว คุณไม่ต้องห่วงหรอก”
“คุณทำเหมือนผมเป็นคนนอกไปได้!” ฉินซือกัดฟันกรอดและดึงเธอเข้ามากอด “ลู่ฉิวเยว่ ผมยังเป็นแฟนคุณอยู่หรือเปล่า?”
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาด้วยความเหนื่อยใจเล็กน้อย แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่เห็นเขารักเธอขนาดนี้ เธอโอบแขนกอดเอวเขาและแนบใบหน้าลงไปบนหน้าอกของเขาพลางพูดเบา ๆ ว่า “ก็เพราะคุณเป็นแฟนฉันไง ฉันถึงต้องคืนเงินคุณ”
นี่คือความรู้สึกที่บริสุทธิ์ ไม่ควรเอาเรื่องอื่นมายุ่งเกี่ยวด้วยมากเกินไป
ฉินซือหัวเราะในลำคอเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ถึงเสียงที่ดื้อรั้นของเธอ เขาวางคางไว้บนศีรษะของแฟนสาวและพูดว่า “งั้นผมจะเชื่อคุณก็แล้วกัน”
ฉินซืออธิบายไม่ถูกเลยว่าตอนนี้ตนเองกำลังรู้สึกอย่างไร เขาทั้งรักและโกรธเธอ เขาหลงใหลในความรักอิสระ ความมีเสน่ห์ และความมุ่งมั่นของเธอ แต่เขาก็ไม่ชอบเลยที่เธอไม่คิดพึ่งพาเขาสักนิด แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม
“วันพรุ่งนี้ผมจะพาคุณเดินดูร้านรอบ ๆ เพราะถ้าเราจะทำสงครามกับใคร เราก็ต้องรู้จักศัตรูให้ดีเหมือนกับที่เรารู้จักตัวเอง”
ลู่ฉิวเยว่กำลังแนบใบหน้าอยู่ในอ้อมแขนของเขา เมื่อได้น้ำเสียงแหบแห้งและทุ้มต่ำของเขาพูดอยู่เหนือศีรษะ ใบหน้าของหญิงสาวก็เกิดการสั่นไหวเล็กน้อย เธอไอออกมาเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น “ได้เลยค่ะ”
…
บนท้องถนนมีผู้คนหนาแน่น ได้ยินเสียงโวยวายดังขึ้นตลอดเวลา ลู่ฉิวเยว่เดินจับมือที่อบอุ่นของฉินซือเฝ้ามองร้านค้าที่อยู่ในละแวกเดียวกันกับร้านของเธอ
“สินค้าในเมืองหลวงราคาแพงกว่าบ้านเราเยอะเลยนะครับ” หลังจากเดินสำรวจร้านค้ากันมาได้หลายซอย หวังเซวียนเซวียนก็พูดขึ้นมาในที่สุด
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ที่นี่เป็นเมืองหลวงของประเทศเรานะ ราคาก็ต้องแพงกว่าที่บ้านเราอยู่แล้ว”
“คุณอยากจะเดินซื้ออะไรอีกไหม?” ฉินซือยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงเช้าแล้ว
ลู่ฉิวเยว่ส่ายหน้า เธอเองก็ดูเวลาเช่นกัน จึงเสนอความคิดเห็นว่า “พวกเราไปหาช่างรับเหมาที่จะมาตกแต่งภายในร้านกันดีไหมคะ?”
ถึงผนังในร้านจะไม่เก่ามาก แต่เมื่อเทียบกับสภาพของร้านค้าที่อยู่โดยรอบ เธอก็จำเป็นต้องปรับปรุงร้านของตัวเองใหม่
ฉินซือพยักหน้าอย่างเห็นด้วยและขับรถพาเธอไปที่จุดหมายปลายทางแห่งใหม่
เมื่อไปถึงจุดหมายปลายทาง เขาก็ชี้มือไปที่ร้านค้าแห่งหนึ่งและพูดว่า “คุณไปรอผมที่ร้านนั้นก่อนนะ เดี๋ยวผมวนหาที่จอดรถก่อน”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าและเปิดประตูรถ แสงแดดยามเที่ยงร้อนระอุ เธอขมวดคิ้วและรีบลากหวังเซวียนเซวียนไปหลบแดดในชายคาร้านค้า
“เถ้าแก่ ขอน้ำอัดลมสองขวดจ้ะ” หญิงสาวชี้มือไปที่ตู้เย็น ควักเงินออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับยิ้มกว้าง
“ได้เลยครับ ได้เลย” เถ้าแก่เจ้าของร้านมีอายุประมาณ 50 ปี เขากำลังยุ่งอยู่กับการยกถังใส่ไอศกรีมแท่งลงมาจากรถกระบะของตนเอง เมื่อได้ยินเสียงอ่อนหวานของหญิงสาว เถ้าแก่ก็รีบเหยียดหลังตรง ตอบรับพร้อมกับยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก
ลู่ฉิวเยว่เปิดฝาขวดน้ำอัดลมและยกขึ้นดื่ม หันกลับไปก็เห็นว่าหวังเซวียนเซวียนกำลังช่วยเลื่อนถังไอศกรีมให้แก่เจ้าของร้าน เธอหัวเราะในลำคอ วางขวดน้ำอัดลมลงไปบนโต๊ะ พับแขนเสื้อขึ้นกำลังจะเข้าไปช่วยด้วยอีกคน
คุณลุงรีบเดินเข้ามาหาทันที “ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมทำเอง คุณผู้หญิงอย่าเหนื่อยแรงเลย”
ระหว่างพูด เถ้าแก่เจ้าของร้านก็พยายามจะแย่งถังไอศกรีมไปจากลู่ฉิวเยว่ แต่หญิงสาวก็หันไปตอบว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เถ้าแก่ไปพักเถอะ เดี๋ยวฉันช่วยเอง กว่าเถ้าแก่จะย้ายเข้าร้านเสร็จ ไอศกรีมพวกนี้คงละลายกันหมดพอดี”
เถ้าแก่จึงยิ้มออกมาอย่างเห็นด้วย ก่อนจะเดินไปยกถังไอศกรีมอีกถังหนึ่งที่มีขนาดเล็กกว่านี้ด้วยตัวเอง
ลู่ฉิวเยว่กับหวังเซวียนเซวียนช่วยเถ้าแก่เจ้าของร้านยกถังไอศกรีมเข้าไปในตู้แช่ด้านในร้าน ขั้นตอนทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 6-7 นาที เถ้าแก่จึงไม่อยากรับเงินค่าน้ำอัดลมที่เธอส่งให้
ลู่ฉิวเยว่ไม่สามารถขัดใจเจ้าของร้านได้ สุดท้ายเธอก็ต้องยอมตกลงอย่างไม่มีทางเลือก
“คุณผู้หญิงไม่ใช่คนแถวนี้สินะ?” เถ้าแก่ยิ้ม หยิบขนมขบเคี้ยวจากลิ้นชักมาให้พวกเธอ “ฟังจากสำเนียงน่าจะเป็นคนที่อื่น”
“พวกเรามาจากเมืองหัวอ้ายค่ะ” ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอ “พอดีเข้ามาทำธุระที่เมืองหลวง ก็เลยถือโอกาสมาเดินเล่นกันสักหน่อย ที่นี่มีความเจริญมากกว่าเมืองชนบทหลายเท่าเลยนะคะ”
“เมืองหลวงของเราเป็นศูนย์กลางทางการเมือง จะไม่เจริญได้ยังไงครับ!” เถ้าแก่พูดด้วยความภาคภูมิใจ
เมื่อฉินซือเดินมาถึง เขาก็เห็นแฟนสาวของตนเองกำลังพูดคุยกับเถ้าแก่เจ้าของร้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ไม่ทราบเลยว่าพวกเขาพูดคุยอะไรกัน แต่บรรยากาศผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง
ลู่ฉิวเยว่มีความสามารถพิเศษในการพูดคุยได้กับทุกคนจริง ๆ
เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ เดินเข้าไปถามว่า “คุณอยากจะหาช่างตกแต่งภายในไม่ใช่เหรอ พวกเราไปกันเลยดีไหม?”
เสียงของชายหนุ่มค่อนข้างมีเอกลักษณ์ ถึงจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนมากมาย แต่ลู่ฉิวเยว่ก็ยังจำเสียงเขาได้โดยทันที เธอหันกลับมาตอบรับพร้อมกับยิ้มกว้าง “ไปกันเลยค่ะ”
หลังจากนั้น ลู่ฉิวเยว่ก็หันกลับไปบอกลาคุณลุงเจ้าของร้าน “เถ้าแก่คะ ฉันยังมีธุระต้องไปทำอีก เอาไว้คุยกันใหม่เมื่อมีโอกาสครั้งหน้านะคะ”
หญิงสาวกำลังจะหมุนตัวกลับมา เถ้าแก่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอื้อมมือมาดึงแขนเสื้อของเธอเอาไว้
“คุณกำลังตามหาช่างตกแต่งภายในใช่ไหม?” เขาถามด้วยความประหลาดใจ
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ถือโอกาสนี้โปรโมตร้านของตัวเองเสียเลย “ใช่ค่ะ ฉันมาเปิดร้านอยู่ที่ถนนชางหนิง เอาไว้ฉันเปิดร้านอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ เถ้าแก่อย่าลืมมาอุดหนุนกันบ้างนะคะ”
คุณลุงยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาพูดเสียงดังกังวานว่า “ไม่ต้องไปหาที่อื่นแล้ว น้องชายของผมเป็นช่างรับเหมาตกแต่งภายในพอดี ในเมื่อพวกเราเป็นมิตรสหายกันแล้ว ผมจะแนะนำคุณให้เขาได้รู้จักเอง ผมยินดีรับประกันว่าราคาถูกกว่าไปหาที่อื่นแน่นอน แถมวัสดุที่เขาใช้แต่ละอย่างยังเป็นของดีที่สุดอีกด้วย!”
“จริงเหรอคะ? ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมากเลยค่ะ!” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจและขอบคุณชายชรา เธอไม่คิดจริง ๆ ว่าเรื่องราวจะราบรื่นถึงเพียงนี้
ที่เธอพูดคุยกับคุณลุงก็เพราะเห็นว่าคุณลุงเป็นคนดี ไม่ได้ถือโอกาสโก่งราคาเธอ
ชายชราโบกไม้โบกมือบอกว่าไม่ต้องขอบคุณ หลังจากนั้นเขาก็บอกให้พวกเธอช่วยเฝ้าร้านให้หน่อย ก่อนที่ตนเองจะเดินออกไปข้างนอก แล้วพาชายวัย 40 ปีคนหนึ่งกลับมาในอีกไม่กี่นาทีให้หลัง
ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว ก็คงไม่พาเข้าบ้าน ชายวัย 40 ปีคนนี้ก็มีท่าทางใจดีเหมือนกัน ยามพูดคุยมักจะมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ