สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 13 ปัญหาเกี่ยวกับสาลี่ (รีไรท์)
บทที่ 13 ปัญหาเกี่ยวกับสาลี่ (รีไรท์)
บทที่ 13 ปัญหาเกี่ยวกับสาลี่ (รีไรท์)
เข้าช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ต้นกล้าทางใต้เพิ่งถูกถอนออก ทุ่งนากำลังงามปลั่ง เต็มไปด้วยสีเขียวขจีไม่มีที่สิ้นสุด
ลู่ฉิวเยว่กำลังเดินช้า ๆ บนสันเขาพร้อมกับตะกร้าไม้ไผ่ จากนั้นก็วิ่งเข้าไปหาเลขาหวัง
“ทำไมวันนี้เลขาหวังถึงดูกังวลล่ะคะ?” เธอถามด้วยความเป็นห่วง
“เฮ้อ!”
เลขาหวังกำลังก้มหน้าลงครุ่นคิดอะไรบางอย่าง พอมีเสียงดังขึ้นเขาก็ตกอกตกใจ
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ถอนหายใจ เอ่ยอย่างหมดหนทางว่า “ผมไม่เข้าใจเลย ก็เรื่องผลไม้กระป๋องนั่นแหละครับ ทั้งที่ผลไม้กระป๋องของเรามีกลิ่นหอมหวาน รสชาติก็อร่อยที่สุดในประเทศ ทำไมถึงขายไม่ได้กันนะ?”
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้ว เธอพอรู้อะไรมาบ้าง
เนื่องจากผลไม้กระป๋องขายไม่ได้ เธอจึงไม่ได้เก็บสาลี่มาหลายวันแล้ว บรรดาคุณลุงและพี่สาวมาหาเธอทุกวันเพื่อถามถึงเรื่องนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอกลัวถูกถามจริง ๆ เธอคงไม่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่หรอก
“บางทีมันอาจจะค่อย ๆ ดีขึ้น เลขาหวังอย่าเพิ่งกังวลมากเกินไปเลย” เธอยิ้มพลางปลอบโยน
เลขาหวังยิ้มอย่างขมขื่น “ที่เมืองหลวงเรื่องงานเป็นไปได้ด้วยดี เจ้านายคงไม่คิดว่าจะมีปัญหาในโรงงานเล็ก ๆ ที่นี่ ตอนนี้เขารำคาญใจมากเลยล่ะครับ”
นับตั้งแต่เธอได้พบกับฉินซือ เขาก็ดูสงบนิ่งอยู่เสมอราวกับว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
ลู่ฉิวเยว่ไม่เคยเห็นฉินซือดูกังวลเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เธอชักจะอยากเห็นแล้วสิ
“งั้นผมกลับก่อนนะ” เลขาหวังส่ายหัว หน้าของเขายับย่นเหมือนคนแก่อ่างไรอย่างนั้น
…
ฉินซือยังคงสงบนิ่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเย็น เขาไม่ได้กินน้อยลงแต่อย่างใด
ลู่ฉิวเยว่มองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
เรื่องนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของเธอ และเธอจะไม่ผลีผลามถามออกไป
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ฉินซือก็เรียกเธอเข้าไปพบ
“หัวหน้าฉิน มีอะไรให้ช่วยเหรอคะ”
เมื่อลู่ฉิวเยว่มาถึง ฉินซือกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ในห้องนั่งเล่นมืดสนิท มีเพียงแสงจากก้นบุหรี่ที่เขาถือไว้ระหว่างนิ้วเท่านั้น
“ใช่” ฉินซือเอื้อมมือไปกดเปิดไฟข้าง ๆ เขา จากนั้นใช้อีกมือหนึ่งดับบุหรี่
“เชฟลู่นั่งดื่มชาก่อนเถอะ” เขาพูดอย่างสุภาพ
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าแล้วยกชาขึ้นจิบ
แม้ว่าชาติที่แล้วเธอจะเคยชิมชามามากมาย แต่เธอก็ต้องยกย่องให้ชานี้เป็นชาชั้นดี
“โรงงานบรรจุผลไม้กระป๋องกำลังประสบกับปัญหา ยอดขายชะลอตัวมานานแล้ว ผมไม่รู้ว่าทำไม ในฐานะที่คุณรู้จักอุตสาหกรรมการขายผลไม้เป็นอย่างดี ผมอยากจะขอคำแนะนำจากเชฟลู่”
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะมา เธอเดาว่าเขาแค่จะถามเธอเรื่องนี้ ไม่คิดว่าเขาจะเป็นทางการและอ่อนน้อมถ่อมตนมากถึงขนาดนี้
“หัวหน้าฉินไม่เคยลงทุนในอาหารกระป๋องมาก่อนสินะคะ” เธอยิ้มจาง ๆ
“ใช่แล้ว”
ลู่ฉิวเยว่กล่าวต่อไปว่า “ฉันไปที่สหกรณ์จำหน่ายสินค้าและห้างสรรพสินค้าเมื่อไม่กี่วันก่อน ผลไม้กระป๋องของโรงงานของเราตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจนมาก การประชาสัมพันธ์ก็ดีมากด้วย”
ฉินซือพยักหน้า
“อย่างนั้นก็เถอะ” ลู่ฉิวเยว่เปลี่ยนน้ำเสียงของเธอ “คุณมองข้ามเรื่องหนึ่งไป”
“เชฟของเราให้ความสำคัญกับสีและกลิ่นของสินค้าเสมอ สีและกลิ่นของอาหารเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดลูกค้า และรสชาติคือปัจจัยหลักในการรักษาลูกค้า กระป๋องของเราถูกปิดผนึกไว้ หากคุณต้องการดึงดูดลูกค้า คุณต้องปล่อยให้พวกเขามองเห็นสินค้าที่อยู่ข้างใน เมื่อลูกค้าเห็นว่าน่าอร่อย ลูกค้าก็คงอยากซื้อเอง”
“คุณหมายถึง…” ฉินซือพูดอย่างจริงจัง “ให้ใช้ขวดแก้วใสใช่ไหม”
“ถูกต้อง!” ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า “คุณลองโฆษณาทางทีวีด้วยก็ได้!”
“โฆษณาทางทีวีเหรอ?” ฉินซือประหลาดใจ
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า
ตอนที่เธออยู่นี้คือปี 1976 โฆษณาชิ้นแรกในประเทศของพวกเขาถือกำเนิดในปี 1979
พวกเขาจึงสามารถกำหนดแนวทางการโฆษณาได้ตามใจ การเซ็นสัญญากับสถานีโทรทัศน์ล่วงหน้า ทำให้ง่ายกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ไปทั่วประเทศในระยะยาวด้วย
“เราสามารถลองร่วมมือกับสถานีโทรทัศน์เพื่อทำวิดีโอและออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ในเวลาที่กำหนด เมื่อถึงเวลานั้น ผลไม้กระป๋องของเราจะโด่งดังไปทั่วประเทศเลยค่ะ”
ดวงตาของฉินซือเป็นประกาย เขาจ้องมองที่ลู่ฉิวเยว่อย่างชื่นชม
ผู้หญิงคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นนักธุรกิจจริง ๆ
“น่าเสียดายที่เชฟลู่ไม่ได้ทำธุรกิจ”
“เรื่องเล็กน้อยเองค่ะ” ใบหน้าของลู่ฉิวเยว่ร้อนผ่าว เธอพอรู้บางอย่างเกี่ยวกับอนาคต เธอจึงไม่สมควรได้รับคำชมจากเขา
ฉินซือเสนอเงินปันผลให้เธออีก 5% ของหุ้น คราวนี้ลู่ฉิวเยว่ไม่ปฏิเสธ เธอสมควรได้รับมันแล้ว
ฉินซือมีเครือข่ายผู้ติดต่อกว้างขวางในเมืองหลวง โฆษณาจึงเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่กี่วัน
เมื่อโฆษณาเผยแพร่ออกไป ผลไม้กระป๋องจากหมู่บ้านเยว่เหลียงก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในทันที ความต้องการซื้อก็พุ่งสูงขึ้นด้วย
และเหตุที่ยอดสั่งซื้อสูง มันก็เพราะโฆษณาที่ว่ามีประโยคติดหู
อย่างไรก็ตาม ภายในเวลาไม่กี่วัน ปัญหาก็มาเยือนอีกครั้ง
ทันทีที่ลู่ฉิวเยว่ออกมาจากบ้าน เธอก็ถูกกลุ่มนักข่าวหลายคนถือกล้องมาห้อมล้อม
“ทำอะไรน่ะ!” เธอกำลังจะปิดประตูแต่ก็สายไปเสียแล้ว
ผู้หญิงคนหนึ่งคว้าแขนอันเรียวยาวของเธอแล้วดึงเธอออกมาอย่างแรง
“ผู้หญิงเลว ๆ คนนี้ทำทุกอย่างเพื่อเงิน! ลูกสาวสุดที่รักของฉันต้องนอนโรงพยาบาลหลายวัน ลูกฉันท้องเสียเพราะผลไม้กระป๋องของเธอ”
“เมื่อกี้ฉันปวดท้องมาก เพราะผลไม้กระป๋องของเธอแน่!”
“นังเลวเอ๊ย!”
คนกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยความโกรธ ล้อมรอบจนเธอไม่สามารถหนีออกมาได้
หญิงสาวรู้สึกได้ถึงแรงกระชากที่หนังศีรษะ ไม่รู้ว่าโดนใครกระชากหัวเข้าให้แล้ว
ลู่ฉิวเยว่ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
“ไปให้พ้น!” เธอได้ยินเสียงคล้ายฉินซือ
ลู่ฉิวเยว่ถูกเขาดึงออกจากฝูงชนในวินาทีต่อมา
สัมผัสอันอบอุ่นจากฝ่ามือของชายหนุ่มแผ่ไปถึงมือของเธอผ่านแขนเสื้อ ลู่ฉิวเยว่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังฉินซือ ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ถ้ามีอะไรจะพูด ก็ไปพูดที่สถานีตำรวจกันดีกว่า!” ฉินซือโกรธ ใบหน้ายิ่งทวีความเย็นชา
ชาวบ้านที่ได้ยินเสียงก็วิ่งมาขัดขวางคนกลุ่มนั้นจนไม่กล้าทำอะไรอีก
“พวกแกรวมหัวกันสินะ!”
“ถุย!”
พวกเขาสาปแช่งด้วยความโกรธ
ลู่ฉิวเยว่กล่าวยืนยันว่า “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ผลไม้กระป๋องของฉันแน่นอน”
“ฉันไม่สนหรอกว่าปัญหาจะอยู่ที่อะไร พวกเราท้องเสียเพราะกินผลไม้กระป๋องของเธอ จ่ายค่าชดเชยมาเดี๋ยวนี้!”
“ถูกต้อง! อย่าพยายามปัดความรับผิดชอบหน้าด้าน ๆ แบบนี้สิ!”
เหตุการณ์วุ่นวายมากเพราะมีแต่เสยงตะเบ็งเซ็งแซ่
“เงียบ!” ฉินซือขมวดคิ้วอย่างโกรธจัด
“ใครเข้ามายุ่ง…” มีคนพูดด้วยความโกรธ แต่ก็เงียบไปหลังจากสังเกตเห็นสายตาเย็นชาของฉินซือ
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว เธอพูดไม่ออก ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งเธอจะอิจฉาคนอื่นเพราะอีกฝ่ายมีใบหน้าที่เย็นชาและน่ากลัว
ฉินซือเอ่ยเสียงเย็น “เราจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนอย่างแน่นอน โปรดให้เวลาเราสองสามวัน แล้วเราจะให้ค่าชดเชยตามสมควร”
“หากพวกคุณมีคำถามใด ๆ คุณสามารถมาหาผมได้ตลอดเวลา…” เลขาหวังยืนขึ้น คอยรักษาความสงบเรียบร้อยให้ หลังจากนั้นกลุ่มคนก็แยกย้ายกันไปในที่สุด
ฉินซือเดินนำหน้า ลู่ฉิวเยว่เดินตามหลังเขาทีละก้าว
หญิงสาวรู้สึกไม่สบายใจ เธอแน่ใจว่าสูตรผลไม้กระป๋องไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เธอไม่แน่ใจว่าฉินซือเชื่อเธอไหม
ลู่ฉิวเยว่ลังเลอยู่นาน จากนั้นถึงเปิดปากพูด “ฉัน…”
“ผมเชื่อในตัวคุณ” ฉินซือหันกลับมาพูดในทันที
“อ๊ะ!”
ลู่ฉิวเยว่ตกใจที่ตนชนเข้ากับหน้าอกแข็งของเขาอย่างแรง
เธอเจ็บจมูกจนน้ำตาไหล ลู่ฉิวเยว่สาบานว่าเธอไม่เคยประสบกับความลำบากใจเช่นนี้มาก่อนในชีวิต
ฉินซือตะลึงงัน “เดี๋ยวสิ… นี่คุณร้องไห้ทำไม”
ลู่ฉิวเยว่อายมาก เธอย่ำเท้าลงบนพื้น หวังว่าจะหารอยแตกบนพื้นแล้วมุดเข้าไปได้
ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว!
“นี่คุณ…ถูกคนพวกนั้นทำร้ายเหรอ?” เขายกแขนเสื้อขึ้นอย่างลังเลและเช็ดน้ำตาให้เธออย่างเงอะงะ
แขนเสื้อของเขาเกือบจะเข้ามาถึงดวงตาของลู่ฉิวเยว่แล้ว แต่เธอตกใจ รีบหลบมือของเขาเสียก่อน
ฉินซือมองไปที่ด้านหลังของเธอแล้วพูดว่า “ผมจะหาคนมาสอบสวนเรื่องนี้ คุณไม่ต้องกังวลนะ”
“อื้ม” ลู่ฉิวเยว่ตอบ ก่อนจะเดินหนีไป
วันนี้เธอไม่อยากเห็นคน ๆ นี้อีกแล้ว!