สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 11 ไม่อยากติดคุก (รีไรท์)
บทที่ 11 ไม่อยากติดคุก (รีไรท์)
บทที่ 11 ไม่อยากติดคุก (รีไรท์)
เอ้อหม่านตี้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่นอกประตู
“ลู่เจี๋ยหรง?”
ชายหนุ่มฉีกยิ้มอย่างหยาบคายพลางจ้องคนมาใหม่
แม้ว่าเธอจะไม่เก่งเท่าลู่ฉิวเยว่ แต่ก็หน้าตาดีทีเดียว
ใบหน้าเอ้อหม่านตี้เต็มไปด้วยตุ่มหนองเหมือนคางคกในท้องทุ่ง ลู่เจี๋ยหรงขยะแขยงจนอยากจะอาเจียนอยู่รอมร่อ
“ออกไป!” เธอกลอกตาด้วยความรังเกียจ
เอ้อหม่านตี้ชักจะรำคาญหญิงสาวตรงหน้า เขาคว้าคอของลู่เจี๋ยหรงแล้วเหวี่ยงเธอลงไปที่พื้นไม่ต่างจากเหวี่ยงกระสอบ
เขาโดนทุบตีจนเป็นง่อย คนอื่นต่างหัวเราะเยาะเขาราวกับเห็นเขาเป็นคนพิการ
เดิมทีเขาตั้งใจจะหาโอกาสแก้แค้นสักครั้ง แต่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าสาวน้อยคนนี้จะมาที่ประตูบ้านของตนเองในวันนี้
วันนี้แหละที่เขาจะได้ชำระแค้น ไม่ว่าจะเป็นความเกลียดชังในอดีตและปัจจุบัน!
ลู่เจี๋ยหรงกรีดร้องอย่างอกสั่นวัญแขวน “แกบ้าไปแล้วเหรอ!”
เธอนั่งกองอยู่กับพื้น พยายามกลั้นน้ำตาอย่างสิ้นหวัง “สามีของฉันคือสวีต้าหลิน ลองแตะต้องฉันดูสิ!”
สวีต้าหลินเป็นที่รู้จักของคนในเมือง เอ้อหม่านตี้เริ่มกลัวคำขู่ ไม่กล้ายื่นมือออกไปอีก
“ช่วยอะไรฉันสักอย่างสิ!” เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกลัว ลู่เจี๋ยหรงก็ลำพองใจ เธอเชิดคางขึ้นแล้วสั่งการ “ฉันมีงานใหม่ให้แกทำ…”
“บอกมาเลย บอกมาเลย!” เอ้อหม่านตี้จ้องมองเงินในมือเธอด้วยดวงตาแวววับ ชายหนุ่มคว้าทั้งเงินและหลังมือของอีกฝ่าย
สัมผัสของเขาทำให้ลู่เจี๋ยหรงรู้สึกขยะแขยงเสียเหลือเกิน
…
ลู่ฉิวเยว่เพิ่งคุยกับชาวบ้านเสร็จ ระหว่างเดินกลับบ้านจู่ ๆ ก็มีคนปรากฏตัวขึ้นในป่า
เอ้อหม่านตี้นั่นเอง
“ลู่ฉิวเยว่!” เขายิ้มอย่างชั่วร้ายพลางจ้องมองหน้าอกของเธอด้วยสายตาหื่นกระหาย
“เราสองคนถูกกำหนดไว้แล้ว”
ลู่ฉิวเยว่พลันคลื่นไส้ เพราะเดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจึงพูดอย่างใจเย็นว่า “แกยังได้รับบทเรียนจากครั้งที่แล้วไม่พออีกเหรอ”
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว!” เจ้าอันธพาลตรงไปหาเธอทันที
ลู่ฉิวเยว่เป็นผู้หญิง ไม่สามารถเอาชนะชายผู้โง่เขลาคนนี้ได้ หญิงสาวได้แต่ถอยหนีด้วยความตื่นตระหนก “อย่ามายุ่งกับฉัน ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนช่วยนะ”
“ช่วยด้วย!”
เสียงร้องของเธอดึงดูดความสนใจของชาวบ้านโดยรอบได้อย่างรวดเร็ว
“ไอ้คนชั่ว!” เลขาหวังได้ยินเสียงร้องของลู่ฉิวเยว่จากระยะไกล เขารีบวิ่งไปหาเอ้อหม่านตี้ทันที
ชายหนุ่มพุ่งไปข้างหน้า ก่อนจะเตะอีกฝ่ายจนล้มลุกไม่ขึ้น
ลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“พูดมา ใครส่งแกมาที่นี่!” เธอกระทืบเขาด้วยความโกรธ
เลขาหวังเข้ามาช่วยซ้ำ แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าชายคนนี้จะปิดปากแน่นและไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ฉันแค่อยากเป็นเพื่อนกับเธอ เพราะว่าเธอสวยไง ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรไม่ดีเลยนะ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ!”
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกโกรธแค้นและอับอายในเวลาเดียวกัน
“เรื่องนี้คงต้องถึงมือตำรวจแล้วล่ะ” ถึงเวลาแล้วที่ลู่เจี๋ยหรงจะต้องได้รับบทเรียนแล้ว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เอ้อหม่านตี้ก็ตื่นตระหนก ถ้าถูกจับส่งตัวให้ตำรวจ เขาต้องถูกจับยิงเป้าแน่ ๆ
“ฉันยอมบอกแล้ว! ยอมบอกแล้ว!” เขาตะโกนอย่างร้อนรน
ในเวลานี้ ชาวบ้านกลุ่มใหญ่มารวมตัวกันแล้วมองเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง
“ลู่เจี๋ยหรงขอให้ฉันมา!”
เมื่อได้ยินชื่อที่คุ้นเคย ทุกคนก็ตกใจ
ชาวบ้านจากหมู่บ้านลู่เจี๋ยที่อยู่ตรงนั้นด้วยรู้สึกอับอายและหงุดหงิดหลังได้ยิน
ลู่เจี๋ยหรงคนนี้ร้ายกาจและทำร้ายผู้คนไปทั่วเสียจริง ๆ
พวกเขากลัวว่าลู่ฉิวเยว่จะโกรธจนไม่ยอมรับสาลี่ของพวกเขาเพราะเกลียดลู่เจี๋ยหรง
ลู่ฉิวเยว่มองเขาอย่างเย็นชา “ฉันไม่มีเรื่องข้องใจกับแก แต่แกพยายามทำร้ายฉันหลายครั้ง ไหนจะทำลายชื่อเสียงของฉัน ตอนนี้แกต้องการขืนใจฉันอีกเนี่ยนะ คนเลว ๆ อย่างแกควรถูกส่งไปที่สถานีตำรวจ แล้วเอาลูกปืนไปกินซะ!”
จากนั้นเธอก็หันกลับไปพูดกับกลุ่มชาวบ้านว่า “แม้ในวันนี้ คนคนนี้จะสามารถกลั่นแกล้งฉันได้ แต่ในวันข้างหน้าเขาก็อาจทำกับคนอื่นได้เหมือนกัน เราจะปล่อยให้คนชั่วลอยนวลไม่ได้เป็นอันขาด พวกเราจับเขาส่งตำรวจกันเถอะค่ะ”
“เอ้านี่!” มีคนอาสาไปเอาเชือกมาให้
เอ้อหม่านตี้ตกใจมาก เขานอนลงบนพื้น ร้องไห้จนน้ำมูกไหล จากนั้นบอกความจริงทุกอย่าง “ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน! ลู่เจี๋ยหรง! ลู่เจี๋ยหรงสั่งให้ฉันทำทุกอย่าง”
“พูดให้ชัด ๆ ซิ!” ลู่ฉิวเยว่พอใจมากเมื่อได้คำตอบที่ต้องการ
“ครั้งที่แล้วลู่เจี๋ยหรงขอให้ฉันไปที่ทุ่งข้าวโพด บอกว่าจะให้ฉัน 50 หยวนถ้าฉันทำลายชื่อเสียงของฉิวเยว่ได้ ครั้งนี้ก็เป็นเธอเช่นกัน เธออิจฉาที่ฉิวเยว่รับซื้อสาลี่ราคาสูงกว่า เธอเลยรู้สึกแค้นใจ” เจ้าอันธพาลหยิบเงินออกมาจากกระเป๋า “นี่คือเงินที่ลู่เจี๋ยหรงให้ฉันไว้ ฉันยังไม่ได้ใช้มันสักหยวน ฉันจะให้เธอหมดเลย อย่าจับฉันส่งตำรวจเลยนะ”
เขาขอร้องลู่ฉิวเยว่อย่างสิ้นหวัง
ลู่ฉิวเยว่ไม่ไหวติง เธอหันไปหาชายร่างใหญ่คนหนึ่งแล้วพูดว่า “ทุกคนได้ยินแล้วใช่ไหมคะ ลู่เจี๋ยหรงอิจฉาที่ฉันหมั้นกับสวีต้าหลินและหาคนใส่ร้ายฉัน ตอนนี้เธอโกรธแค้นที่ฉันรับซื้อสาลี่ในราคาที่สูงกว่าเธอ เธอเลยส่งไอ้สารเลวคนนี้มาทำลายชื่อเสียงของฉัน…”
“ฉิวเยว่เติบโตภายใต้การดูแลของลุงในหมู่บ้านของเรา ถือว่าเป็นคนของหมู่บ้านเราเหมือนกัน พวกเราจะปล่อยให้คนร้ายกาจอย่างนี้ลอยนวลไม่ได้เด็ดขาด เรากลับไปส่งลู่เจี๋ยหรงไปที่สถานีตำรวจกันเถอะ!” ผู้คนที่ต้องการมาขายสาลี่ของตนเองรีบแสดงความภักดี
หลังจากบรรลุเป้าหมาย ลู่ฉิวเยว่กล่าวอย่างขอบคุณ “งั้นฉันคงต้องขอรบกวนทุกคนแล้ว”
ทั้งสองหมู่บ้านอยู่ใกล้กันมาก ไม่ทันไรข่าวที่ว่าลู่เจี๋ยหรงใส่ร้ายลู่ฉิวเยว่ก็ได้แพร่กระจายไปทั่ว
ลู่เจี๋ยหรงได้กลายเป็นนังงูพิษที่ทุกคนรับทราบกันอย่างทั่วถึง
สวีต้าหลินเพิ่งกลับมาจากข้างนอก เมื่อเขาได้ยินข่าวลือก็รู้สึกละอายใจและรำคาญชาวบ้านที่ชี้นิ้วนินทามายังเขา
เขารีบกลับไปที่ตระกูลลู่ คว้าคอลู่เจี๋ยหรงมาแล้วฟาดมือลงใบหน้าของเธอ ยังไม่พอ ชายหนุ่มหยิบเก้าอี้บนพื้นแล้วขว้างใส่หญิงสาวด้วยความโกรธ
เสียงกรีดร้องโหยหวนอันน่าสมเพชของหญิงสาวที่ถูกทำร้ายดังขึ้นในบ้าน
ลุงลู่และภรรยาในห้องตกใจกับเสียงกรีดร้อง รีบวิ่งออกมาดูอย่างรวดเร็ว
“สวีต้าหลิน แกกล้าทำร้ายลูกสาวของฉันได้ยังไง! หน้าตาแกก็ดี ฉันไม่ได้คิดว่าแกจะเป็นคนเลวทรามขนาดนี้ ครอบครัวของฉันเพิ่งแต่งงานกับบ้านของแกไม่กี่วัน แต่แกกล้าทำร้ายเธออย่างกับเป็นสัตว์เดรัจฉาน ฉัน…” ผู้เป็นแม่รีบดึงลู่เจี๋ยหรงไปหลบด้านหลังพร้อมสาปแช่งสวีต้าหลิน
สวีต้าหลินยิ่งโกรธ “มาเลย! พูดออกมา! ให้ทุกคนข้างนอกมาดูสิ่งเรื่องบัดซบนี่! คุณรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น ลูกสาวของคุณเป็นนังงูพิษ! ตอนนี้ทุกคนกำลังจะลากคอลูกสาวของคุณไปสถานีตำรวจแล้ว! ฉันโชคร้ายมาแปดชั่วโคตรจริง ๆ ที่แต่งงานกับผู้หญิงเลว ๆ อย่างนี้!”
“อะไรนะ สถานีตำรวจ!” ลู่เจี๋ยหรงผงะเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เธอทำถูกเปิดเผย เธอกอดแม่ด้วยความตื่นตระหนกพร้อมพร่ำขอร้อง “แม่จ๋า ช่วยด้วย หนูไม่อยากไปสถานีตำรวจ หนูไม่อยากติดคุก ไม่นะ หนูแค่อยากสั่งสอนเธอ หนูไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรเธอจริง ๆ สักหน่อย…”
“ไม่ นังลู่ฉิวเยว่ไม่กล้าทำอะไรพวกเราหรอก…”
แต่เมื่อนึกถึงว่าลู่ฉิวเยว่เปลี่ยนไปมากเพียงใดในช่วงที่ผ่านมา คนเป็นแม่ก็ไม่แน่ใจ ในไม่ช้าแสงที่ไร้ความปรานีก็ส่องประกายในดวงตาของเธอ
“แม่จะไม่ยอมให้ใครมาพาลูกไปหาตำรวจเด็ดขาด”