สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 109 เลิกลา
บทที่ 109 เลิกลา
ในห้องนั่งเล่น สมาชิกในครอบครัวทุกคนกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ด้วยกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
แม้แต่หวังเซวียนเซวียน ซึ่งปกติจะกลับเข้าห้องไปศึกษาตำราเครื่องจักรต่อคนเดียวหลังทานอาหารค่ำเสร็จ ก็ยังมานั่งอยู่บนโซฟาเพื่อดูโทรทัศน์พร้อมกับทุกคนเป็นครั้งแรก
“ป้าบอกว่ามีอะไรจะถามไม่ใช่เหรอคะ ตอนนี้พวกเราก็อยู่กันครบแล้ว ทำไมถึงได้ทำหน้าลำบากใจแบบนั้นละ?” ลู่ฉิวเยว่อดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นป้าสะใภ้มีท่าทางลังเลอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
ป้าสะใภ้หัวเราะแห้ง ๆ สีหน้าเขินอาย รอคอยอีกเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาว่า “ป้าแค่อยากถามน่ะว่าร้านของเธอยังรับคนงานอีกบ้างไหม? พวกเราลุงกับป้าอยากจะทำงานเก็บเงินเอาไว้ซื้อบ้านสักหลังน่ะ”
คุณลุงก็มองมาที่เธอด้วยความคาดหวังเช่นกัน ถ้าลู่ฉิวเยว่ตอบตกลง เขาก็จะกลับไปลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านทันที เพราะในหมู่บ้านมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายในแต่ละวัน ตัวเขาเองอายุก็เยอะแล้ว เรี่ยวแรงก็ไม่ค่อยมี ดังนั้นเขาจึงควรลงมาจากตำแหน่งเสียที
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าพร้อมกับยิ้มกว้าง “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยค่ะ พวกเราจะได้เจอกันบ่อย ๆ คุณป้ามาช่วยงานหนูในร้านอาหารก็แล้วกัน ส่วนคุณลุงก็ไปช่วยงานพ่อหนูที่โรงงานนะ”
คุณลุงและคุณป้าของเธออายุเยอะแล้ว การทำไร่ทำนาต้องใช้เรี่ยวแรงมหาศาล อีกทั้งยังเป็นงานหนัก แม่ของลู่ฉิวเยว่เคยเปรยมาหลายครั้งแล้วว่าอยากจะให้ลุงกับป้ามาทำงานในเมือง เรื่องนี้ต่อให้คุณป้าไม่ได้พูดขึ้นมาก่อน ลู่ฉิวเยว่ก็ตั้งใจจะจัดการอยู่แล้วในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“ขอบคุณมากนะ ฉิวเยว่” ป้าสะใภ้พูดอย่างมีความสุข
แม่ของลู่ฉิวเยว่ส่ายหน้า “พี่สะใภ้ ไม่เห็นต้องขอบคุณกันเลยค่ะ”
ทุกคนพูดคุยกันอย่างมีความสุข มีแค่หวังเซวียนเซวียนคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ค่อยสนใจอะไรสักเท่าไหร่ หลังจากรับฟังจบ เขาก็ลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในห้องทันที
ลู่ฉิวเยว่หันไปมองเห็นเข้าโดยบังเอิญจังหวะที่หวังเซวียนเซวียนกำลังจะปิดประตูห้อง เธอสังเกตเห็นว่าหลังจากที่คุณป้าพูดจบเมื่อสักครู่นี้ เด็กหนุ่มก็ดูจะเงียบ ๆ ไปทันตาเห็น
หรือว่าเขาไม่อยากให้พ่อแม่มาทำงานในเมือง?
คุณลุงของเธอเป็นพวกลูกผู้ชายสมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้สนใจอารมณ์ความรู้สึกของลูกชาย ป้าสะใภ้ของเธอก็ไม่ได้ใส่ใจมากพอ ดังนั้นหลังจากที่ลู่ฉิวเยว่คิดถึงเรื่องนี้แล้ว เธอก็ตัดสินใจว่าจะต้องหาโอกาสไปพูดคุยกับหวังเซวียนเซวียนให้ได้
เมื่อถึงเวลา 21:00 น. ทุกคนก็แยกย้ายกลับเข้าห้องนอนเพื่อพักผ่อน ลู่ฉิวเยว่เห็นว่าไฟในห้องของหวังเซวียนเซวียนยังคงเปิดอยู่ เธอจึงเดินเข้าไปเคาะประตูเบา ๆ
“เซวียนเซวียน หลับหรือยัง?”
“ยังไม่หลับครับพี่ เปิดเข้ามาได้เลย” เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้นจากด้านใน
ลู่ฉิวเยว่หมุนลูกบิดประตูและเปิดเข้าไป หวังเซวียนเซวียนนั่งอยู่บริเวณหัวเตียง ในมือถือหนังสือ เงยหน้าขึ้นมามองเธอด้วยความสงสัย
ลู่ฉิวเยว่ดึงเก้าอี้มานั่งลงและพูดคุยกับเขาเรื่องเครื่องยนต์กลไกอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะแกล้งทำเป็นถามโดยไม่ได้ตั้งใจว่า “วันนี้เธอดูไม่ค่อยแจ่มใสเลยนะ มีอะไรกวนใจอยู่หรือเปล่า?”
หวังเซวียนเซวียนสะดุ้งโหยง ก่อนจะพยักหน้าตอบรับด้วยความเคร่งเครียด “เฉียนเฉียนเอาแต่ถามผมทุกวันเลยครับว่าร้านอาหารของพี่ทำเงินได้เท่าไหร่ แล้วก็ถามด้วยว่าขี้ผึ้งพวกนั้นขายดีมากไหม ยิ่งผมคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ผมว่ามันก็ยิ่งแปลก ๆ มากเท่านั้น”
เขาไม่เข้าใจเลยว่าเพราะเหตุใดเหอเฉียนเฉียนที่เคยทำตัวน่ารักก่อนหน้านี้ อยู่ดี ๆ เธอก็กลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้
ลู่ฉิวเยว่ก็ตกตะลึงเล็กน้อยเช่นกัน เธอคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้เอง
“งั้นเธอยังรักเฉียนเฉียนอยู่หรือเปล่าล่ะ?” หญิงสาวถามออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หวังเซวียนเซวียนไม่เคยคิดถึงคำถามนี้มาก่อน หลังจากใช้ความคิดอยู่พักใหญ่ เขาก็ส่ายหน้า “ดูเหมือนว่า…ผมจะไม่ได้รักเธออีกแล้วครับ”
ตลอดเวลา เขาเอาแต่ศึกษาเรื่องเครื่องยนต์กลไกหรือไม่ก็อ่านหนังสือ หวังเซวียนเซวียนไม่ได้มีเวลามาสนใจเรื่องความรักนานแล้ว
เมื่อลู่ฉิวเยว่ได้รับรู้สถานการณ์ปัจจุบันของลูกพี่ลูกน้อง จึงพูดด้วยความอ่อนโยนว่า “ถ้าเธอไม่ได้รักเฉียนเฉียนแล้ว งั้นก็ไปบอกเลิกให้เป็นทางการซะ บอกอย่างตรงไปตรงมาและเป็นสุภาพบุรุษ ถ้าเธอปล่อยเอาไว้แบบนี้ มันจะไม่ดีเลย เพราะจะทำให้ผู้หญิงเขาเข้าใจผิดเอาได้”
หวังเซวียนเซวียนพยักหน้าและตอบว่า “ผมจะไปอธิบายให้ชัดเจนครับ”
“บอกแฟนเธอด้วยนะว่าถึงพวกเธอจะเลิกกัน แต่มันก็จะไม่กระทบต่อธุรกิจของพวกเราทั้งสองครอบครัว” ลู่ฉิวเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “แต่ถ้าพวกเขายังมาก่อปัญหาแบบนี้อยู่อีกเรื่อย ๆ ธุรกิจของพวกเราก็คงต้องยุติลงแต่เพียงเท่านี้เหมือนกัน”
เรื่องงานคือเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวคือเรื่องส่วนตัว ลู่ฉิวเยว่ก็ได้แต่หวังว่าครอบครัวของเหอเฉียนเฉียนคงเข้าใจ ไม่คิดมาก่อกวนอะไรอีก
หวังเซวียนเซวียนตอบรับด้วยความอ่อนโยน เมื่อเหอเฉียนเฉียนมาหาเขาที่โรงงานในเย็นวันต่อมา เขาก็บอกเลิกเธอในทันที
“ทำไมล่ะ?” เหอเฉียนเฉียนเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ ในดวงตามีน้ำตาคลอเต็มเบ้า ไม่สามารถเงยหน้ามองใครได้อีกแล้ว
“ฉัน…ฉันคิดว่าพวกเราเข้ากันไม่ได้อีกแล้วล่ะ” หวังเซวียนเซวียนอึดอัดอยู่นานก่อนจะสามารถสงบลงได้ในที่สุด
“เข้าไม่ได้อะไรกัน! หวังเซวียนเซวียน! นายไม่รักฉันแล้ว นายอยากจะทิ้งฉัน นายแค่หาข้ออ้างไปเรื่อย! นายมันพวกคนหลายใจ!” เหอเฉียนเฉียนตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ไม่สามารถรักษาภาพลักษณ์อ่อนหวานก่อนหน้านี้เอาไว้ได้อีกแล้ว
หวังเซวียนเซวียนเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ ทำไมเธอถึงไม่มีเหตุผลเลยนะ!
เพียะ!
แต่สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงมากที่สุดก็คือเหอเฉียนเฉียนถึงกับยกมือขึ้นมาตบหน้าเขาอย่างแรง เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังขึ้น ทำให้พวกเขาทั้งสองคนต่างก็หยุดชะงักด้วยความมึนงง
เด็กสาวจ้องมองฝ่ามือของตัวเอง เธอไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี สุดท้ายก็ต้องร้องไห้วิ่งหนีไป
หวังเซวียนเซวียนเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ลู่ฉิวเยว่ฟังตอนกลางคืน เธอกับเขาต่างก็คิดว่าเรื่องราวคงจบลงแต่เพียงเท่านี้ แต่แล้วในทันใดนั้นเอง เหอเฉียนเฉียนก็มาปรากฏตัวขึ้นที่หน้าบ้านอย่างไม่คาดคิด
เมื่อเห็นเด็กสาวมานั่งร้องไห้อย่างหัวใจสลายอยู่ในห้องนั่งเล่น ลู่ฉิวเยว่ก็รู้สึกปวดหัวเหลือเกิน
ตอนนี้เหอเฉียนเฉียนคงคิดเสียใจแล้วสินะ? แต่น่าเสียดายที่รอยร้าวในความสัมพันธ์มันมีมากเกินไปแล้ว ต่อให้อยากจะกลับมาคืนดี มันก็คงเป็นไปไม่ได้
“หวังเซวียนเซวียน! แกทำกับผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง? แกบอกว่าแกรักเธอมานานแล้ว แกพูดแบบนั้นเองไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมแกถึงสร้างปัญหาแบบนี้!” ป้าสะใภ้ของลู่ฉิวเยว่ดุลูกชายอย่างไม่ไว้หน้า เพราะเข้าใจว่าคู่รักหนุ่มสาวคงแค่ทะเลาะกัน และตัดสินใจเลิกกันด้วยอารมณ์วู่วามเท่านั้น
หวังเซวียนเซวียนได้แต่นั่งเม้มริมฝีปาก ไม่ได้แก้ตัวใด ๆ เลย เมื่อคิดว่าพวกเขาเลิกลากันแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จำเป็นต้องไว้หน้าเหอเฉียนเฉียนอยู่บ้าง
คุณลุงหัวหน้าหมู่บ้านโกรธจนควันออกหู เขาพอใจในตัวเด็กสาวคนนี้เป็นอย่างยิ่ง และคิดว่าลูกชายจะคบหากับเด็กคนนี้ไปอีกยาวนาน แต่ลุงหัวหน้าหมู่บ้านก็คิดไม่ถึงเลยว่าลูกชายของตนเองจะก่อปัญหาขึ้นจนได้
ลู่ฉิวเยว่ทนไม่ไหวอีกต่อไป เมื่อเห็นลูกพี่ลูกน้องของเธอไม่ยอมอธิบายความจริงสักที แถมยังปล่อยให้คุณลุงกับคุณป้าเข้าใจว่านี่เป็นความผิดของตัวเองอีก นั่นจะยิ่งทำให้ในครอบครัวเกิดรอยแตกร้าวขึ้นมาโดยไม่จำเป็น
“คุณลุง คุณป้าคะ อย่าเข้าไปยุ่งเรื่องนี้เลยค่ะ คุณลุงกับคุณป้าก็รู้จักเซวียนเซวียนดีไม่ใช่เหรอคะ? เขาเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง ยิ่งคุณลุงกับคุณป้าเข้าไปยุ่งมากเท่าไหร่ เรื่องมันก็คงไม่จบลงง่าย ๆ มากเท่านั้น”
หลังจากนั้น ลู่ฉิวเยว่ก็หันไปพูดกับเหอเฉียนเฉียนที่กำลังนั่งร้องไห้ซบไหล่ป้าสะใภ้ของเธอ “เอาล่ะ พวกเรามาคุยกันเถอะ ร้องไห้ไปมันก็แก้ปัญหาไม่ได้หรอก!”
เมื่อได้ยินเสียงของลู่ฉิวเยว่ หัวใจของเด็กสาวก็เต้นไม่เป็นจังหวะ เธอเงยหน้าขึ้นมาด้วยความลังเล
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “พวกเธอเลิกกันเพราะอะไร บอกเหตุผลมาซะ ห้ามใส่สีตีไข่เด็ดขาด”
เด็กสาวเป็นคนตบหน้าหวังเซวียนเซวียน แล้วเธอจะกล้าพูดออกมาได้อย่างไร
ลู่ฉิวเยว่หันไปมองหน้าหวังเซวียนเซวียนเพื่อที่จะให้เขาพูดออกมา
หวังเซวียนเซวียนไม่มีทางเลือกนอกจากยอมพูด
คำพูดของเด็กหนุ่มดังชัดเจน หลังจากได้รับฟังเหตุผลแล้ว เหอเฉียนเฉียนก็เบิกตาโตด้วยความตกตะลึง เธอเข้าใจว่าเขาทิ้งเธอไปเพราะว่าหวังเซวียนเซวียนเบื่อเธอแล้ว แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเหตุผลของเขาจะเป็นเพราะความประพฤติของตัวเธอเอง