สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 108 ขยายร้าน
บทที่ 108 ขยายร้าน
ตอนที่เมล็ดแตงโมทอดผลิตออกมาใหม่ ๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน พวกมันยังอร่อยอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้พวกมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้!
ต้องเป็นเพราะนางจิ้งจอกลู่ฉิวเยว่แน่ ๆ! ลู่ฉิวเยว่คงรู้แผนการของฉินเหนียนมานานแล้ว ดังนั้นจึงใช้การย้อนศร หลอกใช้ฉินเหนียนให้กลับมาทำลายตัวของเธอเอง
เมื่อคิดว่าตนเองต้องขาดทุนไปมากกว่า 90,000 หยวน เฉิงซูก็รู้สึกเจ็บใจจนแทบจะเป็นลม
แต่ถึงอย่างนั้น เธอไม่คิดเลยว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดยังมาไม่ถึง วันต่อมา เธอก็ได้รับทราบจากลูกน้องว่าบรรดาผู้รับซื้อที่นำของมาคืนเธอเมื่อวานนี้ ได้เปลี่ยนฝ่ายไปร่วมธุรกิจกับลู่ฉิวเยว่เรียบร้อยแล้ว
เฉิงซูต้องเสียหายขาดทุนย่อยยับ ในขณะที่กิจการของลู่ฉิวเยว่เจริญเติบโตอย่างงดงาม!
บรรยากาศในบ้านตระกูลเฉิงหม่นหมอง ส่วนบรรยากาศในบ้านตระกูลลู่กำลังคึกคักแจ่มใส
ก่อนหน้านี้ ลู่ฉิวเยว่ได้ข่าวจากแม่ว่าร้านอาหารที่อยู่ใกล้เคียงร้านของเธอเริ่มทยอยปิดตัวลงไป ลู่ฉิวเยว่จับตาดูอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะร้านที่อยู่ข้างเคียง และเธอก็นึกไม่ถึงเลยว่าตนเองจะเดาถูก ภายในสัปดาห์เดียวเท่านั้น ร้านของลุงหวังที่อยู่ด้านข้างก็ขึ้นป้ายประกาศขายชัดเจน
ลู่ฉิวเยว่ตัดสินใจซื้อโดยทันทีเพราะต้องการจะขยายร้านอาหารของตัวเอง
ตอนนี้ ขั้นตอนทุกอย่างกำลังอยู่ในระหว่างการตกแต่งร้าน และด้วยข่าวดีนี้เอง พ่อแม่ของเธอจึงยิ้มกว้างอยู่ตลอดเวลา
”นี่! เดินระวังกันหน่อยสิ…นั่นแหละ! ใช่แล้ว ต้องระวังแบบนี้” แม่ของลู่ฉิวเยว่เป็นคนมายืนคุมคนงานเคลื่อนย้ายสิ่งของเข้าสู่ร้านอาหาร เธอกลัวว่าคนงานเหล่านั้นจะเผลอสะดุดล้มจนทำให้แก้วแตก
ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้ห้ามแม่ของตนเอง นี่คืองานโปรดของแม่ ในเมื่อไม่ใช่งานหนักอะไรนัก ถ้าแม่ของเธออยากทำก็ให้ทำไปเถอะ
”เจ๊ลู่ มีคนมาหาอยู่ข้างนอกครับ” ผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังตกแต่งร้านร้องตะโกนเรียกทันที
ลู่ฉิวเยว่หันกลับไปมองด้วยความสงสัย ปรากฏว่าคนที่มาหาเธอก็คือเฉิงซู นักธุรกิจหญิงที่เมื่อไม่กี่วันก่อนยังมีความยโสโอหังเป็นอย่างยิ่ง แต่ในวันนี้ ไม่ทราบเลยว่าเฉิงซูไปเจออะไรมา ใบหน้าที่เคยเชิดสูง บัดนี้กลับก้มต่ำลงเล็กน้อย
เฉิงซูยืนยิ้มหวานอยู่หน้าประตูร้าน ก่อนจะเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
”คุณนายเฉิงมาทำอะไรที่นี่คะ?” ลู่ฉิวเยว่ถามออกมาเบา ๆ
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉิงซูยังคงสดใส น้ำเสียงประจบสอพอ “ฉันอยากมาคุยเรื่องธุรกิจกับคุณลู่น่ะสิ”
ลู่ฉิวเยว่ได้แต่หัวเราะเยาะอยู่ในใจ เธอตอบกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย “คุณนายเฉิงไม่ชอบทำตามกฎ ฉันไม่อยากร่วมธุรกิจด้วยหรอกค่ะ”
เฉิงซูรู้สึกอับอายกับคำตอบของหญิงสาวทันที สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ผ่านไปหลายวินาที รอยยิ้มยังคงอยู่บนใบหน้าของคุณนายเฉิงตอนที่พูดว่า “เพราะอะไรกัน? คุณลู่จะปฏิเสธการร่วมธุรกิจเพราะเรื่องขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนหน้านี้เองเหรอ? คุณอย่าโกรธฉันเลยนะ ฉันกำลังจะมีเงินก้อนใหญ่มาให้คุณ”
เฉิงซูเป็นคนที่ชอบสั่งซื้อเมล็ดแตงโมในจำนวนมหาศาลก็จริง แต่ตอนนี้ ลู่ฉิวเยว่ทำเงินได้มากแล้ว เธอยังจะต้องไปง้ออีกทำไม?
ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่จ้องเข้าไปในดวงตาของฝ่ายตรงข้าม สายตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความเหยียดหยามอย่างที่หาได้ยากยิ่ง
”ถ้าคุณคิดที่จะมาเอาเปรียบฉันอีกครั้งละก็ ฉันไม่อยากเสียเวลาคุยด้วยหรอกค่ะ คุณนายเฉิง เชิญกลับไปได้แล้ว” ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเล็กน้อย ชี้มือไปที่นอกประตูร้าน เห็นได้ชัดว่าเป็นการขับไล่อย่างไม่ไว้หน้า
”ลู่ฉิวเยว่ เธอหมายความว่ายังไง! ฉันเป็นแม่เธอได้แล้วนะ เธอเพิ่งอายุเท่าไหร่เอง อย่าได้ทำตัวอวดดีให้มากเกินไป! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ฉันจะต้องเสียเงินขนาดนั้นได้ยังไง?” เฉิงซูมีใบหน้าเย็นชาขึ้นมาทันที
ลู่ฉิวเยว่เองก็มีสีหน้าที่ไม่ดีนักเช่นกัน เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ “ฉันอาจจะทำตัวอวดดี แต่ฉันก็ทำตามกฎที่ระบุอยู่ในสัญญาเสมอ ฉันเป็นนักธุรกิจที่มีจิตสำนึก ไม่เหมือนคุณ คุณนายเฉิง คุณเป็นพวกชอบเล่นสกปรก แล้วการที่คุณต้องเสียเงินขนาดนั้นก็เป็นเพราะคุณทำตัวเอง ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย!”
เฉิงซูหยุดชะงักไปทันทีเมื่อนึกได้ว่าตนเองทำอะไรเอาไว้บ้าง หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดใจมากขึ้น
เมื่อได้รับทราบว่าลู่ฉิวเยว่คงไม่ยอมร่วมธุรกิจกับเธอแน่ ๆ เฉิงซูจึงไม่คิดยิ้มประจบประแจงอีกต่อไป เธอตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายอีกหลายคำ ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
เฉิงซูสาบานในใจว่าต้องหาโอกาสสั่งสอนลู่ฉิวเยว่ให้ได้ เธอจะทำให้เด็กคนนี้ได้รู้ว่าคนที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำนั้นจะต้องพบกับจุดจบอย่างไร!
เมื่อเห็นเฉิงซูเดินกลับไปแล้ว ลู่ฉิวเยว่ก็กลับมามีอารมณ์เป็นปกติอีกครั้ง เธอเดินไปช่วยแม่ควบคุมคนงานเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์เข้าร้าน
เธอไปซื้อเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้มาจากร้านอาหารที่ปิดตัวลงในราคาที่ถูกมาก ส่วนใหญ่แล้วพวกมันยังเป็นของใหม่ ลู่ฉิวเยว่รู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ในคืนนั้น เมื่อรู้ว่าคุณลุงหัวหน้าหมู่บ้านกับภรรยาจะมาที่บ้าน ลู่ฉิวเยว่จึงกลับบ้านเร็วกว่าปกติเพื่อมาเตรียมอาหารค่ำ
อาหารที่เธอทำทั้งหมดในค่ำนี้เป็นเมนูใหม่ เนื่องจากเธอต้องการขยายร้าน ดังนั้นลู่ฉิวเยว่จึงอยากจะคิดหาเมนูใหม่มาเรียกลูกค้าต่อไป เธอนำค่าความสุขไปแลกเป็นสูตรทำอาหารอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการเพิ่มเติมสูตรการทอดเมล็ดแตงโมให้อร่อยมากยิ่งขึ้น
ทั้งครอบครัวมารวมตัวกันอยู่ในคืนนี้ ลู่ฉิวเยว่อยากจะให้ทุกคนช่วยชิมเมนูใหม่และประเมินว่าพวกมันอร่อยหรือไม่ ถ้าไม่มีปัญหาอะไร เมนูอาหารเหล่านี้ก็จะถูกนำไปขายในร้านอาหารที่ปรับปรุงใหม่นั่นเอง
”ป้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ฉิวเยว่เป็นคนคิดค้นขึ้นมาเองใช่ไหมจ๊ะ?” ป้าสะใภ้จ้องมองจานอาหารบนโต๊ะด้วยความสงสัยและอดถามออกมาด้วยความชื่นชมไม่ได้
เธอไม่เคยเห็นร้านอาหารที่ไหนจะคิดค้นเมนูใหม่ออกมาได้ตลอดเวลาอย่างนี้เลย นับว่าหลานสะใภ้ของเธอมีความสามารถจริง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นของอาหารแต่ละจานยังหอมหวล ป้าสะใภ้ต้องสูดหายใจอย่างทนไม่ไหว แล้วท้องก็ร้องด้วยความหิวโหยมากขึ้น
”พวกเรามานั่งกินกันเลยเถอะ” พ่อของลู่ฉิวเยว่ต้อนรับทุกคนด้วยความอบอุ่น
หลังจากนั้น ทุกคนก็จ้องมองไปยังจานปลานึ่งที่ตั้งอยู่กลางโต๊ะอาหาร
ปลานึ่งเนื้อแน่นถูกราดด้วยซอสสีแดงดูจัดจ้าน ด้านบนตกแต่งด้วยสาหร่ายสีเขียวมรกต ยิ่งชวนให้ผู้คนน้ำลายสอมากยิ่งขึ้น
ลู่ฉิวเยว่แอบยิ้มออกมา เธอปรับปรุงสูตรทำปลานึ่งมาแล้วสองครั้ง จึงมั่นใจว่าทุกคนต้องชอบมันอย่างแน่นอน
แล้วหลังจากนั้น เมื่อฉินซือได้ลองรับประทานปลานึ่ง เขาก็ชมเชยเธอไม่ขาดปาก
”เนื้อปลากระรอกอร่อยมาก เนื้อแน่นแต่มีรสชาติหวาน ทุกอย่างลงตัวไปหมดเลย” ชายหนุ่มพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย
คนอื่น ๆ ก็ชื่นชมลู่ฉิวเยว่เช่นกัน พวกเขาปรารถนาที่จะรับประทานปลาให้หมดทั้งตัวไม่เหลือแม้แต่ก้างด้วยซ้ำ
สำหรับอาหารมื้อนี้ ลู่ฉิวเยว่ได้รับค่าความสุขเพิ่มมาอีก 130 แต้ม ถึงแม้ว่าจะยังไม่พอที่จะเอาไปแลกเป็นสูตรทำอาหารชนิดใดได้อีก แต่เธอก็มีความสุขมากเหลือเกิน
อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องมีแค่ 0 คะแนนอีกต่อไปแล้ว
และบางที อาจเป็นเพราะอาหารคืนนี้ถูกปากฉินซือ แค่เขาคนเดียวก็มอบคะแนนค่าความสุขให้เธอถึง 120 แต้มแล้ว!
ลู่ฉิวเยว่อดไม่ได้จึงต้องใช้ตะเกียบคีบเนื้อหมูผัดซอสเปรี้ยวหวานให้ฉินซือเพื่อเป็นรางวัลตอบแทนเขา
ฉินซือเข้าใจว่าคนรักของตนเองห่วงใย จึงยิ้มออกมาด้วยความประหลาดใจ
”ครอบครัวของเรามีความสุขกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ” พ่อของลู่ฉิวเยว่อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ “เมื่อนึกถึงตอนที่พวกเราไม่มีบ้านอยู่ การที่พวกเราผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากเหล่านั้นมาได้สำเร็จ ก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากพี่หัวหน้าหมู่บ้านแท้ ๆ”
คุณลุงผู้ถูกเอ่ยถึงโบกไม้โบกมือ “พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน นายเป็นน้องเขยก็เหมือนเป็นน้องชายฉันนั่นแหละ”
มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นอยู่ในแววตาของลู่ฉิวเยว่ เมื่อเธอย้อนเวลามาที่โลกแห่งนี้ หลายครั้งที่เธอรู้สึกโดดเดี่ยว แต่ตอนนี้เธอมีครอบครัวและมีเพื่อนอีกมากมาย
ในชาติที่แล้ว หลังจากที่พ่อแม่เสียชีวิตไป ลู่ฉิวเยว่ก็ไม่เคยพบเจอกับบรรยากาศแห่งความสุขเช่นนี้อีกเลย ลู่ฉิวเยว่นึกขอบคุณสวรรค์เหลือเกินที่ส่งเธอกลับมาอยู่ในยุคนี้ และทำให้เธอได้มาพบเจอกับกลุ่มคนดีๆ เช่นนี้
เมื่อรับประทานอาหารค่ำเสร็จแล้ว ท้องฟ้าด้านนอกก็เริ่มมืด ฉินซือยังต้องกลับไปจัดการงานเอกสาร ดังนั้นเลขาหวังจึงพาเขาขับรถกลับไป