สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 105 พบเจอกับการยัดฝิ่นอีกครั้ง
บทที่ 105 พบเจอกับการยัดฝิ่นอีกครั้ง
พ่อของลู่ฉิวเยว่พูดต่อไป
ซูเจวี้ยนหยุดใช้ความคิดเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าตกลง “เถ้าแก่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ฉันจะจับตาดูเขาเอง ฉันจะไม่ให้เขาทำร้ายโรงงานของเราได้แน่นอน!”
หญิงสาวประหลาดใจไม่น้อย เธอได้เงินเดือนเพิ่มอีก 10 หยวน เท่ากับว่าเธอจะได้เงินเดือน 90 หยวน ซึ่งเป็นจำนวนเงินเดือนที่มากกว่าสามีของเธอ ซึ่งทำงานเป็นคนงานระดับสูงอีกไม่ใช่หรือ?!
ฉินเหนียนไม่รู้เลยว่าการกระทำของตนเองถูกเปิดโปงแล้ว
ในช่วงไม่กี่วันแรก เขาก็กังวลเหมือนกันว่าคนในโรงงานจะพบว่าห่อเครื่องปรุงหายไป แต่ในไม่ช้า เขาก็ได้รู้ว่าชีวิตยังคงดำเนินไปตามปกติ
ดังนั้น ชายหนุ่มจึงใช้ชีวิตอย่างสุขสบายจากเงินที่ได้มา
”ฉินเหนียน”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นด้านหลังเขา และเมื่อฉินเหนียนหันไปมองด้วยความประหลาดใจ เขาก็พบว่าเป็นเฉิงซู
เขารู้จักผู้หญิงคนนี้ เธอเป็นคนที่ร่วมมือกับอู๋ซินและจ่ายเงินให้เขาขโมยห่อเครื่องปรุงเมื่อครั้งที่แล้วนั่นเอง
”มีอะไรเหรอครับ คุณนาย?” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย
เฉิงซูหัวเราะในลำคอและกวาดสายตามองรอบตัว มีคนเดินผ่านไปผ่านมาบนท้องถนน เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะที่จะพูดคุยกันในสถานที่นี้ ดังนั้นเธอจึงชี้มือไปที่ซอยร้างทางด้านข้างและพูดว่า “เราเข้าไปคุยที่นั่นกันดีกว่า”
ฉินเหนียนหรี่ตาลงใช้ความคิด แต่ก็เดินตามเธอเข้าไปในซอย
ในซอยนั้นมีแต่ความว่างเปล่าและค่อนข้างมืด
ฉินเหนียนยังไม่ทันได้พูดอะไร เฉิงซูก็นำเงินสดที่เตรียมเอาไว้ในกระเป๋าออกมา ดวงตาของฉินเหนียนเบิกกว้างทันที
เขากลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว “คุณนายเฉิง นี่หมายความว่ายังไงกันครับ?”
”ช่วยทำสิ่งหนึ่งให้ฉันหน่อยสิ” เฉิงซูหัวเราะในลำคอ “แค่เอาถุงใบนี้ไปวางไว้ในโรงงานของลู่ฉิวเยว่ให้หน่อย วางไว้ในกองห่อเครื่องปรุงนั่นแหละ แค่นี้ เงินก้อนนี้ก็จะเป็นของเธอ แล้วฉันก็จะจ่ายอีกครึ่งนึงที่เหลือให้หลังจากงานเสร็จ เธอสนใจไหม?”
ฉินเหนียนได้รับเงินก้อนโตมาจากครั้งที่แล้ว ครั้งนี้เขาจึงไม่คิดปฏิเสธ “ไม่มีปัญหาเลยครับ ว่าแต่…ของในถุงนี้คืออะไรเหรอครับ?”
เขาถามด้วยความสงสัย ไม่กล้ารับสิ่งที่ไม่รู้ที่มาที่ไปโดยพลการ
”ก็แค่ยาถ่ายน่ะ” เฉิงซูตอบ ดวงตาเป็นประกาย น้ำเสียงหนักแน่น
ฉินเหนียนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและรับถุงใบนั้นมาถือไว้
”ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมจัดการให้เอง”
ห่อที่เขารับมาถือไว้คือห่อเครื่องปรุงที่เขาขโมยออกมาเมื่อครั้งที่แล้วนั่นเอง และผงยาถ่ายที่อยู่ด้านในก็มีจำนวนเท่ากับผงเครื่องปรุงที่ใช้ในโรงงานไม่มีผิด หลังจากคิดทบทวนดูแล้ว ฉินเหนียนก็เดินนำเอาถุงใบนั้นไปวางรวมอยู่ในกองห่อเครื่องปรุงห่ออื่น ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดผิดสังเกต
แต่พฤติกรรมทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของซูเจวี้ยนที่ยืนอยู่นอกประตู เธอจ้องมองห่อเครื่องปรุงห่อนั้นอย่างพิจารณา รอคอยจนกระทั่งฉินเหนียนเดินจากไป เธอจึงได้รีบเข้าไปแจ้งให้เถ้าแก่ลู่รับทราบโดยทันที
”ขอบคุณมากนะ พนักงานซู ถ้าครั้งนี้ไม่ได้เธอช่วยเอาไว้ ไม่รู้เลยว่าโรงงานของเราจะต้องเจอปัญหาใหญ่ขนาดไหน” ชายวัยกลางคนยิ้มออกมาด้วยความจริงใจ
ซูเจวี้ยนโบกไม้โบกมืออีกครั้ง เธอรับเงินจากพ่อของลู่ฉิวเยว่มาแล้ว นี่จึงเป็นหน้าที่ของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่สมควรได้รับคำขอบคุณจากเขา
และเนื่องจากเคยเกิดเหตุถูกยัดฝิ่นในร้านอาหารมาแล้ว พ่อของลู่ฉิวเยว่จึงสงสัยห่อเครื่องปรุงห่อนั้นเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงรีบเดินไปหยิบห่อเครื่องปรุงห่อนั้น แล้วเดินทางไปที่ร้านอาหารเพื่อหาตัวลู่ฉิวเยว่
ในร้านอาหาร ฉินซือกำลังรับประทานอาหารกลางวันอยู่กับลู่ฉิวเยว่ เธอต้มโจ๊กใส่ไข่เยี่ยวม้าและเนื้อหมูให้เขาทาน ไข่เยี่ยวม้าเป็นสีดำใสดูสวยงาม โจ๊กถูกโรยด้วยต้นหอม มีหน้าตาสวยงามและรสชาติอร่อย
ฉินซือรับประทานโจ๊กไปถึงสองถ้วยแล้ว แต่เขาก็ยังอยากกินอีก
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มอย่างมีความสุข ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ธุรกิจร้านอาหารดำเนินไปด้วยดี ฉินซือมารับประทานอาหารที่บ้านทุกวัน สูตรเมล็ดแตงโมทอดได้รับการปรับปรุงหลายครั้ง แล้วพวกมันก็มีรสชาติอร่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ
อีกไม่นาน โรงงานทำเมล็ดแตงโมทอดของเธอจะต้องโด่งดังอย่างแน่นอน
”ฉิวเยว่!” เมื่อเด็กเสิร์ฟเข้ามาเก็บชามและตะเกียบ พ่อของลู่ฉิวเยว่ก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อย
ลู่ฉิวเยว่มีสีหน้าตึงเครียดขึ้นมาทันที เธอถามว่า “เกิดอะไรขึ้นคะ?”
พ่อของลู่ฉิวเยว่ส่ายหน้า ก่อนจะพาสองหนุ่มสาวไปที่หลังร้านแล้วหยิบห่อของในกระเป๋าออกมา
”พ่อเล่าให้ฟังแล้วใช่ไหมว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน มีคนงานในโรงงานของเราขโมยห่อเครื่องปรุงออกไป วันนี้เขาเริ่มเคลื่อนไหวอีกแล้ว เขาเอาห่อเครื่องปรุงห่อนี้กลับมาวางในโรงงานของเรา”
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มขึ้นมาทันที เธอเปิดห่อเครื่องปรุงออกดูอย่างระมัดระวัง และใช้นิ้วมือหยิบผงในนั้นขึ้นมาดู
ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นผงเครื่องปรุงของเธอเอง แต่ก็มีส่วนผสมบางอย่างที่เธอไม่รู้ว่ามันเพิ่มเข้ามาได้อย่างไร โดยรวมจึงไม่น่าไว้ใจเป็นอย่างยิ่ง
ใช่แล้ว!
ลู่ฉิวเยว่มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เธอจ้องมองผงเครื่องปรุงอย่างใช้ความคิด
พ่อของเธอที่ยืนอยู่ด้านข้างก็พลอยเคร่งเครียดขึ้นมาด้วย เขาถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า “มีอะไร? เจอสิ่งผิดปกติแล้วใช่ไหม?”
”ใช่ค่ะ! มีฝิ่นผสมอยู่ในนี้!” ลู่ฉิวเยว่ตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น เธอชี้มือให้ดูส่วนผสมที่อยู่ในผงเครื่องปรุง ซึ่งแตกต่างไปจากวัตถุดิบเดิม
มันเป็นฝิ่นชนิดเดียวกับที่จ้าวซูซินเคยใช้ใส่ความเธอเมื่อครั้งที่แล้ว แต่ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะโง่เพียงใด ก็คงไม่กล้าใช้วิธีเดิมซ้ำสองหรอก ถ้าอย่างนั้น ใครกันล่ะที่พยายามใส่ร้ายโรงงานของเธอ? ลู่ฉิวเยว่ได้แต่ยกมือลูบคางอย่างใช้ความคิด
พ่อของเธอมีใบหน้าซีดขาวด้วยความตกตะลึง “แล้วเราจะทำยังไงกันดี? เราแจ้งตำรวจกันดีไหม?” ถ้าโรงงานของพวกเขาถูกจับว่ามียาเสพติด ทุกอย่างก็คงจบสิ้นแล้ว!
ฉินซือกับลู่ฉิวเยว่หันมองหน้ากัน ก่อนจะส่ายศีรษะด้วยความหนักแน่น
”ยังไม่ต้องแจ้งตำรวจหรอกค่ะ เดี๋ยวมันจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นเสียเปล่า ๆ” หญิงสาวยิ้มออกมา “หนูอยากจะรู้ว่าใครเป็นคนที่พยายามใส่ความพวกเรา”
พ่อของเธออ้าปากค้าง เมื่อเห็นว่าสองหนุ่มสาวยืนยันเช่นนี้ เขาก็ไม่พูดอะไรอีก
ฉินซือกับลู่ฉิวเยว่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดเป็นของตนเอง พวกเขาย่อมมีวิธีจัดการเรื่องนี้ในแบบของตนเองอยู่แล้ว
วันต่อมา ฉินซือกับลู่ฉิวเยว่ก็เริ่มเคลื่อนไหวด้วยการเดินตรวจโรงงาน
”ผู้ชายคนนั้นเป็นใครน่ะ?” ฉินเหนียนใช้ข้อศอกสะกิดคนงานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วถามออกมา
คนงานคนนั้นส่ายหน้า “ฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนนะ สงสัยเป็นพวกนายหน้ามั้ง โรงงานของเราธุรกิจดีขึ้นเรื่อย ๆ นี่นา” หลายวันที่ผ่านมา เขาเห็นคนแปลกหน้าเดินเข้าออกโรงงานเป็นว่าเล่นเพราะมาติดต่อเรื่องธุรกิจ
หลังจากนั้น ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยความแตกตื่น
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว พูดอย่างไม่พอใจว่า “เกิดอะไรขึ้น? ตกใจหมด ถ้าเธอวิ่งชนคนจะทำยังไง”
หญิงสาวคนนั้นหอบหายใจ ชี้มือไปทางนอกประตู “ฉันเห็นตำรวจกำลังเข้ามาแล้วค่ะ!”
ตำรวจ?
ลู่ฉิวเยว่มีสีหน้าเคร่งเครียด แน่นอนว่าไม่ถึงหนึ่งนาทีต่อมา ตำรวจสองคนก็เดินเข้ามาจริง ๆ
”คุณตำรวจคะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” เธอเดินเข้าไปถาม
”คุณเป็นเจ้าของโรงงานใช่ไหมครับ?”
”ใช่แล้วค่ะ!” ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น นายตำรวจทั้งสองคนก็เดินกลับออกไปนอกโรงงาน
แล้วไม่กี่อึดใจต่อมา คนอีกกลุ่มใหญ่ก็เดินเข้ามาคว้าถุงใส่เมล็ดแตงโมทอดของเธอแกะออกแล้วเทลงบนพื้น พวกเขาพูดคุยอะไรกันบางอย่างขณะชิมเมล็ดแตงโมทอดเหล่านั้น
ลู่ฉิวเยว่อยู่ห่างมากเกินไป เธอเห็นแต่ปากพวกเขาขยับ แต่เธอไม่ได้ยินอะไรเลย
บรรดาคนงานในโรงงานไม่รู้เรื่องเลยว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขามีนิสัยกลัวตำรวจเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว พวกเขากลัวว่าตนเองจะต้องพบกับความเดือดร้อน
”เป็นยังไงบ้างคะ?” เมื่อนายตำรวจทั้งสองคนเดินกลับออกมา ลู่ฉิวเยว่ก็แกล้งเดินเข้าไปถามด้วยความร้อนรน “เมล็ดแตงโมทอดของเรามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
นายตำรวจหนึ่งในสองคนส่ายหน้า
”ถ้าอย่างนั้น…พวกคุณเป็นใครกันคะ?” เธอขมวดคิ้วและถามออกมาด้วยความสงสัย
นายตำรวจวัยกลางคนส่ายหน้า “พวกเราได้รับแจ้งว่าเมล็ดแตงโมทอดของคุณมีความผิดปกติ พวกเราจึงมาตรวจสอบครับ แต่หลังจากได้ตรวจสอบดูแล้วก็พบว่าไม่มีปัญหาอะไร พวกเรามารบกวนคุณลู่มากแล้ว ต้องขอโทษเป็นอย่างสูง”