สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 103 ไล่ออก
บทที่ 103 ไล่ออก
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา เมื่อพ่อของลู่ฉิวเยว่กำลังจะเดินออกไปนอกประตู อู๋ซินก็เดินกลับเข้ามาอย่างช้า ๆ พอดี
“หายไปไหนมา? นายรู้หรือเปล่าว่าที่โกดังยุ่งกันขนาดไหน?” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วใส่
ในวันสัมภาษณ์งาน เขานึกว่าอู๋ซินเป็นคนจริงใจใสซื่อ แต่ตอนนี้ก็ได้เห็นธาตุแท้แล้ว เพราะอู๋ซินตอบกลับมาว่า “ทำไมล่ะครับ? ผมไปห้องน้ำไม่ได้หรือไง? หรือว่าคนที่ทำงานในโรงงานของคุณไม่ใช่มนุษย์?”
“ไปเข้าห้องน้ำเนี่ยนะ? วันนี้นายไปเข้าห้องน้ำกี่ครั้งแล้ว? ทุกครั้งที่ฉันมาตรวจโกดัง ฉันไม่เห็นนายอยู่เลยสักครั้ง นายรู้หรือเปล่าว่าเมล็ดแตงโมยังเหลืออยู่อีกตั้งเท่าไหร่? พวกมันจะเน่าหมดแล้ว แบบนี้จะเอาไปขายได้ยังไง?” พ่อของลู่ฉิวเยว่พูดด้วยความโกรธและตักเตือนว่า “ถ้านายไม่อยากทำงานที่นี่ก็ออกไปซะ”
อู๋ซินตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินว่าตนเองกำลังจะโดนไล่ออก ที่เขากล้าทำตัวแบบนี้ก็เพราะรู้ว่าตระกูลลู่กำลังขาดคน อู๋ซินจึงได้ใจว่าตนเองคงไม่มีทางโดนไล่ออกแน่นอน แล้วเขาจะไปหางานที่ไหนที่ให้เงินเดือนถึง 80 หยวนแบบนี้อีก
อู๋ซินรีบยิ้มขอโทษอย่างรวดเร็ว “คุณลุงครับ ยังไงผมก็ทำงานที่นี่มาหลายวันแล้ว คุณลุงจะไปหาพนักงานเก่ง ๆ แบบผมได้ที่ไหนอีก ยังไงก็ให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะนะครับ”
หลังจากพูดจบแล้ว ชายหนุ่มก็รีบหมุนตัวเพื่อจะเดินกลับเข้าไปทำงานในโกดังทันที
พ่อของลู่ฉิวเยว่จ้องมองไปด้วยความไม่ชอบใจ และยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็มั่นใจว่าจะเก็บอู๋ซินเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะในช่วงหลังอู๋ซินทำให้เมล็ดแตงโมต้องเสียไปเป็นจำนวนมาก หากเป็นแบบนี้ต่อไป โรงงานของพวกเขาก็จะได้ไม่คุ้มเสีย
พ่อของลู่ฉิวเยว่กัดฟัน เขายกมือออกไปขวางทางอู๋ซิน พลางพูดเสียงเย็นชาว่า “เรื่องนี้เราไม่ต้องคุยกันอีกแล้ว ฉันให้โอกาสนายมามากเกินพอ ตอนนี้นายตามฉันไปทำเรื่องรับเงินเดือนงวดสุดท้ายซะ! หลังจากนั้นเก็บของแล้วจะไปไหนก็ไป”
โรงงานแห่งนี้จะรับคนแบบนี้เอาไว้ไม่ได้เด็ดขาด ถึงจะหาคนงานมาทำแทนในทันทีไม่ได้ แต่พ่อของลู่ฉิวเยว่ก็ไม่อยากทำงานกับอู๋ซินอีกต่อไปแล้ว
”คุณลุงครับ ผมมีคนในครอบครัวต้องเลี้ยงดูอีกหลายชีวิต พวกเขาจะทำยังไงถ้าคุณลุงไล่ผมออก? คุณลุงเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว อย่าไล่ผมออกเลยนะครับ…” อู๋ซินเริ่มบีบน้ำตา
แต่พ่อของลู่ฉิวเยว่ก็ไม่ได้สนใจอีกแล้ว พนักงานคนนี้เอาเปรียบนายจ้างมากเกินไป ถ้าเขาไม่ไล่ออก อู๋ซินก็คงทำงานแบบขี้เกียจต่อไปเรื่อย ๆ
”เลิกพูดเหลวไหลได้แล้ว เดี๋ยวฉันจ่ายเงินเดือนเดือนสุดท้ายให้แล้วกัน!”
เสียงที่แข็งกระด้างของชายวัยกลางคนไม่ได้ทำให้อู๋ซินหวาดกลัว แต่เขาทำให้ซูเจวี้ยนผู้ที่ทำงานอยู่ในโกดังต้องสะดุ้งสุดตัว และเธอก็สาบานอยู่ในใจว่าหลังจากนี้เธอจะขยันทำงานให้มากขึ้น
”ก็ได้! ฉันจะคอยดูว่าแกจะไปหาใครที่ไหนมาทอดเมล็ดแตงโมพวกนี้ได้อีก! คิดว่าเก่งนักก็เอาตัวให้รอดก็แล้วกัน!” อู๋ซินรู้แล้วว่าตัวเองไม่มีทางรอด ดังนั้นเขาจึงระเบิดอารมณ์ออกมา รับเงินเดือนเดือนสุดท้าย และหมุนตัวเดินจากไปโดยไม่เหลียวมองกลับมาอีก
ก็แค่โรงงานกระจอก ๆ ที่หนึ่ง ใครจะสน!
”อ้าว โอ๊ย! นี่มันอะไรกันวะเนี่ย…” เมื่ออู๋ซินเดินออกไปจากประตูโรงงาน เขาก็ชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างแรง หน้าผากของผู้หญิงคนนั้นกระแทกใส่ปลายคางของเขาทำให้ชายหนุ่มมึนหัว
หลังจากตั้งสติได้ อู๋ซินก็ได้พบเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย แล้วเขาก็ประหลาดใจเล็กน้อย “คุณนี่เอง!”
เขาเคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อน เธอเคยมาที่โรงงานนี้พร้อมกับลู่ฉิวเยว่ แล้วเธอก็เคยมาจ้างงานลู่ฉิวเยว่ด้วยเช่นกัน ปรากฏว่าหญิงคนนี้เดินเข้ามาได้ยินการโต้เถียงกันระหว่างอู๋ซินกับพ่อของลู่ฉิวเยว่เข้าพอดี
ดังนั้น เธอจึงมาดักรออยู่ตรงนี้…
เฉิงซูยิ้มกว้างให้กับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า เธอแอบมาสอดส่องอยู่หลายวันแล้ว ดังนั้นเฉิงซูจึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นพนักงานใหม่ที่ลู่ฉิวเยว่จ้างเอาไว้ทอดเมล็ดแตงโม
”คุณอู๋ เกิดอะไรขึ้น? อยู่ดี ๆ ก็เดินออกมาแบบนี้ ไม่ทราบว่าทะเลาะอะไรกับเจ้าของโรงงานเหรอคะ?”
”ก็ทำนองนั้นแหละครับ!” อู๋ซินจ้องมองหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาที่เหมือนกับพบขุมสมบัติแห่งใหม่ “ครอบครัวของเจ้าของโรงงานไม่ใช่คนดีเลยสักคน ผมแค่ออกไปเข้าห้องน้ำวันละไม่กี่ครั้ง พวกเขาก็ไล่ผมออกแล้ว คุณอย่าไปร่วมธุรกิจกับพวกเขาเลย”
เฉิงซูส่ายหน้าขึ้นมาในทันใด “พูดถึงเรื่องนี้แล้วฉันก็ยังโกรธไม่หาย”
”หืม? คุณว่าไงนะครับ?” อู๋ซินแกล้งทำเป็นตกใจ
เฉิงซูไม่ได้บอกเล่ารายละเอียดโดยทันที เธอกวาดตามองรอบตัวก่อนกระซิบว่า “น้องอู๋ คุณกับฉันเป็นคนทำงานหนักทั้งคู่ คุณจะรังเกียจไหมถ้าแวะไปดื่มกับฉันสักหน่อย?”
อู๋ซินไม่รู้เลยว่าหญิงคนนี้ต้องการอะไร แต่ที่แน่ ๆ เธอคงต้องการตัวเขา หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองคนก็พบเจอร้านอาหารข้างทาง และเข้าไปรับประทานอาหารที่นั่นด้วยกัน…
เฉิงซูถึงกับสั่งสุราชั้นดีดื่ม
หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็อยู่ในอาการมึนเมา แล้วในที่สุดก็เริ่มบ่นถึงวีรกรรมของตระกูลลู่ออกมาโดยไม่รู้ตัว
”งั้นลู่ฉิวเยว่ก็คงเป็นคนที่เข้ากับใครไม่ได้จริง ๆ เธออายุเพียงเท่านี้ แต่ร้ายกาจเหลือเกิน ครั้งที่แล้วฉันแค่ลืมจ่ายเงินค่ามัดจำ เธอก็จำได้ดีไม่มีลืม พอเราจะสั่งเมล็ดแตงโมชุดใหม่ เธอก็ไม่ยอมขายให้ฉันอีกแล้ว” เฉิงซูดื่มสุราด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง
อู๋ซินไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้สึกว่าหญิงคนนี้แต่งเติมเสริมเรื่องราวขึ้นมา แต่เขาก็ยังแกล้งทำเป็นพูดด้วยความสงสารว่า “ใช่แล้วครับ! ลู่ฉิวเยว่เป็นคนที่ร้ายกาจมาก! ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ทุกคนจะรู้ไหมว่าเธอมีเมล็ดแตงโมทอดขาย? ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ลู่ฉิวเยว่จะร่ำรวยขึ้นมาแบบนี้ได้ยังไง! ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริง ๆ คนแบบนี้ต้องถูกสวรรค์ลงโทษ!”
”ถูกต้องค่ะ!” เป้าหมายสำเร็จผลแล้ว เฉิงซูแอบยิ้มอยู่ในใจ “เพียงแต่ว่าตำรวจเข้ามายุ่งเรื่องนี้ไม่ได้…”
”ถ้าตำรวจจัดการไม่ได้ พวกเราก็จัดการกันเองสิครับ!” ความโกรธแค้นกำลังเป็นประกายระยิบระยับอยู่ในแววตาของอู๋ซิน
ลู่ชางหลินกล้าอวดดีแบบนี้เพราะคิดว่าตัวเองร่ำรวยใช่ไหม? เขาอยากจะดูเหมือนกันว่าตาแก่นั่นจะทำอย่างไรถ้าครอบครัวของตนเองต้องล้มละลาย!
เมื่อคิดถึงท่าทางที่ลู่ชางหลินทำกับตนเองเมื่อตอนกลางวัน อู๋ซินก็รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาทวีคูณ
เฉิงซูมีสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาทันที “เอ๋? พวกเราทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอคะ?”
ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก เขาแอบมองรอบตัว เมื่อพบว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ เขาจึงขยับเข้าไปกระซิบข้างหูเธอว่า
”ที่เมล็ดแตงโมทอดของพวกมันขายดีก็เพราะสูตรลับเฉพาะตัว ถ้าเราขโมยสูตรของพวกมันมาได้ พวกมันก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว คุณเฉิง คุณเปิดโรงงานแข่งกับพวกเขาสิ…แล้วถ้าคุณอยากทำลายพวกมัน คุณก็แกล้งเอาฝิ่นไปวางไว้ในโรงงานของพวกมันก็ได้…”
”เอาฝิ่นไปวางเอาไว้?” เฉิงซูพูดด้วยความตกตะลึง เธอไม่คิดเลยว่าผู้ชายคนนี้จะชั่วร้ายได้ถึงขนาดนี้ อู๋ซินเป็นคนไม่มีหัวใจ แต่มีหน้าตาเหมือนคนธรรมดาคนหนึ่ง
โรงงานของลู่ฉิวเยว่เพิ่งจะไล่เขาออก เขาก็อยากจะกลับไปแก้แค้นจนโรงงานต้องปิดตัวลง ถ้าตำรวจรู้ว่าเขาเป็นคนวางแผนให้เอาฝิ่นไปวางไว้ในโรงงานของลู่ฉิวเยว่ อู๋ซินก็จะต้องโดนตำรวจจับอย่างแน่นอน!
ถ้าเฉิงซูหาคนอื่นมาร่วมมือได้ เธอก็ไม่มีทางจะมาคบหากับคนใจโฉดแบบนี้เลย
อู๋ซินขมวดคิ้ว “ทำไมครับ? หรือว่าคุณกลัว? คุณเฉิง อย่าลืมสิว่าลู่ฉิวเยว่ทำอะไรกับคุณเอาไว้บ้าง!”
เฉิงซูยิ้มออกมาเล็กน้อย “ฉันกลัวอะไรกันคะ? ตราบใดที่ฉันได้สั่งสอนบทเรียนให้กับลู่ฉิวเยว่ ฉันก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น! ว่าแต่เราจะขโมยสูตรของพวกเขามาได้ยังไง?”
ผู้ชายคนนี้โดนไล่ออกมาแล้ว ดูเหมือนจะกลับเข้าไปในโรงงานไม่ได้อีก
อู๋ซินหัวเราะในลำคอ “ผมมีวิธีของผม คุณเฉิงรอฟังข่าวดีก็แล้วกัน”
เขาจะไม่ทำเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่เขามีคนที่จะทำเรื่องนี้ให้แก่ตนเองอยู่ในใจแล้ว