สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 101 การปฏิเสธ
บทที่ 101 การปฏิเสธ
สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงก็คือลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้า “ตอนนี้ฉันมีคำสั่งซื้อชุดใหญ่มากค่ะ คงรับคำสั่งซื้อจากคุณไม่ได้อีกแล้ว คุณนายคะ ฉันทำให้คุณไม่ทันหรอก ไปหาคนอื่นดีไหมคะ?”
เฉิงซูมีสีหน้าเย็นชาขึ้นมาในทันใด เธอสั่งเมล็ดแตงโมทอดจำนวนมากถึงขนาดนี้ โดยพื้นฐานแล้ว ลู่ฉิวเยว่ต้องไม่มีทางปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ดังนั้นตอนที่เฉิงซูเดินเข้ามาที่นี่จึงรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ชนะ เธอรู้สึกว่าลู่ฉิวเยว่คงจะต้องขอบคุณตนเองเป็นอย่างยิ่ง
เพราะคำสั่งซื้อของเธอจะทำให้ลู่ฉิวเยว่ได้รับเงินจำนวนมาก!
”คุณลู่ ถ้าโอกาสนี้หลุดมือไปแล้ว ฉันจะไม่กลับมาทำธุรกิจกับคุณอีก คุณแน่ใจนะว่าจะปฏิเสธฉัน?” หญิงวัยกลางคนขมวดคิ้ว น้ำเสียงบอกชัดถึงความร้อนใจและข่มขู่
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มตอบกลับไปอย่างสุภาพอ่อนหวาน “ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะ คุณนายเฉิง ฉันยุ่งเกินกว่าจะรับคำสั่งซื้อของคุณได้ในตอนนี้ค่ะ”
เมื่อถูกปฏิเสธอีกครั้ง เฉิงซูก็มีสีหน้าที่ไม่ดีแล้ว เธอยกมือขึ้นวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะเสียงดังเคล้ง “ฉันอยากรู้นักว่าเธอได้คำสั่งซื้อมากแค่ไหนกัน โรงงานเล็ก ๆ กระจอก ๆ แบบนี้จะไปได้สักกี่น้ำ ที่ฉันมาซื้อกับเธอก็เพราะสงสารเธอหรอกนะ อย่าได้หยิ่งมากเกินไปนักเลย!”
เฉิงซูมั่นใจว่าเรื่องคำสั่งซื้อที่ลู่ฉิวเยว่พูดออกมาเป็นเพียงคำโกหก โรงงานเล็ก ๆ แบบนี้จะไปมีคำสั่งซื้อที่มากกว่าของเธอได้อย่างไร ลู่ฉิวเยว่คงโกรธกับรอบที่แล้วที่เธอทำท่าจะไม่ยอมจ่ายเงินค่ามัดจำแน่ ๆ
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเยาะตอบกลับไปว่า “เดี๋ยวนะคะ? นี่คุณนายเฉิงกำลังขู่ฉันใช่ไหม? คุณคิดว่าฉันจะยอมโดนรังแกอยู่ฝ่ายเดียวงั้นหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้น เราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว”
เฉิงซูกัดฟันกรอด เมล็ดแตงโมทอดของลู่ฉิวเยว่เป็นสินค้าที่ขายดีมากในท้องตลาด เฉิงซูทำเงินได้เยอะมากจึงอยากจะกลับมาซื้อไปขายอีกครั้ง แต่การที่ลู่ฉิวเยว่ไม่ยอมรับคำสั่งซื้อของเธอ นั่นก็ทำให้เฉิงซูต้องสูญเสียรายได้มหาศาลเช่นกัน!
ลู่ฉิวเยว่ไม่สนใจหรอกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ เธอส่งแขกออกไปอย่างไม่รอช้า
เฉิงซูเป็นคนที่ก่อปัญหา ทำให้เธอปวดหัวครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงคนนี้มีเรื่องราวจู้จี้จุกจิกมากมาย ลู่ฉิวเยว่อยากจะยกเลิกการทำธุรกิจกับเฉิงซูมานานแล้ว
”ฝากไว้ก่อนเถอะ!” เฉิงซูพูดด้วยความอาฆาตแค้น ก่อนที่จะหมุนตัวเดินจากไปโดยไม่หันมองกลับมาอีก
ลู่ฉิวเยว่นั่งอยู่เฉย ๆ บนโซฟาด้วยสีหน้าเย็นชา เธอเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้รู้สึกกลัวเลยสักนิด
ในคืนนั้น บ้านตระกูลลู่
แสงไฟสีส้มส่องสว่างให้ความอบอุ่น สมาชิกในครอบครัวทุกคนกำลังนั่งรับประทานของหวานอย่างมีความสุข
ของหวานในวันนี้เป็นนมตุ๋นผิวสองชั้นหน้าถั่วแดงฝีมือลู่ฉิวเยว่
นมตุ๋นอุ่น ๆ โรยผิวด้านบนด้วยถั่วแดงต้มสุก สีขาวกับสีแดงตัดกันดูสวยงาม กลิ่นของนมตุ๋นหอมหวล ทำให้ผู้คนน้ำลายไหล
เลขาหวังซึ่งรับประทานข้าวไปถึงสามชามก็ยังอดไม่ได้ ต้องรับประทานนมตุ๋นอีกสองถ้วย หวังเซวียนเซวียนเองก็รับประทานจนแน่นท้องไปหมดแล้ว
”อร่อยไหมคะ?” ลู่ฉิวเยว่เอียงหน้าถามพลางจ้องมองไปที่ฉินซือซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ขนตางอนยาวของเธอกระพริบเหมือนปีกผีเสื้อ ทำให้หัวใจของฉินซือเต้นรัว
”อร่อยสิ ผมว่าเอาไปขายที่ร้านก็น่าจะดีนะ รับรองว่าลูกค้าชอบแน่ ๆ” หลังจากที่ชายหนุ่มตั้งสติได้ เขาก็ไอออกมาเล็กน้อยแล้วยิ้มมุมปากเบา ๆ
ลู่ฉิวเยว่มีดวงตาเป็นประกายวิบวับทันที ไม่ใช่เพราะได้รับคำชมจากฉินซือ แต่เป็นเพราะเสียงเตือนจากระบบที่ดังขึ้นในหัวเธอต่างหาก
เธอเพิ่งปลดล็อคสูตรทำเมล็ดแตงโมทอดสูตรใหม่ได้สำเร็จ ซึ่งจะช่วยยกระดับเมล็ดแตงโมทอดของเธอให้อร่อยมากยิ่งขึ้น
ในตอนนี้ เมล็ดแตงโมทอดของเธอกำลังติดตลาด ถ้าพวกมันมีรสชาติอร่อยมากขึ้น ยอดขายก็ต้องดีขึ้นด้วยไม่ใช่เหรอ?
ลู่ฉิวเยว่แทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้ลองทำเมล็ดแตงโมทอดสูตรใหม่ เธอจึงไม่ได้สนใจฟังคำพูดของฉินซือเลย
สายตาของเธอเหม่อลอย ฉินซือหยุดพูดทันที เขาต้องยกมือโบกสะบัดตรงหน้าเธออย่างช่วยไม่ได้ “ทำไมคุณใจลอยอีกแล้วเนี่ย?”
แม่ของลู่ฉิวเยว่อดหัวเราะให้กับการกระทำของคู่รักหนุ่มสาวไม่ได้ ก่อนจะพูดออกมาว่า “ลูกสาวฉันก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบใจลอยตลอด บางครั้งนั่งดูโทรทัศน์อยู่ด้วยกัน แต่ไม่รู้ว่าใจลอยไปที่ไหน”
”หนูไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย!” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มให้กับผู้เป็นแม่ ก่อนจะหันมาส่ายหน้าให้ฉินซือ “ฉันคิดสูตรใหม่ขึ้นมาได้น่ะ มันอาจจะช่วยทำให้เมล็ดแตงโมทอดของฉันอร่อยมากขึ้น”
ฉินซือมองเธอด้วยความประหลาดใจ เขากินเมล็ดแตงโมทอดของเธอมาแล้ว มันอร่อยมาก คุณภาพและรสชาติเอาชนะเมล็ดแตงโมทอดยี่ห้ออื่น ๆ ในท้องตลาดได้ถึง 90% ฉินซือจึงคิดไม่ถึงเลยว่าเธอยังสามารถพัฒนาพวกมันต่อไปได้อีก
แล้วเมล็ดแตงโมทอดพวกนั้นจะอร่อยขนาดไหนกันนะ!
”อ้อ จริงด้วยสิ” แม่ของลู่ฉิวเยว่กำลังจะกลับเข้าไปพักผ่อนในห้องเพื่อเปิดโอกาสให้คู่รักหนุ่มสาวได้อยู่กันตามลำพัง แต่ดูเหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่างจึงรีบหันหลังกลับมา “แม่ได้ยินคนข้างบ้านพูดว่ามีร้านอาหารแถวนี้กำลังจะขายเลหลังพวกเสื้อผ้าในราคาถูก ๆ แล้วก็ยังมีพวกโต๊ะ เก้าอี้ กระทะ หม้อ ของใช้ในครัวอีกมากมายมาขายด้วยเหมือนกัน ลูกว่าเราควรไปซื้อมาบ้างไหม?”
ร้านอาหารของลู่ฉิวเยว่กำลังขาดโต๊ะและเก้าอี้อยู่พอดี ถ้าไปซื้อของเลหลังพวกนี้มาได้ นอกจากช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางไปซื้อที่ร้านขายเฟอร์นิเจอร์แล้ว ยังช่วยประหยัดเงินได้อีกก้อนโต ถือว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว
ขายเลหลังอย่างนั้นเหรอ?
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า ไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย เธอให้ความสนใจกับร้านอาหารทุกร้านที่อยู่ในละแวกเดียวกัน
นับตั้งแต่ที่ลู่ฉิวเยว่มาเปิดร้านอาหารของตนเอง จำนวนลูกค้าประจำของเธอก็เพิ่มขึ้น ทำให้ร้านขายอาหารในละแวกเดียวกันมีรายได้น้อยลง บางร้านถึงกับต้องปิดตัวลงไป ในขณะที่บางร้านก็ต้องนำของในร้านออกมาขายเลหลังราคาถูก
แต่ว่า…หญิงสาวยกมือจับคางอย่างใช้ความคิด ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับคนเป็นแม่ “ยังไม่ต้องหรอกค่ะแม่ รอไปก่อนดีกว่า”
แม่ของเธอขมวดคิ้ว ของพวกนี้วางขายไม่กี่วันก็หมดแล้ว ทำไมลู่ฉิวเยว่ถึงไม่ไปรีบซื้อเอาไว้นะ?
แต่หญิงวัยกลางคนก็ไม่ได้ถาม ลูกสาวของเธอมีความคิดไม่เหมือนใคร ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้เลย
”แม่แค่บอกให้รู้เอาไว้” แม่ของลู่ฉิวเยว่พยักหน้า ก่อนจะหมุนตัวดึงสามีออกไปจากห้อง ช่วงหลังคู่รักหนุ่มสาวไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเลย เพราะฉะนั้น ปล่อยให้พวกเขาได้มีเวลาส่วนตัวกันบ้างดีกว่า
เมื่อประตูถูกปิด ฉินซือก็หัวเราะในลำคออย่างชอบใจ ว่าที่แม่ยายในอนาคตของเขาช่างเข้าใจหัวอกเขาจริง ๆ
ลู่ฉิวเยว่กลอกตามองบนเมื่อเห็นความภาคภูมิใจบนใบหน้าของเขา
แต่ถึงแม้เธอจะทำเหมือนไม่ชอบใจ แต่เมื่อเขามาเกี่ยวแขนเธอ เธอก็อดยิ้มออกมาไม่ได้เช่นกัน
บ่ายวันต่อมา นี่เป็นช่วงเวลาที่ร้านอาหารจะมีคนเยอะมากที่สุด
ก่อนหน้านี้ ลู่ฉิวเยว่นำเด็กเสิร์ฟจากร้านอาหารไปช่วยงานที่โรงงานผลิตเม็ดแตงโมทอด แม่ของเธอห่วงว่าลูกสาวจะทำงานหนักมากเกินไป ก็เลยมาช่วยงานที่ร้านด้วยอีกคน
แต่เพราะได้รับการกำชับจากลู่ฉิวเยว่ บรรดาเด็กเสิร์ฟจึงไม่กล้าใช้งานหญิงวัยกลางคนหนักมากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่พวกเขาจะมอบหน้าที่ให้เธอคอยล้างจานอยู่ในห้องครัวเท่านั้น
”คุณป้าคะ คนพวกนั้นมาอีกแล้ว” เด็กเสิร์ฟที่มีชื่อว่าเสี่ยวฮุยวิ่งเข้ามาหน้าตาไม่ค่อยสู้ดี
สีหน้าแม่ของลู่ฉิวเยว่ปรากฏความรำคาญใจขึ้นมาทันที สีหน้าของคนที่เป็นลูกสาวก็ไม่ได้ดีไปมากกว่ากัน
’คนพวกนั้น’ ที่เด็กเสิร์ฟพูดถึงก็คือลุงลู่กับภรรยานั่นเอง นี่ก็ผ่านไปยังไม่ถึงครึ่งเดือนเลยตั้งแต่ตอนที่พวกเขาพยายามจะนำเมล็ดแตงโมมาขายเมื่อครั้งที่แล้ว และสองสามีภรรยาคู่นี้ก็กลับมาจริง ๆ!
”เดี๋ยวหนูออกไปดูเองค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้วและห้ามไม่ให้แม่ลุกขึ้น แม่ของเธออายุเยอะแล้ว ถ้าออกไปทะเลาะกับคนพวกนั้น มีหวังคงได้โมโหจนความดันขึ้นแน่ ๆ