สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 100 ฉินซือไปซื้อซอสถั่วเหลือง
บทที่ 100 ฉินซือไปซื้อซอสถั่วเหลือง
บทที่ 100 ฉินซือไปซื้อซอสถั่วเหลือง
ฉินซือหัวเราะในลำคอ นอกจากเธอจะไม่โง่แล้ว เธอยังฉลาดมากอีกด้วย ใครก็ตามที่คิดว่าลู่ฉิวเยว่เป็นคนโง่ คนคนนั้นก็จะถูกเธอหลอกกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก
“เถ้าแก่ ขอซื้อซอสถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม” สองหนุ่มสาวเดินเข้าไปในร้านขายซอสถั่วเหลือง ฉินซือเป็นคนพูดออกมา
ชายชราคนหนึ่งนั่งหลับอยู่หลังเคาน์เตอร์ แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงเรียก ก็สะดุ้งตื่นทันที ก่อนจะยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว “ได้เลยครับ ซอสถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม กรุณารอสักครู่”
พูดจบแล้วเขาก็รีบหยิบขวดใบหนึ่งเดินไปหาโหลขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมร้าน
ซอสถั่วเหลืองในยุค 1980 แตกต่างจากซอสถั่วเหลืองในยุคหลัง เพราะพวกมันจะถูกบรรจุอยู่ในโหลขนาดใหญ่
ส่วนมากซอสถั่วเหลืองเหล่านี้จะถูกผลิตออกมาจากโรงงานประจำเมือง ร้านค้าแต่ละร้านก็จะไปรับมาขายต่อ เนื่องจากเวลาทำอาหาร ทุกบ้านก็จำเป็นต้องใช้ซอสถั่วเหลือง นี่จึงถือเป็นสินค้าที่ขายดีอย่างยิ่ง
ลู่ฉิวเยว่มองสภาพภายในร้านด้วยความประหลาดใจ ความจริง ที่นี่เป็นร้านขายเครื่องปรุงมากกว่าร้านขายซอสถั่วเหลืองเสียอีก เพราะบนชั้นวางที่ทำจากไม้กระดานเหล่านั้นเต็มไปด้วยเครื่องปรุงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นซอสพริก น้ำมันถั่ว เกลือ และเครื่องปรุงอื่น ๆ อีกมากมาย
และบนชั้นวางขนาดเล็กข้างประตูก็ยังมีพืชผักสวนครัวรวมไปถึงพวกมันฝรั่งวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เวลาที่มีคนมาซื้อซอสถั่วเหลือง พวกเขาก็มักจะซื้อผักพวกนี้ติดมือกลับไปด้วยเสมอ
ลู่ฉิวเยว่นึกชื่นชมเจ้าของร้านอยู่ในใจ นี่เป็นวิธีการทำธุรกิจแบบครบวงจร
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่?” ระหว่างทางกลับ ฉินซือหันหน้ามายิ้มและโบกมืออยู่ตรงหน้าลู่ฉิวเยว่
หญิงสาวเป็นแบบนี้ตั้งแต่ที่เดินออกมาจากร้านขายซอสถั่วเหลือง เธอใจลอยเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
ลู่ฉิวเยว่ยกมือปัดมือเขาออกไปพร้อมกับตอบว่า “ฉันกำลังคิดเรื่องธุรกิจน่ะ คุณซงสั่งซื้อเมล็ดแตงโมเป็นจำนวนมาก เวลากระชั้นชิดเกินไป ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะให้เชฟที่ร้านอาหารไปช่วยทำสักสองคนดีไหม”
การทอดเมล็ดแตงโมจำเป็นต้องใช้ทักษะของมืออาชีพ เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้น เธอก็กลัวว่าเมล็ดแตงโมที่ทอดออกมาจะไม่ได้คุณภาพ และมันก็จะกลายเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยาก
แต่ร้านอาหารของเธอมีเชฟอยู่ไม่มาก ตอนนี้ลูกค้าในร้านอาหารก็ไม่ใช่น้อย ๆ ถ้าเธอให้เซฟมาทอดเมล็ดแตงโมที่โรงงาน คนที่ร้านอาหารก็จะขาดแคลน ลู่ฉิวเยว่ได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
“มันจะไปยากอะไรกัน?” ฉินซือหัวเราะในลำคอ เขาโอบไหล่เธอและเดินอยู่ด้านข้าง ป้องกันไม่ให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาชนเธอเข้า “ผมจะให้เลขาหวังหาคนมาให้คุณสักสองคนก็แล้วกัน”
ลู่ฉิวเยว่มีดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมากนะคะ”
ความช่วยเหลือของเขาประหยัดเวลาให้เธอได้เยอะมาก
อาจเป็นเพราะเห็นเธอวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด บ่ายวันต่อมา ฉินซือจึงส่งคนของเขามาทันที
ในโกดังทอดเมล็ดแตงโม ทันทีที่ลู่ฉิวเยว่หันไปมอง เธอก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเข้ามาจากด้านนอก เธอพยักหน้าทักทายฉินซือ “พี่ชาย พี่สาว พวกคุณจะเป็นคนที่ช่วยมาทอดเมล็ดแตงโมใช่ไหมคะ?”
ระหว่างที่พูดออกมา ลู่ฉิวเยว่ก็จ้องมองไปยังชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินมาพร้อมกับฉินซือ พวกเขามีอายุประมาณ 40 – 50 ปี คนที่เป็นผู้หญิงยิ้มออกมาด้วยความเขินอาย
“ใช่แล้วครับ!” ฉินซือเป็นคนตอบคำถาม “คุณอยากให้พวกเขาลองทอดให้ดูก่อนไหม?”
“ดีเลยค่ะ กระทะของเราเพิ่งเทน้ำมันลงไปพอดี” ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าและหันไปสั่งเด็กสาวที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง “ช่วยเตรียมพื้นที่ให้เชฟทั้งสองคนนี้ด้วย ไปเอาเมล็ดแตงโมมาสัก 5 กิโลกรัม”
ลู่ฉิวเยว่ต้องการจะตรวจสอบดูว่าชายหญิงสองคนนี้สามารถทำงานได้จริงหรือไม่
โชคดีที่ทั้งสองคนสามารถทำได้ตามที่เธอคาดหวัง
ชายหญิงวัยกลางคนคู่นี้เคยเป็นมือทอดในโรงงานทำอาหารมาก่อน แต่พวกเขาก็ถูกเลิกจ้างและต้องอยู่บ้านมาหลายเดือนจนกระทั่งเลขาหวังไปเจอเข้า นอกจากนี้ พวกเขาทำงานนี้มาหลายปีแล้ว จึงมีความชำนาญเป็นอย่างยิ่ง
เมล็ดแตงโมทอดยังคงสดใหม่ เมื่อเปิดฝาออก กลิ่นหอมก็ลอยออกมาทันที ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูง จากนั้นรีบหยิบมากำมือหนึ่งเพื่อชิมรสชาติ
เปลือกเมล็ดแตงโมกรอบมาก เวลาใช้ฟันกัดจะได้ยินเสียงดังกร๊อบ เนื้อด้านในที่เป็นสีขาวจะกระเด็นเข้าไปในปาก ทั้งหอม ทั้งกรอบอร่อย
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าด้วยความพอใจ “นับจากนี้ไป พวกคุณทั้งสองคนจะเป็นพนักงานประจำของโรงงานเรา ได้เงินเดือนเท่ากับคนอื่น ๆ คือเดือนละ 80 หยวน ไม่ทราบว่าพอรับได้ไหมคะ?”
ชายหญิงวัยกลางคนคู่นั้นพยักหน้ายิ้มรับด้วยความดีใจ นับตั้งแต่ที่พวกเขาถูกปลดออกจากงาน พวกเขาก็หางานทำมาหลายงานแล้ว ส่วนใหญ่จะได้เดือนละ 50-60 หยวนเท่านั้น พวกเขาไม่กล้าคิดถึงงานที่ได้เดือนละ 80 หยวนเลย เพราะคนที่ทำหน้าที่เป็นมือทอดอย่างพวกเขาแทบไม่เคยได้รับเงินเดือน 80 หยวนมาก่อน
“งั้นเราก็มาเซ็นสัญญากันเลยค่ะ” ลู่ฉิวเยว่นำชายหญิงวัยกลางคนไปที่สำนักงาน ซึ่งฉินซือจัดเตรียมเอาไว้ให้เธอเป็นพิเศษ
ลู่ฉิวเยว่นำเอกสารแรงงานที่เตรียมเอาไว้ในกระเป๋าออกมาวางบนโต๊ะ
หญิงวัยกลางคนหยุดชะงัก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินว่าต้องมีการเซ็นสัญญาเมื่อเข้าทำงานในโรงงานด้วย เธอจึงเกิดความลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองทางชายวัยกลางคนที่มาด้วยกันโดยไม่รู้ตัว
เขาจ้องมองสัญญาอย่างใช้ความคิด สุดท้ายก็ถอนหายใจ ก่อนจะประทับลายนิ้วมือลงไป
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาอย่างใจดี “พี่สาวคะ นี่ไม่ใช่สัญญาที่จะหลอกลวงคุณเลย แต่นี่เป็นสัญญาที่จะช่วยรับประกันให้กับเราทั้งคู่ ฉันจะได้แน่ใจว่าคุณสามารถทำงานได้ตามที่เรากำหนดไว้ และถ้าคุณจะลาออก ก็ต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนหนึ่งอาทิตย์เพื่อให้เราหาคนมาแทน ไม่งั้นเราก็ต้องให้คุณจ่ายค่าเสียหายตามที่ระบุไว้ในสัญญา แล้วถ้าเราไล่คุณออกอย่างไม่เป็นธรรม คุณก็สามารถไปฟ้องร้องพวกเราได้เช่นกันค่ะ”
การเซ็นเอกสารแรงงานไม่เพียงแต่จะช่วยปกป้องคนที่เป็นแรงงานเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างสมดุลให้กับการทำธุรกิจอีกด้วย
เมื่อหญิงวัยกลางคนได้รับทราบดังนั้น เธอก็ยิ้มออกมาโดยทันที “เป็นแบบนี้นี่เอง ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” พูดจบ เธอก็ประทับลายนิ้วมือเช่นกัน
ฉินซือยิ้มออกมาด้วยความชื่นชม ลู่ฉิวเยว่ทำทุกอย่างได้อย่างราบรื่น และช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ชายหนุ่มอยู่พูดคุยด้วยพักหนึ่ง ก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้น เขาจะขับรถออกไปพร้อมกับเลขาหวัง
ชายหญิงวัยกลางคนอยู่ในโรงงานเพื่อช่วยทอดเมล็ดแตงโมและใช้เวลานี้ปรับตัวเข้ากับการทำงานในโรงงานแห่งใหม่
ในที่สุด สำนักงานก็กลับมาอยู่ในความสงบ ลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่ในจังหวะที่เธอกำลังจะนอนบนโซฟาเพื่อพักผ่อนสักครู่ หญิงสาวก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ใครคะ?”
“พี่ลู่ หนูเอง” เสียงของเด็กสาวดังขึ้นหน้าประตู “คุณนายเฉิงมารออยู่ที่หน้าประตูโรงงานค่ะ บอกว่าอยากจะพบพี่”
เอาแล้วไง จิ้งจอกพันปีมาอีกแล้ว
ลู่ฉิวเยว่ยกมือนวดขมับด้วยความปวดหัว เธอไม่คุยกับเฉิงซูเลยจริง ๆ คนที่เจ้าเล่ห์อย่างหญิงคนนี้ผลาญพลังงานจากเธอมากเกินไป
“ให้เธอเข้ามา” ลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ร้องบอกกับคนที่อยู่นอกประตู ก่อนจะลุกขึ้นไปตั้งน้ำร้อนเพื่อชงน้ำชา
“สวัสดีคุณลู่ เดี๋ยวนี้งานยุ่งเชียวนะ”
ไม่กี่นาทีให้หลัง เธอก็ได้ยินเสียงหยอกเย้าของเฉิงซูดังมาพร้อมกับความเหยียดหยาม
ลู่ฉิวเยว่ไอออกมาเล็กน้อย เธอหยิบกาน้ำชามารินน้ำชาใส่ถ้วย “คุณเฉิงทานน้ำชาก่อนค่ะ มาหาฉันแบบนี้ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”
เฉิงซูยื่นมือออกมารับถ้วยน้ำชาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เมล็ดแตงโมทอดที่ฉันซื้อจากคุณไปเที่ยวที่แล้วขายหมดเกลี้ยง ฉันอยากจะสั่งใหม่อีกสัก 500 กิโลกรัม ไม่ทราบว่าคุณลู่พอจะทำให้ทันภายใน 2-3 วันไหม?”