สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย - บทที่ 862 ช้าไปหนึ่งก้าว
บทที่ 862 ช้าไปหนึ่งก้าว
บทที่ 862 ช้าไปหนึ่งก้าว
คนที่เซี่ยชิงโจวจัดเตรียมไว้พาลู่จื่ออวิ๋นไปซ่อนตัวที่เมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
ลู่จื่ออวิ๋นสวมหมวกม่านโปร่ง ปลอมตัวเป็นสตรีทั่วไปที่มาเยี่ยมญาติ
องครักษ์ลับของนางปลอมตัวเป็นบ่าวรับใช้ธรรมดา ๆ แต่ละคนดูซื่อสัตย์ อีกทั้งยังอ่อนน้อมถ่อมตน ยากที่จะดึงดูดความสนใจของผู้อื่น
ยากนักที่ฮองเฮาอาณาจักรเฟิ่งหลินจะได้ผ่อนคลายเช่นนี้ จึงพาบ่าวรับใช้ออกไปซื้อของ ราวกับเป็นหญิงสาวที่มาเยี่ยมญาติตามปกติ
สองวันต่อมา เซี่ยชิงโจวก็พาคนอื่น ๆ มาเคาะประตูเรือนหลังเล็ก ๆ
เพราะก่อนหน้านี้ได้ทิ้งสัญลักษณ์เอาไว้ เขาจึงติดตามสัญลักษณ์มาจนพบสถานที่แห่งนี้
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ช้าไปหนึ่งก้าว” เซี่ยชิงโจวเอ่ย “ไม่มีผู้ใดในหมู่บ้านนั้นเหลือรอดแม้เพียงคนเดียว ถูกฆ่าตายหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“หมู่บ้านหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นตกตะลึง “ท่านหมายความว่าคดีขโมยครั้งนี้เกี่ยวข้องกับทั้งหมู่บ้านหรือ?”
“ก่อนหน้านี้กระหม่อมรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ กล่าวกันตามหลักแล้ว ถึงแม้จะทำเรื่องใหญ่โตเพียงนี้ได้สมบูรณ์แบบก็ไม่มีทางลบร่องรอยได้ทั้งหมด กระหม่อมวิเคราะห์จากเบาะแสแล้วจึงคิดว่าต้องเกี่ยวข้องกับชาวบ้านที่อยู่ละแวกนั้น”
“ท่านหาหมู่บ้านที่น่าสงสัยพบแล้ว ทว่าในหมู่บ้านนั้นกลับไม่เหลือร่องรอยคนแม้เพียงผู้เดียว พวกเขาย้ายออกจากที่นั่นแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ได้ย้ายออกไป แต่ซากศพทั้งหมดถูกเผาทำลายแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เซี่ยชิงโจวเอ่ยแก้คำพูดของลู่จื่ออวิ๋น “ชาวบ้านที่นั่นดูเรียบง่ายและซื่อสัตย์ ทว่าจริง ๆ แล้วเป็นโจรที่ปลอมตัวเป็นชาวบ้านทั่วไป โจรเหล่านั้นแตกต่างจากโจรกลุ่มอื่น ๆ โจรกลุ่มอื่นอาศัยอยู่บนภูเขา สร้างชื่อเสียงให้ตนเองอย่างเกรียงไกร โจรในหมู่บ้านนี้ไม่ได้สนใจสิ่งที่มีเพียงเปลือกเหล่านั้น เพียงแค่แสวงหาผลประโยชน์ที่แท้จริง พวกเขาปลอมตัวได้อย่างแนบเนียน ทั้งยังมีสำเนาทะเบียนบ้าน คนทั่วไปสืบมาไม่ถึงตัวพวกเขาด้วยซ้ำ หากเรื่องนี้ไม่ร้ายแรงเกินไป กอปรกับเรายังกัดไม่ปล่อย เรื่องพวกเขาย่อมไม่มีทางถูกเปิดเผยเป็นแน่”
“คนเหล่านี้กลับถูกฆ่าตายแล้ว”
“ดังนั้น เรื่องนี้จะต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่นอน”
“เช่นนั้นเสบียงของพวกเราเล่า?”
เซี่ยชิงโจวส่ายหน้า “ก้อนหินจมลงก้นมหาสมุทร”
ลู่จื่ออวิ๋นขมวดคิ้ว “คราวนี้ได้พบกับคู่ต่อสู้แล้ว”
“ฮองเฮา พวกเราอย่าได้เสียเวลาอยู่ข้างนอกอีกเลย รีบกลับเมืองหลวงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” เซี่ยชิงโจวมองไปที่ท้องของนาง “ตอนนี้เพียงแค่เห็นท้องท่าน กระหม่อมก็ปวดหัวขึ้นมาแล้ว เกรงว่าหากหละหลวมไปแม้เพียงนิดจะก่อความผิดอันใหญ่หลวง สงสารกระหม่อมเถอะ อย่าให้ต้องหวาดผวาอยู่อย่างนี้เลย แน่นอนว่าคดีขโมยมีความสำคัญมาก กระหม่อมจะต้องตรวจสอบเรื่องนี้โดยละเอียดอย่างแน่นอน”
“เบาะแสถูกทำลาย อีกฝ่ายซ่อนตัวไปแล้ว ตรวจสอบได้ไม่ง่ายจริง ๆ วางใจเถอะ ข้าเองก็ต้องการกลับเมืองหลวงแล้วเช่นกัน นับตั้งแต่นี้ไปพวกเรามุ่งหน้ากลับทันที ตอนนี้พักเรื่องการตรวจสอบไว้ก่อน”
ยี่สิบวันให้หลัง ทุกคนก็กลับมาถึงเมืองหลวง
ทั้งขุนนางพลเรือนและขุนนางทหารในราชสำนักยืนรอต้อนรับอยู่ที่หน้าประตูเมือง
เมื่อเห็นขบวนที่ใหญ่โตเช่นนี้ ลู่จื่ออวิ๋นพลันรู้สึกอับจนปัญญา เอ่ยกับซ่างกวนหมิงเสียผู้ที่ยืนอยู่ด้านหน้าว่า “เสด็จแม่ หม่อมฉันกลับมาเงียบ ๆ ก็ได้ เหตุใดต้องให้ทุกคนมารออยู่ที่นี่ล่ะเพคะ?”
“เจ้าเป็นถึงฮองเฮา…” ซ่างกวนหมิงเสียชะงัก นางจ้องมองไปที่ท้องของลู่จื่ออวิ๋น
ลู่จื่ออวิ๋นเพิ่งลงจากรถม้า ซ่างกวนหมิงเสียก็เอาแต่จ้องมองใบหน้าของนางเพื่อดูว่านางผ่ายผอมลงไปหรือไม่ ขณะที่กำลังพูดก็สังเกตเห็นว่าท้องของลู่จื่ออวิ๋นใหญ่โตเพียงใด จึงอดที่จะตกใจไม่ได้
“ท้องของเจ้า…”
ติงเซียงที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “เจ็ดเดือนกว่าแล้วเพคะ”
“เจ้ามีครรภ์หรือ!” ซ่างกวนหมิงเสียหันไปมองลู่จื่ออวิ๋น “เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด? เหตุใดเจ้าไม่เคยเอ่ยถึงมาก่อน? เรื่องสำคัญเช่นนี้เจ้าก็ไม่เคยเอ่ยถึงในจดหมาย เจ้า…”
อู่อันอ๋องก็ตกใจเช่นกัน ทว่าไม่นานเขาก็ตื่นจากความตกใจ
ซ่างกวนหมิงเสียพูดจาไม่ปะติดปะต่อกันจนอู่อันอ๋องรีบลูบหลังเพื่อให้นางสงบลง
“ลูกสะใภ้ไม่ได้บอกเพราะไม่อยากให้เจ้าต้องกังวล หากนางบอกล่วงหน้า เจ้าจะปล่อยให้นางไปที่หนานโจวหรือ? หากนางบอกในจดหมาย เจ้าจะทนรอให้นางกลับมาอย่างเป็นสุขหรือ? เกรงว่าจดหมายมาถึงหนึ่งวันเจ้าก็จะเร่งให้นางกลับมาหนึ่งวัน หากนางไม่กลับมา เจ้าคงจะไปรับนางกลับมาเอง บัดนี้ทั้งแม่และลูกล้วนปลอดภัย ราษฎรหนานโจวก็ได้รับการปลอบประโลมแล้ว นั่นไม่ใช่ว่าทุกคนล้วนมีความสุขกันถ้วนหน้าหรือ?”
“ทุกคนล้วนมีความสุขอะไร?” ซ่างกวนหมิงเสียตอบโต้ทันที “ท่านมีความสุข คนอื่น ๆ มีความสุข เช่นนั้นเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ของพวกเราต้องทุกข์ทรมานมากเพียงใดเล่า? พวกท่านเหล่าบุรุษล้วนรู้สึกว่าการตั้งครรภ์นั้นง่าย อย่างไรเสียขณะที่พวกท่านกินดื่มอย่างอิ่มหนำสำราญอยู่ข้าง ๆ สตรีก็ต้องคลอดบุตรออกมา พวกท่านรู้หรือไม่ว่าตั้งครรภ์นั้นยากเพียงใด? พวกท่านรู้ถึงความรู้สึกที่ไม่อาจนอนหลับ ทานอะไรเข้าไปล้วนอยากอาเจียนออกมาหรือไม่?”
อู่อันอ๋องมองลู่จื่ออวิ๋นด้วยสายตาวิงวอน
ในยามนี้ไม่มีผู้ใดนอกจากนางที่จะปลอบให้ซ่างกวนหมิงเสียสงบลงได้แล้ว
ลู่จื่ออวิ๋นรู้สึกซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง
ซ่างกวนหมิงเสียคอยดูแลห่วงใยนางอยู่เสมอ ทั้งยังปวดใจเพราะนาง อีกฝ่ายเป็นเช่นเดียวกับมารดาผู้ให้กำเนิด
นางเข้าไปกอดซ่างกวนหมิงเสีย พลางลูบหลังเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “เสด็จแม่ ในฐานะฮองเฮาแห่งอาณาจักร ลูกในท้องคือลูกของหม่อมฉัน ราษฎรในแผ่นดินก็เป็นคนของหม่อมฉัน วางใจเถิด หม่อมฉันย่อมไม่เห็นร่างกายตนเองเป็นเรื่องเล่นอย่างแน่นอน หากเกิดอะไรทำให้ไม่สบายระหว่างทาง หม่อมฉันคงจะกลับมาอ้อนท่านเป็นแน่ หม่อมฉันจะอยู่ในหนานโจวได้นานเพียงใดกัน?”
ซ่างกวนหมิงเสียกระแอมเบา ๆ “ไม่ใช่ว่าแม่อยากทำให้เรื่องยุ่งวุ่นวาย อันที่จริงหนานโจวนั้นเดิมทีก็ประสบภัยพิบัติ เจ้าพาท้องโต ๆ เช่นนี้ไปดูแลหลาย ๆ เรื่องที่นั่น นับว่าลำบากมาก! บัดนี้เจ้ากลับมาแล้ว ข้าจะต้องชดเชยให้เจ้าอย่างดีอย่างแน่นอน”
“หม่อมฉันฟังเสด็จแม่” ลู่จื่ออวิ๋นเห็นว่าซ่างกวนหมิงเสียไม่ได้เศร้าใจอีกต่อไป จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
ซ่างกวนหมิงเสียหันไปมองเซี่ยชิงโจว “ใต้เท้าเซี่ย ฮองเฮาไม่กล่าวอะไร ท่านก็ไม่รู้จักแจ้งล่วงหน้าบ้างเลยหรือ? หากเกิดอะไรขึ้นกับองค์ชาย ท่านจะรับผิดชอบไหวหรือไม่?”
“ท่านป้า…”
“ข้าไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับเจ้า”
เซี่ยชิงโจวร้องขอความเมตตา “ท่านป้า ท่านอย่าโกรธเลย ข้าเป็นเพียงขุนนางตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ฮองเฮาไม่ให้ข้าฟ้อง ข้าจะกล้าฟ้องได้อย่างไร? นอกจากนี้ ข้ายังบอกใบ้ไว้ในจดหมายแล้วด้วย เพียงแต่ท่านป้าไม่ได้สังเกต”
“เจ้าแจ้งข้าตั้งแต่เมื่อไหร่?” ซ่างกวนหมิงเสียนึกไม่ถึงว่าเคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น
เซี่ยชิงโจวสาธยายสิ่งที่ตนเขียน “ข้าเขียนในจดหมายว่า ‘ฮองเฮาพระวรกายหนักขึ้น หมู่นี้เคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวก ข้าให้นางพักผ่อนนางก็ไม่ยอมพักผ่อน’ ท่านป้า ท่านยังจำได้หรือไม่ว่าท่านตอบข้าอย่างไร?”
ซ่างกวนหมิงเสียนึกขึ้นมาได้แล้ว ดูเหมือนจะมีข้อความเช่นนี้อยู่จริง ๆ
นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงกังขา “ข้าตอบว่า ‘ฮองเฮามีน้ำมีนวลขึ้นหรือ? มีน้ำมีนวลขึ้นก็ถือว่าเป็นพรเช่นกัน เฉิงจิ่นไม่ชอบม้าผอมหยางโจว หากนางชอบกินก็กินให้มากหน่อย อย่าได้ขัดใจนาง’”
“นี่อย่างไร ท่านก็ตอบกลับเช่นนี้แล้ว”
ลู่จื่ออวิ๋นยืนหัวเราะอยู่ข้าง ๆ
ขุนนางคนอื่น ๆ ต่างก็ก้มหน้าก้มตาพยายามควบคุมสีหน้าของตน หลังจากอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่ง พวกเขานับว่ามองออกแล้วว่าองค์หญิงใหญ่ผู้นี้ที่ดูเหมือนไม่ข้องแวะกับปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป รู้จักแต่เพียงตกหลุมรักกับอู่อันอ๋องนั้นไม่ได้ไร้พิษสงอย่างที่คิด ทันทีที่นางได้กุมอำนาจ นางกลับเหมือนราชินีแห่งหมู่มวลดอกไม้ที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคม นโยบายระยะนี้ล้วนทำให้ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักไม่อาจรับมือได้
“พวกเรากลับเข้าวังกันก่อนเถอะ!” อู่อันอ๋องที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยเตือน “ลูกสะใภ้นั่งรถม้ามานานเพียงนี้ เกรงว่าจะเหนื่อยแย่แล้ว ให้นางได้พักผ่อนก่อน มีอะไรค่อยพูดคุยกันภายหลัง”
——————————————