สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย - บทที่ 785 ไม่อาจใช้กำลังภายในได้แล้ว
บทที่ 785 ไม่อาจใช้กำลังภายในได้แล้ว
บทที่ 785 ไม่อาจใช้กำลังภายในได้แล้ว
มู่ซืออวี่เพียงแค่รับฟัง ไม่กล้าคิดเป็นจริงเป็นจัง
หากให้เซี่ยเฉิงจิ่นย้ายเมืองหลวงจริง ๆ เกรงว่าเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์จะถูกราษฎรอาณาจักรเฟิ่งหลินตราหน้าว่านารีเป็นเหตุ
บุตรหลานย่อมมีโชคชะตาของตนเอง เรื่องในภายหลังค่อยว่ากันภายหลัง มู่ซืออวี่ไม่ใช่คนที่ชอบเอาปัญหามาใส่ตนเอง ไม่นานนางก็ผลักเรื่องนี้ไว้ข้างหลัง
“ฮูหยิน หาหญ้าวิญญาณม่วงมาได้แล้วขอรับ” ลู่ซวิ่นที่วิ่งเข้ามาจากข้างนอกเอ่ยอย่างตื่นเต้น “ของมอบให้กับท่านหมอจูแล้ว ท่านหมอจูยืนยันแล้วว่าเป็นหญ้าวิญญาณม่วงขอรับ”
“ดียิ่งนัก!” มู่ซืออวี่เอ่ย “ลำบากทุกคนแล้ว ได้ยินว่าใกล้ ๆ หญ้าวิญญาณม่วงมีงูพิษ ทุกคนไม่เป็นไรกระมัง?”
“พวกเราเตรียมสงหวง*[1] ไปขอรับ ระหว่างทางพบอุปสรรคอยู่บ้าง เพียงแต่ท่านหมอจูได้เตือนพวกเราล่วงหน้าแล้ว พวกเราเตรียมตัวไปอย่างดี ทุกคนจึงบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยขอรับ”
เมื่อมีหญ้าวิญญาณม่วงแล้ว สมุนไพรอย่างอื่นจึงรวบรวมมาได้อย่างรวดเร็ว
ท่านหมอจูลงมือปรุงยาทันที
หลายวันต่อมา ท่านหมอจูก็ส่งยาที่ปรุงเสร็จมาให้ฉีเซียวดื่มลงไป
หลายวันให้หลัง มู่ซืออวี่คอยเฝ้าดูแลฉีเซียวไม่ให้คลาดสายตา มีเพียงกลางคืนเท่านั้นที่จะส่งต่อให้คนสนิทของเขาคอยดูแล
หลังดื่มยาลงไป ฉีเซียวก็มีอาการข้างเคียงที่รุนแรง ขั้นแรกเขาทั้งอาเจียนและท้องร่วง ถัดจากนั้นก็มีอาการเบื่ออาหาร มู่ซืออวี่ปรับเปลี่ยนอาหารให้เขาตามเทียบยาที่ท่านหมอจูเขียนให้ เช่นนี้เขาจะได้ทานอาหารได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“พิษที่หลงเหลือในร่างกายถูกขับออกเกือบหมดแล้ว เพียงแต่มีข่าวร้าย นั่นคือท่านจะไม่สามารถใช้กำลังภายในได้อีก” ท่านหมอจูเอ่ย “อย่างไรเสียร่างกายท่านก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หากยังใช้กำลังภายในอาจจะเกิดผลร้ายเอาง่าย ๆ”
“เขาเป็นขุนนางทหาร หากใช้กำลังภายในไม่ได้จะรักษาตำแหน่งตอนนี้เอาไว้ได้อย่างไร” มู่ซืออวี่เอ่ย “ยังมีวิธีรักษาวิธีอื่นหรือไม่เจ้าคะ? ไม่ว่าจะต้องใช้ยาชนิดใด พวกเราก็จะพยายามเสาะหามันมาให้ได้”
“หากมีวิธีอื่น ข้าคงไม่เอ่ยผลลัพธ์เช่นนี้ออกมา แน่นอนว่าอาจจะเป็นเพราะฝีมือในการรักษาของข้าไม่ดีพอ หากพบท่านหมอที่มีฝีมือในการรักษาที่ดีกว่า อาจมีวิธีอื่นก็เป็นได้!”
“ไม่เป็นไร” ฉีเซียวเอ่ย “หลายปีมานี้ชีวิตข้าล้วนอยู่กับการฆ่าฟัน ข้าเองก็เบื่อแล้ว จะได้ถือโอกาสนี้เกษียณ”
“เกษียณหรือ? ท่านอายุน้อยเพียงนี้ จะเกษียณตั้งแต่บัดนี้เลยหรือ?”
“ข้าไม่อาจใช้กำลังภายใน ย่อมไม่สามารถนำลูกน้องออกไปทำภารกิจได้ หากข้าไม่เกษียณจะไม่ทำให้คนดูแคลนข้าเปล่า ๆ หรือ? ข้าจะใช้โอกาสนี้สละตำแหน่งให้ผู้อื่น ทุกคนจะได้ยินดีกันทุกฝ่าย”
“ใต้เท้าฉีเป็นท่านป๋อ ถึงแม้เขาจะไม่มีตำแหน่งขุนนาง อย่างไรก็ไม่อาจหลีกหนีความรุ่งโรจน์มั่งคั่งพ้น” ท่านหมอจูเอ่ย “ไม่มีผู้ใดเกิดมาชอบต่อสู้ฆ่าฟัน หากมีชีวิตที่สุขสบายได้ ไม่ว่าผู้ใดล้วนอยากมีอิสระและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายกันทั้งนั้น”
ฉีเซียวเขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง เนื้อความคงเป็นสุขภาพที่ทรุดโทรมของเขาจึงมีความประสงค์ที่จะมอบหน่วยลับให้ผู้อื่นบัญชาการต่อไป
หน่วยลับขึ้นตรงต่อฮ่องเต้ เท่ากับว่าเป็นพระเนตรพระกรรณของฝ่าบาท คอยสอดส่องเรื่องราวในใต้หล้า ขอเพียงฮ่องเต้บัญชาการลงมา หน่วยลับย่อมน้อมรับพระบัญชา
ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ ฉีเซียวเป็นขุนนางในฮ่องเต้พระองค์ก่อน สามารถยืนหยัดมาได้เพราะยืนได้ถูกฝั่ง ไม่เช่นนั้นหน่วยลับย่อมเป็นคนที่จะถูกสะสางบัญชีเป็นคนแรก บัดนี้เขาส่งมอบอำนาจคืนแต่โดยดี ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ย่อมชมเชยว่าเขารู้จักคิดอ่าน
มู่ซืออวี่เดินเข้ามาพร้อมกระดานหมาก เมื่อนางเห็นคนของฉีเซียวขนข้าวของออกไป จึงกล่าวขึ้นว่า “ยินดีปล่อยไปเช่นนี้จริง ๆ หรือ?”
“ไม่ยินยอมแล้วอย่างไร? อันที่จริงหน่วยลับก็ถูกจับตามองมานานแล้ว ข้าเป็นฝ่ายคืนอำนาจกลับไปให้ บางทีข้าอาจได้รับผลประโยชน์อย่างอื่นมาชดเชยแทน”
“วันนี้อากาศไม่เลว ข้าจะเข็นท่านออกไปเดินเล่น จากนั้นค่อยเล่นหมากรุกบนโต๊ะหินในสวน ข้าจะสอนวิธีเล่นหมากรุกที่แตกต่างจากเดิมให้ รับรองว่าท่านต้องไม่เคยเล่นมาก่อนอย่างแน่นอน”
“เช่นนั้นหรือ? ข้าชักจะสงสัยแล้วสิ” ฉีเซียวลุกออกจากเตียงไปนั่งบนรถเข็น
ร่างกายเขายังคงอ่อนแอ ช่วงนี้ต้องใช้รถเข็นออกไปสูดอากาศข้างนอก เดิมทีใบหน้านี้ก็งดงามอยู่แล้ว บัดนี้ไม่ต้องแสร้งเป็นผู้บัญชาการหน่วยลับ ไม่ต้องสวมหน้ากากที่เปี่ยมไปด้วยจิตสังหารอยู่ตลอดเวลา และเปลี่ยนจากเครื่องแต่งกายที่ดูลึกลับมาสวมใส่เสื้อผ้าเรียบ ๆ ฉีเซียวรวบผมส่วนหนึ่งขึ้นหลวม ๆ ปักปิ่นหยก ผมที่เหลือปล่อยให้แผ่สยายถึงกลางแผ่นหลัง ดูไปแล้วคลับคล้ายกับปรมาจารย์ผู้สูงส่งที่ห่างไกลจากทางโลกยิ่งนัก
ภายในสวน ฉีเซียวได้เรียนวิธีเล่นหมากรุกบิน*[2] จากมู่ซืออวี่
หมากรุกนี้นางทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเล่นกับเขา
ผู้ติดตามนำเสื้อคลุมมาให้ฉีเซียว จากนั้นจึงโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูเขาสองสามคำ
เมื่อมู่ซืออวี่เห็นดังนี้จึงวางเบี้ยในมือลงแล้วเอ่ยว่า “หากใต้เท้าฉีมีเรื่องต้องจัดการก็ทำเถิด”
“อันที่จริงมีข่าวมาจากทางอัครมหาเสนาบดีลู่” ฉีเซียวเอ่ย “อัครมหาเสนาบดีลู่และคนของเขาบุกเข้าไปในฐานของกลุ่มลับแห่งนั้นตามที่เราฝึกก่อนหน้านี้ได้สำเร็จ เพียงแต่มันว่างเปล่า คนเหล่านั้นหนีไปนานแล้ว”
“เป็นอย่างที่คาด พวกมันคงไม่นิ่งเฉยรอให้พวกเราไปจับกุม”
“ไม่ผิด กระต่ายเจ้าเล่ห์ยังมีสามโพรง นับประสาอะไรกับคนเล่า? ข้าเชื่อว่าที่อื่นเองก็ต้องมีหุบเขาเช่นนี้ อีกทั้งที่นั่นย่อมมีค่ายกลเช่นกัน ข้ากำชับคนของข้าให้ไปตรวจสอบดูว่ามีหุบเขาที่ลึกลับทั้งอันตรายและมีลักษณะภูมิประเทศที่คล้ายกับหุบเขานี้หรือไม่ เช่นนี้แล้วจะได้มีโอกาสหาพบมากขึ้น”ไอรีนโนเวล
“กล่าวได้ไม่ผิด เพียงแต่หากหาพบแล้วอย่าได้แหวกหญ้าให้งูตื่นเสียก่อนเล่า มิเช่นนั้น ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเราจะเป็นฝ่ายเสียหายอย่างหนัก แต่ยังจะกลายเป็นว่าเราปล่อยให้พวกมันหนีไปได้อีกครั้งด้วย”
ทางฝั่งของลู่อี้เป็นอย่างไรบ้าง หลังจากนั้นมู่ซืออวี่ก็ไม่ได้สนใจแล้ว ฉีเซียวไม่ได้กล่าวอะไร คิดว่าหากไม่มีความคืบหน้า ไม่นานลู่อี้คงกลับมา
“ฮูหยิน มีราชโองการส่งมาจากเมืองหลวงเจ้าค่ะ”
“ราชโองการอะไร? นายท่านไม่อยู่ที่บ้าน ไม่อาจรับราชโองการได้”
“ได้ยินว่าประทานให้ท่านเจ้าค่ะ” ซางจือเอ่ย
“ประทานให้ข้า?” มู่ซืออวี่ประหลาดใจ “ผู้ใดมาส่ง?”
“ขันทีเล็กข้างกายฝ่าบาทเจ้าค่ะ”
มู่ซืออวี่มาถึงโถงหลักและเห็นขันทีเล็กกำลังพูดคุยกับพ่อบ้านด้วยรอยยิ้ม
ขันทีที่ปรนนิบัติฝ่าบาท แม้จะเป็นชายที่ถูกตอนแล้ว เขาก็เป็นผู้ที่ขุนนางทั้งหลายต่างต้องประจบเอาใจ อย่างไรก็ตามสายตาของขันทีเล็กผู้นี้กลับมีชีวิตชีวา มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าเฉลียวฉลาดยิ่ง คนเช่นนี้ดูเกรงอกเกรงใจพ่อบ้าน เห็นได้ชัดว่าพ่อบ้านก็ตกใจอยู่บ้างเช่นกัน
“คารวะฮูหยินอัครมหาเสนาบดี”
“กงกงมาประกาศราชโองการด้วยตนเอง เห็นได้ชัดว่าราชโองการนี้สำคัญเป็นอย่างยิ่ง”
“ฝ่าบาทตรัสว่า หากไม่ใช่เพราะฮูหยิน เมืองฮู่เป่ยคงไม่เป็นอย่างทุกวันนี้ หากไม่ใช่เพราะฮูหยิน เมืองฮู่เป่ยคงไม่อาจรักษาเอาไว้ได้ ฮูหยินเหน็ดเหนื่อยตรากตรำมีผลงานใหญ่หลวง ราชโองการนี้ไม่เพียงแต่เป็นรางวัลสำหรับฮูหยิน แต่ยังเป็นความไว้วางใจที่ฝ่าบาทมีต่อท่าน”
“กงกงไม่ต้องอุบไว้แล้ว ประกาศราชโองการเถิด!” มู่ซืออวี่ผายมือเชื้อเชิญ
ขันทีเล็กกางราชโองการ อ่านถ้อยคำในนั้นด้วยน้ำเสียงชัดเจนฉะฉาน
“ฝ่าบาทมีพระราชโองการ มู่ซืออวี่แห่งสกุลลู่เป็นเป็นวีรสตรีในหมู่สตรี เหน็ดเหนื่อยตรากตรำมีผลงานใหญ่หลวง เรามีความปีติยินดียิ่งจึงมอบเมืองถงหยางให้เป็นที่ศักดินา เป็นรางวัลตอบแทน…”
“ช้าก่อน…” มู่ซืออวี่เอ่ยขัดขันทีเล็กที่กำลังประกาศราชโองการ “ที่ศักดินา? เมืองถงหยาง?”
“ใช่แล้ว ฮูหยินโปรดอดทน รอให้ข้าน้อยประกาศให้เสร็จก่อนเถิด” ขันทีตัวน้อยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
มู่ซืออวี่ผายมือเชิญ จากนั้นจึงค้อมศีรษะลง ฟังพระราชโองการต่อไป
[1] สงหวง (雄黄) คือ แร่ชนิดหนึ่งประกอบด้วยกำมะถันและสารหนู คนไทยรู้จักในชื่อ ‘หรดาลแดง’ สงหวงมีฤทธิ์ขับเสมหะ สามารถใช้ถอนพิษงูและแมลงต่าง ๆ ได้ดี
[2] หมากรุกบิน คือ เกมกระดานชนิดหนึ่ง โดยจะแบ่งเป็น 4 สี ผู้เล่น 2-4 คนต้องนำเครื่องบินทั้ง 4 ลำที่เป็นสีของตัวเองตรงมุมขอบทั้ง 4 ไปยังจุดสิ้นสุดสีของตนเองตรงกลางให้ครบ วิธีเดินใช้การทอยลูกเต๋า
————————