สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย - บทที่ 1123 ตอนพิเศษ (25)
บทที่ 1123 ตอนพิเศษ (25)
บทที่ 1123 ตอนพิเศษ (25)
ลู่ฉาวจิ่งเดินถือสัมภาระเข้าไปในกระโจม
“นี่เป็นเตียงของเจ้า” หัวหน้าทหารกล่าว “ทำงานให้ดี เบื้องบนจะได้ไม่ปฏิบัติต่อเจ้าย่ำแย่นัก”
“ขอบคุณพี่ใหญ่” ใบหน้าของลู่ฉาวจิ่งเคร่งขรึม แต่เพราะประสิทธิภาพของหน้ากากหนังมนุษย์หายไป ถึงแม้เขาจะจงใจแสร้งเป็นหนุ่มชาวไร่ชาวนาก็ยังหล่อเหลากว่าบุรุษทั่วไปอยู่ดี
เขานำเงินออกมาสองอีแปะ ยัดใส่มือหัวหน้าทหาร แล้วเอ่ยถามเบา ๆ “พี่ใหญ่ ข้าอยากสอบถามเรื่องคนผู้หนึ่ง”
“เจ้าอย่ามาถามมั่วซั่วแถวนี้” หัวหน้าทหารเอ่ยอย่างหมดความอดทน “เพียงแต่ ข้าเห็นว่าเจ้ามาใหม่ ข้าจะให้สิทธิพิเศษเจ้า ว่ามาเถอะ อยากสอบถามเรื่องผู้ใด?”
“ข้ามีพี่น้องหมู่บ้านเดียวกันคนหนึ่ง แต่เดิมตกลงว่าจะเข้าร่วมกองทัพพร้อมกัน ทว่าเขากลับจากไปก่อนไม่รอข้า ข้าถูกเมียที่บ้านรั้งไว้จึงล่าช้าไปสองวัน เจ้าเด็กคนนี้ไม่เชื่อฟังเอาเสียเลย” ลู่ฉาวจิ่งบ่นด้วยเสียงดังและหยาบกระด้างสองสามคำ จากนั้นจึงเข้าประเด็น “เขาชื่อจงซู่เกิน พี่ใหญ่เคยได้ยินหรือไม่?”
“ไม่เคยได้ยิน” หัวหน้าทหารโบกมือ “เอาละ คนที่นี่เยอะเพียงนี้ เขาเข้ามาก่อนเจ้า ไม่แน่ว่าคงถูกมอบหมายไปอยู่ที่อื่น เจ้าก็ไม่ต้องถามแล้ว ตั้งใจฝึกให้ดี อย่าได้เกียจคร้าน”
“เจ้าเก็บของก่อน อีกประเดี๋ยวข้าจะให้คนมารับไป”
ลู่ฉาวจิ่งมองดูที่ว่างสองสามที่ในกระโจม
ในนี้มีทั้งหมดห้าคน หัวหน้าทหารผู้นั้นคือเจ้านายตัวเล็ก ๆ ของที่นี่
เขาไม่ได้นำสิ่งใดมา หลังจากวางห่อสัมภาระแล้วก็กินแป้งทอดที่หลิวจิ่วจู๋ทำให้ไปชิ้นหนึ่ง ก่อนจะมีคนเข้ามา
ลู่ฉาวจิ่งเดินตามเขาออกไป ขณะเลี้ยวไปตรงหัวมุมก็เห็นเขาลูกหนึ่ง คนผู้นั้นพาเขาขึ้นไปที่นั่น
“พี่ใหญ่ เราไม่ได้จะไปฝึกทหารหรือ?”
“ใช่ พวกเราฝึกอยู่ที่นั่น” คนผู้นั้นเอ่ย “เหตุใดเจ้าถามมากความเช่นนี้? อย่างไรเสียทุก ๆ เดือนเงินสามตำลึงก็จะเป็นของเจ้า เรื่องอื่นอย่าได้ถามซอกแซก”
ณ เมืองหลวง ลู่ฉาวอวี่พึ่งกลับมาถึงจวน พ่อบ้านก็เข้ามารายงาน “มีคนส่งจดหมายมาฉบับหนึ่งขอรับ จากลายมือบนจดหมายควรเป็นคุณชายรองที่เขียนมาขอรับ”
“ฉาวจิ่งหรือ?”
“ขอรับ” พ่อบ้านส่งซองจดหมายให้
ลู่ฉาวอวี่เปิดจดหมาย กวาดตาอ่านรวดเดียวหลายบรรทัด
“เจ้ารอง เด็กโง่ผู้นี้ ถึงกับตกหลุมพรางผู้อื่นเข้าแล้วจริง ๆ”
“คุณชายรองเป็นอะไรหรือขอรับ?”
“เขาติดกับดักแล้ว” ลู่ฉาวอวี่เก็บจดหมาย “เพียงแต่โชคดีทีเดียว มีคนช่วยเขาเอาไว้ได้”
คนโง่ก็มีบุญของคนโง่กระมัง!
น้องชายโง่เขลาผู้นั้น นับตั้งแต่จำความได้ก็ไม่เคยพบเห็นคนไม่ดี พอทุกคนได้ยินว่าเขาเป็นคุณชายรองสกุลลู่ แม้กระทั่งความมืดมิดเพียงเล็กน้อยก็ไม่ปล่อยให้เขาได้เผชิญ เขาถึงเดินไปสู่ความผิดพลาดใหญ่หลวงเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม สวรรค์ย่อมปกป้องคนสกุลลู่ เจ้าเด็กโง่คนนั้นจึงไม่ถูกขายไปเป็นทาสในที่ทุรกันดาร
“อีกประเดี๋ยวใต้เท้าเจียงจะมา กำชับในครัวให้เตรียมอาหารกับสุราเพิ่มด้วย”
“แล้วคุณชายรอง…”
“ไม่เป็นไร รู้ว่าเขาอยู่ที่ใดก็จัดการได้ง่ายแล้ว ข้ามีเรื่องให้เขาไปทำพอดี ข้าเลี้ยงเขามาเติบใหญ่เพียงนี้ เขาก็ควรทำงานให้ข้าบ้างแล้ว” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยถาม “ฮูหยินเล่า?”
“แม่นางจื่ออิงกำลังรักษาฮูหยินขอรับ” พ่อบ้านกล่าว
เดิมทีลู่ฉาวอวี่กำลังจะไปอาบน้ำผลัดอาภรณ์ เมื่อได้ยินดังนี้จึงหมุนกายมุ่งหน้าไปที่เรือนตนเองก่อน
สาวใช้ของสิงเจียซือเฝ้าอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นลู่ฉาวอวี่เดินมาก็คิดจะเปิดปากรายงาน ทว่าเขากลับยกมือห้ามเอาไว้
เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังออกมาจากข้างใน
นั่นเป็นเสียงสิงเจียซือที่กำลังอดทนอดกลั้น
ลู่ฉาวอวี่รู้ว่าการรักษานี้เจ็บปวดมาก นางพยายามควบคุมตนเองอย่างดีที่สุดแล้ว
จื่ออิงเอ่ยถามเขาเมื่อไม่กี่วันก่อน อีกฝ่ายบอกว่าพบแผนการรักษาแบบใหม่ วิธีนี้ทำให้สิงเจียซือมีโอกาสให้กำเนิดบุตรได้ เพียงแต่ระหว่างขั้นตอนการรักษาจะเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง นางถามเขาว่าต้องการลองดูหรือไม่
ลู่ฉาวอวี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ตัดสินใจปล่อยให้จื่ออิงทำตามแผนการรักษาที่เป็นอันตรายน้อยที่สุด
เพียงแต่สิงเจียซือมาได้ยินเข้า นางเอ่ยปากว่าอยากใช้แผนการรักษาใหม่
นางอยากมีลูกให้เขา
หากนางไม่สามารถให้กำเนิดลูกของเขาได้ ชีวิตคงไม่สมบูรณ์ อย่างน้อยในความคิดของนาง นางก็อยากคลอดลูกสักคนให้สามี ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงก็ตาม
เสียงข้างในดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ลู่ฉาวอวี่เคยเห็นการทรมานมามากมายหลายรูปแบบ เมื่อก่อนเขาไม่เคยขมวดคิ้ว แม้จะมีคนถูกทรมานต่อหน้าต่อตา ทว่ายามนี้เมื่อได้ยินเสียงภรรยากรีดร้อง หัวใจกลับบีบรัดอย่างหนักหน่วง
จื่ออิงเดินออกมา เมื่อนางเห็นลู่ฉาวอวี่ก็รีบค้อมคำนับทันที “ฮูหยินตั้งใจแน่วแน่ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป โอกาสฟื้นตัวมีสูงมาก ใต้เท้าไม่ต้องกังวล”
“นางเจ็บปวดถึงเพียงนี้ มีวิธีใดบรรเทาความเจ็บปวดบ้างหรือไม่?”
“อันที่จริงสามารถใช้กัญชาเพื่อบรรเทาอาการได้ เพียงแต่นั่นจะทิ้งผลข้างเคียงไว้กับร่างกาย ฮูหยินบอกว่านางต้องการร่างกายที่แข็งแรงจึงปฏิเสธที่จะใช้มัน”
“ฝังเข็มเล่า?”
“นี่…”
“ท่านพี่” สิงเจียซือเรียกเขาจากข้างใน “ท่านเข้ามาเถิด”
จื่ออิงค้อมคำนับ ก่อนจะเดินจากไป
ลู่ฉาวอวี่เดินเข้ามาในห้อง
ตอนนี้สิงเจียซือลุกจากเตียงแล้ว ฮูหยินน้อยทำราวกับไม่ได้มีอะไรผิดปกติ มีเพียงใบหน้าเผือดสีเท่านั้นที่บ่งบอกว่านางพึ่งผ่านบททดสอบครั้งใหญ่มา
“ท่านไม่ต้องทำให้แม่นางจื่ออิงลำบากใจแล้ว” สิงเจียซือเอ่ย “ตอนนี้สำหรับข้าก็ถือว่าดีมาก อย่างน้อยข้าก็มีความหวังขึ้นมาบ้าง”
“หากทนไม่ไหวก็ไม่ต้องทน มีหรือไม่มีลูกนั้นไม่สำคัญ สกุลลู่เรามีลูกหลานมากมาย อย่างไรก็มีทายาทสืบสกุลอย่างแน่นอน”
“เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมีทายาทหรือไม่ เป็นข้าที่อยากมีลูกเป็นของตัวเอง” สิงเจียซือดึงมือเขามากุม “ท่านหน้าตาน่ามองเช่นนี้ หากไม่มีลูกหน้าตาเหมือนท่านสักคนคงน่าเสียดายแย่!”
เสียงของผู้ติดตามดังมาจากด้านนอก “ใต้เท้า ใต้เท้าเจียงกับใต้เท้าโม่มาแล้วขอรับ”
“ท่านรีบไปเถิด!” สิงเจียซือกล่าว “ท่านพ่อท่านแม่ส่งจดหมายมา รอท่านกลับมาข้าจะเอาให้ท่าน”
“พบเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์แล้วใช่หรือไม่?”
“พบย่อมพบแล้ว เพียงแต่ได้ยินว่าท่านเขยสูญเสียความทรงจำ เขาจำเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ไม่ได้และยืนกรานที่จะเป็นมือปราบอยู่ที่นั่น ด้วยอยากตามจับนักโทษไปทุกหนแห่ง”
มุมปากของลู่ฉาวอวี่พลันกระตุก
“เอาเถอะ เขาเป็นฮ่องเต้เบื่อหน่ายแล้ว จึงคิดอยากจะทำอะไรใหม่ ๆ กระมัง”
ลู่ฉาวอวี่มาที่ห้องตำรา จากนั้นก็ส่งจดหมายจากลู่ฉาวจิ่งให้สหายทั้งสองอ่าน
“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่หมู่นี้เรากำลังตรวจสอบอยู่หรือ?”
“ไม่ผิด”
“ที่นี่มีปัญหาจริง ๆ ฟ้าสูงฮ่องเต้ห่างไกล ที่นั่นอยู่ใกล้อาณาจักรเฟิ่งหลินมากเกินไป พรมแดนระหว่างทั้งสองอาณาจักรจึงจัดการได้ยาก ดูจากข่าวที่ส่งมาทุกปี ภาษีและสถานการณ์อื่น ๆ ล้วนปกติดี หากไม่ใช่เพราะทองคำที่ไม่รู้ที่มาปรากฏขึ้นในท้องตลาด อีกทั้งเบาะแสก็ชี้ไปยังที่นี่ ยากนักที่พวกเราจะพบความผิดปกติดังกล่าว”
“พวกเขาระแวดระวังตัวยิ่ง ทุกครั้งที่เราส่งคนไปตรวจสอบกลับไม่พบปัญหาใด ๆ ไม่เช่นนั้น คงพบความผิดปกติไปนานแล้ว ในเมื่อฉาวจิ่งอยู่ที่นั่น เราก็ฝากฝังเรื่องนี้ให้เขาได้”
“เช่นนั้นทำได้เพียงตรวจสอบอย่างลับ ๆ แล้ว” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “พวกท่านทุกคนล้วนมีเรื่องให้จัดการ มีเพียงให้คนนำป้ายคำสั่งไปมอบให้ฉาวจิ่ง ปล่อยให้เขาจัดการปัญหาทางนั้นอย่างเต็มที่”
“ท่านอ๋องก็ไปแล้ว ใต้เท้าฉีก็ไปแล้ว ในเมืองหลวงมีเรื่องให้ต้องดูแลมากมาย พวกเราไม่มีแม้กระทั่งเวลากินหม้อไฟเสียด้วยซ้ำ”
“ท่านอยากกินหม้อไฟหรือ? ประเดี๋ยวข้าจะให้แม่ครัวเตรียมให้” ลู่ฉาวอวี่กล่าว “หลังกินหม้อไฟนี้ก็ต้องกังวลเรื่องในราชสำนักให้มากขึ้นแล้ว…”