สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย - บทที่ 1083 อันตรายในเงามืด
บทที่ 1083 อันตรายในเงามืด
บทที่ 1083 อันตรายในเงามืด
ฟ่านหยวนซีหยิบแป้งผัดหน้าขึ้นมาจ่อที่จมูกแล้วดมกลิ่น
“ของสิ่งนี้มาจากที่ใด? คงตรวจสอบได้ง่ายกระมัง?”
ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “ของทุกสิ่งล้วนมีที่มา ทว่าเมื่อตรวจสอบแล้วย่อมมีหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง กระหม่อมต้องการป้ายคำสั่งทองของฝ่าบาทเพื่อทำการตรวจสอบต่อไปพ่ะย่ะค่ะ”
“ดูเหมือนว่าที่มาของของเหล่านี้ไม่เรียบง่ายเลย” ฟ่านหยวนซีเข้าใจ “ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ใดก็ต้องตรวจสอบให้ถี่ถ้วน หากไม่ตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่าง ทั่วทั้งอาณาจักรฮุ่ยย่อมไม่มีแสงสว่างจากท้องฟ้าอีกต่อไป”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ก่อนหน้านี้เจ้าให้ข้าส่งขุนนางเจียงที่รักออกจากเมืองหลวงก็เป็นเพราะเรื่องนี้หรือ?” ฟ่านหยวนซีเอ่ยถามลู่ฉาวอวี่
ลู่ฉาวอวี่ตอบ “มิได้พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ทุกหนทุกแห่งล้วนไม่สงบสุข ในเมืองหลวงยังมีพวกกระหม่อม ทว่าที่อื่น ๆ ล้วนระส่ำระสาย พวกเราส่งแม่ทัพเจียงและพวกใต้เท้าโม่ออกไปนอกเมืองหลวง ไม่เพียงทำให้คนในเงามืดหยุดชะงัก แต่ยังทำให้พวกเขาเคลื่อนไหวได้สะดวกยิ่งขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
ส่วนความเห็นแก่ตัวของเขา นั่นไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมาแล้ว
ลู่อี้เหลือบมองลู่ฉาวอวี่แวบหนึ่ง
ถึงแม้ว่าเขาจะส่งมอบอำนาจในมือเกือบทั้งหมดให้กับบุตรชายแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาซึ่งเป็นผู้นำสกุลลู่คนปัจจุบันจะเป็นเพียงเปลือกกลวงเปล่า แค่มองปราดเดียวลู่ฉาวอวี่ก็เข้าใจว่าลู่อี้รู้ทุกอย่าง
หลังออกมาจากวัง ลู่อี้ก็ตะโกน “ฉาวอวี่ ตามพ่อมา”
ลู่เซวียนตบไหล่ลู่ฉาวอวี่แปะ ๆ “ท่าไม่ดีแล้ว!”
ลู่ฉาวอวี่จนปัญญา “ท่านอารอง เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าท่านยินดีกับความโชคร้ายของผู้อื่นเล่า?”
“ไม่ใช่แค่รู้สึก เดิมทีก็เป็นเช่นนั้นจริง” ลู่เซวียนกล่าว “ข้ากลัวพ่อเจ้ามาเกือบทั้งชีวิต ตอนนี้มีคนสืบทอดตำแหน่งนี้แทน แน่นอนว่าข้าต้องชอบชมละครแล้ว”
“ท่านอารอง ท่านอย่าได้ลืม น้องหลียังอยู่ในมือข้า” ลู่ฉาวอวี่ยิ้มบาง ๆ “อาการกลัวเลือดของน้องหลีดีขึ้นแล้ว หากท่านอารองไม่คิดถึงเขา เช่นนั้นข้าจะรั้งเขาไว้ในมือต่อไป”
ลู่เซวียนเอ่ยด้วยความโกรธ “เจ้าเป็นคนที่อารองเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ ไยใจไม้ไส้ระกำยิ่งนัก เอาละ ข้าไม่หัวเราะเยาะเจ้าแล้ว ขึ้นอยู่กับเจ้า! อย่างไรเสียหลีเอ๋อร์ก็มอบให้เจ้าดูแล”
ในรถม้า ลู่อี้จ้องมองลู่ฉาวอวี่
“ว่ามาเถอะ!”
ลู่ฉาวอวี่หลุบตาลง แล้วเล่าสถานการณ์ของลู่จื่ออวิ๋นออกมา
“ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใดหรือ?”
“น้องเขยไปหาอวิ๋นเอ๋อร์ เพียงแต่เขาถูกลอบสังหาร เกิดเหตุร้ายมากกว่าดี ต่อมาคนที่ท่านแม่ส่งไปช่วยอวิ๋นเอ๋อร์ไว้ได้แล้ว แต่เมื่อนางรู้สถานการณ์ของน้องเขยจึงตามเบาะแสไป ภายหลังข่าวคราวของพวกนางหายไปแล้ว”
“เจ้าให้เจียงหว่านเฉินออกจากเมืองหลวง ที่แท้เพื่อตรวจสอบข่าวบางอย่าง หรือขอให้เขาช่วยตามหาอวิ๋นเอ๋อร์”
“ทั้งสองอย่างขอรับ”
“ดี เช่นนั้นก็ติดต่อกับทางนั้นตลอดเวลา” ลู่อี้กล่าว “ส่งข้อความไปให้แม่เจ้ากลับเมืองหลวงเร็วหน่อย อย่าได้รั้งอยู่ข้างนอกนาน”
“ตอนนี้ท่านแม่อยู่กับท่านอาฉี” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย
“รอบกายฉีเซียวมีปัญหา” ลู่อี้เอ่ย “หากเป็นก่อนหน้านี้ ข้ายังสบายใจ แต่ตอนนี้น่ะหรือ…”
ไม่เพียงแต่ฝีมือของฉีเซียวไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน แต่ยังเป็นเพราะรอบกายเขามีสายตาจับจ้อง
ลู่ฉาวอวี่ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของสำนักตรวจการ วิธีการตรวจสอบและจัดการกับคดีของเขาโหดเหี้ยม เมื่อคดีใหญ่เช่นนี้ตกอยู่ในมือเขา แน่นอนว่าผู้คนต้องตื่นตระหนก โดยเฉพาะร้านรวงที่เขาตรวจสอบ เจ้าของร้านเป็นฝ่ายเข้าหาเขา พยายามเต็มที่เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน
ในเวลาต่อมา ห้องขังสำนักตรวจการของลู่ฉาวอวี่ก็ไม่สามารถรองรับนักโทษได้อีกต่อไป
“ใต้เท้า พวกเราตรวจสอบพบว่ากิจการในชื่อของฮูหยินก็มีปัญหาเช่นกันขอรับ” ลู่จิ้นเอ่ย
ลู่ฉาวอวี่หันกลับไปมองลู่จิ้น “เจ้าหมายถึงฮูหยินน้อยหรือ?”
“ขอรับ” ลู่จินเอ่ย “กิจการของฮูหยินน้อยค่อนข้างกว้างขวางเช่นกัน หลัก ๆ แล้วนางทำการค้ากับชนเผ่าต่าง ๆ ดังนั้นสินค้าจึงค่อนข้างหายาก สินค้าส่วนใหญ่ของนางขายให้กับเรือนของผู้มีอำนาจขอรับ”
“เช่นนั้นพบปัญหาอะไร?”
“เครื่องเทศต่างถิ่นที่นางขายก็มีฝิ่นด้วยขอรับ”
ลู่ฉาวอวี่ขมวดคิ้ว “เรื่องนี้อย่าได้กระโตกกระตากไป”
ลู่ฉาวอวี่ขี่ม้าผ่านร้านแห่งหนึ่งของสิงเจียซือ บังเอิญเห็นนางง่วนอยู่ข้างในพอดี
“ยินดีต้อนรับลูกค้า… ใต้เท้า” คนงานในร้านจำลู่ฉาวอวี่ได้จึงรีบไปเรียกสิงเจียซือ “เจ้านาย ใต้เท้าลู่มาขอรับ”
สีหน้าของสิงเจียซือยังไม่ดีเท่าใดนัก
นางหันกลับมามองลู่ฉาวอวี่แล้วเอ่ยถาม “ท่านพี่มีอะไรหรือ?”
เขาเป็นคนงานรัดตัว หากไม่มีอะไร ระหว่างวันน้อยนักที่จะได้เห็นเขา
ลู่ฉาวอวี่เห็นนางสีหน้าไม่ดีจึงกล่าว “เหตุใดไม่พักผ่อนให้เต็มที่เล่า?”
สิงเจียซือเอ่ย “เมื่อไม่นานนี้ข้าได้รับจดหมายจากสหาย เขาบอกว่าจะส่งสินค้าให้ข้าชุดหนึ่ง ข้าจึงรออยู่ที่นี่เพื่อตรวจสอบ”
“จากเผ่าใด?”
“อืม” สิงเจียซือนึกอยู่ครู่หนึ่ง “เผ่าเฮยสยง ก่อนหน้านี้ท่านก็เคยพบ”
ลู่ฉาวอวี่นึกถึงสถานการณ์ของเผ่าเฮยสยง
เผ่าของพวกเขาอยู่ในป่า สภาพแวดล้อมลำบากยิ่ง ทว่าพวกเขามีเพียงป่าเขาให้อาศัยเลี้ยงชีพ สมุนไพรของที่นั่นดีกว่าที่อื่น แม้กระทั่งคนของหุบเขาเทพโอสถก็ยังซื้อหาจากคนเผ่านั้น
“เผ่าเฮยสยงจัดหาเครื่องเทศให้เจ้าใช่หรือไม่?”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ” สิงเจียซือไม่คิดว่าลู่ฉาวอวี่จะสนใจกิจการของนาง เพียงแค่คิดว่าวันนี้เขาว่างจึงมาพักอยู่ที่นี่เพื่อพูดคุย “คราวนี้พวกเขาส่งยาสมุนไพรมาให้ชุดหนึ่ง”
“ข้าไม่มีเรื่องใดพอดี อยากจะรั้งอยู่ดูสักหน่อย” ลู่ฉาวอวี่กล่าว
“ไม่เป็นไรใช่หรือไม่? หมู่นี้ข้าได้ยินบ่อยครั้ง…” สิงเจียซือมองดูลู่ฉาวอวี่
เหตุใดคุณชายสูงศักดิ์ที่หล่อเหลาเช่นนี้ ถึงได้ถูกมองว่าเป็นพญายมในปากของผู้อื่นเล่า? หรือว่าคนแซ่ลู่ล้วนเป็นพญายมกลับชาติมาเกิด? ก่อนหน้านี้เป็นท่านอ๋องลู่ บัดนี้เป็นซื่อจื่อของท่านอ๋องลู่ที่ถูกมองว่าโหดร้าย
“เจ้านาย คนของเผ่าเฮยสยงมาแล้วขอรับ” คนงานตะโกนบอกสิงเจียซือ
สิงเจียซือรีบออกไปต้อนรับ
ผู้นำของเผ่าเฮยสยงเป็นชายวัยกลางคน เขายิ้มแย้มทักทาย “แม่นางสิง พวกเรามามาส่งสินค้า สมุนไพรครั้งนี้ดีกว่าครั้งที่แล้วเสียอีก ท่านจะต้องพึงพอใจแน่นอน”
ลู่ฉาวอวี่เดินออกมา
เมื่อชายวัยกลางคนเห็นลู่ฉาวอวี่ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านนี้คือคุณชายหน้าตาดีผู้นั้นกระมัง?”
“นี่คือสามีของเจ้านายเราขอรับ” คนงานที่อยู่ข้าง ๆ อธิบาย “ท่านเพียงแค่รับผิดชอบส่งสินค้า ใต้เท้าเพียงมาดูเท่านั้น ไม่กระทบต่อพวกท่านอย่างแน่นอน”
ลู่ฉาวอวี่เห็นสมุนไพรจำนวนมาก
“เผ่าเฮยสยงมาส่งสินค้าบ่อยเพียงใด?” เขาเอ่ยถามคนงาน
คนงานลดเสียงลงกล่าว “ทุกเดือนจะมีคนกลุ่มหนึ่งมาส่งสินค้า สมุนไพรของพวกเขาดีจริง ๆ ขอรับ แม้กระทั่งสำนักหมอหลวงยังมาซื้อกับเรา”
ไม่รู้ว่าคนที่สำนักหมอหลวงมาเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์กับสกุลลู่หรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ สมุนไพรของเผ่าเฮยสยงนั้นดีกว่าที่อื่น
“บังเอิญยิ่งนัก สำนักหมอหลวงยังกล่าวว่าทุกวันนี้สมุนไพรมีไม่เพียงพอ” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “อีกประเดี๋ยวส่งสินค้าชุดนี้ไปที่สำนักหมอหลวงด้วย”
“เอ๋? ทั้งหมดเลยหรือขอรับ?”
“ทั้งหมด”
“ไม่เช่นนั้น บอกเถ้าแก่เนี้ยก่อนเป็นอย่างไรขอรับ?” คนงานกล่าว “สินค้าชุดนี้ค่อนข้างมาก สำนักหมอหลวงไม่เคยเหมาคราวเดียวเช่นนี้มาก่อน”
“เถ้าแก่เนี้ยพวกเจ้าจะไม่ทำการค้าได้หรือ?” ลู่ฉาวอวี่เลิกคิ้ว “เพียงแค่ส่งไปก็พอ”
หลังจากตรวจสอบสินค้าแล้ว สิงเจียซือก็รับรองสหายจากเผ่าเฮยสยงอย่างอบอุ่น
“ในเมื่อข้าอยู่ที่นี่ เช่นนั้นข้าจะเป็นเจ้ามือ เชิญพวกท่านไปทานอาหารง่าย ๆ สักมื้อ” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “คราวที่แล้วไม่ได้อยู่ที่เผ่าเฮยสยงนานนักจึงไม่ทันได้ทักทายทุกคน”