สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) - ตอนที่ 19
สองเดือนหลังจากเข้าควบคุมไอเดนเบิร์ก กองทัพจักรวรรดิไฮเซิร์คได้หันหัวหอกของพวกเขาสู่ดินแดนเฟอร์เรียส และได้ก่อตั้งกองทัพแนวหน้าไมยาร์ดโดยมีสามกองพันที่อ่อนล้าเป็นแกนหลัก และมีสองกองพันนำหน้าไปก่อนแล้ว แล้วทั้ง4กองพันก็ได้เริ่มทำการรุกรานชายแดนอาณาจักรเฟอร์เรียส ทั้งผู้บัญชาการเบเกอร์และเหล่าทหารระสูงก็มีความสุขขนาดที่ปล่อยให้ทหารมากฝีมือออกไปเล่นรอบๆโดยคิดถึงศัตรูที่อ่อนแอ
การป้องกันชายแดนของอาณาจักรเฟอร์เรียสที่ได้ส่งกองทัพหลักและสำลองออกมาหมด ง่ายที่จะพูดออกมาสั้นๆว่าเปราะบาง ในมุมมองของวอล์มกองทัพเฟอร์เรียสเหมือนจะเลี่ยงการหมดแรงที่ชายแดนแล้วดึงกลับไปที่ส่วนกลางและเตรียมกองกำลังเพื่อขับไล่กองทัพไฮเซิร์ค ในทางกลับกันจักรวรรดิไฮเซิร์คก็ควบคุมชายแดนด้วยกองพันเพียงแค่สองกองพัน ทำให้พืเนที่ชนบทและเมืองโดยรอบล้มสลายทันที อีกอย่างคือการเคลื่อนพลโดยเล็งที่สิ่งอำนวยความสะดวกต่อการป้องกันและลดความสามารภในการทำสงครามของศัตรูลง
มันมีข่าวลือในหมู่ทหาร ที่วอล์มได้ยินคือ จุดเป้าหมายไม่ใช่การเอาชนะและทำให้เฟอร์เรียสล้มสลายแต่เพิ่อขับไล่ จักรวรรดิไฮเซิร์คที่เรียกได้ว่าหมาบ้านั้นก็เลี่ยงต่อการต่อสู้ปิดล้อมเช่นกันเนื่องจากมันจะทำให้อ่อนกำลังด้วยการขาดกำลังพล
แล้วทั้งสี่กองพันรวมถึงกองพันลิกูเรียที่วอล์มอยู่ ก็ถูกส่งไปเป็นกำลังสำรอง ที่แนวรบเฟอร์เรียสที่ห่างออกไปกองพันหกกองพันก็วางแผนที่จะรุกรานต่อไป ส่วนอีกสองกองพันรวมถึงกองพันลิกูเรียนั้นกำลังพยายามปิดล้อมเหมืองที่อยู่ห่างจากชายแดน 15 กม.
“ก็ตามที่คาดไว้ แม้เฟอร์เรียสจะร่นถอยไป แต่พวกมันก็ไม่ยอดแพ้ที่นี่โดยง่าย เฮ้อ”
โจเซ่พูดพลางเงยหน้ามองกองทัพเฟอร์เรียสในเหมือง การเดินทัพของจักรวรรดิไฮเซิร์คก็หยุดลงที่นี่เช่นกัน
เหมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยทหารเฟอร์เรียส 3000 นายที่ปกป้องอยู่ นอกจากแนวป้องกันทั้งหลายแล้ว ยอดเขายังถูกยึดไว้ และถ้าไฮเซิร์คใช้กำลังบุกเข้าไป เราจะเสียทหารไปมากกว่าการปิดล้อม กลยุทธ์กัดเซาะที่ไฮเซิร์คใช้ที่ชายแดนไมยาร์ดก็ไม่ได้ผลเช่นกันเนื่องจากหินแข็ง และเชื่อกันว่ามันมีอาหารที่เพียงพอต่อครึ่งปีถึงหนึ่งปีถูกเก็บไว้ข้างในนั่น ดังนั้นพวกเราจึงต้องอดทนสำหรับการปิดล้อม อย่างไรก็ตามหากไฮเซิร์คไม่แบ่งไว้ที่นี่ก็อาจถูกศัตรูโจมตีจากด้านหลังในภายหลังได้ ดังนั้นกองพันทั้งสองจึงวนอยู่บริเวณรอบๆนี้
“ส่งเสียงซะ!!”
เมื่อหัวหน้าหน่วยให้สัญญาณ เหล่าทหารทั้งหมดก็ตะโกนและเคาะดาบและโล่ของพวกเขา บวกกับการเป่าแตรและกลอง ความไม่ลงรอยกันของเสียงตะโกนของชายฉกรรจ์ นั่นเป็นการปลุกที่แย่ที่สุดของศัตรู แม้รุ่งอรุณจะมาถึงในอีกไม่นาน แต่การปลุกปั่นและก่อกวนดังกล่าวก็ยังคงดำเนินต่อไปในทุกวันแม้แต่ในตอนกลางคืน โดยมีการโจมตีจริงๆหนึ่งครั้งในทุกๆ 5 รอบ วอล์มก็จัดการด้วยไฟกับวิลลาร์ทเมื่อคืนนี้เช่นกัน เมื่อคิดว่าศัตรูต้องทรุดโทรมทั้งกายและใจแล้ว วอล์มก็ยิ้มและเยาะเย้ยควาามทุกข์ยากของพวกมัน
ไม่นานหลังจากที่วอล์มเริ่มทำเสียงรบกวน เขาก็สบถออกมาและการขว้างปาหินก็เริ่มขึ้นจากตำแหน่งที่ศัตรูอยู่ มันอยู่นอกระยะโดยสมบูรณ์ แต่บ้างครั้งก็จะมาถึงเท้าของพวกเขาเป็นบางครั้ง ถึงอย่างนั้นพลังของมันก็ไม่มากพอที่จะฆ่าหรือทำร้ายใคร หลังจากการก่อกวน 30 นาที งานของวอล์มก็จบลง
ราวกับพอใจแล้ว พวกเขาก็ถอนตัวจากตรงนั้นไปยังฐานของพวกเขาทั้งหมดในครั้งเดียว
“ตั้งแต่ตอนไหนกันที่เรากลายเป็นกลุ่มนักร้องประสานประสานเสียงเนี้ย”
เรื่องตลกดีๆนี้มาจากบาริโต้ แล้ววอล์มก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ศัตรูที่ได้ยินเสียงนั้นก็โกรธ
“บางครั้งแกก็พูดได้ดีนิบาริโต้ ดูพวกเฟอร์เรียสนั่นสิดูเหมือนมันจะต้องการการแสดงเพิ่มนะ”
หัวหน้าหน่วยดูเวย พูดเช่นนั้นและพยักหน้าด้วยความพอใจในขณะที่เขาะแทกขวานใส่โล่
“และเราก็ไม่ใช่กลุ่มการกุศลเช่นกัน”
เมื่อวอล์มพูกอะไรบางอย่างออกมา ราวกับว่ารู้ดึอยู่แล้วโจเซ่ก็พูดต่ออย่างมีความสุข
“อ้อ ก็ตามที่คิดไว้ เราต้องการของตอบแทนสำหรับสิ่งนี้”
“แต่พวกมันก็ยังคงตอบแทนเราด้วยหินกับเรา ช่างเป็นพวกขี้ตืดจริงๆ”
การปิดล้อมและรอให้ศัตรูอดอยากเป็นงานที่ง่ายกว่ามากการต่อสู้ครั้งก่อนๆ สำหรับวอล์ม
เมื่อวันก่อนศัตรูได้ใจร้อนและได้เริ่มการโต้กลับ แต่ทันทีที่พวกเขาออกมาจากเหมืองพวกเขาก็ถูกโต้กลับจากทุกทิศและกลับไปในเหมืองโดยไม่ได้อะไร เหมืองนี้มันนั้นเหมาะกับป้องกัน แต่จุดรวมพลนั้นมีจำกัด และจุดที่จะบุกออกมานั้นดูออกง่าย แล้วกองทัพไฮเซิร์คก็กำลังขับไล่ทหารเฟอร์เรียสอย่างมั่นคง
◆
การปิดล้องยังคงดำเนินต่อไปเป็นเวลาสองสัปดาห์นับจากการเอาจริงต่อสู้ครั้งใหญ่ ในขณะที่การปลุกปั่นและก่อนกวยซ้ำๆ วอล์มก็กำลังฝึกทักษะใหม่ของเขาที่เรียกว่า《เพลิงปีศาจ》และเวทมนตร์ด้วย โดยได้รับคำแนะนำจากวิลลาร์ท
เมื่อใช้เวทมนตร์และไม่สามารถคุมได้มันอาจสร้างความเสียหายให้กับรอบๆได้ แต่《เพลิงปีศาจ》ไม่สามารถเทียบได้กับสิ่งนั้น เขาพยายามที่จะควบคุมทักษะของเขาในอุโมงค์เหมืองร้างใกล้ๆ โดยบอกว่าถ้าเขาทำได้ไม่ดีพอที่จะควบคุมมันได้เขาก็ไม่สามารถมีส่วนร่วมกับหมวดและพันธมิตรได้ (TN ใช้ไฟในอุโมงค์อย่าหาทำ)
มันยากที่จะปรับพลังการยิงและทุกที่บนผนังด้านในก็กลายเป็นสีดำและมีเขม่า ตอนนี้วอล์มสามารถจัดการทิศทางได้แล้ว มันเป็นเพียงโชคเท่านั้นที่ในการต่อสู้ที่ไอเดนเบิร์กเขาไม่ได้ทำร้ายสหายของเขา
และสิ่งที่ยากที่สุดคือการรักษาทักษะไว้ การใช้มานาสำหรับทักษะนั้นเยอะและมานาของวอล์มก็จะหมดลงใน 40 วินาที ในการใช้งานที่ยาวที่สุด หากเขาใช้มานาทั้งหมดเขาจะไม่สามารถใช้《จู่โจม》ได้และความสามารถทางกายภาพของเขาก็จะลดลงอย่างมากเช่นกัน มันอาจทำให้ถึงตายได้ในสนามรบถ้าใช้มันอย่างไม่ถูกต้อง
การฝึกให้กับนัวร์และบาริโต้ก็กำลังดำเนินอยู่เช่นกัน บาริโต้ที่โดนดาบไม้บนหัวหงอนไก่ของเขา จากนั้นจับหัวหน้าดูเวยแล้วพูดว่า “ตายซะะะะะ”แล้วมันก็ได้กลายมาเป็นหนึ่่งในเรื่องตลก
แน่นอนว่าหนึ่งวินาทีหลังจากที่บาริโต้จับตัวเขา บาริโต้ก็ล้มกอดพื้นและถูกถูกนัวร์ตีจากด้านหลัง
ด้วยการใช้《เพลิงปีศาจ》เป็นเวลา 30วินาที ภายในอุโมงค์เหมืองร้างก็กลายเป็นห้องอบไอน้ำที่มีอุณหภูมิสูง และค้างคาวทั้งหมดที่หนีออกมาช้าก็ถูกอบ
วอล์มยังคงเหลือแรงที่จะเคลื่อนไหวอยู่ แต่เขาก็รู้สึกเหนื่อยมาก เขารู้สึกอยากโยนร่างของเขาลงบนพื้น
“โย่ วอล์มเสร็จแล้วเหรอ”
ชื่อของวอล์มถูกเรียกออกมาในขณะที่เขาออกจากอุโมงค์ เจ้าของของเสียงที่คุ้นเคยก็คิอโจ่เซ่
“ใช่ มากกว่านี้ ฉันจะทรุดเอา”
วอล์มออกจาอุโมงค์ไปด้านนอก แม้ว่ามันจะลำบาก แต่เขาก็เอาเครื่องครัวไปด้วย
“ฉันเป็นห่วงน่ะ เห็นไม่มาสักที”
โจเซ่ยิ้ม แต่วอล์มไม่ได้รับมันอย่างจริงใจ
“สิ่งที่นายห่วงน่ะ นี่ใช่ไหม”
สิ่งที่วอล์มมีอยู่ในมือคือปลาแห้งและเนื้อ เขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่ม แต่วอล์มได้รับการปฏิบัติเป็นเหมือนเตาปรุงอาหารเคลื่อนที่ ในตอนแรกอาหารถูกเผาจนไม่เหลืออะไรเพราะมันอยู่ใกล้《เพลิงปีศาจ》มากเกินไป แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพบตำแหน่งและระยะห่างที่เหมาะสมจากการลองผิดลองถูก
ตอนนี้มีบางคนจากหน่วยๆอื่นๆด้วยที่นำอาหารมา มีแม้กระทั่งทหารที่ทำหม้อตุ๋นของเองและเพลิดเพลินไปกับอาหารตุ๋น (ทำกันยังไงน่ะนั่น)
วอล์มต้องการประท้อง แต่ไม่เพียงแค่หัวหน้าดูเวยและหัวหน้าหมวดโคซูรุ แม้แต่ผู้บัญชากองร้อย ก็ยังถือว่าวอล์มเป็นเตาปรุงอาหารอันยอดเยี่ยมอีก ดังนั้นเขาจึงได้แต่ต้องยอมแพ้
ผู้บัญชากองร้อยได้พูดไว้ว่า “มันเป็นการใช้มานาที่ใช้ในการฝึกกลับมาใช้ใหม่อย่างเหมาสม”
แต่แล้วหัวหน้าหมวดโคซูรุก็กล่าวปิดท้ายว่า “มันเป็นภารกิจสำคัญที่จะทำลายจิตรวิญญาณการต่อสู้ของศัตรูด้วยกลิ่น” วอล์มเชื่อว่าเข้ามีแรงจูงใจอื่นซ่อนไว้ คือการทำให้จิตรวิญญาณนักชิมของเขาพอใจ
นอกจากนี้อุโมงค์เหมืองร้างหลังจากนี้ก็ได้กลายเป็นสถานที่ชุมนุมของทหารเนื่องจากพวกแมลงและสัตว์ร้ายตายจากอุณหภูมิที่สูงและพื้นที่ใกล้ทางเข้านั้นก็อบอุ่นและสะดวกสบาย
ไม่เพียงแต่กับวอล์มเท่านั้นแต่ยังรวมถึงวิลลาร์ทที่มีบทบาทอย่างแข็งขันในฐานะตู้กดน้ามนุษย์ แต่วอล์มก็ยังรู้สึกอารมณ์ไม่ดี
“ที่พูดมา วอล์มก็สนุกกับการทำอาหารของฉันด้วยใช่ไหม”
นอกเหนือจากการข่นส่งอาหารจากไมยาร์ดแล้ว การขนส่งของจักรวรรดิไฮเซิร์คก็ยังทำงานได้อย่างสมบูรณ์เนื่องจากการรวบรวมอาหารอย่างเป็นระบบในท้องถิ่น ถึงอย่างนั้นความโลภของมนุษย์ก็ยังน่ากลัวและกิจวัตรการกินที่น่าเบื่อและไม่พอใจก็ได้รับการแก้โดยตามแล้วแต่บุคคล
เหล่าคนในหน่วยที่หิวโหยได้ถูกเปลี่ยนเป็นพรานที่ออกล่านกป่าทุกวัน เป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับวอล์ม ที่นัวร์นั้นมีอัตราการล่าได้สูงสุดในหมู่พวกเขา
นัวร์เก่งในการล่าเหยื่อโดยการใช้กับดับและธนู ดูเหมือนว่าปู่ของเธอจะเป็นนายพรานและเธอมักจะไปที่ป่ากับเขาเพื่อหารายได้
บาริโต้ที่เข้าร่วมพร้อมกับเธอนั้นหมดหวังที่จะปรับปรุงสถานะของเขา แต่วอล์มคิดว่ามันเป็นการจับคู่ที่ไม่ดี
“เยี่ยม…”
วอล์มยอมรับข้อโต้แย้งของโจเซ่อย่างตรงไปตรงมา โจ่เซ่ฉีกนกตุ๋นและยื่นให้วอล์ม นกตุ๋นเค็มและย่าง อย่างมีคุณภาพเนื้อนุ่มและยิ่งเคี้ยวมันมากเท่าไรก็จะยิ่งได้ลิ้มรสมากขึ้นเท่านั้น มันอร่อยมาก แม้ว่ามันจะมีประโยชน์แบบอ้อมๆ แต่วอล์มก็อ้างว่ามันเป็นการบริโภคแคลอรี่ที่จำเป็นเนื่องจากการใช้มานาที่เยอะ
“ฉันละสงสัย ชีวิตแบบกำลังจะจบลงแล้วสินะ”
โจ่เซ่พึมพำและกินที่เหลือ
“อะไรนะ?”
ในการตอบคำพูดของวอล์ม โจเซ่ได้อ้าปากหลังจากหยุดเคี้ยว
“ดูเหมือนจำนวนทหารหนีทัพของศัตรูจะเพิ่มขึ้นในช่วงสองสามวันมานี้ นอกจากนี้ดูเหมือนจำนวนทหารที่ไม่ยอมจำนนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ฉันว่าการโจมตีด้วยการก่อกวนและกลิ่นดูเหมือนจะทำได้ดีจริงๆ”
ชายหนุ่มผิวคล้ำหัวเราะและสกิดเท้าของเขา
“ลองคิดดูสิ สภาพแวดล้อมรอบๆและการโจมตีและการก่อกวนยังดำเนินต่อไปทั้งกลางวันและกลางคืน ในอีกมุมหนึ่งพวกมันกำลังต่อสู้อย่างหนักในขณะที่กินอาหารที่ตุนไว้ แต่ในทางกลับกันเรากำลังกินอะไรที่อร่อยๆ”
วอล์มจินตนาการตาม นอกจากการโจมตีทั้งกลางวันและกลางคืนแล้ว ถึงอาหารจะไม่หมดในในเวลาอันสั้น แต่พวกมันจำเป็นต้องแบ่งแบบเป็นกลาง ในทางกลับกันกองทัพไฮเซิร์ค กำลังกินตามที่พวกเขาชอบและกระจายกลิ่นหอมไปทั่ว ขวัญกำลังใจอาจจะยังอยู่ แต่ถ้ายืดเยื้อมากกว่านี้เจตจำนงของพวกเขาจะต้องพ่ายแพ้แน่
“…ใช่”
“นั้นเป็นเหตุผล ขอให้เราได้สนุกกับชีวิตในขณะที่เราทำได้”
ทัศนคติของโจเซ่ที่จะเพลิดเพลินไปกับวันหยุดสั้นๆ ช่างชัดเจนจริงๆ และวอล์มก็แอบคิดว่าเขาก็จะทำเหมือนกัน
―――――――――――――――――――――――――――――――――――――――