สักวัน, ฉันจะได้หลับไหล - ตอนที่ 1 แอบรัก
– 24 ชั่วโมงที่แล้ว –
เสียงผิวปากถูกพัดพาหายไปกับสายลมของฟากฟ้าฤดูร้อน
ฉันได้เงยหน้ามองขึ้นไปพบเห็นสีฟ้าของท้องฟ้าตอนกลางวัน
ที่ประจำของฉันนั้นคือใต้เงาต้นไม้ข้างตึกของโรงเรียน โดยทุกครั้งฉันจะนั่งที่รากของต้นไม้แล้วมองไปที่สนาม
พอมองไปก็เห็นเหล่ากลุ่มนักเรียนชมรมกรีฑากำลังวอร์มร่างกายอยู่หลายๆ ที่
“กำลังมองอะไรอยู่เหรอ?”
พอได้ยินเสียงนั้นฉันหันกลับไปเห็น “ยามาโมโตะ ชิโอริ” กำลังเดินมาส่ายผมที่มัดไว้แล้วของเธอ
“ก็ไม่ได้มีอะไรมาก วันดูเหมือนชมรมกรีฑาคนมาน้อยจัง”
ฉันตอบไปอย่างลอยๆ
“อืม… ทั้งๆ ที่วันนี้ไม่ใช่วันที่จะต้องเข้าชมรม ก็ยังมีคนมาฝึกเหรอเนี่ย…”
ชิโอรินั่งลงแล้วมองไปที่สนามเหมือนกับที่ฉันมองอยู่
“แล้วชิโอริเป็นยังไงบ้าง?”
“อ่า… ก็โดนคุณครูเรียกใช้แทน ‘คนที่กำลังฝึกอยู่’ นั่นหน่ะสิ”
“โดนใช้ไปทำเกี่ยวกับงานทัศนศึกษาโรงเรียนเหรอ?”
“ใช่ๆ เรนงี่เง่านั่นมันวิ่งแล่นหายหัวไปไหนก็ไม่รู้”
(ตึกๆ!)
พอได้ยินชื่อเรนทีไรใจมันก็เต้นของมันเอง
หวังว่าชิโอริคงไม่ได้ยินเสียงใจเต้นของฉันนะ
“เรนนี่เป็นคนที่ชอบวิ่งจริงๆ สินะเนี่ย!”
ส่วนฉันก็ตอบกลับตามน้ำอย่างไม่คิดอะไร
“ใช่ๆ”
เมื่อได้เห็นตาของชิโอริที่หรี่ลงเมื่อหัวเราะนั้น ฉันก็รู้สึกสบายใจ
ด้วยเหตุผลที่ชิโอริมีส่วนสูงกว่าฉัน เธอก็เป็นเหมือนเพื่อนร่วมชั้นและพี่สาวในเวลาเดียวกัน ทั้งติวสอนหนังสือให้ฉันตรงส่วนที่ฉันไม่เข้าใจ ทั้งปลอบใจในเวลาที่ฉันเศร้ากับเรื่องไม่เป็นเรื่องของฉัน สำหรับฉันแล้วชิโอริเปรียบเสมือนเพื่อนสนิทที่พึ่งพาได้และรักมากที่สุดคนหนึ่ง
“โฮตารุ อ่านหนังสืออีกแล้วเหรอ?”
“ก็…นะ กลับบ้านไปก็ไม่มีอะไรทำด้วยสิ ที่นี่มันสงบดีอะนะ… อยากอ่านด้วยกันไหม?”
“ฉันอ่านหนังสือเรียนจนท้องอิ่มแล้วเนี่ย”
ชิโอริเอามือลูบเล่นๆที่ท้องแล้วลุกขึ้นเดินไปที่สนาม
“โอ้ยยยยยยย โอทากะ เรน! อยู่ไหมมมม!?”
ชิโอริเอามือไว้ข้างปากแล้วตะโกนอย่างเสียงดัง
ตอนนี้เธอดูเหมือนคุณแม่สาวมั่นมากกว่าพี่สาวเสียอีก
ส่วนหลายๆคนรอบๆก็ทำหน้าตกใจกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น
และฉันก็ได้เห็นคนๆหนึ่งที่กำลังเหยียดขาทั้งสองข้างแล้วยืดเส้นยืดสายอยู่ตรงนั้น
ต่อให้จะอยู่ไกลแค่ไหนฉันก็มองออกได้ว่านั้นคือ…
โอทากะ เรน…
เมื่อพอเห็นเขาฉันก็เริ่มที่จะหายจะไม่ออก บริเวณแก้มของฉันเริ่มร้อนขึ้น หัวใจของฉันทุรนทุราย ทั้งๆที่ฉันก็รู้สึกมีความสุขมากๆ แต่ก็พูดมันออกมาไม่ได้…ช่างร้อนรนกระวนกระวายใจ และทั้งหมดนั้นเริ่มเอ่อล้นจนอยากจะร้องไห้
“อะไรเนี่ย พวกแกยังไม่กลับเหรอ?”
เรนกำลังเดินเข้ามาหาใกล้ๆแล้วทักทายหลังจากนั้นก็มองมาที่พวกเรา
…ตายแล้ว…เท่มากๆเลย
แม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้ตัวสูงเท่าไหร่ แต่ผมที่ปลิวไหวไปกับสายลม แขนของเขาที่แข็งแรง และดวงตาอันอ่อนโยนคู่นั้นทำให้ฉันรู้สึกเช่นนั้น
พอเขาเข้ามาใกล้ๆ เรนหัวเราะยิ้มแย้มตามเคย ใบหน้าที่เปี่ยมยิ้มเหมือนดวงตะวันนั้นฉันมองดูมันอยู่เสมอ
เรน…นี่ก็คงผ่านมา 5 ปีแล้วนะ หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น วันที่เราได้เจอกันครั้งแรกเธอก็หัวเราะเหมือนกับ ณ ตอนนี้
รอยยิ้มของเธอที่ดูเป็นมิตรนั้น มันทำให้ฉันในห้วงเวลานั้นรักเธอขึ้นมา
นี่ฉันทำตัวดูเหมือนเป็นเพื่อนได้ดีหรือเปล่านะ? ฉันยิ้มออกมาได้อย่างปกติหรือเปล่านะ…?
ฉันจำไม่ได้แล้วว่าตั้งแต่ตอนไหน เวลาที่ฉันใช้ไปกับการคิดที่มากเกินไป ทั้งเรื่องที่ฉันดีใจ ที่ทุกข์ทนขื่นขมยิ่งกว่า ที่ได้เรียนรู้ว่า
การรักข้างเดียวนั้นมันสนุกได้แค่ตอนเริ่มต้น…นั่นแหละ
ฉันอยากจะร้องไห้ ฉันเลยจงใจก้มหน้าลงแล้วทำเป็นนั่งปรับทรงผมของฉัน แล้วหวังภาวนาไม่ให้ความรู้สึกของฉันนั้นเปิดเผยออกมา แต่อีกจิตใจหนึ่งดันหวังคิดตรงกันข้ามว่า สักวันหนึ่งความรู้สึกรักเหล่านี้จะส่งไปถึงเธอ