แมทธิวก้าวขึ้นมาบนรถสปอร์ตของตัวเอง ขณะที่ยังโทรศัพท์คุยกับเพื่อนที่เป็นนายตำรวจยศใหญ่ตลอดเวลา
“สรุปโลเคชั่นที่ฉันส่งให้นายช่วยเช็กให้ มันคือบ่อนงั้นเหรอ”
“ใช่ ด้านหน้าเป็นภัตตาคาร ข้างในเป็นบ่อน เจ้าของเป็นเสี่ยใหญ่มีแบ็กคอยหนุนหลัง ตอนนี้ฉันกำลังหาหลักฐานเอาผิดมันอยู่” เพื่อนของแมทธิวตอบกลับมา
“แล้วยัยบ้านั่นไปทำอะไรที่นั่นกันล่ะ” แมทธิวไม่เคยโมโหอะไรเท่านี้มาก่อนเลย
“นายว่าอะไรนะแมทธิว”
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก งั้นแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีธุระด่วนน่ะ”
“ได้ๆ แต่ถ้ามีอะไรให้ช่วย โทรหาได้ตลอดเวลานะเพื่อน”
“ขอบใจมาก ไว้เจอแล้วจะเลี้ยงเหล้า”
แมทธิวตัดสายสนทนาจากเพื่อนสนิท ก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงกับเบาะรถข้างๆ ตัว เท้าเหยียบคันเร่งจนมิด เพื่อพาตัวเองมุ่งหน้าไปยังสถานที่นั้นให้เร็วที่สุด
“นอกจากจะบ้าแล้ว สมองยังไร้รอยหยักอีกนะ ยัยเด็กประสาท!”
แม้จะไม่เข้าใจตัวเองนักว่าทำไมต้องเป็นห่วงมัทนาขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยได้ อย่างน้อยๆ แค่ไปตบกบาลหล่อนแล้วขับรถกลับก็ยังดี
รถสปอร์ตคันงามพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด แต่กระนั้นก็ยังไม่ทันใจวัยรุ่นหัวร้อนอย่างแมทธิวเลยแม้แต่น้อย
ว่าภายนอกดูน่ากลัวแล้ว พอก้าวเท้าเข้ามาภายในภัตตาคารหรูตรงหน้าก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกพรั่นพรึงมากยิ่งขึ้น หล่อนหยุดยืน หมุนตัวมองไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยถามคนที่เดินนำอยู่ด้านหน้าด้วยความไม่สบายใจระคนแปลกใจ
“ทำไมไม่ค่อยมีคนเลยล่ะคะ”
คนที่หล่อนเอ่ยถามหยุดเดิน หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับหล่อน สายตาที่จ้องมองมาทำให้หล่อนรู้สึกไม่ชอบใจเลย มองเหมือนหล่อนเป็นเหยื่อไม่มีผิด
“ที่นี่เปิดช่วงเย็นน่ะครับ”
“อ๋อ” หล่อนพยักหน้ารับหงึกๆ “แล้ว…เสี่ยสมบูรณ์อยู่ไหนล่ะคะ”
“ไม่ต้องใจร้อนไปหรอกครับ ยังไงคุณก็ได้พบเสี่ยแน่” ผู้ชายที่พูดระบายยิ้มไม่น่าไว้ใจ
“ตามมาครับ ผมจะพาไปพบเสี่ย”
อุ้งมือทั้งสองข้างชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเดินตามผู้ชายตรงหน้าลึกเข้าไปข้างใน
ไม่นานก็มาหยุดที่หน้าห้องหนึ่ง ที่ประตูไม้ด้านนอกทำด้วยไม้สักแกะสลักเป็นรูปมังกรบานใหญ่ คนตรงหน้ายกมือขึ้นเคาะ ก่อนจะพูดขออนุญาต
“เสี่ยครับ คุณมัทนามาแล้วครับ”
“เชิญๆ เข้ามา” เสียงของคนที่บิดาให้มาพบค่อนข้างกรุ้มกริ่ม
หล่อนยืนตัวแข็ง อยากจะเปลี่ยนใจกลับไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่คงไม่ทันเสียแล้ว เมื่อผู้ชายตรงหน้าดันประตูไม้บานใหญ่ออกกว้าง และหันมาเชื้อเชิญให้หล่อนก้าวเข้าไป
“เชิญครับคุณมัทนา”
หล่อนยิ้มเจื่อนๆ “ขอบคุณค่ะ” แต่ก็ยังไม่ยอมก้าวเข้าไปภายในแม้แต่น้อย
“เชิญครับ”
“เอ่อ…ค่ะ”
ในที่สุดก็จำต้องก้าวเข้ามาภายในห้องกว้างที่ตกแต่งแบบคนจีน โซฟาตัวใหญ่สีทองตั้งอยู่กลางห้อง และมีผู้ชายร่างอ้วนท้วมราวกับหลุดออกมาจากข้างขวดซีอิ๊วขาวนั่งอยู่
“อ้าว…หนูมัทนา มาๆ ๆ มานั่งข้างๆ เสี่ยนี่” ดวงตาเรียวเล็กราวกับเม็ดกวยจี๊จับจ้องมองมาที่หล่อน มืออวบอูมราวกับเป็นพี่เป็นน้องท้องเดียวกับตือโป๊ยก่ายยกขึ้นกวักเรียก
มัทนายืนยิ้มงงๆ เพราะกำลังคิดว่าตัวเองหลงเข้ามาอยู่ในเล้าหมูได้ยังไง
“มาสิ หนูมัทนา อย่าขัดใจเสี่ย”
พอเสียงกรุ้มกริ่มของเสี่ยสมบูรณ์ดังขึ้นอีก หล่อนจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากก้าวเข้าไปหยุดตรงหน้าคู่สนทนา
ตาเล็กๆ ของเสี่ยสมบูรณ์จ้องร่างกายของหล่อนขึ้นลงไปมาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไร้มารยาท หล่อนร้อนฉ่าไปทั้งหน้าด้วยโทสะ แต่ก็พยายามระงับเอาไว้ เพราะคนคนนี้คือเพื่อนของบิดา
“สวัสดีค่ะเสี่ย”
หล่อนกัดฟันยกมือขึ้นไหว้ ทั้งๆ ที่ภายในใจอยากจะยกขาขึ้นพาดคอตันๆ ของผู้ชายอ้วนพลีตรงหน้ามากกว่า
“หนูมัทสวยกว่าที่ฉันเห็นในรูปอีกนะเนี่ย”
“คะ?”
“มาๆ นั่งลงก่อน แล้วค่อยคุยกัน”
คู่สนทนาเฉไฉไปอีกทาง และหล่อนก็จำต้องทรุดกายลงนั่งบนโซฟาตัวตรงกันข้ามกับผู้ชายร่างอ้วน
“พ่อให้มัท…มาพบเสี่ยค่ะ”
“แล้วพ่อของหนูมัท บอกอะไรอีกไหมล่ะจ๊ะ”
รอยยิ้มของไอ้ตือโป๊ยก่ายตรงหน้าช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน แต่หล่อนก็จำต้องฝืนมองมันอย่างไม่มีทางเลือก
“พ่อบอกว่าให้มัทมาคุยกับเสี่ยน่ะค่ะ แต่ไม่รู้เรื่องอะไร”
“แล้วหนูมัทเป็นคนคุยเก่งหรือเปล่าล่ะ”
หล่อนส่ายหน้าน้อยๆ พยายามภาวนาให้สถานการณ์นี้จบลงโดยเร็ว เพราะเสียดายอาหารเช้าที่เพิ่งกินไป
“ไม่เก่งเลยค่ะ”
“แล้วอย่างอื่นล่ะ”
“เสี่ยหมายถึงอะไรคะ”
“ก็…ทำอะไรเก่งบ้างไงจ๊ะ” สายตาของไอ้อ้วนกรุ้มกริ่มจนน่าหมั่นไส้
มัทนาระบายยิ้มน้อยๆ พลางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่จริงจังมากๆ
“เตะปากคนเก่งค่ะ”
“ฮะ?”
“มัทหมายถึง…มัทเรียนมวยไทยมาน่ะค่ะ นี่ก็เพิ่งเตะปากไอ้จิ๊กโก๋ปากซอยมาเมื่อวานนี้เอง”
สีหน้าของไอ้เสี่ยเฒ่าจืดจ๋อยลง “แล้วมันเป็นยังไงกันบ้างล่ะ ไม่ถึงตายใช่ไหมหนูมัท”
หล่อนยิ้มเลือดเย็น “ไม่ตายหรอกค่ะเสี่ย แค่ฟันร่วงหมดปาก ซี่โครงหักสามซี่ ไหปลาร้าร้าว แขนเดาะ แล้วก็ตาเกือบบอดน่ะค่ะ”
“อุ๊ยยยย…ดุจังนะหนูมัทเนี่ย” สีหน้าของเสี่ยสมบูรณ์เจื่อนลงทีละนิด
“มัทไม่ทำใครก่อนหรอกค่ะ ถ้าไม่ถูกรังแก” หล่อนยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นเสี่ยสมบูรณ์ดูกลัวๆ ตัวเอง “มัทว่าเรามาคุยธุระกันดีกว่าค่ะ พอดีอีกหนึ่งชั่วโมงต่อจากนี้ มัทมีซ้อมมวยน่ะค่ะ” แล้วหญิงสาวก็ยกมือทั้งสองข้างชูขึ้น และทำท่าต่อยอากาศ
เสี่ยสมบูรณ์สะดุ้งทุกครั้งที่หญิงสาวออกหมัดสวนมาเพราะมันแทบจะถึงใบหน้าของตัวเอง
“หนูมัทจะดื่มอะไรดีจ๊ะ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ มัทไม่หิว”
“มาเหนื่อยๆ ดื่มเสียหน่อยดีกว่า”
มัทนาระวังตัวมากอยู่แล้ว จึงไม่คิดจะดื่มพวกน้ำส้มหรือน้ำหวานอะไรที่ใส่แก้วมาให้
“งั้นขอน้ำเปล่าขวดหนึ่งนะคะ เอาแบบที่ยังไม่ถูกเปิดมาก่อนนะคะเสี่ย”
“ได้สิ เดี๋ยวเสี่ยจัดให้” เสี่ยสมบูรณ์ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน “งั้นรอแป๊บนะ เสี่ยจะออกไปเอาน้ำมาให้ด้วยตัวเอง”
“ขอบคุณค่ะ”
เสี่ยสมบูรณ์ออกไปแล้ว มัทนาจึงถอนหายใจออกมายาวๆ “ไอ้เสี่ยลามก คิดว่ารู้ไม่ทันหรือไง คิดจะเคลมกันเหรอ ฝันไปเถอะ” หล่อนบ่นอย่างหัวเสีย “ว่าแต่พ่อเถอะ มาคบกับผู้ชายน่ากลัวแบบนี้ได้ยังไงกัน” หล่อนถอนหายใจหลายครั้งติด ก่อนจะรีบฉีกยิ้มเมื่อเสี่ยสมบูรณ์เดินกลับเข้ามาอีกครั้ง พร้อมกับขวดน้ำดื่ม
“ยังไม่มีการเปิดขวดเลย หนูมัทสบายใจได้”
หล่อนรับขวดน้ำตรงหน้ามาขยับเปิดฝา และก็พบว่ามันยังไม่เคยผ่านการเปิดมาก่อนจริงๆ
‘ดื่มได้อย่างสบายใจแล้วเรา’
“ขอบคุณค่ะเสี่ย”
“ไม่เป็นไร งั้นเรามาเริ่มคุยงานกันดีกว่า”
นี่แหละคือสิ่งที่หล่อนต้องการ
“ค่ะ”
มัทนาตอบรับพร้อมๆ กับยกน้ำขึ้นกระดกหายไปในลำคอเกือบครึ่งขวด ท่ามกลางสายตาพึงพอใจของเสี่ยสมบูรณ์
“ตอนนี้พ่อของหนูมัทกำลังลำบากเรื่องเงินๆ ทองๆ น่ะ”
“คะ? ไม่น่าใช่นะคะ”
เมื่อเห็นหล่อนไม่เชื่อ เสี่ยสมบูรณ์ก็เอาสัญญากู้ยืมมาให้มัทนาอ่าน
“นี่ไง เมื่อวานเสี่ยเพิ่งโอนเงินให้พ่อของหนูไปยี่สิบล้าน”
“ยี่สิบล้าน?!” คนที่กำลังไล่สายตาไปตามตัวอักษรบนกระดาษสีขาวเงยหน้าขึ้นมองคนพูดทันที “เงินมากมายขนาดนี้ พ่อจะเอาไปทำอะไรคะ มัทว่า…ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกัน…แน่ๆ …” หล่อนเริ่มพูดติดขัด เพราะลิ้นเริ่มแข็งแปลกประหลาด มือเล็กยกขึ้นกุมหน้าผากเอาไว้ แต่ก็พยายามฝืนตัวเอง
เสี่ยสมบูรณ์มองผลงานของตัวเองด้วยความพึงพอใจ “เสี่ยจะไปโกหกทำไมล่ะ อ่านสัญญาให้ครบสิหนูมัท”
มัทนาสลัดศีรษะแรงๆ เพราะตัวอักษรตรงหน้าเริ่มพร่ามัวจนแทบมองไม่เป็นคำ
“หนูมัทเป็นอะไรหรือเปล่า ปวดหัวเหรอ”
“เปล่า…เปล่าค่ะเสี่ย มัทไม่ได้เป็นอะไร” หล่อนปฏิเสธ และแข็งใจอ่านสัญญาต่อไป
“ไหวไหมหนูมัท เสี่ยพาไปนอนพักก่อนไหม”
“มัท…ไม่…เป็นไร…” หล่อนพูดกลับมาได้แค่นั้น ก็ล้มพับหมดสติไปในที่สุด
“นึกว่าจะแน่สักแค่ไหน แม่สาวน้อย” เสี่ยสมบูรณ์หัวเราะอย่างพึงพอใจ ก่อนจะตะโกนเรียกลูกน้องที่ยืนรอรับใช้อยู่หน้าห้อง
“ไอ้เดช…”
“ครับเสี่ย” ลูกน้องคนสนิทวิ่งเข้ามา ก่อนจะระบายยิ้มกว้างเมื่อเห็น มัทนาสิ้นฤทธิ์ไปแล้ว “ผมล่ะนับถือความฉลาดของเสี่ยจริงๆ เลยครับ ขนาดคุณมัทนาระวังตัวขนาดนี้ แต่เสี่ยก็ยังวางยานอนหลับเธอได้จนสำเร็จ”
“ข้าทำมากี่คนแล้วล่ะ มันไม่ยากสักนิด”
เสี่ยสมบูรณ์หัวเราะร่วน พลางพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ เมื่อนึกถึงตอนที่ตัวเองเอาเข็มฉีดยาดูดยานอนหลับขึ้นมาจากขวด และฉีดเข้ามาในขวดน้ำของมัทนา เขาฉีดส่วนบนตรงคอขวดทำให้หญิงสาวไม่ทันสังเกตแม้แต่นิดเดียว
“นับถือครับนับถือ”
ไอ้คนเป็นลูกน้องยกยอปอปั้นเจ้านายที่กำลังทำชั่วอย่างไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรม
“พอแล้วไม่ต้องชมข้าแล้ว แกเอานังหนูมัทคนสวยไปไว้ในห้องนอนของข้าให้เรียบร้อย แล้วอย่าแตะต้องเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นแกหัวหลุด เข้าใจไหมไอ้เดช”
“ครับเสี่ย”
เสี่ยสมบูรณ์มองลูกน้องคนสนิทอุ้มร่างไร้สติของมัทนาออกไปจากห้องรับแขกด้วยสายตาหื่นกระหาย
“รอเสี่ยเพิ่มความฟิตให้ตัวเองแป๊บนะหนูมัทคนสวย คืนนี้เราจะขย่มกันทั้งคืน”
เสี่ยเฒ่าบ้ากามหัวเราะสะใจ พลางนึกไปถึงความสุขที่กำลังจะได้รับในไม่ช้าด้วยความกระดี๊กระด๊า
MANGA DISCUSSION