สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 337 ประโยชน์ของจดหมายฉบับหนึ่ง
สีหน้าของหลี่มู่ซีดเผือดไปในทันใด
พวกเขามิได้ถูกส่งตัวไปยังสถานที่แห่งนั้นแล้วหรอกหรือ เหตุใดจึงรอดชีวิตกลับมาได้เล่า
หานโม่เห็นท่าทีของหลี่มู่ จึงเข้าใจได้ในทันที
“เฮอะ” รองประธานสมาคมเฉียนส่งเสียงเฮอะอย่างเย็นชา แล้วดึงสติของหลี่มู่กลับมา หลังจากนั้นจึงมองซือหม่าโยวเย่ว์พลางถามอย่างหยิ่งยโสว่า “เจ้าคือซือหม่าโยวเย่ว์หรือ”
“ข้าเองแหละ” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า
“วันนี้เจ้ามาที่สมาคมด้วยเรื่องใดหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าถ้าหากไม่มีการเชื้อเชิญ ใครหน้าไหนก็เข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้ามิได้!” รองประธานสมาคมเฉียนเอ่ยตำหนิ “นอกจากนี้ข้ายังได้ยินมาว่าเจ้าลงไม้ลงมือกับยามรักษาการณ์ที่หน้าประตูสมาคมข้าอีกด้วย ตระกูลซือหม่าของเจ้าคิดจะบุกโจมตีสมาคมนักหลอมยาของข้าหรืออย่างไร”
ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มเย็น นี่เป็นการโยนความผิดให้เธออย่างนั้นสินะ! ทั้งยังลากตระกูลซือหม่ามาเกี่ยวข้องด้วย คิดจะไม่ให้เธอมาวุ่นวายที่นี่อย่างนั้นหรือ
“พวกเรามิได้มีความคิดจะบุกโจมตีสมาคมนักหลอมยาเสียหน่อย เพียงแค่อยากจะหาตัวหลี่มู่เพื่อมาคุยเรื่องส่วนตัวกันหน่อยเท่านั้น” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“หาตัวหลี่มู่หรือ ข้าได้ฟังเรื่องราวระหว่างพวกเจ้ามาแล้ว เขาพ่ายแพ้การประลองในคราวนั้น ก็ต้องยอมรับเงื่อนไขการแพ้พนัน ต่อไปภายหน้าต้องเรียกเจ้าว่าลูกพี่” รองประธานสมาคมเฉียนพูดโดยที่เปลือกตาไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย “ในเมื่อพรสวรรค์ในการหลอมยาของเจ้ายอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ อยากจะเข้าร่วมสมาคมนักหลอมยาของข้าหรือไม่”
รองประธานสมาคมเฉียนพูดออกมาอย่างลื่นไหล ไม่เปิดโอกาสให้ซือหม่าโยวเย่ว์ได้พูดแทรกเลย เห็นได้ชัดว่าเขาคิดจะช่วยหลี่มู่ให้ผ่านพ้นเรื่องนี้ไป
ถ้าหากเป็นคนทั่วไปได้ยินเขาพูดเรื่องเข้าร่วมสมาคมนักหลอมยา ก็จะต้องงุนงงหลงทิศทางไปในทันที ไม่มีทางมองข้ามคำพูดเขาแล้วไปหาเรื่องหลี่มู่แน่
แต่ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณรองประธานสมาคมเฉียนที่มีเจตนาดี ตอนนี้ข้ามิได้อยากเข้าร่วมสมาคมนักหลอมยา ข้าอยากสนทนากับหลี่มู่ก่อน”
“เจ้าไม่เห็นสมาคมนักหลอมยาอยู่ในสายตาอย่างนั้นหรือ” รองประธานสมาคมเฉียนหรี่ตา โมโหที่ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่ไว้หน้าเขาอยู่บ้าง “พวกเราเห็นแก่ที่เจ้าหลงเข้าไปในค่ายกลนำส่งของสมาคมเราแล้วหายตัวไปสิบกว่าวันหรอกนะ ไม่อย่างนั้นคิดว่าเจ้าจะเข้ามาได้ง่ายๆ เช่นนี้หรือไร”
“หลงเข้าไปในค่ายกลนำส่งหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองสีหน้าทวงบุญคุณของรองประธานสมาคมเฉียนแล้วเอ่ยว่า “จะใช่การหลงเข้าไปหรือไม่ คิดว่าหลี่มู่คงจะรู้ดีที่สุดมิใช่หรือ ข้าว่ารองประธานสมาคมเฉียนก็น่าจะรู้ด้วยเช่นกันนะ”
“รู้อะไรกัน ไม้อ่อนเจ้าไม่ชอบคงจะชอบไม้แข็งสินะ!” รองประธานสมาคมเฉียนชักสีหน้าในทันใด
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ข้าไม่ชอบไม้ไหนทั้งนั้นแหละ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “วันนี้ข้าก็แค่อยากมาคิดบัญชีกับหลี่มู่เท่านั้น รองประธานสมาคมเฉียน ท่านดูอยู่เฉยๆ ไม่ต้องสอดมือยุ่งเกี่ยวจะดีกว่านะ”
“เหลวไหล!” รองประธานสมาคมเฉียนตะโกนเสียงดังลั่นอย่างเดือดดาล แววตาที่มองซือหม่าโยวเย่ว์นั้นแทบจะมีเพลิงโทสะลุกโชน
หลายปีที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครกล้าพูดจาเช่นนี้กับตนมาก่อนเลย!
ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่มองเขา หากแต่มองหลี่มู่แล้วเอ่ยว่า “หลี่มู่ หลายวันมานี้เจ้าคงเตรียมใจเอาไว้พร้อมแล้วสินะ”
ตอนที่ซือหม่าโยวเย่ว์ปรากฏตัวขึ้น หลี่มู่ก็เข้าสู่สภาวะชะงักงันไปเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ถึงแม้จะมีรองประธานสมาคมเฉียนเอ่ยรับรองกับเขาว่าจะต้องไม่เป็นไรแน่ เขาก็ยังหวาดกลัวอย่างไร้ที่สิ้นสุดจากก้นบึ้งของหัวใจอยู่ดี
แววอาฆาตในดวงตาของซือหม่าโยวเย่ว์จริงจังถึงเพียงนั้น ทำให้เขารู้สึกว่าในที่สุดเขาก็ถูกความตายมาเยือนเสียแล้ว
เมื่อได้ฟังวาจาของซือหม่าโยวเย่ว์ เขาก็ฝืนเอ่ยด้วยท่าทีสงบว่า “เจ้าพูดอะไรของเจ้าน่ะ ข้าไม่เห็นเข้าใจเลย ถ้าหากเจ้าคิดจะมาเข่นฆ่ากันในสมาคมแล้วละก็ สมาคมของข้าย่อมไม่มีทางปล่อยให้เจ้ามาทำเหลวไหลอย่างแน่นอน!”
“ซือหม่าโยวเย่ว์ ที่นี่คือสมาคมนักหลอมยานะ มิใช่ตระกูลซือหม่าของเจ้าเสียหน่อย!” รองประธานสมาคมเฉียนตวาด “เด็กๆ มาพาตัวพวกเขาออกไปที!”
ยามรักษาการณ์กลุ่มหนึ่งกรูกันเข้ามาจากด้านนอกแล้วล้อมพวกซือหม่าโยวเย่ว์เอาไว้ ระดับขั้นต่ำที่สุดของคนเหล่านั้นก็คือระดับราชันวิญญาณทั้งสิ้น
ซือหม่าโยวเย่ว์กวาดตามองพวกเขาปราดหนึ่ง สมาคมแห่งนี้มิใช่ว่ายามรักษาการณ์คนไหนๆ ก็จะเป็นราชันวิญญาณกันหมด ดูเหมือนว่าพวกเขาก็เตรียมตัวมาแล้วเช่นเดียวกัน
ซือหม่าโยวเย่ว์มองเจตนาของรองประธานสมาคมเฉียนออก และคร้านที่จะพูดกับพวกเขาต่อไป จึงเรียกตัวเจ้าไก่ฟ้าออกมาแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไก่ฟ้า จัดการที พวกเราไปกันเถิด!”
“สัตว์อสูรเหนือเทพ!”
เมื่อเห็นเจ้าไก่ฟ้า คนของสมาคมนักหลอมยาต่างพากันตะลึงลาน หลี่มู่นั้นก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง รู้ว่าวันนี้ตนต้องเคราะห์ร้ายมากกว่าเคราะห์ดีเสียแล้ว
เจ้าไก่ฟ้าลากเขาเข้าไปทันทีโดยไม่พูดไม่จา
“ตระกูลหลี่ยังมิได้ไปจากเทือกเขาอีกหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางมองหลี่มู่ “ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าความสามารถทางด้านค่ายกลของคนที่จัดวางค่ายกลให้กับเจ้าผู้นั้นสูงส่งเพียงใด เจ้าวิหคน้อย พวกเราไปกันเถิด”
เจ้าวิหคน้อยออกมาพร้อมกับพาตัวคนตระกูลซือหม่าบินออกมาจากสมาคมนักหลอมยาด้วย
“ท่านรองประธานสมาคม ตอนนี้จะทำเช่นไรกันดีเล่าขอรับ” มียามรักษาการณ์ถามขึ้น
“ยังจะทำเช่นไรได้อีกเล่า จะให้พวกเจ้าไปต่อสู้กับสัตว์อสูรเหนือเทพหรืออย่างไร” รองประธานสมาคมเฉียนก่นด่าด้วยสีหน้าถมึงทึง
“ก็ปล่อยให้หลี่มู่ถูกพวกเขาพาตัวไปเช่นนี้น่ะหรือ ข้าได้ยินมาว่าซือหม่าโยวเย่ว์ผู้นั้นเป็นคนมีแค้นต้องชำระ หลี่มู่ถูกเขาจับตัวไปเช่นนั้น กลัวแต่ว่าจะเคราะห์ร้ายมากกว่าเคราะห์ดีน่ะสิ!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“เฮอะ ซือหม่าโยวเย่ว์ผู้นั้นมิใช่คนตระกูลซือหม่าหรืออย่างไร ในเมื่อตระกูลซือหม่ากล้าทำเช่นนี้กับพวกเราสมาคมนักหลอมยา ก็อย่าหาว่าพวกเรารังแกพวกเขาแล้วกัน! เด็กๆ ไปจับตัวคนตระกูลซือหม่ามาให้ข้าทั้งหมดเลย” รองประธานสมาคมเฉียนพูด
ในขณะนี้เอง ยามรักษาการณ์คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาจากข้างนอกอย่างรีบร้อน แล้วมอบจดหมายซองหนึ่งให้กับรองประธานสมาคมเฉียน
หลังจากที่รองประธานสมาคมเฉียนได้อ่านจดหมายแล้วสีหน้าก็ไม่น่าดูอย่างที่สุด
“ทำไมหรือขอรับ” หานโม่เห็นท่าทีผิดปกติจึงเอ่ยถามขึ้น
คนอื่นๆ ก็มองเขาเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดรองประธานสมาคมที่สีหน้าโกรธเคืองอย่างยิ่งเมื่อครู่ ถึงได้ดูราวกับเด็กน้อยไปในทันใด
รองประธานสมาคมเฉียนส่งจดหมายให้กับผู้อาวุโสข้างกาย หลังจากที่ผู้อาวุโสท่านนั้นอ่านจบแล้วก็ตกใจไม่น้อย
“ผู้อาวุโส”
ผู้อาวุโสท่านนั้นสงบสติอารมณ์แล้วเอ่ยว่า “นี่คือจดหมายที่ประมุขตำหนักผู้วิเศษเขียนด้วยลายมือตนเอง บอกว่าผู้วิเศษแห่งโลกเบื้องบนกล่าวว่าซือหม่าโยวเย่ว์คือศิษย์น้องเล็กของเขา หลี่มู่และตระกูลหลี่ลอบสังหารศิษย์น้องเล็กของเขา เป็นโทษที่มิอาจให้อภัยได้ ตอนนี้ศิษย์น้องเล็กของเขาต้องการคิดบัญชีกับพวกหลี่มู่ หวังว่าสมาคมของเราจะไม่สอดมือยุ่งเกี่ยว ไม่อย่างนั้นหากทำให้ผู้วิเศษแห่งโลกเบื้องบนโมโห เกรงว่าตำหนักผู้วิเศษก็คงมิอาจระงับเพลิงโทสะของเขาเอาไว้ได้”
“อะไรนะ!”
ผู้คนในที่นั้นตกตะลึงไปเสียแล้ว โดยเฉพาะหานโม่ เขาเคยได้สัมผัสกับอูหลิงอวี่มาแล้ว คิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะเป็นศิษย์น้องของเขา ตำหนักผู้วิเศษส่งจดหมายเช่นนี้ออกมาก็เพื่อปกป้องซือหม่าโยวเย่ว์และตระกูลซือหม่าสินะ!
“แยกย้ายกันไปให้หมด” ถึงแม้ว่ารองประธานสมาคมเฉียนจะไม่สนใจการคิดบัญชีของตระกูลซือหม่าได้ แต่เขามิอาจไม่สนใจการคิดบัญชีของตำหนักผู้วิเศษแห่งโลกเบื้องบนได้ ถ้าหากไปล่วงเกินพวกเขาเข้า แล้วพวกเขาส่งคนลงมา เกรงว่าทั่วทั้งดินแดนอาจต้องพังทลายก็เป็นได้!
“เช่นนั้นหลี่มู่เขา…”
“เฮ้อ…”
รองประธานสมาคมเฉียนถอนหายใจแล้วจากไป ถึงแม้ว่าเขาจะมิได้พูดอย่างชัดเจน แต่ทุกคนก็รู้ว่าคราวนี้สมาคมนักหลอมยามิอาจปกป้องหลี่มู่เอาไว้ได้อีกแล้ว
ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่รู้เลยว่าวาจาประโยคเดียวของอูหลิงอวี่จะจัดการปัญหาที่อาจตามมาของเธอทั้งหมดได้ ในขณะนี้เธอกำลังนำคนตระกูลซือหม่าไล่ตามตระกูลหลี่ไป
ตระกูลหลี่ออกไปจากเมืองวิเศษเป็นเวลาหนึ่งวันแล้ว แต่ความเร็วของพวกเขาไม่มากนัก ยังมิทันเดินทางออกจากเทือกเขาหมื่นอสูรก็ถูกพวกซือหม่าโยวเย่ว์ไล่ตามทันเสียแล้ว
“ท่านประมุขตระกูล มีคนตามพวกเรามาติดๆ เลยขอรับ!”
คนตระกูลหลี่ตรวจพบว่าพวกซือหม่าโยวเย่ว์ไล่ตามมาแล้วกลับหยุดลง
ซือหม่าโยวเย่ว์ยืนอยู่บนหลังเจ้าวิหคน้อย หลังจากเข้าใกล้ตระกูลหลี่แล้วจึงเอ่ยถามว่า “ใครคือหลี่เฟย”
“นั่นมันหลี่มู่นี่นา” คนตระกูลหลี่มองเพียงปราดเดียวก็จำหลี่มู่ที่ถูกซือหม่าโยวเย่ว์โยนเอาไว้บนหลังเจ้าวิหคน้อยได้แล้ว แต่ละคนต่างโกรธเคืองไม่น้อย
………………………………………..