สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 91 เคสที่ 44 ของ (1)
หลังเลิกเรียน
ห้องเรียน ผมยังไม่ไปสภา
ประธานคงไปถึงก่อนอย่างทุกที งานสภาเริ่มเข้ามาเรื่อยๆ เราก็ควรรีบไปได้แล้ว แต่ว่า…เหมือนผมจะยังไม่จบกับเรื่องในห้อง
อันที่จริง…ผมก็ฟังมาสักพักใหญ่ๆแล้วล่ะ
“เรย์? ได้ยินมั้ยเนี่ย?”
มะเฟือง เพื่อนร่วมห้องโบกฝ่ามือเพื่อเช็กว่าผมยังนั่งอยู่ตรงนี้รึเปล่า
ผมสะดุ้งตอบ
“อ๊ะ อืมๆ ได้ยินๆ …ว่าไงนะ?”
“เฮ้อ…เราไม่อยากพูดหลายๆรอบนะ แล้วสไปรท์ล่ะ? ได้ฟังที่เราพูดมั้ย?”
“วะฮะฮ่า! ตายซะ! ตายซะ!”
เหมือนจะไม่ได้ฟัง สไปรท์นั่งบนโต๊ะพร้อมกดเกมโทรศัพท์อย่างเมามันส์
แต่ถึงผมกับสไปรท์จะไม่ได้ฟัง ก็ยังมีอีกคนที่ฟังอยู่ล่ะนะ
เชอรี่ที่นอนกับพื้นพูดขึ้น
“เค้าฟังอยู่น้า~ ที่บอกว่าคุณพ่อโดนเพื่อนบ้าน ‘เล่นของ’ ใส่ใช่ปะ?”
ดูดีๆ ถึงหลังเลิกเรียนจะปล่อยให้นักเรียนทำอีท่าไหนกับห้องเรียนได้ก็เถอะ แต่พวกเธอสองคนเล่นนั่งบนโต๊ะ นอนบนพื้นอย่างกับอยู่บ้านตัวเองไปได้นะ…
แม้การประเมินจะจบลงไปแล้ว ไม่รู้ทำไมเชอรี่ถึงยังไม่กลับสาขาตัวเอง แถมช่วงนี้ยังเข้ามาเรียนกับพวกผมเหมือนวันเก่าก่อนอีกต่างหาก ทั้งๆที่หลังมาสาขาของผมได้ไม่กี่วัน ก็ไปอยู่แต่ศาลาพักใจโดยให้เหตุผลว่าเนื้อหาการสอนของที่นี่ล้าหลังแท้ๆ…
ส่วนกลุ่มเพื่อนของสไปรท์ไม่อยู่ รู้สึกมะเฟืองจะบอกว่าพวกเธอติดงานชมรมเลยรีบไป ผิดกับมะเฟืองที่ไม่สังกัดชมรมไหนเลย
และวันนี้เธอยังมีเรื่องอยากให้สภานักเรียนช่วยอีกแล้ว
เล่นของ …เป็นคำที่ฟังแล้วค่อนข้างอันตราย
“ตอนนี้พ่อเธอเป็นไงบ้าง?”
“หยุดงานมาสามวันแล้วล่ะ สภาพก็คนป่วยทั่วๆไปนั่นแหละ แต่ตอนเรากลับไปหา แกจะเล่าให้ฟังเหมือนเห็นมีใครเข้ามาในบ้าน”
“คงไม่ได้หมายถึงโจรสินะ”
“อือ เงาดำผู้ชายร่างใหญ่ …ให้พูดตามเด็กรุ่นเราก็คงเหมือนวิญญาณที่เห็นในหนังนั่นแหละ”
คุยถึงตรงนั้นเชอรี่ก็พูดทั้งที่นอนอยู่
“เค้าไม่เข้าใจคำว่าเล่นของเลย อธิบายให้ฟังหน่อยสิ”
“มุมนี้เธอก็คล้ายๆประธานเหมือนกันนะ”
“ก็เค้ากับคริสโตเฟอร์เป็นญาติห่างๆกันนี่นา!”
ผมหันไปทางเชอรี่
“เด็กรุ่นเราคงไม่มีใครรู้ลึกนักหรอก แต่ถ้าให้พูดตามที่เข้าใจ …อารมณ์แบบ มีผู้ใช้คุณไสยส่งคำสาปมาให้พ่อของมะเฟือง ทำให้ป่วยหรือเห็นภาพหลอน”
“ส่วนที่เราหาอ่านในเน็ต เหมือนจะมีเสกตะปูเข้าท้องด้วย ดีที่พ่อเราไม่โดนแบบนั้น”
ผมกับมะเฟืองช่วยกันอธิบายให้เชอรี่ฟัง ส่วนสไปรท์ยังไม่หยุดเล่นเกม
เชอรี่ดันตัวขึ้น
“ทำลายเป้าหมายจากระยะไกลงั้นเหรอ? งั้นเค้าว่าคงคล้ายๆกับตุ๊กตาต้องสาปหรือเปล่า?”
“ตุ๊กตาต้องสาป?”
“อันนี้ก็ดังอยู่นะ? ที่พอทำอะไรใส่ตุ๊กตา ก็จะทำให้คนที่มีวิญญาณผูกกับตุ๊กตาโดนไปด้วยน่ะ”
“ถ้าเอาตุ๊กตาจุ่มน้ำร้อน ก็จะรู้สึกเหมือนโดนต้ม…งี้เหรอ?”
“ใช่ๆ! เรย์นี่ทั้งหล่อทั้งฉลาดเลยเนอะ!”
ว่าแล้วก็กระโดดมาเกาะคอผมอย่างแรง
“ถอยไปเลยนะ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นจะว่าไง!”
ผมเตือนเสียงแข็ง
พลางคิดถึงคำพูดประธาน ว่าซัคคิวบัสอย่างเชอรี่จะล่อลวงเพศตรงข้ามเพื่อเป็นแหล่งพลังงาน แต่ผมก็คิดว่าเธอเป็นเด็กสาวซนๆทั่วไป แถมยังไม่รู้สึกว่าโดนดูดพลังงานเลยด้วย…
“ซูด~~~!!!”
…เริ่มจะแปลกๆล่ะ เชอรี่สูดลมหายใจดมต้นคอผมเต็มปอดจนขนลุกซู่
มะเฟืองเข้ามาดึงตัวเชอรี่
“เชอรี่ อย่าเข้าไปกอดเด็กผู้ชายง่ายๆแบบนั้นสิ”
“อย่าหวงเลยน่า มะเฟืองไม่ได้เป็นไรกับเรย์สักหน่อย”
“ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้นนะ!”
“ว่าจะทักตั้งแต่แรกๆแล้ว กลิ่นตัวเรย์เหมือนเอ็มสุดๆเลยล่ะ”
ผมเอียงคอตอบให้เชอรี่ที่โดนมะเฟืองค่อยๆลากออกไป
“คงใช้สบู่ยี่ห้อเดียวกันมั้ง?”
“มั้งๆ”
และแล้วก็ถึงเวลาที่สไปรท์เล่นเกมเสร็จสักที
“ได้MVPด้วยแหละ! เลย์ดูจิ! เค้าเก่งสุดๆเลยใช่ม้า!”
“อืมๆ เก่งๆ”
“แหะๆ”
ต่อให้จะไม่เคยเล่นเกมที่สไปรท์เล่นก็เถอะ อย่างน้อยผมก็เข้าใจคำว่าMVPเลยออกปากชมไปส่งๆได้ และที่สำคัญคือสไปรท์ทำหน้าดีใจขนาดนั้น ชมหน่อยจะเป็นไรไป…
“เอ๊อะ? ทำไมเลย์ยังไม่ไปสภานิ?”
“ไม่ได้ฟังจริงๆสินะ…มะเฟืองมีเรื่องมาขอให้พวกเราช่วยไง”
“เหยอๆ แล้วมะเฟืองอยากให้ช่วยไรอะ?”
ไม่ได้ฟังจริงด้วย
“คุณพ่อของมะเฟืองป่วย แล้วคิดว่าน่าจะโดนใครสักคนเล่นของใส่…”
“ของไหน?”
“ก็ของไง? เล่นของ”
“เลย์พูดสลับเป่า? หมายถึงของเล่นอะเป่า?”
ปวดกบาลจริงๆ
ดูทรงรอบนี้น่าจะต้องหิ้วสไปรท์ไปด้วยแล้วค่อยไปวัดให้ทำงานเอาตอนถึงหน้างานนั่นแหละ ให้อธิบายไม่รู้จะใช้เวลากี่ชั่วโมง
“ถึงไหนล่ะนะมะเฟือง…ทำอะไรอยู่น่ะ…”
เมื่อหันกลับมา ก็พบว่ามะเฟืองกำลังเอาเชือกมัดเชอรี่ไว้กับเก้าอี้
มะเฟืองยิ้มตอบ
“เชอรี่เธอบอกให้มัดน่ะ”
“เค้าไม่ได้พู๊ด!!!”
“แหม…ก็เชอรี่ทนไม่ให้เข้าไปกอดเรย์ไม่ได้นี่นา? นี่เราช่วยเชอรี่อยู่นะ เกิดมีสภานักเรียนมาเห็นเข้าจะโดนทำโทษเอา”
สภานักเรียนก็หัวโด่อยู่ตรงนี้ตั้งสองคน ไม่ต้องถึงกับต้องมัดก็ได้ม้าง…
เชอรี่โวยวาย
“หอมจริงๆนะ! มะเฟืองลองดมดูสิ!”
“เรย์เขาไม่ใช่น้ำหอมลองในห้องสรรพสินค้านะ!”
“รู้นะว่าอยากทำ! คิดว่าเค้าเป็นตัวอะไรกันฮึ! ทำไมจะดูไม่ออก! อู้อี้!!!”
คราวนี้ถึงขั้นเอาผ้ามัดปากไปแล้ว
ผมแสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจ แล้วถ้าให้วัดความน่ารำคาญแล้วล่ะก็ ตามปกติถ้าให้ผมเลือกคงจะเลือกมัดสไปรท์แทนเชอรี่ ถึงตอนนี้สไปรท์จะสงบเสงี่ยมกว่าทุกทีก็เถอะ สงสัยกำลังทำความเข้าใจคำว่าเล่นของอยู่
ระหว่างเชอรี่ดีดดิ้น มะเฟืองก็ทำหน้าเขินๆมองมาที่ผม
“หะ หอมจริงๆเหรอ…?”
“ช่วยเข้าเรื่องก่อนได้มั้ย? คุณพ่อเธอลำบากอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“นะ นั่นสินะ…”
มะเฟืองทำหน้าเสียดาย ก่อนจะกระแอมปรับอารมณ์เล็กน้อย
“เรย์คงยังไม่ปักใจเชื่อสินะว่าคุณพ่อโดนของรึเปล่า? เพราะงั้นเลยอยากให้เรย์ไปช่วยดูอาการให้หน่อย”
“ฟังนะมะเฟือง…ต่อให้สภาจะช่วยแก้ปัญหาแนวๆนี้ได้ก็เถอะ แต่เกิดเป็นประเด็นนั้นขึ้นมาจริงๆ อย่างฉันคงช่วยอะไรมากไม่ได้หรอก ยิ่งอีกคนเป็น…”
ผมลากสายตาไปยังเด็กสาวผมทรงทวินเทล มะเฟืองเข้าใจว่าผมพยายามจะสื่ออะไร
พวกผมพากันคิดไม่ตก จังหวะเดียวกันก็ได้ยินเสียงน้ำหยดดังแหมะๆเหมือนหลังคารั่วซึม
เมื่อมองไปยังทิศทางนั้น
“ชะ เชอรี่!?”
เชอรี่แก้มแดงระเรือพลางน้ำลายไหลย้อยออกมาตามผ้าที่มัดปาก
“มะเฟืองมัดแรงไปรึเปล่าเนี่ย!?”
“ระ เราก็ไม่ได้มัดแน่นขนาดนั้นนะ!?”
พอแก้มัดเชอรี่ได้ ผมถามไถ่อาการ และคำตอบที่ได้ก็เป็นแบบนี้…
“มะ ไม่อยากเชื่อเลยว่ามะเฟืองจะชอบแบบซาดิสต์! แฮ่ก…แฮ่ก… ไอ้การมัดแบบเหมือนอยากให้แก้แต่ก็แก้ไม่ออกนี่มันสุดยอดจริงๆ! เล่นเอาเคลิ้มเลย!!!”
จะพูดอะไรก็เกรงใจคนฟังบ้างเหอะ แล้วอย่าเอาแขนไปถูกับใต้กระโปรงตอนคนอื่นอยู่ด้วยได้มั้ย? ขอล่ะ
เชอรี่จัดท่าทางตัวเองให้เรียบร้อย เช็ดคราบน้ำลายพูด
“คือ…เค้าจะSหรือMก็ได้ทั้งนั้นแหละ แต่มะเฟืองคงอยากให้เค้าเป็นMมากกว่าเนอะ?”
“นี่เชอรี่พูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย!?”
มะเฟืองฉงน
เชอรี่โบกนิ้วอธิบาย
“Sก็คือฝ่ายกระทำ Mคือฝ่ายถูกกระทำไงล่ะ! โอ๊ะ!? แถมยังเป็นคู่หญิงหญิงนี่มันทุ่งดอกลิลลี่ชัดๆ!”
“ก็ถึงได้ถามไงว่าพูดเรื่องอะไรอยู่!?”
“แหะ แหะ แหะ ช่วงนี้มีแต่เรื่องน่าสนุกแฮะ ที่คุณพี่เอ็มเป็นผู้หญิงนั่นก็ด้วย…ดีใจจังที่ได้เกิดมา!”
เชอรี่เริ่มจะเพ้อเจ้อกับตัวเองเข้าไปทุกที มองมุมนี้แล้วไม่เหมือนประธานเลยสักนิด นี่มันซัคคิวบัสแท้ๆเลยนี่หว่า
เหมือนเชอรี่จะรู้ตัว จึงปรับอารมณ์อีกครั้งพลางเอ่ย
“เค้าว่าเค้าช่วยได้นะ?”
“เธอคงไม่ได้หมายถึงไอ้SกับMอะไรนั่นสินะ…”
ถ้ายังไม่จบกับประเด็นที่ว่า ผมคงต้องไล่ให้ไปที่อื่นแล้วล่ะ ไม่งั้นงานไม่เดินแน่
อีกฝ่ายโบกนิ้วใส่
“ก็ต้องไม่ใช่อยู่แล้วซิ๊ เค้าหมายถึงที่พ่อของมะเฟืองโดนเล่นของต่างหากเล่า”
“ไหนบอกไม่รู้จักไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่รู้จักน่ะสิ แต่จากที่ฟังก็คิดว่าน่าจะคล้ายๆกับมนตร์ดำที่เค้ารู้จัก ถ้าเป็นเรื่องนั้นเค้าพอช่วยได้แหละ”
ช่วยได้จริงไหม ผมก็ไม่ทราบ
แต่ที่ผมค่อนข้างจะจนปัญญาก็เป็นเรื่องจริง …หรือเรียกประธานมาช่วยดี เป็นซาตานซะอย่าง อาจจะทำอะไรได้มากกว่าที่คาดก็ได้…
“ไม่ต้องเรียกคริสโตเฟอร์หรอก รายนั้นไม่ค่อยเน้นใช้สมองเท่าไหร่ เอะอะก็ยัดแต่คำสาป เผลอๆคุณพ่อมะเฟืองจะอาการหนักกว่าเดิม”
พอพูดแบบนั้นก็เริ่มเข้าเค้า
จะให้ตัดสินใจกันเองก็ยังไงอยู่
ผมถามมะเฟือง
“จะมีฉัน สไปรท์ เชอรี่ …เธอโอเคมั้ย?”
“แหม ถ้าเป็นพวกนายสามคนฉันก็วางใจได้”
“งั้นเหรอ ถ้าไม่ไหวจริงๆจะติดต่อประธานแล้วกัน”
จากนั้น พวกผมก็เริ่มเดินทางไปบ้านมะเฟือง ระหว่างนั้นเชอรี่ก็บ่นพึมพำว่าไม่เห็นต้องเรียกคริสโตเฟอร์ให้ลำบากกว่าเดิมเล้ย แต่อย่างว่า…นี่เป็นเพียงความอวดดีของผมที่อยากแก้เคสของเพื่อนร่วมห้องให้ได้ด้วยตัวเองเท่านั้น
บางที…ในกรณีที่สถานการณ์จะเลวร้ายลงเพราะความมุทะลุของผม ผมเชื่อว่าถ้าเป็นประธานต้องช่วยผมได้แน่
ก็นะ ไว้ไม่ไหวจริงๆค่อยว่าอีกที…
“เอ๊อะ? จะไปกันแล้วเอ๋อ? เค้ายังไม่เข้าใจเลยว่าSกับMคืออะไยอะ?”
ส่วนสไปรท์…ดูทรงจะเอาสองเรื่องมาตีกันมั่วไปแล้วด้วย เฮ้อ….ปวดหัวจริงๆ
.
.
.
ใช้เวลาเดินทางไม่นาน พวกผมสี่คนมาถึงจุดหมาย
ทันทีที่เข้ามาในบ้านมะเฟือง อันที่จริงสไปรท์ก็ตะโกนแบบนี้มาตั้งแต่หน้าบ้านแล้วล่ะ
“โห! นี่มันปราสาทชัดๆ!”
บ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่รอบตัวบ้านกว้างขวางอย่างน่าเหลือเชื่อ แค่บริเวณสวนหน้าบ้านก็ใช้เวลาเดินเข้ามาเกือบห้านาทีกว่าจะถึงตัวบ้าน
ยังไม่รวมพวกรูปปั้นหรืออะไรต่อมิอะไรที่เห็นแล้วต้องตะลึง
ผมถอดรองเท้าพลางถาม
“บ้านเธอรวยเหรอ?”
“หืม? เรย์ไม่สะดวกใจเหรอ?”
“ไม่ใช่แบบนั้น”
ลุคของมะเฟืองก็ออกแนวลูกคุณหนูอยู่แล้วด้วย จะบอกว่าไม่เหนือความคาดหมายก็ไม่ผิด แค่ไม่คิดว่าจะรวยขนาดนี้เท่านั้นเอง
ขอโทษนะพ่อ แต่พอเทียบบ้านเรากับบ้านนี้แล้ว บ้านเรากลายเป็นรูหนูไปเลยอะ
“พรหมแดงเต็มพื้นเล้ย! สไลด์! ฟิ้วววว!”
สไปรท์ที่พึ่งเคยมาบ้านมะเฟืองครั้งแรกตื่นเต้นสุดๆ ถึงท่าทีตื่นเต้นทีว่าจะเหมือนเด็กประถมไปหน่อยก็ตาม
“เธอดูไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่เลยนะ เชอรี่”
“ไม่เห็นแปลก เค้าไปบ้านคนมีตังค์บ่อยจะตาย”
“ไปทำอะไรล่ะนั่น?”
“กำลังคิดเรื่องแปลกๆอยู่เหรอ?”
เชอรี่ทำหน้าเหนียมอาย ผมไม่รู้ว่าจะสื่อประเด็นไหนกันแน่จึงได้แต่ส่ายศีรษะ
มะเฟืองผายมือ
“ทำตัวตามสบายเลยนะ อ้อ! ห้องของคุณพ่ออยู่ชั้นสาม ตามเราขึ้นมาเลย”
พวกผมพากันเดินขึ้นบันได จากที่เห็น มีคนรับใช้กำลังทำความสะอาดบ้าน แถมจำนวนก็ไม่ใช่น้อยๆ สมกับที่บ้านคนรวยจริงๆ นึกว่าแม่บ้านมีแค่ในหนังหรือละครซะอีก
“มะเฟืองๆ!”
“ว่าไง? สไปรท์”
“ไม่มีลิฟต์เหยอ!?”
“พอดีบ้านนี้เป็นบ้านเล็กที่สร้างใหม่จากตอนที่ฉันมาเข้าเรียนจิตตฯน่ะ”
แสดงว่าถ้าเป็นบ้านจริงๆของตระกูลเธอจะมีลิฟต์สินะ…ไม่อยากเชื่อ แค่ประโยคเดียวก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่ามะเฟืองรวยแค่ไหน
รูปภาพเต็มผนัง ผมไม่รู้จักศิลปินหรืองานศิลปะมากนัก ดังนั้นจึงบอกไม่ได้ว่าเจ้าพวกนี้มีราคาแพงเท่าไหร่ แต่ผมพยายามเดินให้ตัวเล็กที่สุด
ขืนพลาดไปทำอะไรแตกหรือพังเข้าสักอย่าง มีความรู้สึกว่าจะโดนค่าเสียหายไม่ใช่น้อย เผลอๆจะเยอะกว่าค่าหลังคาบ้านร้างที่ผมกับสไปรท์เคยทำพังอีกมั้ง…
ทุกก้าว
ทุกก้าวที่ตามมะเฟือง กลิ่นอายแปลกๆก็เตะเข้าจมูก
ดูเหมือนมะเฟืองจะไม่รู้สึก
“เรย์ รู้สึกมั้ย?”
เชอรี่ถามแบบนั้น
ผมพยักหน้า
“อืม ไม่ค่อยดีเลย”
“สัมผัสคล้ายมนตร์ดำจริงๆนะเนี่ย…”
เด็กสาวหน้าเครียด ส่วนสไปรท์ยังคงเดินเหมือนคนปัญญาอ่อนพลางหันซ้ายหันขวามองนั่นมองนี่ไปเรื่อย งานนี้คงได้พึ่งเชอรี่แล้วล่ะ…
…เปรี๊ยะ!
จู่ๆ สายฟ้าก็ลั่นที่ฝ่ามือ
จังหวะเดียวกันกับที่มะเฟืองพามาถึงห้องของคุณพ่อ
“คุณพ่อคงกำลังหลับอยู่ แต่ฉันนัดไว้แล้วว่าวันนี้จะมีเพื่อนๆมาช่วย”
มะเฟืองกำลังจะกำลูกบิดประตู ผมรั้งเธอไว้ก่อน
“เดี๋ยว!”
“เรย์? มีอะไรเหรอ?”
ความกว้างของห้องคงใหญ่ไม่ต่างจากตัวบ้าน เตียงนอนของคนส่วนใหญ่ก็ล้วนจะอยู่ไม่ชิดผนังฝั่งใดก็ฝั่งนึง ดังนั้นกับพวกผมที่ขนาดอยู่แค่หน้าประตูยังสัมผัสกลิ่นอายไม่ดีนั่นได้ แสดงว่าจะเป็นของหรือมนตร์ดำ ก็คงจะออกฤทธิ์มามากจนไม่ควรจะสัมผัสลูกบิดประตูตรงๆ
อีกทั้งประตูทั้งบานยังโดนสิ่งเหล่านั้นจนปกคลุมด้วยควันสีดำ
ประตูยังเป็นถึงขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดถึงสภาพภายในห้อง
มะเฟืองเป็นแค่เชื้อสายภูตผีทั่วๆไป พลังวิญญาณไม่ได้สูงมากนัก ไม่น่าแปลกที่เธอจะไม่รู้สึกหรือมองเห็น
ผิดกันกับพวกผม
“แย่แล้วมั้งเนี่ย…”
เชอรี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เค้าไม่อยากเข้าไปเลยอะ”
ถึงจะช้าไปหน่อย แต่สไปรท์ก็เริ่มรู้ตัว
ผมขบริมฝีปาก
“เดี๋ยวฉันเปิดเอง”
“เอ่อ…เราไม่เข้าใจเลย เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?”
ขณะผมไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เชอรี่ก็แทรกขึ้นมา
“สงสัยคุณพ่อเธอจะโดนของแรงเข้าแล้วไงล่ะ เค้ากับสไปรท์จะแขยงก็ไม่แปลก แต่เรย์ยังออกอาการขนาดนี้ …เค้าว่าพ่อเธอน่าจะแย่แล้วล่ะ”
คำพูดนั้นทำมะเฟืองหน้าซีด
ที่พูดนั่นก็ไม่ผิดซะทีเดียว ใจจริงก็อยากจะเรียกประธานมาซะด้วยนี้…
แต่ว่า…
“ลองเข้าไปดูกันก่อนเถอะ …ไรเมย์”
ผมเร่งสายฟ้าปกคลุมฝ่ามือ ก่อนสัมผัสลูกบิดประตูที่ปล่อยควันสีดำมืดอันน่าสะพรึง
เคสที่ 44 ของ /มีต่อ