สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 82 เคสที่ 39 สังเกตการณ์ (1)
ช่วงเย็น เวลาชมรม
หรือก็คือเวลาสภาด้วยเช่นกัน
ถึงคนในโรงเรียนจะรู้ว่าสภาคือชมรมที่มีไว้ช่วยเหลือและแก้ปัญหาต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว จำนวนลูกเคสก็ไม่ได้เยอะถึงขั้นงานล้นมือ
พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ในหนึ่งสัปดาห์ พวกผมจะทำงานด้วยจำนวนที่นับด้วยนิ้วมือข้างเดียวก็ยังพอ
ต่อให้เป็นอย่างนั้น ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา จำนวนการทำงานของสภานักเรียนก็ลดลงจนนิ้วมือข้างเดียวยังแทบไม่จำเป็น…
“ไม่มีใครมาเลยนะคะ…”
พลอยมองประตูพลางกล่าว เธอพูดแบบนั้นมาหลายวันแล้ว ตอนนี้ที่พวกผมทำได้ก็มีเพียงเฝ้ามองประตูที่ไม่มีใครเปิดเข้ามาเลยสักคน นอกจากสมาชิกสภา
“โดนดูถูกอยู่เต็มๆเลยนะเนี่ย…”
ผมพึมพำ
จากนั้น สมาชิกสภาอีกคนก็เปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี…
“…ชมรมของเอ็มยังคนเยอะเหมือนเดิมเลย น้องประธาน”
พี่ต้นว่าขณะที่ยังไม่ปิดประตู พร้อมมองไปยังห้องข้างๆด้วยแววตาลำบากใจ เสียงเจี๊ยวจ๊าวจากระเบียงทางเดินดังเข้ามาถึงภายใน
ผมถอนหายใจ
“ปิดประตูเถอะครับพี่ต้น แอบมองมันไม่ดีหรอกนะครับ”
“แต่คนที่ให้พี่แวะส่องชมรมของเอ็มก่อนเข้าสภาก็คือน้องประธานเองนี่?”
“แค่ไม่อยากให้ประเจิดประเจ้อน่ะครับ”
ผมหันมองกำแพง ถึงจะไม่มีสายตามองทะลุ แต่ก็สัมผัสได้ว่าลูกเคสที่อยู่ชมรมของเอ็มนั้นเยอะแค่ไหน
“ประธานครับ…ผมได้ข่าวด้วยว่าสภานักเรียนที่ไปอยู่ชมรมของพี่เอ็มทำงานกันดีด้วยน่ะครับ…”
เรย์เกาศีรษะพูด นั่นก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ได้ยินช่วงนี้ล่ะนะ
นี่ก็ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ หลังจากเอ็มและนักเรียนแลกเปลี่ยนอีกสองคนมาอยู่ที่จิตตฯชั่วคราวเพื่อการประเมิน อยากที่เอ็มเคยว่าไว้ สาขาที่หนึ่งมีเนื้อหาการเรียนการสอนที่ช้ากว่าสาขาสองอยู่บ้าง ดังนั้นเมื่อพ้นสัปดาห์แรก พวกเขาจึงไม่เข้าเรียนอีกต่อไป
ใช้เวลาส่วนใหญ่ประจำอยู่ที่ห้องชมรมข้างๆนี่ อีกทั้งยังเดินตรวจตราความเรียบร้อยอีกต่างหาก
เรียกว่าแทบจะทำทุกอย่างเหมือนสภานักเรียนไปแล้ว…
ผมเท้าคางมองสมาชิกสภาที่เหลือ พลอยกำลังเย็บผ้า ดิวกับเจี๊ยบกินขนม พี่ต้นกับเรย์นั่งกันคนละฝั่ง
ถึงจะบอกว่าหายไปสองคน…แต่ตามจริงแล้วสองคนนั้นก็ไม่ค่อยเข้าสภากันเท่าไหร่หรอก จะบอกว่ามีผลบวกลบเป็นศูนย์ก็ไม่ผิด
แต่ก็อย่างที่เรย์ว่า สองคนนั้นหลังจากที่ไปอยู่ชมรมของเอ็ม เสียงลือของนักเรียนก็ล้วนแต่บอกว่าพวกเธอทำงานกันได้ดีเหลือเชื่อ
“สองคนนั้นโดนสะกดจิตหรือไงกัน…”
เมื่อผมบ่นแบบนั้น พลอยก็แทรกขึ้นมา
“พวกเธออาจจะแค่อยู่ถูกที่ถูกเวลาก็ได้ค่ะ เลยแสดงประสิทธิภาพได้เต็มที่?”
“จะบอกว่าตอนอยู่กับฉันมันผิดที่ผิดเวลาหรือไง?”
“แหม…ดิฉันไม่ได้พูดถึงขนาดนั้นสักหน่อย”
หรือเราจะปล่อยปละละเลยสองคนนั้นเกินไปกันนะ? แล้วว่าก็เถอะ อย่างกับเจ้าเทวทูตนั่นเจาะจงเลือกคนที่ทำงานไร้ประสิทธิภาพที่สุดไปเลยแฮะ
อารมณ์แบบ ‘ผมจะสอนวิธีใช้งานคนให้ดู’ อะไรแบบนั้นเลยล่ะ…ที่จริงก็โดนตอกใส่หน้ามาแบบนั้นแล้วด้วย…
คิดแล้วน่าโมโห
“…ช่วงนี้ประธานเขาทำหน้าเครียดบ่อยจังเลยนะคะ”
“…คริสโตเฟอร์คงเห็นว่าตัวเองอ่อนกว่าเอ็มที่พึ่งตั้งชมรมล่ะมั้ง…”
“…น้องประธานอาจแค่ยังรับมือไม่ถูกเฉยๆก็ได้”
“…ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับรับมือได้หรือไม่หรอกครับ หลักๆน่าจะแค่รู้สึกเหมือนดูถูกนั่นแหละครับ”
“…จิ๊บ!”
“…แรงไปนะเจี๊ยบ”
ห้องก็แคบแค่นี้ ถ้าจะนินทาก็เบาเสียงกันหน่อยดิเฮ้ย แล้วไอ้ประโยคสุดท้ายนั่นพ่นบ้าอะไรออกมาหา? ไอ้ลูกเจี๊ยบ
ส่วนถ้าจะถามว่ากำลังโดนดูถูกหรือไม่ อันที่จริงก็โดนหยามซึ่งๆหน้าอยู่นั่นแหละ …คงต้องย้อนไปตอนที่เจ้าเทวทูตมาเลือกสมาชิกสภาไปประจำอยู่ชมรมตัวเองก่อนล่ะนะ
เฮ้อ คิดถึงมันทีไรก็หงุดหงิดทุกที ให้ตายเถอะ
+ +
“อย่างที่ผมพูดไว้เมื่อวานนะคริสโตเฟอร์ ผมต้องการสภานักเรียนสองคนไปอยู่ชมรมของผมชั่วคราว”
เอ็มว่าเช่นนั้นขณะที่สมาชิกสภานักเรียนอยู่กันพร้อมหน้าในห้องสภา จะมีแปลกก็แค่พี่น้ำที่ไปยืนอยู่ฝั่งเดียวกับเอ็มซะงั้น…
พี่ต้นกระซิบ
“ทำไมน้ำไปยืนอยู่ตรงนั้นล่ะ…”
“คงไม่พ้นเรื่องบ้าๆบอๆแหละครับ”
ผมหรี่ตามองพี่น้ำที่ค่อนข้างเงียบกว่าปกติ แถมยังยืนผสานมือเรียบร้อยอีกต่างหาก
ฝั่งของเอ็มประกอบด้วย เอ็ม เชอรี่ พี่น้ำ และนักเรียนหญิงอีกคนที่ผมไม่เคยเห็นหน้า จึงค่อนข้างแน่ใจว่านั่นคือนักเรียนแลกเปลี่ยนของชั้นมอหก
เอ็มเหมือนพึ่งรู้สึกตัว
“อ๋อ! ผมยังไม่ได้แนะนำให้รู้จักเลยนี่นะ เธอคนนี้ชื่อชบา เป็น ‘นางกวัก’ น่ะครับ แล้วก็ยังเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของมอหกด้วย”
ชบาฝั่งแล้วก็ผงกศีรษะด้วยความเงียบ
ดูจากรูปลักษณ์แล้วก็ไม่มีเครื่องประดับที่บ่งบอกว่าเป็นนางกวักเลยสักนิด เป็นเพียงเด็กสาวไว้ผมหน้าม้าจนมองไม่เห็นดวงตา และหุ่นก็พอๆกับพี่น้ำ
“สงสัยเชื้อสายจะไม่แรงมาก เลยไม่ใส่เครื่องประดับสินะคะ…?”
พลอยก็งืมงำอะไรไม่รู้อยู่คนเดียว สรุปเพราะหล่อนเชื้อสายแรงเลยต้องใส่ไอ้ชฎานั่นไว้ตลอดงั้นเรอะ?
“ส่วนทางด้านนี้…ฮะฮะ ยังไงก็คนคุ้นหน้าของพวกเธออยู่แล้วอะนะ แต่ก็อย่างที่เข้าใจ ต่อจากนี้พี่น้ำจะมาประจำอยู่ชมรมของผมชั่วคราว”
พี่น้ำก็ผงกคอเบาๆรับคำของเอ็ม
เรย์กระซิบ
“…คือผมยังไม่เคยคุยกับพี่น้ำเป็นเรื่องเป็นราวเท่าไหร่ แต่คงไม่ใช่ว่าประธานมีเรื่องบาดหมางอะไรกับพี่เขาสินะครับ?”
“หมายความว่าไง?”
“ก็…ถ้าตามปกติ ยังไงก็ไม่ควรไปเข้ากับฝั่งศัตรูง่ายๆนี่ครับ? แต่พี่น้ำคือไปแบบไม่บอกไม่กล่าวเลยนะครับ?”
นั่นสิ ทำไมกันนะ…
ขณะกำลังสงสัยในท่าทีของพี่น้ำ นั่นเอง ที่จู่ๆสไปรท์ก็ชี้นิ้วพร้อมตะโกน
“ทอราโยดดดดดด!!!!”
“หะ?”
“พี่น้ำทอราโยดดดดดดด!!!!”
หมายถึงทรยศสินะ…
“ฟังนะสไปรท์ ยังไงก็ต้องมีสภานักเรียนไปอยู่แล้วสองคน อย่างน้อยเอาพี่น้ำไปก็…ถือว่าโอเคนะ?”
“พี่ได้ยินนะคะ น้องคริส”
“ทอราโยดดดดด!!!!”
ช่วยหุบปากสักแป๊บได้ไหมเนี่ย หนวกหูจริ๊ง
พี่น้ำกุมหน้าอกพูด
“พี่ไม่ได้ทรยศหรือหักหลังสภานักเรียนนะคะน้องสไปรท์ พอดีพี่เล็งเห็นว่าการที่พี่มาช่วยงานน้องเอ็มแบบนี้ จะมีผลดีต่อทุกฝ่ายมากกว่าน่ะค่ะ…”
“ทำพูดไป ผมเดาว่าคงโดนเจ้าเทวทูตล่อด้วยอะไรสักอย่างใช่มั้ย?”
ถึงเอ็มจะยิ้มแห้งพลางพูดว่า ‘ผมยังอยู่ตรงนี้นะ…’ ผมก็ไม่สนใจ
พี่น้ำหันหน้าหลบทันที ไอ้ตรงส่วนที่ควรจะเป็นหน้านั่นแหละ
“ปะ เปล่าสักหน่อย นะ น้องคริสอย่ามาใส่ร้ายกันนะคะ…”
เนียนสุดๆ ตูจะบ้า
เอ็มยักไหล่
“อืม…เวลาชมรมเริ่มมาสักพักแล้ว ผมไม่อยากเสียเวลามากกว่านี้ ถ้าไม่รังเกียจ ผมขอเลือกสมาชิกสภาอีกคนเองเลยได้มั้ย?”
“เดี๋ยวฉันเลือกให้”
เมื่อผมแย้ง เอ็มก็สวนมาทันที
“ไม่ได้หรอกครับ ให้คริสโตเฟอร์เลือกแล้วมันจะไม่ค่อยแฟร์กับสมาชิกน่ะ ลองคิดดูสิ? คนที่คริสโตเฟอร์เลือกว่าให้มาอยู่กับผมจะรู้สึกว่าตัวเองโดนทอดทิ้งขนาดไหน?”
“…”
…อย่างสไปรท์คงไม่คิดอะไรหรอกมั้ง เอ๊ะ นี่เราปักธงว่าจะทิ้งสไปรท์ไปอยู่ฝั่งโน้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย?
“อีกอย่าง ผมไม่ได้เลือกไปส่งๆ ผมมีเหตุผลรองรับอยู่แล้วด้วย เพราะงั้นให้ผมเลือกเองจะดีต่อทุกฝ่ายมากกว่านะ?”
“เรื่องของแกเถอะ”
“เข้าใจแล้วครับ …สำหรับคุณผีนางรำผมจะไม่จัดให้อยู่ในตัวเลือกแล้วกันครับ ยังไงสภานักเรียนจะเดินต่อไปได้ก็ต้องมีประธานกับรองประธานนี่นะ”
“ฟู่…”
พลอยถอนหายใจโล่งอก
“จะเลือกใครก็พูดๆมา คิดว่าเล่นเกมโชว์อยู่หรือไง?”
ถึงผมจะพูดพร้อมมองค้อนใส่ แต่เอ็มกลับไม่สนใจ
“คุณผีปอบ…ก็เป็นตัวเลือกที่ดีครับ แต่พอดีฝั่งผมมีเลขานุการอยู่แล้ว เพราะงั้นตัดไป”
เชอรี่ยกมือโบกรัวๆ ยัยชั้นต่ำนั่นเป็นเลขานุการเรอะ?
“คุณกระหังฝ่ายควบคุมความประพฤติเหรอ…ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ พอดีผมคิดว่าแค่ตัวผมคนเดียวก็จัดการได้ ไม่จำเป็นต้องแบ่งทรัพยากรบุคคลอันมีค่าไปกับตำแหน่งที่ไม่ได้ใช้จริง เพราะงั้นตัดไป”
“…เหมือนเขากำลังแอบด่าน้องประธานอยู่เลยนะ…”
“…อย่าไปหลงกลสิครับ”
อย่างน้อยพี่ต้นก็ยังอยู่ล่ะนะ
“ส่วนซูซา…ส่วนเรย์ที่ตอนนี้ตำแหน่งยังไม่แน่ชัด อีกทั้งเนื่องจากพึ่งเข้าสภานักเรียนได้ไม่นาน จะให้ย้ายชมรมเอาตอนนี้ก็ทำให้สับสนซะเปล่าๆ เพราะงั้นตัดไป”
“หือ?”
เรย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
สไปรท์หัวเราะก๊าก
“ฮะฮ่า! เลย์ไม่โดนเลือกแหละ!”
เดี๋ยวๆ นี่เธอคิดว่าโดนเลือกแล้วคือชนะหรือไง? แล้วรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่าไอ้เทวทูตมันไล่ชื่อมาครบทุกคนยกเว้นเธอแล้วนะนั่น…
เอ็มพยักหน้าอยู่สักพัก ก่อนจะผายมือมาทางสไปรท์
“ดังนั้นผมขอเลือกคุณเสือสมิงแล้วกันครับ”
“ผู้ใดคือเสือสมิงนิ?”
““เธอนั่นแหละ!””
ผมกับเรย์ตะโกน
เอ็มหัวเราะร่า
“ฮะฮะ ส่วนเหตุผลก็…ไว้ค่อยบอกกับคริสโตเฟอร์เป็นการส่วนตัวดีกว่า”
“งี้หนูก็กลายเป็นคนทรยศไปแล้วจิ?”
สไปรท์พูดกับผมแบบนั้น
ผมส่ายศีรษะ
“ไม่หรอก แค่ชั่วคราวเท่านั้นแหละ คิดซะว่าทำงานนอกสถานที่ก็ได้”
“ทำงานนอกสถานที่แปลว่าไรอะ? ยังงี้พ่อแม่หนูที่ออกไปทำงานเรียกว่าทำงานนอกสถานที่ได้แมะ?”
โชคดีล่ะไอ้เทวทูต อย่างน้อยตูก็รอดตัวกับยัยเซ่อนี่ไปอีกสักพัก
“งั้นก็เริ่มงานเลยดีกว่า คุณเสือสมิงตามมาได้เลยครับ”
“เย่! ได้ทำงานกับสไปรท์ล่ะ!”
เชอรี่ดีใจพร้อมจูงมือสไปรท์ออกไป
สไปรท์ที่เหมือนยังมึนๆ แต่ก็ตามออกไปด้วยสีหน้าอึนๆ
…เริ่มจะสงสัยแล้วว่ายัยนั่นรู้ตัวมั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น
“คริสโตเฟอร์ ผมขอคุยเป็นการส่วนตัวหน่อยสิ”
“เร็วจังนะ”
ผมตามเอ็มออกมานอกห้อง ถึงจะบอกว่าคุยเป็นการส่วนตัวแต่ก็ไม่ได้เป็นทางการขนาดนั้น แค่คุยกันตรงระเบียงทางเดินตึกชมรมนี่แหละ
“ต่อจากนี้…ผมขอยืมตัวคุณผีไร้หัวกับคุณเสือสมิงสักพัก”
“ดีซะอีกที่เป็นสองคนนั้น”
“ฮะฮะ กะแล้วว่าคริสโตเฟอร์ต้องพูดแบบนี้…นี่ถ้าผมไม่ใช่เป็นคนเลือกเองก็คงส่งคุณเสือสมิงมาให้อยู่แล้วสินะ?”
“…ก็นะ”
“ถึงคุณเสือสมิงจะดูไม่คิดอะไรก็เถอะ แต่ขอล่ะ เป็นหัวหน้าก็อย่าทำตัวให้เหมือนเลือกที่รักมักที่ชังลูกน้องสิ”
“ไม่ต้องให้แกมาสอนหรอก แล้วที่เลือกพี่น้ำกับสไปรท์ไป คงไม่ใช่สุ่มมั่วๆใช่มั้ย?”
ได้ฟังดังนั้น เอ็มก็ยิ้ม
“จำได้ใช่มั้ยว่าผมมีข้อมูลของสภานักเรียนทุกคนน่ะ”
“เออ”
“จะว่าเป็นความอวดดีก็ได้ แต่ผมจงใจเลือกสองคนที่มีการทำงานอยู่เกณฑ์ล่างสุดมาอย่างเจาะจง เหตุผลก็เพราะจะหักหน้าคริสโตเฟอร์นั่นแหละ”
“โห?”
“ในเมื่อถึงขั้นนี้… ผมขอประกาศไว้ซึ่งหน้าเลยแล้วกัน ผมจะทำให้สองคนนั้นทำงานดีเสียจนนักเรียนชมกันปากต่อปากเลยล่ะ”
“ถ้าทำได้ก็ลองดู แกยังไม่รู้จักสองคนนั้นสักหน่อย”
คนนึงวันๆก็ไม่เข้าสภา อีกคนก็ไม่เข้าสภาเหมือนกันแถมยังแวะไปเล่นชมรมอื่นอีกต่างหาก
“อืม ผมจะสอนให้รู้เองว่าการจัดการคนมันเป็นยังไง คริสโตเฟอร์”
+ +
อะไรประมาณนั้น
เอ็มเลือกพี่น้ำกับสไปรท์เพราะเหตุผลที่ว่าจะใช้งานสมาชิกสภาที่ไร้ประสิทธิภาพที่สุดให้มีประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง ดูถูกกันซึ่งๆหน้าเหมือนจะตอกย้ำให้รู้ว่าผมไม่เหมาะกับการเป็นหัวหน้าคนแค่ไหน…
เฮ้อ…ถึงผมจะไม่ชอบขี้หน้ามันก็เถอะ แต่ผมไปทำอะไรให้มันแค้นขนาดนี้กันนะ
แม้การแสดงออกตอนพูดคุยจะยิ้มแย้ม ทว่า ในใจของเจ้าเทวทูตคงมีเรื่องบาดหมางอะไรกับผมสักอย่าง
เรื่องสมัยเด็กงั้นเหรอ? ผมก็จำไม่ค่อยจะได้ด้วยสิ
เอาเถอะ อย่างน้อยที่ต้องทำก็ไม่เปลี่ยน ทำงานสภาให้ดีเหมือนอย่างเคยก็พอ เมื่อเป็นแบบนั้นการประเมินสภานักเรียนที่เป็นเป้าหมายหลักที่ผู้บริหารส่งเอ็มมาที่นี่ก็ลุล่วง
เริ่มจากข้อแรกและสำคัญที่สุด คือแย่งลูกเคสมาจากชมรมของเอ็มให้ได้ก่อน
ไม่มีลูกเคสก็เริ่มงานไม่ได้ ปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไปก็จบที่ความพ่ายแพ้…
“ประธานจะไปไหนเหรอคะ?”
พลอยถามเมื่อผมลุกจากเก้าอี้
ผมปัดมือตอบ
“จะไปดูสักหน่อยว่าไอ้เทวทูตมันทำงานยังไง ลูกเคสถึงได้เยอะขนาดนั้น”
“เป็นการสอดส่องกลยุทธ์คู่แข่งที่ประเจิดประเจ้อสุดๆเลยค่ะ”
“สมาชิกสภาทุกคนเอ็มก็รู้จักหมดแล้ว จะส่งสปายไปสอดแนมก็ทำไม่ได้ ที่ทำได้ก็คือฉันไปดูให้เห็นชัดๆกับตา”
พอผมจะเปิดประตูออกไปโดยมีสายตาของสมาชิกสภามองด้วยความกังวล พลอยก็ถามคำถามสุดท้ายออกมา
“เอ็มเขาจะยอมให้ประธานเข้าไปง่ายๆงั้นเลยเหรอคะ?”
ผมพ่นลมหายใจให้คำถามนั้น
“ง่ายสิ เผลอๆคงรอให้ฉันไปหาหลายวันแล้วด้วย”
ผมว่าเช่นนั้น
เคสที่ 39 สังเกตการณ์ /มีต่อ