สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 41 เด็กที่เหิมเกริม
“ชาวบ้านต่ำต้อยอย่างเจ้าเป็นใครกันถึงกล้าลงมือทำร้ายข้า” ไป๋ชิงเสวียนไม่คิดว่าจะมีคนที่มีฝีมือดีกว่าเขาโผล่มาจับเขากดลงบนรถม้าจนขยับกายไม่ได้เช่นนี้
ดวงตาของไป๋ชิงเสวียนแดงก่ำวาวโรจน์ พยายามขัดขืนพลางด่าทอ “ข้าคือคุณชายแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง! ชาวบ้านต่ำต้อยอย่างเจ้ากล้าทำร้ายข้าอย่างนั้นหรือ รอให้ท่านปู่ของข้ากลับมาก่อนเถิด ข้าจะให้ท่านปู่ประหารเจ้าเจ็ดชั่วโคตร!”
ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนเยือกเย็นเต็มไปด้วยไอสังหาร คำว่าประหารเจ็ดชั่วโคตรยังกล้ากล่าวออกมา! หากปล่อยให้คนสันดานต่ำช้ายิ่งกว่าสุนัขเช่นนี้อยู่ในตระกูลไป๋ สักวันคงต้องนำความพินาศมาสู่ตระกูลไป๋แน่นอน
“เจ้าปล่อยลูกชายข้าเดี๋ยวนี้!” หญิงกลางคนฉีกม่านจนขาด กระโดดลงจากรถม้าอย่างพร้อมลุย ตบตีไปที่เฉินชิ่งเซิงอย่างแรง “เจ้าคนต่ำช้า! ลูกชายของข้าเป็นถึงคุณชายผู้สูงศักดิ์แห่งจวนเจิ้นกั๋วกง! หากเจ้ากล้าทำร้ายเขา ท่านกั๋วกงกลับมาต้องฆ่าล้างตระกูลเจ้าแน่!”
ไม่ว่าอย่างไรหญิงกลางคนผู้นี้ก็เป็นภรรยาของท่านชายรองแห่งตระกูลไป๋ เฉินชิ่งเซิงไม่กล้าลงมือกับนางหากไม่ได้รับคำสั่ง ใบหน้าของชายหนุ่มโดนเล็บของนางข่วนจนเป็นรอย เขาทำได้เพียงแค่หลบเท่านั้น
ไป๋ชิงเหยียนก้าวออกจากธรณีประตู มือกำเตาอุ่นมือแน่น ไฟลุกท่วมในใจจนยากจะดับลง แม่ลูกคู่นี้…ช่างโง่เขลาและอำมหิตเกินไปแล้ว
หญิงสาวหลับตาลง ข่มไอสังหารที่พลุ่งพล่าน เอ่ยสั่ง “เฉินชิ่งเซิง ปล่อยนาง! รีบให้คนพาคนบังคับรถม้าและคนชราไปส่งโรงหมอที่ฝั่งตรงข้ามก่อน!”
“ขอรับ คุณหนูใหญ่!” เฉินชิ่งเซิงรับคำ สั่งให้องครักษ์ตระกูลไป๋พาคนไปส่งโรงหมอซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
คนบังคับรถม้าที่ถูกพยุงให้ลุกขึ้นรีบโค้งกายคำนับขอบคุณไป๋ชิงเหยียน “ขอบพระคุณ คุณหนูใหญ่ขอรับ! ขอบพระคุณขอรับ!”
“ฝากไว้ก่อนเถิด! ข้าจะลากเจ้าไปส่งทางการแน่!” หญิงกลางคนถลึงตามองเฉินชิ่งเซิง จากนั้นรีบเข้าไปพยุงบุตรชายของตนเอง เอ่ยถามทั้งน้ำตา “เสวียนเอ๋อร์ เจ้าคนชั้นต่ำนั่นทำเจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่!”
ไป๋ชิงเหยียนเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูหอหม่านเจียง บรรดาแขกและเด็กรับใช้ซึ่งห้อมล้อมดูเรื่องสนุกอยู่ที่หน้าประตูรีบหลีกทางให้ทันที
เมื่อไป๋ชิงเสวียนที่กุมคอเตรียมตะโกนร้องว่าเจ็บมองเห็นไป๋ชิงเหยียนก็นิ่งงันไปทันที…แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง สายต่อส่อแววหื่นกระหายอย่างน่าขนลุก เขาผลักหญิงกลางคนออกแล้วเดินยิ้มแย้มจนตาหยีเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน “แม่นางผู้งดงาม…”
“บังอาจนัก!” ได้ยินวาจาน่าขยะแขยงเช่นนี้ ชุนเถาโมโหจนแทบกระอัก
เฉินชิ่งเซิงกลัวว่าคนหยาบช้านั่นจะทำร้ายชุนเถา จึงรีบเข้าไปยืนขวางหน้าไป๋ชิงเหยียนและชุนเถา กันไม่ให้ไป๋ชิงเสวียนเข้าใกล้
ไป๋ชิงเสวียนกวาดสายตามองดูเฉินชิ่งเซิงแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันกลับไปจ้องใบหน้าเย็นชาราวกับหิมะของไป๋ชิงเหยียน กวาดสายตามองดูเรือนร่างของหญิงสาวประหนึ่งสินค้าชั้นเลิศ ดวงตาส่อแววตื่นเต้น กระหายอยากเข้าไปใกล้เพื่อสำรวจดูความงดงามของไป๋ชิงเหยียนอย่างละเอียด
แววตาของเฉินชิ่งเซิงเคร่งขรึมขึ้นทันที เตรียมจะซัดไป๋ชิงเสวียนให้หมอบก็ได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้นเสียก่อน “เฉินชิ่งเซิง เจ้าไปดูคนบังคับรถม้ากับแม่เฒ่าผู้นั้นที่โรงหมอฝั่งตรงข้ามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เด็กคนนั้นได้รับบาดเจ็บหรือไม่”
เฉินชิ่งเซิงกัดฟันกรอดพลางรับคำ หลีกทางตามคำสั่ง
“แบบนี้ถึงจะถูก! แม่นางคนงามช่างรู้ความเสียจริง เจิ้นกั๋วกงท่านปู่ของข้า…แม้แต่ฮ่องเต้ยังไม่กล้าขัดใจท่านเลย!” ไป๋ชิงเสวียนเข้าใจว่าแม่นางหน้าตางดงามผู้นี้เกรงกลัวบารมีของจวนเจิ้นกั๋วกงก็ยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่
ดวงตาของหญิงสาวหรี่แคบลง หากไม่ใช่เพราะนางกำเตาอุ่นมือในมือแน่น บัดนี้คงทนไม่ไหวจนชักดาบออกมาฟันคนตรงหน้าเป็นแน่
ไป๋ชิงเสวียนก้าวไปด้านหน้า อยู่ห่างจากหญิงสาวไม่เกินสามก้าว เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง ไป๋ชิงเสวียนจึงกล่าวขึ้นยิ้มๆ “เจ้าเป็นลูกสาวบ้านใดกัน เมื่อท่านปู่ของข้ามีชัยกลับมา ข้าจะให้ท่านปู่ไปสู่ขอเจ้าที่บ้าน! ข้าไม่เคยเจอหญิงสาวที่งดงามเช่นเจ้ามาก่อนเลย หากทำเป็นเหม่ยเหรินหู[1]…จะต้องเป็นเหม่ยเหรินหูที่งามที่สุดในใต้หล้าแน่นอน!”
เมื่อเอ่ยถึงเหม่ยเหรินหู เลือดร้อนที่พลุ่งพล่านด้วยความโกรธของไป๋ชิงเหยียนกลับเยือกเย็นเป็นน้ำแข็งในทันที กระทั่งแววตาก็เย็นเฉียบราวอาบไปด้วยยาพิษ
นางแทบทนไม่ไหวอยากลงมือฉีกกระชากร่างของสัตว์เดรัจฉานผู้นี้ออกเป็นชิ้นๆ แต่ตอนนี้นางเป็นเพียงคนไร้ค่าที่ไร้ซึ่งวิทยายุทธ์ ทำอันใดไม่ได้สักอย่าง หญิงสาวกัดฟันกรอดกำเตาอุ่นมือในมือแน่นขึ้นอีก
เซียวหรงเหยี่ยนยืนเอามือไขว้หลังมองเหตุการณ์นี้อยู่ตรงระเบียงชั้นสองของหอเยี่ยนเชวี่ย เมื่อได้ยินวาจาเช่นนั้น ดวงตาดำขลับของเขานิ่งลึกราวกับน้ำหมึก
“สหายเซียว นั่นคือบุตรสาวคนโตของจวนเจิ้นกั๋วกงใช่หรือไม่!” หลู่หยวนเผิงกระตุกแขนเสื้อของเซียวหรงเหยี่ยนอย่างร้อนรน
เซียวหรงเหยี่ยนไม่ตอบ เขาหยิบเมล็ดถั่วจากจานที่หลู่หยวนเผิงถืออยู่ขึ้นมาหนึ่งเมล็ด…
พลั่ก!
ไม่รู้ว่าเข่าของไป๋ชิงเสวียนโดนสิ่งใดเขวี้ยงมากระแทก ชายหนุ่มทรุดลงคุกเข่าตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน
หลูผิงที่แฝงกายรอคำสั่งจากไป๋ชิงเหยียนอยู่ในกลุ่มคน นึกว่าไป๋ชิงเสวียนจะลงมือทำร้ายไป๋ชิงเหยียนจึงรีบไปขวางหน้าหญิงสาวไว้ทันที ยกเท้าถีบไปที่แผ่นอกของไป๋ชิงเสวียนจนเขากลิ้งตกบันไดลงไป
“จับเอาไว้!”
สิ้นเสียงสั่งของไป๋ชิงเหยียน องครักษ์ที่หลูผิงพามาก็รีบจับไป๋ชิงเสวียนให้คุกเข่าลงบนพื้น ไม่ให้เขาขยับเขยื้อนไปไหนได้อีก
“พวกเจ้าปล่อยลูกชายข้า! ปล่อยลูกชายข้า!” หญิงกลางคนพุ่งเข้าไปตบตีเหล่าองครักษ์ตระกูลไป๋ ชี้ไปที่ไป๋ชิงเหยียนพลางด่าทอ “เจ้าเป็นคนต่ำช้าจากตระกูลใดกันถึงโอหังกล้าสั่งให้คนลงมือทำร้ายคุณชายแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงเช่นนี้! เจ้าไม่กลัวตายทั้งตระกูลหรืออย่างไร!”
ไป๋ชิงเหยียนกัดฟันแน่น คนชั่วช้าอำมหิตไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเช่นนี้ หากไม่เหยียบย่ำพวกเขาเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตระกูลไป๋พวกนางคงเกิดมาเสียชาติเกิด
“เจ้าบังอาจนัก!” ชุนเถาโมโหจนหน้าเขียว “บุตรสาวคนโตแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นคนที่เจ้าจะกล่าวดูถูกได้หรืออย่างไรกัน!”
เมื่อหญิงกลางคนได้ยินว่าหญิงสาวตรงหน้าคือบุตรสาวคนโตของจวนเจิ้นกั๋วกงก็หวาดกลัวจนเซถลาไปด้านหลังเล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะจับรถม้าเอาไว้นางคงล้มพับไปกองบนพื้นแน่
ตั้งแต่ที่ไป๋ชิงเหยียนอาละวาดอยู่หน้าจวนจงหย่งโหวเมื่อครั้งที่แล้ว ชื่อเสียงของบุตรสาวคนโตแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงไม่เพียงแพร่ไปทั่วเมืองหลวง…แม้แต่ชนบทก็แพร่สะพัดไปทั่ว ว่ากันว่าบุตรสาวคนโตผู้นี้ถูกเลี้ยงมาโดยท่านกั๋วกงและองค์หญิงใหญ่ตั้งแต่เด็ก เป็นหลานสุดที่รักของท่านกั๋วกงและองค์หญิงใหญ่ สมเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลไป๋ ช่างโดดเด่นไม่เหมือนผู้ใดจริงๆ
“ตอนนั้นท่านอารองออกไปร่ำเรียนวิชา ได้แม่ของเจ้าช่วยชีวิตเอาไว้! ท่านย่าส่งคนไปตามหาพวกเจ้าสองแม่ลูกจนทั่วแต่ก็หาไม่พบ ตอนนี้ที่รับเจ้าสองคนเข้าจวนเจิ้นกั๋วกงล้วนเป็นเพราะความเมตตาของท่านย่า! ผู้ใดมอบความกล้าแก่พวกเจ้าจนถึงขนาดอวดอ้างบารมีของจวนเจิ้นกั๋วกงทำสิ่งชั่วช้าเช่นนี้กัน!”
ไป๋ชิงเสวียนไม่พอใจแต่ก็ต้องยอมอ่อนข้อให้ไป๋ชิงเหยียน เขากัดฟันกรอด “ก็แค่ชาวบ้านชั้นต่ำคนหนึ่ง ไม่ได้ตีให้ตายเสียหน่อย เหตุใดพี่หญิงใหญ่ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วยขอรับ!”
ได้ยินคำว่า ชาวบ้านชั้นต่ำ อีกครั้ง ไป๋ชิงเหยียนคิ้วกระตุก ในใจเดือดพล่าน ทนไม่ไหวเดินตรงเข้าไป ยกเท้าขึ้นถีบไป๋ชิงเสวียนจนกลิ้งไปกองกับพื้น องครักษ์จวนเจิ้นกั๋วกงรีบเข้าไปจับไป๋ชิงเสวียนให้คุกเข่าอยู่บนพื้นตามเดิม
“ชาวบ้านชั้นต่ำ?!” หญิงสาวเดือดดาล แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง วาจาเคียดแค้น “ชาวบ้านชั้นต่ำที่เจ้ากล่าวถึงคือเหตุผลที่คนทุกรุ่นในตระกูลไป๋สละชีวิตออกไปรบเพื่อปกป้องไว้! ชาวบ้านแคว้นต้าจิ้นจ่ายภาษีสนับสนุนพวกเรา ตระกูลไป๋ของข้ายังกลัวว่าจะชดใช้ให้ชาวบ้านได้ไม่หมด ท่านปู่อายุมากถึงเพียงนี้ยังพาบุรุษทั้งหมดของตระกูลไป๋ไปออกรบ…เด็กที่สุดเพิ่งอายุแค่สิบปีเท่านั้น! ตระกูลไป๋ของข้าเห็นชาวบ้านทุกคนในแคว้นต้าจิ้นเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ในสายตาเด็กที่เหิมเกริมอย่างเจ้าแล้ว พวกเขากลับกลายเป็นเพียงชาวบ้านชั้นต่ำอย่างนั้นหรือ!”
[1] เหม่ยเหรินหู การจับสาวงามแต่งหน้าแต่งตัวให้งามราวกับหญิงในหอนางโลมแล้วนำไปใส่ไว้ในโอ่งหรือภาชนะอื่นๆ เพื่อให้คนได้เชยชม