ร้อยรักปักดวงใจ - ตอนที่ 138 เรื่องไม่คาดคิด(ปลาย)
“หู่พั่ว เจ้าก็รู้ว่า เจ้าเป็นคนที่ทำงานแล้วข้าวางใจมากที่สุด” สืออีเหนียงจับมือของหู่พั่ว“ แต่ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ เลยว่าเจ้าจะทำเรื่องเลอะเทอะเช่นนี้” น้ำเสียงของนางค่อยๆ สงบลง ทำให้หัวใจที่หวาดกลัวของหู่พั่วสงบลงเช่นกัน
“คุณหนู บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ” สายฟ้าฟาดเมื่อครู่ กับน้ำค้างในตอนนี้ ทั้งสองอย่างทำให้ความรู้สึกยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น นางยินดีที่จะใช้ทุกอย่างมาแลกกับความสงบสุขในตอนนี้
“เช่นนั้นเจ้าบอกมาสิว่าเหตุใดข้าถึงต้องโมโห”
เมื่อหู่พั่วได้ฟังก็ประหลาดใจ เงียบไปพักใหญ่ สืออีเหนียงรู้ว่านางถูกทำให้ตกใจอย่างกะทันหันจึงได้ขวัญเสียไปชั่วขณะ รู้เพียงแต่ว่าต้องยอมรับผิด สืออีเหนียงจ้องมองนางอย่างจริงจัง “เป็นเพราะว่าเจ้าตัดสินใจทำเองโดยพลการ”
หู่พั่วเป็นคนฉลาดจึงเข้าใจในทันที
ตั้งแต่ที่ใช้เสื้อผ้าและเครื่องประดับมาทดสอบสือเหนียง สืออีเหนียงก็เชื่อใจนางมากขึ้น นางทำงานแต่ละอย่างก็ยิ่งราบรื่นขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ยิ่งทำเกินหน้าที่ขึ้นเรื่อยๆ…เหมือนครานี้ นางคิดว่าสืออีเหนียงจะมีความสุขมากที่ได้เห็นเฉียวอี๋เหนียงที่ยังเยาว์วัยหน้าตาสะสวยถูกกดขี่ ดังนั้นจึงได้กำชับสาวใช้เวรยามให้ตอบคำถามซิ่วหยวนอย่างคลุมเครือ ให้ซิ่งหยวนคิดว่าท่านโหวกำลังจะกลับมาแล้ว จึงได้มาแอบสอดส่องอยู่ที่หน้าประตูใหญ่
ผลลัพธ์เช่นนี้ไม่แน่ว่าสืออีเหนียงอาจจะชอบ
แต่ก็ไม่ควรตัดสินใจด้วยตัวเอง
ไม่ว่าอย่างไรตัวเองก็เป็นเพียงสาวใช้ข้างกายสืออีเหนียงเท่านั้น!
นางลืมสถานะของตัวเองไปเสียแล้ว!
“ฮูหยิน…” ใบหน้าของนางแดงระเรื่อ
รู้ก็ดีแล้ว!
สืออีเหนียงแอบพยักหน้า
ยังมีความลำบากอีกมากมายที่นางต้องเผชิญ ดังนั้นต้องรักษากำลังคนให้แข็งแกร่ง
“หู่พั่ว เจ้ารู้จักเสี่ยวหลานที่อยู่เรือนคุณชายห้าหรือไม่”
หู่พั่วตกตะลึง
นางไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ สืออีเหนียงจึงได้ถามถึงเสี่ยวหลาน
“รู้จักเจ้าค่ะ นางเป็นสาวใช้ที่เข้ามาพร้อมกับฮูหยินห้าตอนแต่งงาน ต่อมาฮูหยินห้าตั้งครรภ์จึงได้รับนางมาเป็นสาวใช้ห้องข้าง หน้าตาสะสวยและมีไหวพริบ เป็นที่ชื่นชอบของคุณชายห้าและฮูหยินห้าเจ้าค่ะ”
สืออีเหนียงบอกเรื่องที่นางตั้งครรภ์ให้หู่พั่วฟัง
หู่พั่วเบิกตาโต “ทำไมนาง…ฮูหยินห้าก็กำลังตั้งครรภ์มิใช่หรือ นี่ นี่มัน…ดูจากท่าทางแล้วนางก็เป็นคนฉลาด เหตุใดถึงได้…” นางเข้าไปจับมือสืออีเหนียง “เช่นนั้นไท่ฮูหยินว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อความสงบสุขของสกุลหรือเพื่อศักดิ์ศรีของภรรยาเอก สถานการณ์เช่นนี้ปกติแล้วต้องรอให้บุตรของภรรยาเอกอายุสี่ถึงห้าปีก่อนจึงจะให้สาวใช้ห้องข้างหรืออนุภรรยาให้กำเนิดได้ ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามปกติ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ บางจวนก็ให้ทำแท้ง บางจวนก็จัดการกับสาวใช้ห้องข้างหรืออนุภรรยาโดยตรง แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะปล่อยให้คลอดออกมา ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้อาวุโสในจวน
สืออีเหนียงไม่ได้ตอบในสิ่งที่ถาม “เจ้าดูสิ ข้าไม่รู้ว่ามีเสี่ยวหลานผู้นี้ในจวน ส่วนเจ้าก็ไม่รู้ความคิดของไท่ฮูหยินกับท่านโหว หากไท่ฮูหยินถามข้าว่าจะทำอย่างไรกับเสี่ยวหลาน ข้าก็คงคิดว่านางเป็นเพียงแค่สาวใช้ห้องข้างเท่านั้น ย่อมต้องจัดการไปตามกฎ อีกอย่างเจ้าเองก็ไม่รู้ความคิดของไท่ฮูหยินและท่านโหว หากเสี่ยวหลานมาหาเจ้าเพื่อขอคำปรึกษา เจ้าก็คงจะคิดว่าเรื่องนี้เกรงว่าจะไม่จบอย่างสวยงามจึงให้นางแอบไปทำแท้ง เจ้าว่าเราจะต้องเผชิญกับผลที่ตามมาอย่างไร”
“แต่ฮูหยินไม่ได้เป็นคนวู่วามเช่นนั้น ข้ากับเสี่ยวหลานเองก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันมิตรเช่นนั้น…” จู่ๆ ก็หยุดพูดไปกลางคัน หู่พั่วมองสืออีเหนียงแววตาเป็นประกาย ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
สืออีเหนียงถอนหายใจยาว “หู่พั่ว เจ้ารู้ความเคลื่อนไหวของสาวใช้และหญิงรับใช้สูงวัยเหล่านั้น ส่วนข้าก็รู้ความคิดของไท่ฮูหยินและท่านโหว เจ้าว่าหากไม่ว่าเราจะทำสิ่งใดก็ปรึกษากันก่อนเสมอ แล้วผู้ใดในเรือนนี้จะสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ดีไปกว่าพวกเราอีกเล่า หู่พั่ว เจ้าอย่าลืมว่าพวกเราเดินแต่ละก้าวจนมาถึงวันนี้ได้อย่างไร”
“ฮูหยิน บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” นางเหงื่อแตกพลั่ก “ต่อไปนี้เมื่อเกิดเรื่องบ่าวจะสงบสติอารมณ์และปรึกษากับท่านก่อน”
สืออีเหนียงพยักหน้า ยิ้มแล้วพูดว่า “ต่อไปนี้หากข้ามีเรื่องอันใดก็จะสงบสติอารมณ์ไว้แล้วมาปรึกษากับเจ้าก่อนเช่นกัน”
“ไม่ ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นนะเจ้าคะ” ใบหน้าหู่พั่วแฝงไปด้วยความรู้สึกผิด “บ่าวจะไปฉลาดเท่าฮูหยินได้อย่างไรเจ้าคะ”
“ขนาดบุรุษอกสามศอกที่แข็งแกร่งและกล้าหาญก็ยังต้องการใครสักคนที่จะช่วยให้เขาทำสิ่งต่างๆ ได้สำเร็จ” สืออีเหนียงยิ้มแล้วพูดเรื่องที่ตอนนั้นนางลองใจสือเหนียงอย่างไรบ้าง แล้วก็ตอนที่นางแอบเสี่ยงเข้าไปสืบข่าวกับคนขับรถม้า อีกทั้งเรื่องที่นางไปมาหาสู่กับป้าเซี่ยง “…เจ้าว่าหากตอนนั้นไม่มีเจ้า ข้าจะทำอย่างไร”ทำเอาหู่พั่วหน้าแดงไปหมด พูดอย่างเขินอายว่า “นั่นเป็นเพราะฮูหยินเป็นคนใจกว้าง เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็จดจำไว้ในใจอยู่เสมอ”
ทั้งสองคนพูดคุยสนทนากัน แม้ว่าบรรยากาศจะค่อยๆ กลับคืนสู่ความอบอุ่น แต่หู่พั่วเห็นว่าในแววตาของสืออีเหนียงกลับจริงจังขึ้นเล็กน้อย
มีสาวใช้น้อยเข้ามารายงาน “ฮูหยิน ท่านโหวให้คนมาบอกว่าคืนนี้ไม่กลับมาแล้วจะพักอยู่ที่เรือนไท่ฮูหยิน ให้ท่านเข้านอนได้เลย ไม่ต้องให้คนมารอที่ประตูแล้วเจ้าค่ะ”
สืออีเหนียงประหลาดใจ
สบตากับหู่พั่ว
จากนั้นจู่ๆ นางก็นึกถึงปัญหาใหญ่ขึ้นมา พรุ่งนี้เช้าตัวเองจะต้องไปปรนนิบัติสวีลิ่งอี๋ทานอาหารเช้าหรือไม่…
******
ฮูหยินห้าเอนกายพิงหมอนสีแดงด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย
“ตานหยาง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่” คุณชายห้าถามด้วยความกังวล
“แค่เหนื่อยนิดหน่อย” ฮูหยินห้ามองคุณชายห้าด้วยท่าทางออดอ้อน “ข้างนอกลมแรงมาก ข้ากลัวว่าจะเป็นหวัด เมื่อครู่จึงเดินเร็วไปหน่อย”
“เช่นนั้นหรือ” คุณชายห้ารีบถามอย่างเป็นห่วง “เช่นนั้นตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรือยัง”
ฮูหยินห้าพยักหน้า “กลับมานอนเช่นนี้ สบายตัวขึ้นมากแล้ว”
“เช่นนั้นข้าจะนวดขาให้เจ้า” คุณชายห้าพูดพลางหยิบค้อนเหม่ยเหรินที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา
ฮูหยินห้าลุกขึ้นนั่งแล้วคว้าค้อนเหม่ยเหรินมา “จะให้ท่านนวดขาให้ข้าได้อย่างไร”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” คุณชายห้าพูดต่ออีกว่า “ตอนนี้เจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่มิใช่หรือ” ทันทีที่พูดจบใบหน้าของเขาก็แฝงไปด้วยความรู้สึกผิด
“ท่านพี่อย่าทำเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ” ฮูหยินห้าพูดเกลี่ยกล่อมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล นางลุกขึ้นแล้วกอดแขนของสามีไว้แน่น “จะว่าไปแล้วเป็นเพราะข้าไม่ดีเอง ไม่ได้ช่วยท่านจัดการเรื่องในเรือนให้เรียบร้อยจึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ ทำให้ท่านต้องเสียหน้าต่อหน้าท่านแม่และท่านโหว…”
“ตานหยาง” คุณชายห้ากอดภรรยาไว้ในอ้อมแขนอยางแนบแน่น “เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว…เจ้าพูดเช่นนี้ในใจข้ารู้สึกไม่ดีเลย เป็นข้าเองที่ทำผิดต่อเจ้า” พูดพลางปล่อยมือออกจากฮูหยินห้า สายตาจับจ้องไปที่ภรรยา“ตานหยาง เจ้าเชื่อข้าสิ ข้าไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นจริงๆ…” สีหน้าร้อนรนเป็นอย่างมาก
“ข้ารู้ว่าท่านพี่ไม่ใช่คนเช่นนั้น” ฮูหยินห้ายิ้มพลางมองสามี “มิเช่นนั้นวันนี้ข้าก็คงไม่ไปพบท่านแม่และท่านโหวด้วยกันกับท่าน”
ก็จริง
หากไม่ใช่เพราะตานหยางอยู่ในเหตุการณ์ ก็ไม่รู้ว่าพี่สี่จะจัดการกับตัวเองอย่างไร…
เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาก็อดตัวสั่นไม่ได้
ตานหยางผลักเขาเบาๆ “ท่านพี่ ในที่สุดเรื่องนี้ก็แก้ไขได้แล้ว ท่านไปล้างหน้าล้างตาแล้วพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้เช้ายังต้องไปทำงานอีก”
“เช่นนั้นเจ้าก็พักผ่อนก่อนเถิด” คุณชายห้าพยักหน้าแล้วไปที่ห้องชำระ
ป้าสือที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบพูดด้วยความเป็นห่วงว่า “ฮูหยินห้า ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าไม่เป็นอะไร” ฮูหยินห้าเอนตัวพิงหมอนอย่างเกียจคร้าน “เมื่อครู่ตอนที่ดึงท่านโหวไว้ ถูกลากไปหลายก้าว” แล้วพูดอย่างครุ่นคิดว่า “ดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่าคนอ่อนโยนอย่างท่านโหวจะโมโหร้ายได้ขนาดนี้ หากไม่ใช่เพราะข้าอยู่ข้างๆ หากขาข้างนั้นของท่านโหวถีบลงไป คุณชายห้าคงไม่เพียงต้องนอนนิ่งไปครึ่งเดือน เกรงว่าแม้แต่แรงจะลุกขึ้นก็คงไม่มี”
ป้าสือได้ฟังดังนั้นก็รีบส่งสายตาให้สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ เป็นสัญญาณให้พวกนางถอยออกไป จากนั้นก็หยิบจานกระเบื้องเคลือบสีขาวที่มีแอปเปิ้ลวางอยู่ยื่นให้ฮูหยินห้า“ ท่านโหวเป็นชายชาติทหารก็เลยมือหนักเจ้าค่ะ” แล้วเอ่ยถามฮูหยินห้าเสียงเบาว่า “เช่นนั้นไท่ฮูหยินกับท่านโหวมีความคิดเห็นอย่างไรเจ้าคะ”
“เรื่องแบบนี้ท่านโหวจะเข้ามายุ่งได้อย่างไร” ฮูหยินห้าเอาแอปเปิ้ลใส่ปาก “ไท่ฮูหยินให้ส่งคนกลับไปบ้านเกิดที่เหอหนาน ข้ากลัวว่านางจะคิดไปเองว่าหากทำแท้งแล้วพวกเราจะให้นางอยู่ต่อ” ท่าทางใจเย็นเป็นอย่างมาก
เมื่อป้าสือได้ฟังก็อดกังวลไม่ได้ “แต่ว่าเด็กคนนี้…”
“จะกลัวสิ่งใดเล่า” ฮูหยินห้ารู้สึกว่าวันนี้แอปเปิ้ลหวานและกรอบจึงเอาใส่ปากอีกหนึ่งชิ้น “หากให้นางคลอดบุตรออกมา อย่างน้อยก็อาจจะได้บุตรชาย เป็นตัวอย่างให้พวกที่ใจจดใจจ่ออยากจะขึ้นเตียงนายท่าน ดูว่าหากตั้งครรภ์แล้วจะได้อยู่อย่างสุขสบาย ถูกแต่งตั้งให้เป็นอี๋เหนียงหรือไม่” เมื่อพูดถึงตรงนี้นางก็ร้องออกมาเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ สีหน้าดูเสียดาย “เหตุใดข้าจึงคิดไม่ถึงนะ เมื่อครู่ตอนที่อยู่ที่เรือนไท่ฮูหยินข้าควรจะขอร้องให้นางเพื่อให้นางได้ขึ้นเป็นอี๋เหนียง…” คิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่างเถิด รอจนคลอดลูกแล้วค่อยแต่งตั้งก็ยังไม่สาย”
เมื่อป้าสือได้ฟังก็ทั้งโกรธทั้งรู้สึกขัน จึงพูดขึ้นมาว่า “ท่านคิดว่ากำลังเล่นพ่อแม่ลูกกันอยู่หรือเจ้าคะ ยังจะบอกให้คลอดบุตรชายอีก หากเป็นบุตรชายขึ้นมาจริงๆ เช่นนั้นก็จะได้เป็นบุตรชายคนโต มีชายใดบ้างไม่รักบุตรชายคนโต ท่านดูสิ ท่านโหวดีกับคุณชายน้อยสองมากขนาดไหน”
“นั้นมันไม่เหมือนกัน” ฮูหยินห้าไม่คิดเช่นนั้น “ตอนนั้นเรือนสี่มีท่านโหวคนเดียวที่เป็นผู้ชาย ซ้ำหมอยังบอกอีกว่าหยวนเหนียงให้กำเนิดบุตรไม่ได้ หรือพูดง่ายๆ ว่าหากต่อมามีบุตรชาย หากไม่ใช่สาวใช้ห้องข้างเป็นคนคลอดแล้วเลี้ยงในนามของหยวนเหนียงก็เป็นอนุเป็นคนคลอดแล้วเลี้ยงในนามของหยวนเหนียง พูดง่ายๆ ก็คือไม่ได้แตกต่างกันเลย แต่เจ้าดูจุนเกอสิ ท่านโหวรู้ทั้งรู้ว่าหยวนเหนียงเอ็นดูบุตรชายมาก เลี้ยงดูเขาเหมือนเป็นคุณหนู ท่านโหวก็ยังหลับตาข้างเดียว สุดท้ายก็ยังแต่งบุตรสาวอนุที่อายุมากกว่าบุตรสาวตัวเองไม่กี่ปีมาเป็นภรรยาตัวแทน หากคิดดีๆ แล้วก็คงจะกลัวว่าคนอื่นจะเลี้ยงดูจุนเกอได้ไม่ดี ยอมเลี้ยงอย่างตามใจแต่ก็ไม่กล้าเลี้ยงอย่างเข้มงวด” นางพูดไปยิ้มไป “หวังว่าสืออีเหนียงจะคลอดบุตรเร็วๆ นี้ หากจะให้ดีที่สุดก็ควรจะเป็นบุตรชายและต้องสุขภาพแข็งแรง เมื่อถึงตอนนั้นเขาก็มีเรื่องให้ปวดหัวแล้ว”
“ท่านนี่จริงๆ เลย ไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่นเลย”
“เรื่องของคนอื่น ดูนิดดูหน่อยจะเป็นอะไรไป”
เมื่อป้าสือได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็นึกถึงเสี่ยวหลานขึ้นมา “…เช่นนั้นท่านว่าจะจัดการกับนางอย่างไรเจ้าคะ”
“ส่งนางกลับไปที่ที่เราเคยอยู่ เพิ่มท่านป้าให้นางสองคน สาวใช้สี่คน สาวใช้แรงงานอีกสองคน” ฮูหยินห้ายิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วพูดว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้นางอยู่อย่างสงบสุข คลอดบุตรได้อย่างราบรื่น ทางที่ดีควรจะมีผิวขาวและอวบอ้วนคอยเล่นซุกชนอยู่กับคุณชายห้าในทุกๆ วัน ให้คุณชายห้าไม่ลืมว่าได้เด็กคนนี้มาได้อย่างไร และเกิดมาได้อย่างไร ส่วนเสี่ยวเหมย…” นางเอ่ยถึงสาวใช้ห้องข้างอีกคนหนึ่ง “นางกับเสี่ยวหลานอยู่ห้องเดียวกัน แต่กลับไม่รู้ว่าเสี่ยวหลานเลิกดื่มน้ำแกงคุมกำเนิดตั้งแต่เมื่อใด ดูแล้วนางก็คงเป็นคนซื่อสัตย์ที่เจ้าเล่ห์” น้ำเสียงของฮูหยินห้าแฝงไปด้วยความเสียดสี “เช่นนั้นก็ส่งนางไปรับใช้เสี่ยวหลานเถิด” ฮูหยินห้าพูดพลางหัวเราะไปด้วย “แต่ต้องกำชับกับเสี่ยวเหมยให้ชัดเจนว่าเสี่ยวหลานไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว เมื่อนางคลอดบุตรออกมาก็จะกลายเป็นอนุคนแรกของเรือนเรา ให้นางปรนนิบัติอย่างระมัดระวัง ถ้าหากเสี่ยวหลานไม่พอใจนาง ทำให้คุณชายห้าของพวกเราต้องโมโห เช่นนั้นข้าคงต้องส่งให้พ่อค้าทาสเป็นคนจัดการ”
“รับทราบเจ้าค่ะ” ป้าสือตอบรับด้วยรอยยิ้ม
เป็นสาวใช้ห้องข้างด้วยกัน ช่วยกันปิดบังเรื่องแอบหยุดยาคุมกำเนิด ตอนนี้มีหนึ่งคนตั้งครรภ์ กำลังจะถูกแต่งตั้งให้เป็นอี๋เหนียงแล้ว อีกคนหนึ่งกลับต้องเป็นสาวใช้ชั้นต่ำ ในใจยากที่จะรับได้ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องทำเรื่องที่คาดไม่ถึงอย่างแน่นอน
เมื่อฮูหยินห้าเห็นว่าป้าสือรับปากอย่างยินดี จึงรีบพูดขึ้นมาว่า “เจ้าอย่าได้เข้าใจผิด ข้าแค่อยากจะให้สุนัขสองตัวกัดกัน กัดจนคุณชายห้ามองแล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์ ไม่ได้จะก่อเรื่องอันใดเสียหน่อย”
“ท่านวางใจได้ บ่าวจะส่งคนไปคอยดูไว้ ไม่มีทางเกิดเรื่องอันใดขึ้นแน่นอนเจ้าค่ะ” ป้าสือยิ้มแล้วพูดต่อว่า “ในเมื่อท่านเป็นคนฉลาด ต่อหน้าไท่ฮูหยินแล้วก็ไม่ควรเสียการใหญ่เพียงเพราะเรื่องเล็กๆ อย่างไรก็ต้องให้เด็กคลอดออกมาอย่างปลอดภัย”
ฮูหยินห้าพยักหน้าอย่างวางใจแล้วพูดว่า “คืนนี้ให้เสี่ยวหลานมาเป็นคนปรนนิบัติคุณชายห้าเถิด”