รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1157 หลี่จิ่วเต้า ‘รักสามเศร้าที่น่าปวดหัว!’
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1157 หลี่จิ่วเต้า ‘รักสามเศร้าที่น่าปวดหัว!’
บทที่ 1157 หลี่จิ่วเต้า ‘รักสามเศร้าที่น่าปวดหัว!’
…………….
บทที่ 1157 หลี่จิ่วเต้า ‘รักสามเศร้าที่น่าปวดหัว!’
จวินอีหลับตาอีกครั้งด้วยความสิ้นหวัง หลี่จิ่วเต้าโจมตีสิ่งมีชีวิตที่ไล่ฆ่าเขาให้ถอยไปแล้ว ไม่เหลือสิ่งรบกวนอีกต่อไป สามารถสังหารเขาได้อย่างราบรื่น
“บาดเจ็บหนักเพียงนั้นเชียว?”
หลี่จิ่วเต้ากลับมาด้านข้างจวินอี เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นจวินอีหลับตาแน่น เข้าใจว่าอาการบาดเจ็บของจวินอีสาหัสเกินไปจนหมดสติ
“ไม่ต้องกลัวไป”
เขานำโอสถล้ำค่าออกมาใส่ใบไม้วางไว้ข้างปากจวินอี ทันใดนั้นเองใบไม้พลันส่งยาไหลเข้าปากอย่างสม่ำเสมอ
จวินอีตื่นตะลึงจนโง่งมทันที สัมผัสได้ถึงพลังอันไร้ที่สิ้นสุดหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย อาการบาดเจ็บสาหัสก่อนหน้านี้ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว!
เขาลืมตาขึ้นด้วยความไม่อยากเชื่อ มองไปทางหลี่จิ่วเต้าด้วยแววตาแปลกประหลาด
หลี่จิ่วเต้าไม่ได้สังหารเขาจริง ๆ!
เขาไม่เข้าใจสักนิด หลี่จิ่วเต้าใช้โอสถล้ำค่าเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้เขา!
“ฟื้นแล้วหรือ?”
หลี่จิ่วเต้าเห็นจวินอีลืมตาพลันเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“เหตุใดจึงช่วยข้า?”
จวินอีเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย
“ช่วยคนจำเป็นต้องมีเหตุผล?”
หลี่จิ่วเต้ายิ้ม “อยากช่วยจึงช่วย”
จวินอีสับสน ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าหลี่จิ่วเต้าต้องการทำสิ่งใด หมายใช้เขาเป็นเหยื่อตกสิ่งมีชีวิตอื่นหรือ?
‘ใช่! ต้องเป็นเช่นนั้น!’
เขาคิดกับตัวเอง นอกจากนี้แล้ว เขานึกเหตุผลอื่นไม่ออกจริง
ตายดีไม่สู้อยู่ลำเค็ญ เขาจะไม่ประกาศอย่างแข็งกร้าวว่ายอมตายไม่ยอมศิโรราบ เขายังไม่อยากตาย ไม่มีทางนำชีวิตออกมาใช้อวดโอ้
“คราวก่อนข้าเชิญเจ้าดื่มเพื่อขออภัย แต่เจ้าไม่ให้โอกาสแต่ข้า ฮ่า ๆ ครั้งนี้อย่าได้ปฏิเสธอีกเลย ให้โอกาสข้าได้ขออภัย”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยกับจวินอีด้วยรอยยิ้ม
ขออภัย? ขออภัยอันใด?
จวินอีสับสน ไม่รู้ว่าหลี่จิ่วเต้าเอ่ยถึงเรื่องใด แต่ก็ยังคงตอบรับ “ตกลง”
“ไปเถิด”
หลี่จิ่วเต้าพาจวินอีกลับไปหาพวกซี นำสุราและเนื้อชั้นดีออกมาต้อนรับ
จวินอีสับสนมากกว่าเดิม หลี่จิ่วเต้าต้องการทำสิ่งใด?
นี่คือต้องการซื้อใจอย่างนั้นหรือ?
เขามองออกว่าสุราและอาหารบนโต๊ะล้วนแล้วแต่ไม่ธรรมดา เปี่ยมด้วยพลังอันน่าอัศจรรย์ หลังจากกินดื่มของเหล่านี้แล้ว อาการบาดเจ็บของเขาจะต้องหายเป็นปลิดทิ้งอย่างแน่นอน!
อีกทั้งเขายังสัมผัสได้ลาง ๆ หลังกินดื่มเข้าไปเสร็จสิ้น เขาไม่หยุดเพียงฟื้นฟูตัวเองจากอากาศบาดเจ็บเท่านั้น ความแข็งแกร่งเองก็อาจได้รับความก้าวหน้าอย่างมาก!
เขาไม่เข้าใจจริง ๆ มีความจำเป็นอันใดให้หลี่จิ่วเต้าทำเช่นนี้?
ขณะเดียวกัน ภายในใจของเขายังตื่นตะลึงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ หลี่จิ่วเต้าก้าวขึ้นไปสูงเพียงใดแล้ว สุราและอาหารที่นำออกมากินดื่มอย่างง่ายดายนั้นทำให้เขาสัมผัสได้ว่าตนเองจะประสบความก้าวหน้าครั้งใหญ่!
นี่มันเกินความคาดหมายของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย!
นี่เพียงแค่ต้องการใช้เขาเป็นเหยื่อล่อสิ่งมีชีวิตอื่นจริงหรือ?
เขารู้สึกว่าความจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้น หลี่จิ่วเต้ามีแผนการลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น
“มาเถิด ไม่ต้องเอ่ยวาจามากมาย เพียงจดจ่อในสุรา”
หลี่จิ่วเต้ารินสุราให้ตนเองและจวินอีคนละจอก จากนั้นก็ยกคารวะจวินอี
จวินอีชนจอกกับหลี่จิ่วเต้าด้วยความสงสัยระแวงเต็มเปี่ยม ก่อนดื่มสุราลงไป
ชั่วขณะนั้นเอง ทั่วทั้งร่างของเขาประหนึ่งถูกไฟเผา เต็มไปด้วยพลังพลุ่งพล่าน อาการบาดเจ็บทั้งหมดหายเป็นปลิดทิ้งทันที
เขาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง รู้สึกไม่ยากจะเชื่อ ต้องรู้ไว้ว่าอาการบาดเจ็บของเขานั้นสาหัสร้ายแรงยิ่ง แก่นกำเนิดได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลงเหลือเพียงหนึ่งลมหายใจ ไม่เช่นนั้นแล้วก่อนหน้านี้เขาคงไม่อาจไร้กำลังกระทั่งลุกขึ้นยืน
ยามสุราหนึ่งจอกไหลลงท้อง อาการบาดเจ็บทั้งหมดของเขาก็หายสนิทเรียบร้อย กล่าวตามตรง แม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งเช่นเขายังถูกทำให้สั่นสะเทือนหวั่นไหวอย่างมาก
‘เขาไม่ได้ต้องการเรื่องธรรมดาอย่างใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อ!’
เขาคิดอย่างมั่นใจทันที
หลี่จิ่วเต้าน่าสะพรึงกลัวเกินไป เพียงหนึ่งจอกสุรารักษาอาการบาดเจ็บเขาเป็นปลิดทิ้ง ไม่จำเป็นอันใดต้องใช้เหยื่อล่อ เขามั่นใจว่าหลี่จิ่วเต้าสามารถกวาดล้างสิ่งมีชีวิตอื่นทั้งหมดได้!
‘ไม่ใช่ล่อเหยื่อ เช่นนั้นเขาวางแผนอันใดไว้!’
เขาอดเอ่ยในใจไม่ได้
ผู้แข็งแกร่งเช่นหลี่จิ่วเต้า ไม่จำเป็นต้องตกปลาสักนิด เพียงตรงไปก็กวาดล้างศัตรูทั้งหมดได้ ทว่าหลี่จิ่วเต้ากลับยังสร้างฉากลวงขึ้นมา ยามนั้นเหตุใดเขาจึงต้องสร้างฉากลวงว่าตนเองพ่ายแพ้ภายใต้เงื้อมมือของเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ด้วยกัน?
เขาไม่คิดว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอื่นที่ทรงพลังกว่าหลี่จิ่วเต้าแล้ว!
‘ประเดี๋ยวก่อน ไม่ใช่ว่าเขาต้องการต่อกรกับวิหารโบราณลึกลับกระมัง!’
หัวใจของเขาเต้นแรง ความคิดดังกล่าวปรากฏขึ้นมาในหัว เขารู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่หลี่จิ่วเต้ากำลังวางแผนต่อต้านวิหารโบราณลึกลับ!
หลังจากความคิดนี้ปรากฏขึ้น เขาก็ตื่นตระหนกตกใจขึ้นมาครั้งใหญ่ทันที
หากสิ่งที่เขาคิดเป็นความจริง หลี่จิ่วเต้าก็มีความกล้าหาญมากเกินไปแล้ว!
ความน่าสะพรึงกลัวของวิหารโบราณลึกลับไม่เป็นที่สงสัยแม้แต่น้อย หากไม่น่าสะพรึงกลัวเพียงพอ ไฉนวิหารโบราณลึกลับทำให้เหล่าผู้ที่เป็นประหนึ่งตัวเอกสะท้านฟ้าจำนวนมากมายเพียงนี้มาปล่อยเพื่อเลี้ยงกู่ได้?
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดจะต่อกรกับวิหารโบราณลึกลับ
หลังจากกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดแล้วอย่างไรต่อ ชีวิตยังคงอยู่ในกำมือวิหารโบราณลึกลับอยู่ดี ใครจะเต็มใจให้ผู้อื่นควบคุมกัน?
แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป
เขารู้สึว่าหากต่อต้านวิหารโบราณ จุดจบมีเพียงแค่ความตาย!
แม้ภายหลังเขาไม่เคยพบเห็นวิหารโบราณลึกลับอีก ทว่าภายในใจเขายังมีความรู้สึกเช่นนี้
จากมุมมองของเขา วิหารโบราณลึกลับน่าสะพรึงกลัวสุดขีด
“มา ลองชิมฝีมือข้าเถิด”
สุราหนึ่งจอกถูกดื่มเรียบร้อย หลี่จิ่วเต้าเชื้อเชิญให้จวินอีได้ลองเนื้อที่เขาตุ๋นเอาไว้ก่อนหน้านี้
“ตกลง”
จวินอีคีบเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าปากอย่างใจลอย
หลังจากเนื้อเข้าปาก ทั้งร่างของเขาพลันอดสั่นสะท้านไม่ได้ ความคิดอื่น ๆ เลือนหายไป เขาอ้าปากเคี้ยวเนื้อคำโต อร่อยเกินไปแล้ว ตอนนี้เขาคิดเพียงแค่ต้องการกินเนื้อ!
“อร่อยเกินไปแล้ว!”
เขาชื่นชมยกย่อง เพิ่งเคยได้กินเนื้ออร่อยเช่นนี้เป็นครั้งแรก ไม่อาจหยุดตัวเองได้ เริ่มคีบชิ้นแล้วชิ้นเล่า
ระหว่างนั้นเขาก็อดดื่มสุราลงไปอีกหลายจอกไม่ได้
“สุรานี่ไม่อาจดื่มเช่นนั้นได้!”
หลี่จิ่วเต้าเห็นจวินอีดื่มอึกแล้วอึกเล่าจึงรีบเอ่ยออกมา “ฤทธิ์สุราแรงนัก ดื่มเช่นนี้ทำให้เมาง่ายดายยิ่ง!”
“เมา? เป็นไปได้อย่างไร!”
จวินอีกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขามาถึงขั้นสิบแปดขอบเขตอัคร เป็นไปได้อย่างไรที่จะดื่มสุราจนเมามาย อย่าได้เอ่ยเรื่องขบขันเลย!
ทว่าเพียงพริบตาต่อมา มีเสียงปังดังขึ้น ร่างของเขาฟุบลงบนโต๊ะด้วยความเมามาย
นี่ไม่ใช่สุราธรรมดา แต่เป็นสุราล้ำค่าที่หลี่จิ่วเต้าหมักขึ้นจากสมุนไพรล้ำค่าหลายชนิด เขานำออกมาเพื่อต้อนรับจวินอีโดยเฉพาะ
“เป็นความผิดของข้า!”
เขาถอนหายใจ ผิดที่เขาไม่เตือนจวินอีล่วงหน้า ทำให้จวินอีดื่มโดยไม่รู้ว่าสุราแรงมากเพียงใด
“เสี่ยวเหยียนจื่อ พยุงเขาเข้าห้องไปพักผ่อนเถิด”
เขาเรียกจั่วเหยียน ไม่มีทางปล่อยให้จวินอีฟุบบนโต๊ะเช่นนี้ได้
“รับทราบคุณชาย!”
จั่วเหยียนเดินเข้าไป เอื้อมมือเตรียมพยุงจวินอี ทว่ามือของเขายังไม่ทันแตะตัวจวินอีก็พลันถูกพลังที่มองไม่เห็นผลักออก!
เขาถูกโจมตีอย่างหนักจนกระเด็นใส่ยอดเขาไกลออกไป สภาพน่าเวทนาจนทนมองไม่ได้ ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด!
จวินอีแข็งแกร่งยิ่ง แม้เมาเรียบร้อย แต่ก็ไม่อาจแตะต้องโดยง่าย บนร่างมีพลังคอยปกป้องอยู่ไม่ให้จั่วเหยียนสัมผัสได้
“แข็งแกร่งนัก”
หลี่จิ่วเต้าประหลาดใจ ไม่คิดว่าจวินอีจะแข็งแกร่งเพียงนี้ เขาเรียกต้นวิเศษสัตตะออกมา ปัดเป่าพลังของจวินอีออกไป ทำให้จั่วเหยียนแบกจวินอีเข้าห้องได้สำเร็จ
จวินอีถูกวางลงบนเตียง
“หลับให้สบายเถิด”
หลี่จิ่วเต้ายิ้ม โบกต้นวิเศษสัตตะอีกครั้งเพื่อฟื้นฟูพลังของจวินอีกลับมา
เขากลัวว่ายามจวินอีตื่นมาพบว่าพลังในร่างกายหายไปสิ้นจะตื่นตระหนกเข้า
จากนั้นเขาปิดประตูจากไป บอกให้ต้นหลิวตามพวกลั่วสุ่ยกลับมา
ใช้เวลาเพียงไม่นาน พวกลั่วสุ่ยทุกคนกํกลับมาครบ
“คุณชาย!”
หลังลั่วสุ่ยกลับมา นางพลันควงแขนหลี่จิ่วเต้าด้วยท่าทางคุ้นชินและใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
หลิงอินกับเซี่ยเหยียนไม่ยอมแพ้ ทั้งสองคนเริ่มแย่งชิงแขนอีกข้างของหลี่จิ่วเต้า
“แฮ่ม!”
หลี่จิ่วเต้ากระแอมไอ บอกหลิงอินและเซี่ยเหยียนว่าอย่าทะเลาะกัน ซียังอยู่ที่นี่!
“คุณชาย มีอันใดหรือ?”
พวกหลิงอินไม่เข้าใจ แต่พวกนางก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว
พวกนางเห็นซี!
ซีงดงามไร้ที่เปรียบ นางเดินเยื้องย่างเข้ามาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า งดงามน่าตื่นตะลึง
“ซี!”
พวกนางอุทาน จดจำซีได้ทันที
“พวกเจ้ารู้จักข้าหรือ?” ซีประหลาดใจ
“ย่อมรู้ ท่านคือพี่สาวซี คุณชายมักพูดถึงท่านอยู่เสมอ!”
ลั่วสุ่ยปากหวาน คว้าแขนของซีเอาไว้เอ่ยประจบเอาใจ
“ใช่แล้ว ๆ หลายปีมานี้คุณชายคอยแต่ตามหาพี่สาว แม้ว่าคุณชายไม่ได้พูด แต่พวกข้าล้วนรู้ คุณชายเดินทางไปทั่วจักรวาลดวงดาราก็เพื่อตามหาท่าน!”
ปากของหลิงอินเองก็หวานมาก ต่อคำพูดของลั่วสุ่ยทันที นางตรงเข้ามาคว้าแขนอีกข้างของซีไป
“เจ้าทั้งสองพูดจาหวานนัก”
ซีอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“พี่สาวซี ยังมีข้าด้วย ข้าพูดไม่เก่งมาก แต่บอกได้ว่าท่านงดงามมาก!”
เซี่ยเหยียนตะโกน
แบบนี้ยังเรียกว่าพูดไม่เก่งหรือ?
ลั่วสุ่ยกับหลิงอินเหยียดตามองเซี่ยเหยียน
“ตกลง ตกลง ยังมีเจ้าอยู่”
ซีถูกท่าทางน่ารักของเซี่ยเหยียนทำให้หัวเราะออกมา
“ให้ข้าแนะนำกับพวกเจ้า นี่คือซี พวกเจ้าต่างรู้จักแล้ว ข้าจะไม่พูดอันใดมาก”
หลี่จิ่วเต้าชี้ไปทางพวกลั่วสุ่ย แนะนำให้กับซี “พวกนางคือลั่วสุ่ย หลิงอิน และเซี่ยเหยียน”
ซีลอบมองไปทางหลี่จิ่วเต้า นางนั้นสมองเฉียบไวฉลาดเฉลียว ไยจึงจะมองสถานการณ์ระหว่างพวกลั่วสุ่ยทั้งสามคนไม่ออก ส่วนหลี่จิ่วเต้าที่ถูกซีถลึงตามองพลันรู้สึกขนลุกชัน ย้อนนึกถึงคำพูดที่ซีเคยเอ่ยกับเขาแล้วขาทั้งสองข้างพลันอดรีบหนีบเข้าหากันไม่ได้
ทว่าซีไม่ได้เอ่ยอันใดมาก เพียงแค่บอกว่าน้องสาวทั้งสามยอดเยี่ยมนัก
นี่ทำให้หลี่จิ่วเต้าโล่งใจขึ้นมา
“พี่สาวซีงดงามจริง ๆ! พี่สาวซีช่างน่าริษยายิ่งนัก สุดท้ายได้กลับมาอยู่กับคุณชาย ไม่เหมือนข้า เฮ้อ…”
อ้ายฉานถอนหายใจ
“บัดซบ!”
ต้าเต๋อได้ยินคำพูดของอ้ายฉานแล้วพลันรีบหนีออกไปทันที เขาไม่ต้องคิดก็รู้ว่าอ้ายฉานต้องการพูดสิ่งใด
“อันใดไม่เหมือนเจ้า?” ซีถามอ้ายฉาน
อ้ายฉานถอนหายใจอีกครั้ง “ไม่เหมือนข้า เห็นได้ชัดว่าคนที่ชอบอยู่ด้านข้าง แต่กลับเอาแต่หนีข้า!”
“ผู้ใดหรือ?” หลี่จิ่วเต้าถาม
อ้ายฉานยังไม่ทันได้พูด จู้จื่อพลันเอ่ยปากออกมาเสียก่อน “แบไต๋แล้ว ไม่เสแสร้งแล้ว อ้ายฉานกำลังพูดถึงข้า!”
“ไสหัวไป!”
อ้ายฉานโกรธแล้ว เหตุใดไปที่ใดนั้นถึงมีแต่จู้จื่อ นางไม่ได้รู้สึกกับจู้จื้อในด้านนั้นจริง ๆ
“ไม่ใช่เขา เช่นนั้นใคร?” หลี่จิ่วเต้าถามด้วยรอยยิ้ม
แต่เขามีคำตอบอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว
“ต้าเต๋อ!” อ้ายฉานกล่าว
เป็นเช่นนั้นจริง!
เขามองออกตั้งแต่ก่อนหน้าแล้วว่าอ้ายฉานชอบต้าเต๋อ คำตอบก็เหมือนกับที่เขาคิด
หลี่จิ่วเต้าพูดกับอ้ายฉานด้วยรอยยิ้ม “เรื่องของความรู้สึกไม่อาจบังคับได้ ค่อย ๆ ดำเนินไปเถิด”
“ตัวเจ้าเองยังทำไม่ได้ ยังไปสอนผู้อื่นอีก!”
ซีถลึงตามองหลี่จิ่วเต้า
จากนั้นนางก็หันไปกล่าวกับอ้ายฉาน “อย่าได้ฟังคำไร้สาระของเขา บนโลกนี้ไม่ง่ายจะพานพบคนที่เจ้าชอบ ไม่มีเหตุผลให้ยอมแพ้ ควรไล่ตามอย่างกล้าหาญ กล้าที่จะรัก ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นใด อย่างน้อยก็ไม่ทิ้งความเสียใจไว้กับตนเอง”
“ขอบคุณพี่สาวซี ข้าเองก็คิดเช่นนั้น!”
อ้ายฉานหัวเราะออกมาทันที
“ไม่ปิดบังพี่สาวซี ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน!”
จู้จื่อตะโกน
ช่างเป็นรักสามเศร้าที่วุ่นวาย!
หลี่จิ่วเต้าอดคิดในใจไม่ได้ นี่คือรักสามเศร้าที่ไม่อาจชัดเจนไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว
“ไม่อนุญาตให้เจ้าคิดเช่นนั้น!”
อ้ายฉานร้อนใจ ชกหมัดใส่จู้จื่อ
ไม่มีผู้ใดคาดคิด จู้จื่อไม่ได้หลบ จึงถูกอ้ายฉานต่อยอย่างแรง
“เหตุใดเจ้าไม่หลบ?” อ้ายฉานตกตะลึง
“ถูกเจ้าตี นับเป็นความสุขครั้งใหญ่ เช่นนั้นข้าจะหลบได้อย่างไร!” จู้จื่อกล่าวอย่างเคลิบเคลิ้ม
น่าขยะแขยง!
น่าขยะแขยงเกินไปแล้ว!
หลี่จิ่วเต้าขนลุกไปทั้งร่างเมื่อได้ยิน
“ไอ๊หยา ข้าทนไม่ไหว!”
อ้ายฉานขนลุกทั้งร่าง ขยะแขยงกับคำพูดจู้จื่อจนรีบวิ่งหนีออกไป
“นางหนี ข้าไล่ตาม แม้นางมีปีกก็ยากจะหนีพ้น…”
จู้จื่อมองร่างที่ทะยานออกไปของอ้ายฉานแล้วเอ่ยออกมาอย่างลึกซึ้ง
“บัดซบ!”
“จู้จื่อ เจ้าบ้าไปแล้ว!”
เหล่าเด็ก ๆ ที่เติบโตมากับจู้จื่อทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ทั้งหมดต่างพุ่งเข้าไปจับตัวจู้จื่อมาทุบตีอย่างแรง
จู้จื่อนั้นธาตุไฟเข้าแทรกอย่างแท้จริง!
“พวกเจ้าตีไปเถิด ต่อให้ยากเย็นเพียงใดก็ไม่อาจหยุดยั้งข้าจากการไล่ตามความรักได้! กลับกัน ยิ่งทำให้การไล่ตามความรักของข้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
จู้จื่อกล่าวอย่างจริงจัง
“ถุย น่ารังเกียจ!”
“หยุดพูดนะ ข้าจะอาเจียนแล้ว!”
พวกเขาจับตัวจู้จื่อมาทุบตีอีกครั้ง จู้จื่อสมควรถูกทุบตีอย่างแท้จริง
สุดท้ายหลี่จิ่วเต้าก็ทนมองไม่ไหวอีกต่อไป บอกให้พวกเขาหยุดได้แล้ว
“เจ้าว่าข้ารักเจ้ามากเพียง ดวงจันทร์แทนใจของข้า…”
จู้จื่อนอนฮัมเพลงบนพื้น แสดงความรักลึกซึ้งออกมาอย่างจริงจัง
นี่คือเพลงที่หลี่จิ่วเต้าเคยร้อง มันถูกจู้จื่อจดจำเอาไว้
“บาปหนา!”
“หยุดพูดนะ ข้าจะอาเจียนแล้ว!”
พวกเขาจับตัวจู้จื่อมาทุบตีอีกครั้ง จู้จื่อสมควรถูกทุบตีอย่างแท้จริง
สุดท้ายหลี่จิ่วเต้าก็ทนมองไม่ไหวอีกต่อไป บอกให้พวกเขาหยุดได้แล้ว
“เจ้าว่าข้ารักเจ้ามากเพียง ดวงจันทร์แทนใจของข้า…”
จู้จื่อนอนฮัมเพลงบนพื้น แสดงความรักลึกซึ้งออกมาอย่างจริงจัง
นี่คือเพลงที่หลี่จิ่วเต้าเคยร้อง มันถูกจู้จื่อจดจำเอาไว้
“บาปหนา!”
หลี่จิ่วเต้ารู้สึกปวดหัว “พวกเจ้าต่อเลย!”
จากนั้นจู้จื่อก็ถูกทุบตีอีกครั้ง
หลังผ่านช่วงคั่นฉากสั้น ๆ หลี่จิ่วเต้าจึงเอ่ยเข้าเรื่องจริงจัง
“เรียกพวกเจ้ากลับมา เนื่องจากต้องการพาพวกเจ้าไปยังแดนพิสุทธิ์จวินเทียน”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยต่อ “เหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์บังอาจบุกมาถึงลานเล็กของข้า เช่นนั้นข้าจะไปยังรังของพวกเขา!”
เขาไม่มีทางปล่อยไปเช่นนั้น เขาจะไปยังรังของเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ รอให้เหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์กลับมา!
ที่เขาเรียกพวกลั่วสุ่ยกลับมา นั่นเพราะเขาคิดว่าแดนพิสุทธิ์จวินเทียนนั้นอยู่เหนือแดนลับทั้งหมด เขาต้องการให้พวกลั่วสุ่ยได้ไปฝึกฝน
…………….