รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1109 โลกใหม่ นั่นคือบ้านเกิดเมืองนอนแห่งที่สองของคุณชาย!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1109 โลกใหม่ นั่นคือบ้านเกิดเมืองนอนแห่งที่สองของคุณชาย!
บทที่ 1109 โลกใหม่ นั่นคือบ้านเกิดเมืองนอนแห่งที่สองของคุณชาย!
……….
บทที่ 1109 โลกใหม่ นั่นคือบ้านเกิดเมืองนอนแห่งที่สองของคุณชาย!
“ชักภัยใส่บูรพา*[1]?”
หลังจากเมิ่งจีได้ฟังที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเล่าก็พลันขมวดคิ้วลง
เขาคิดว่า เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ไม่อาจต่อกรกับพลังด่างพร้อยได้ จึงคิดให้พวกเขารับมือพลังด่างพร้อยเหล่านั้นแทน
“ทุกท่าน มีเรื่องให้ทำแล้ว!”
เขาติดต่อสุนัขดำ นักพรตอู๋เหลียง และคนอื่น ๆ บอกให้พวกเขามารวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลังจากนั้นไม่นาน พวกสุนัขดำก็มาถึง
เมิ่งจีเล่าทุกเรื่องราวที่ได้ยินจากจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงให้ทุกคนฟัง
“พวกตาแก่นั่น ก่อนหน้านี้คงเห็นว่าพวกเราแข็งแกร่งเพียงใด จึงคิดให้พวกเราลงมือ ส่วนพวกเขานั่งรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทีหลัง!”
สุนัขดำเอ่ยอย่างชิงชัง
ก่อนหน้านี้ เหล่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่ส่งยอดฝีมือจำนวนมากมาจัดการพวกเขา ทั้งยังส่งบรรดาศาสตราอันน่าสะพรึงกลัวมาด้วยต้องการจะส่งหารพวกเขาทั้งหมด
แต่หลังจากนั้นก็ถูกพวกเขาสยบสิ้น
ยามนี้ทางโลกใหม่มีการปะทุขึ้นของพลังด่างพร้อย เหล่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่ไม่อาจหยุดยั้ง จึงคิดเชื่อมโลกใหม่กับดินแดนเก่า ลากพวกเขาให้เข้าไปต่อกรกับพลังด่างพร้อยด้วย
สุนัขดำรู้สึกว่านี่เป็นแผนการร้ายของเหล่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่ ให้พวกเขาต่อกรและรับมือกับพลังด่างพร้อยที่หลั่งไหลเข้ามา ขณะที่ตนเองนั่งรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
“ไม่ต้องสนพวกเขา!”
สุนัขดำกล่าว “พวกเราสามารถปิดกั้นดินแดนเก่าได้ ไม่ให้สิ่งมีชีวิตโลกใหม่มาที่นี่! ปัญหาทางด้านพวกเขาก็ปล่อยให้จัดการกันเองเสีย!”
ผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่ยกเลิกการปิดกั้นได้ พวกเขาเองก็สามารถสร้างการปิดกั้นขึ้นใหม่ได้ ไม่ปล่อยให้โลกใหม่เชื่อมต่อกับดินแดนเก่า
“นี่ไม่ช่วยให้แก้ปัญหาได้”
เมิ่งจีส่ายหัว “จากคำบอกเล่าของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง เหล่าสัตว์ประหลาดไร้คำนิยามที่เกิดขึ้นจากพลังด่างพร้อยน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง หาใช่สิ่งที่พวกผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่สามารถรับมือได้!”
เขากล่าวว่านี่เป็นประสบการณ์ที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงประสบด้วยตนเอง ประจักษ์ถึงความน่ากลัวของเหล่าสัตว์ประหลาดไร้คำนิยาม
“จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงมีกระดานหมากที่คุณชายมอบให้อยู่กับตัว ทว่าหลังได้เห็นสัตว์ประหลาดไร้คำนิยามเหล่านั้นแล้ว ยังอดเกิดความหวาดกลัวในใจไม่ได้ จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงสรุปว่าสัตว์ประหลาดไร้คำนิยามเหล่านี้น่าจะอยู่เหนือขอบเขตแสวงวิถีไปแล้ว”
เขาแสดงท่าทางว่าเรื่องนี้ไม่อาจเพิกเฉยได้
“ปิดผนึกดินแดนเก่า ไม่ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตโลกใหม่เข้ามา แน่นอนพวกเราย่อมทำเช่นนั้นได้ ทว่านี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา”
เมิ่งจีกล่าว “วิธีเช่นนี้มีแต่จะใช้ทรัพยากรแก่ศัตรู ทำให้ศัตรูแข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้น!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงยังกล่าวอีกว่าสัตว์ประหลาดไร้คำนิยามกำลังกลืนกินกฎวิถีโลกใหม่ รวมทั้งเลือดเนื้อของสิ่งมีชีวิตโลกใหม่ด้วย หลังจากที่พวกเขาปิดผนึกดินแดนเก่า โลกใหม่จะต้องล่มสลายลงในท้ายที่สุด
เมื่อถึงยามนั้น เหล่าสัตว์ประหลาดไร้คำนิยามจะยิ่งแข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัวมากขึ้น
อีกทั้งหากดินแดนเก่าคำนึงแต่ตนเองไม่สนใจผู้อื่น หลังจากโลกใหม่ล่มสลาย สัตว์ประหลาดไร้คำนิยามเหล่านั้นจะต้องมีความคิดเริ่มทำการโจมตีดินแดนเก่าอย่างแน่นอน
ท้ายที่สุด พวกเขาก็ยังคงจำเป็นต้องสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาดไร้คำนิยาม
“นอกจากนี้ สิ่งมีชีวิตในโลกใหม่ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ พวกเขาเพียงแค่ถูกผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่มอมเมาปลุกปั่น ไม่รู้ความจริงแต่อย่างใด”
เมิ่งจีกล่าว “หากคุณชายรู้เรื่องนี้จะต้องไม่เพิกเฉยแน่นอน”
คุณชายมีจิตใจดีเปี่ยมเมตตา ไม่อาจทนมองปุถุชนประสบเคราะห์ได้ ไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งมีชีวิตโลกใหม่ที่มีจำนวนมากเพียงนั้นเลย หากพวกเขาเพิกเฉย สิ่งมีชีวิตโลกใหม่ก็ได้แต่ถูกสัตว์ประหลาดไร้คำนิยามกลืนกินไปเท่านั้น
“ใหม่เก่าเดิมทีล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องตั้งแง่มากถึงเพียงนั้น!”
ตอนนั้นเอง ลานเล็กพลันปรากฏตัวพร้อมส่งเสียงออกมา
“ดินแดนเก่าเป็นราก ส่วนโลกใหม่นั้นแตกแขนงออกมาจากดินแดนเก่า กล่าวได้ว่าสิ่งมีชีวิตโลกใหม่เองก็เป็นสิ่งมีชีวิตดินแดนเก่า”
ลานเล็กเอ่ย
มันแสดงความคิดออกมา คุณชายเคยอยู่ที่โลกใหม่มาเป็นเวลานาน อาจกล่าวได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบ้านเกิดเมืองนอนของคุณชาย
“อะไรนะ!”
สุนัขดำพูดอย่างตกตะลึง “คุณชายเคยอยู่โลกใหม่หรือ?”
ทว่าฟังจากคำพูดของลานเล็กแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เป็นดั่งที่มันคิด ลานเล็กบอกว่าโลกใหม่สามารถถือเป็นบ้านเกิดเมืองนอนแห่งที่สองของคุณชาย!
“ปิตาจารย์หลี่ผู้นั้นคือคุณชายหรือ?”
สุนัขดำอดถามไม่ได้
ก่อนหน้านี้มู่อวี่เคยพูดเรื่องเกี่ยวกับคนผู้นั้น…ปิตาจารย์หลี่ ยามนั้นหลังพวกเขาได้ฟังจนจบ ยังเคยถามมู่อวี่ว่าคุณชายใช่ปิตาจารย์หลี่ผู้นั้นหรือไม่
ตอนนั้นพวกเขาต่างรู้สึกว่าคุณชายคือตัวตนสูงสุดอย่างปิตาจารย์หลี่
ทว่ามู่อวี่ปฏิเสธ กล่าวว่าคุณชายไม่ใช่ปิตาจารย์หลี่
นางบอกว่าตนเองกับปิตาจารย์หลี่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด หากคุณชายคือปิตาจารย์หลี่จริง นางย่อมมองออกแน่นอน
หลังจากนั้นพวกเขาปัดตกความคิดนี้ไป
แต่คำพูดของลานเล็กทำให้พวกเขาอดกลับมาคิดไม่ได้ว่าคุณชายคือปิตาจารย์หลี่
ลานเล็กไม่พูดมาก มันแสดงท่าทางบอกว่าตัวตนเช่นคุณชายเกี่ยวพันถึงผลกรรมมหาศาล จึงไม่อาจเอ่ยอันใดได้มาก
อีกทั้งยังบอกว่า ตัวมันในตอนนี้เองยังไม่รู้เรื่องตัวตนของคุณชายมากนัก ความทรงจำของมันตื่นขึ้นมาเพียงน้อยนิด
“แต่มีหนึ่งสิ่งที่ข้ามั่นใจ คุณชายรักโลกใหม่เทียบเท่ากับดินแดนเก่า ในใจคุณชาย โลกใหม่มีความสำคัญไม่ต่างจากดินแดนเก่า”
ลานเล็กกล่าว “พวกเราไม่อาจมองสิ่งมีชีวิตโลกใหม่ตายโดยไม่ช่วยเหลือได้ ยิ่งไม่อาจเพิกเฉยให้สัตว์ประหลาดไร้คำนิยามกลืนกินกฎเกณฑ์โลกโหม่และเลือดเนื้อสิ่งมีชีวิตโลกใหม่ได้”
อีกทั้งหากปล่อยให้สัตว์ประหลาดไร้คำนิยามเหล่านี้ได้กลืนกินเลือดเนื้อเช่นนี้ต่อไป ในอนาคตจะต้องเกิดปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน
“พลังด่างพร้อยนั่นพิเศษยิ่ง พัวพันกับสิ่งต่าง ๆ มากมาย!”
มันกล่าวอย่างจริงจัง
“เข้าใจแล้ว!” สุนัขดำพยักหน้า
ก่อนหน้านี้มันเพียงโมโหเดือดดาล ที่เอ่ยว่าไม่สนใจความเป็นตายของสิ่งมีชีวิตโลกใหม่ จุดประสงค์ก็เพื่อระบายอารมณ์ แต่หากให้ทำจริง ๆ มันคงไม่อาจทำได้
โลกใหม่กว้างใหญ่ไพศาล เทียบกับดินแดนเก่ามีแต่จะใหญ่กว่า เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน จะนั่งดูดายปล่อยให้สิ่งมีชีวิตบริสุทธิ์จำนวนมากมายถึงเพียงนั้นถูกกลืนกินเลือดเนื้อได้อย่างไร
“ข้าจะให้สมบัติในลานช่วยเหลือพวกเจ้า!”
ลานเล็กให้สมบัติด้านในทั้งหมดออกมา ด้วยความช่วยเหลือจากสมบัติในลาน ต่อกรกับพลังด่างพร้อยเหล่านั้นไม่น่ามีปัญหาแต่อย่างใด
“มอ~”
ตอนนั้นเอง เสียงของลูกวัวน้อยดังมาจากในลาน “ให้ข้าออกไปยืดเส้นยืดสายด้วย!”
มันน่าเวทนายิ่งนัก ตอนนี้มันตัวไม่เล็กแล้ว ทั้งยังตัวใหญ่ยิ่ง กลับอยู่ในลานเล็กมาโดยตลอด ไม่ได้ออกไปไหนเลย
“ไปเถิด”
ได้ยินลานเล็กกล่าวเช่นนั้น ลูกวัวน้อยก็ทะยานออกมาทันทีด้วยความตื่นเต้น
ตัวมันกำยำราวขุนเขา ขอบเขตเองก็สูงยิ่ง ยามนี้อยู่ขอบเขตล้ำขีดแล้ว
ลานเล็กเอ็นดูลูกวัวน้อยยิ่ง มักให้คำชี้แนะการฝึกฝนอยู่เสมอ นอกจากนี้หญ้าที่ลูกวัวน้อยกินก็ไม่ใช่หญ้าธรรมดา แม้ลูกวัวน้อยจะไม่เคยออกไปด้านนอก แต่ขอบเขตก้าวหน้าขึ้นอย่างไม่มีสะดุดแม้แต่น้อย
ตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ ความก้าวหน้าของมันรวดเร็วอย่างถึงที่สุด
“จำเอาไว้ อย่าได้ดูแคลนพลังด่างพร้อยเหล่านั้นเด็ดขาด รากฐานของพวกมันล้ำลึกยิ่ง กระทั่งข้าในตอนนี้เองก็ยังไม่รู้!”
ลานเล็กเตือนพวกเมิ่งจีอย่างจริงจังว่าอย่าได้ประมาท
“พี่ลานวางใจเถิด มีจอบอย่างข้าอยู่ พลังด่างพร้อยอันใดนั้นจะต้องถูกข้าขุดจนสิ้น!”
จอบเซียนกล่าวอย่างไม่ยี่หระ
“ข้ากำลังพูดถึงเจ้า! อย่าได้คิดว่าหลังคุณชายหลอมเจ้าขึ้นมาใหม่แล้วจะไร้เทียมทานในใต้หล้า ที่ข้าต้องการกล่าวคือยังมีศัตรูอยู่อีก!”
ลานเล็กเอ่ย
“ข…เข้าใจแล้ว!”
จอบเซียนตอบกลับด้วยความอัดอั้นใจ มันพูดเพียงต้องการแสดงเจตจำนงของมันออกมา สุดท้ายกลับถูกลานเล็กยกมาเป็นตัวอย่าง ถูกตำหนิโดยตรง
ชามกระเบื้องเคลือบเอ่ยกับจอบเซียนด้วยรอยยิ้มว่า “พี่จอบไม่จำเป็นต้องวางมาดไป ฟังคำพูดพี่ลานเถิด”
“เอาละ จะจัดการพวกมันเช่นใด พวกเจ้าหารือกันเถิด ข้าไปแล้ว”
ลานเล็กกล่าวก่อนจากไป
“สงครามครั้งใหญ่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ… ข้ารู้สึกได้ว่าความทรงจำค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา”
หลังกลับไปแล้ว มันรำพึงด้วยเสียงที่ค่อนข้างเคร่งขรึม
ทว่าความเคร่งขรึมของมันพลันเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากเพื่อนบ้านอย่างป้าหวังมาอีกแล้ว
“คุณชายหลี่ยังไม่กลับมาอีกหรือ นับตั้งแต่จากไปก็นานมากแล้ว กล่าวตามตรง ข้าคิดถึงคุณชายหลี่อย่างแท้จริง ไม่รู้ว่าตอนนี้ระหว่างคุณชายหลี่กับหลิงอินจะเป็นเช่นใดบ้าง!”
ป้าหวังนั่งลงหน้าประตูลานเล็ก เอ่ยออกมาเสียงดังว่า “หากตอนแรกแก้ปัญหาแต่โดยไว ให้คุณชายหลี่แต่งงานกับหลิงอินเลยทันที ยามนี้ลูกของคุณชายหลี่กับหลิงอินคงวิ่งเล่นเต็มถนนแล้ว!”
“น่าเสียดาย ตอนนี้ไม่รู้จะทำได้หรือไม่”
“การเดินทางครั้งนี้ ข้างกายคุณชายหลี่รายล้อมไปด้วยสาวงาม กระทั่งท่านเซียนหญิงยังมี! แม้หลิงอินจะไปด้วย แต่แม่สาวน้อยคนนี้หน้าบางยิ่งนัก สิ่งใดก็ไม่กล้าพูดออกมา ยากเหลือเกินที่จะได้ลงเอยกับคุณชายหลี่!”
ปากของป้าหวังพูดเท่าใดก็ไม่เพียงพอ ยังเอ่ยต่ออีกว่า “แต่ไม่เป็นไร ใครให้หลิงอินมีป้าที่ดีเช่นข้ากัน มีข้าอยู่ การแต่งงานของนางกับคุณชายหลี่ย่อมเป็นเรื่องง่ายดายแน่นอน! ความสามารถด้านอื่นของข้าไม่มีอันใดให้เอ่ยถึง แต่ความสามารถด้านการผูกด้ายแดงนั้นยอดเยี่ยม!”
ลานเล็กเต็มไปด้วยความจนใจ
ป้าหวังมักจะมานั่งหน้าประตูลานและพูดไม่หยุดเป็นระยะ
ยังดี เพียงไม่นานป้าหวังก็กลับไป
ทว่าลานเล็กยังไม่ทันได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ป้าหวังก็กลับมาอีกครั้ง
“บ้าเอ๊ย! ยังคงเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ!”
ลานเล็กพูดไม่ออก
ป้าหวังกลับไป ไม่ใช่เพราะพูดจบแล้ว ทว่าเป็นเพราะคอแห้ง จึงกลับไปดื่มน้ำ
อีกทั้งป้าหวังยังนำกาขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำมาด้วย มันเห็นเพียงแค่นี้ก็รู้ได้ทันทีว่าป้าหวังผู้นี้กำลังจะทำศึกยืดเยื้อ
“ครั้งนี้เดี๋ยวพอคุณชายหลี่กับหลิงอินกลับมา ไม่ว่าจะพูดเช่นนี้ ข้าก็ต้องให้คุณชายหลี่กับหลิงอินหมั้นกันไว้ก่อน! เรื่องแต่งงานอาจล่าช้าได้ แต่การหมั้นจำเป็นต้องทำ!”
ป้าหวังเริ่มวางแผน พูดเรื่องความตั้งใจจะหมั้นหมายหลี่จิ่วเต้ากับหลิงอิน
“ฟังดูน่าสนุกนัก”
ลานเล็กเองอดยิ้มไม่ได้หลังฟังแผนการที่ป้าหวังเอ่ยออกมา
ป้าหวังยังคิดกระทั่งเรื่องเปลี่ยนข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุกเสียด้วยซ้ำ คิดว่ารอหลังคุณชายกับหลิงอินกลับมา จะเตรียมสุราไว้ต้อนรับ มอมหลี่จิ่วเต้ากับหลิงอิน ทำให้ทั้งสองเป็นสามีภรรยาโดยทางพฤตินัยก่อน
“ป้าหวัง ช่างสมกับเป็นป้าจริง ๆ รู้หรือไม่ว่าคุณชายที่วางแผนการใส่ เป็นตัวตนสูงส่งเช่นใด…”
ลานเล็กได้แต่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
[1] ชักภัยใส่บูรพา (祸水东引) หมายถึง การใช้วิธีปกป้องตัวเองจากการสูญเสียโดยโยนให้ผู้อื่นแบกรับเคราะห์แทน
……….