ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 496 อย่างนี้เรียกว่าการจู่โจมที่น่ารักหรือไม่
“อะไรนะ”
ปฏิกิริยาของคนทั้งสามทำให้เจียงหลีประหลาดใจ สัตว์เดรัจฉานในบรรพกาล?
เดรัจฉานตัวน้อยในอ้อมแขนของนางน่ะหรือ
ดวงตาของเจียงหลีจับจ้องไปยังเจ้าตัวเล็กที่ทำท่าขี้เกียจในอ้อมแขนของตนโดยไม่ตั้งใจ
“ศิษย์น้องเล็ก ดูเหมือนว่าก่อนที่จะไปยังตำหนักเย่ว์ ต้องกลับไปที่ตำหนักเย่าเพื่อเข้าพบท่านอาจารย์กับพวกเราก่อน” ทันใดนั้น เสิ่นฉงพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม
คุนอู๋โยนกระต่ายในมือออกไป พยักหน้าให้กับซีไหลโดยเห็นด้วยกับคำพูดของเสิ่นฉง
ท่าทางของพวกเขาเช่นนี้ ทำให้เจียงหลีตระหนักถึงสถานการณ์ที่ร้ายแรง นางมองดูเจ้าเปี๊ยกหลิวหลีอีกครั้ง ครุ่นคิดแล้วพยักหน้า “ได้”
นางก็อยากรู้มากว่าตกลงหลิวหลีเป็นสัตว์ประเภทใดกันแน่
ในที่สุดก็มีคนจะคลายปริศนาให้กับนาง นางจะพลาดได้อย่างไร
พวกเขาทั้งสี่หายตัวไปในทันทีโดยไม่ได้เดินผ่อนคลายเหมือนตอนมา แต่พวกเขากลับมายังตำหนักเย่าด้วยความเร็วสูงสุด
เมื่อกลับมายังตำหนักเย่าและเข้าพบกับท่านประมุข เจียงหลีอุ้มเจ้าเปี๊ยกที่นอนหลับใหลและเล่าเรื่องคร่าวๆ ว่าพบเจอกับเจ้าเปี๊ยกได้อย่างไรให้ทุกคนฟัง หลังจากเรื่องที่นางเล่าจบแล้ว ท่านประมุขก็ถอนหายใจและลูบเครา “เจ้าเป็นคนที่โชคดีจริงๆ! สามารถดึงดูดสัตว์เดรัจฉานในบรรพกาลที่สูญพันธุ์ไปนานแล้วได้”
“ซือจุน มันเป็นสัตว์เดรัจฉานในบรรพกาลจริงๆ หรือ” คุนอู๋กลั้นความแปลกใจไว้ไม่อยู่
ท่านประมุขพยักหน้ายืนยันการคาดเดาของพวกเขาทั้งสาม
เสิ่นฉงถอนหายใจ “สัตว์เดรัจฉานในบรรพกาล พวกเราเคยเห็นแต่ในหนังสือภาพวาดโบราณเท่านั้น ก่อนหน้ายังคิดว่าเข้าใจผิด นึกไม่ถึงว่าจะเป็นสัตว์เดรัจฉานในบรรพกาลจริงๆ ”
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าโชคดีมากจริงๆ!” ใบหน้างดงามดั่งปีศาจของซีไหลเต็มไปด้วยความอิจฉา
เจียงหลีสับสนกับคำพูดของพวกเขา นางอุ้มเจ้าเปี๊ยกไว้แน่น และขอคำแนะนำอย่างนอบน้อม “อะไรคือสัตว์เดรัจฉานในบรรพกาล มีที่มายิ่งใหญ่มากเลยหรือ”
ขณะที่นางกำลังพูดอยู่นั้น ปรากฏภาพของเจ้าเปี๊ยกที่โกรธเกรี้ยวและทรงพลังในถ้ำสวรรค์ขึ้นในใจ
ตอนนั้น กรงเล็บใหญ่ยักษ์ของสัตว์ประหลาดที่ฉีกท้องฟ้า คือสิ่งที่เจ้าเปี๊ยกเรียกมาหรือ
“คำถามนี้ให้ท่านอาจารย์เป็นผู้ตอบเถิด” พอเสิ่นฉงพูดจบ เขามองไปที่ท่านประมุข
ศิษย์พี่และศิษย์น้องทั้งสี่ล้วนมองไปที่ท่านประมุข
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบเจียงหลีว่า “บางเรื่องควรบอกกับเจ้าหลังจากเป็นหลิงหวังแล้ว อย่างไรก็ตาม ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า เป็นหลิงหวังคงใช้เวลาไม่นาน ดังนั้น ข้าจะบอกเจ้าซะวันนี้เลย”
ดวงตาของเจียงหลีหรี่ลงเล็กน้อย แอบรู้สึกว่าคำพูดต่อไปของท่านประมุขจะเปลี่ยนการรับรู้ของนางที่มีต่อโลกแห่งนี้อีกครั้ง
“ดินแดนหนานฮวง ซีฮวง…เหตุผลที่จิ่วฮวงถูกเรียกว่าจิ่วฮวงก็เพราะว่าประกอบด้วยดินแดนทั้งเก้า นอกจากดินแดนทั้งสองแห่งนี้ เจ้ารู้จักดินแดนอื่นอีกหรือไม่” ท่านประมุขถาม
เจียงหลีค่อยๆ ส่ายศีรษะ
ท่านประมุขยิ้มเล็กน้อยและไม่รู้สึกแปลกใจมากนัก “ใช่ คนส่วนใหญ่ที่อยู่ต่ำกว่าอาณาเขตหลิงหวังจะรู้จักเพียงตง ซี หนานทั้งสามฮวง เพราะดินแดนทั้งสามฮวงนี้เป็นที่พักอาศัยของเผ่ามนุษย์มาหลายชั่วอายุคน”
ดวงตาของเจียงหลีเป็นประกาย รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ในดินแดนทั้งเก้า สามเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่รวมกัน เผ่ามนุษย์ปกครองสามดินแดน เผ่าปีศาจปกครองอีกสามดินแดน และเผ่าวิญญาณปกครองอีกสองดินแดน และมีอีกหนึ่งดินแดนเป็นดินแดนเดียวที่เผ่าพันธุ์ทั้งสามอาศัยอยู่รวมกัน ดินแดนนี้จึงเรียกว่าดินแดนพลัดถิ่น”
คำพูดของท่านประมุขทำให้เจียงหลีตกตะลึงอ้าปากค้าง ทำลายการรับรู้ของนางที่มีต่อโลกนี้เสียหมดจริงๆ!
“อย่างไรก็ตาม มีตาข่ายกั้นระหว่างทั้งสามเผ่าพันธุ์ คนที่ต่ำกว่าหลิงหวังจะทะลุผ่านตาข่ายนั้นไม่ได้ ดังนั้น อีกสองเผ่าพันธุ์จึงไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก ในจิ่วฮวงมีพลังที่เก่าแก่และลึกลับซ่อนอยู่ พลังนี้เรียกว่าหอคอยจิ่วฮวง ใครก็ตามที่อยู่ในอาณาเขตหลิงหวงสามารถเข้าไปในหอคอยจิ่วฮวงและมีสิทธิ์เข้าออกในสามเผ่าพันธุ์ได้ตามต้องการ”
“หอคอยจิ่วฮวง!” เจียงหลีพึมพำ
ท่านประมุขพยักหน้า “รอเจ้าเข้าสู่อาณาเขตหลิงหวังแล้วข้าจะพูดให้เจ้าฟังอย่างละเอียด”
“แต่ว่า…” เจียงหลีก้มหน้าและมองไปยังเจ้าเปี๊ยกในอ้อมแขนของตน “เจ้าตัวเล็กนี่ดูเหมือนเพิ่งเกิดได้ไม่นาน จะมีระดับการฝึกฝนถึงขั้นหลิงหวังเลยหรือ”
ท่านประมุขส่ายศีรษะ “สัตว์เดรัจฉานในบรรพกาลไม่สามารถใช้มาตรฐานเดียวกันได้ เดรัจฉานตัวนี้เป็นผู้มีบุญที่เกิดจากความผิดปกติของฟ้าดิน เมื่อมันปรากฏตัวขึ้น จะไม่มีการปรากฏตัวขึ้นอีกเป็นรอบที่สอง สวรรค์คือบิดา แผ่นดินคือปีศาจดา เป็นสัตว์ลึกลับที่สุดในบรรดาเผ่าปีศาจ เมื่อลงมาจุติ จะกลายเป็นราชาของเผ่าปีศาจ ส่วนพลังอำนาจของสัตว์เดรัจฉานในบรรพกาล ไม่สามารถจัดหมวดหมู่จากอาณาเขตได้ มันยิ่งแข็งแกร่งเท่าใด พลังในการเรียกสรรพสิ่งก็จะยิ่งแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น”
ขณะที่เขาพูด ท่านประมุขยกมือส่ายนิ้ว “มันนอนหลับเช่นนี้ ก็คืออยู่ในการฝึกฝนตามสัญชาตญาณของมัน”
“…” เจียงหลีตกใจยิ่งนัก
นางไม่เข้าใจว่าทำไมการดำรงอยู่ของมันจะวิ่งเข้าหานาง
“ศิษย์รัก มีสิ่งหนึ่งที่เจ้าควรระวัง สัตว์เดรัจฉานในบรรพกาลมาปรากฏตัวข้างกายเจ้า เกรงว่าอีกไม่นานจะเรียกปีศาจผู้ทรงพลังในเผ่าปีศาจ หากพวกปีศาจต้องการนำมันกลับไป ก็ช่างพวกเขาไป อย่าทำให้พวกปีศาจไม่พอใจ เพราะเผ่าปีศาจล้วนแต่เป็นนักรบ ก่อนที่เจ้าจะแข็งแกร่งพอที่จะต่อกรกับพวกเขา พวกเขาสามารถฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ ได้ตลอดเวลา” ท่านกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เจียงหลีเม้มปากไม่พูดสิ่งใด
ในใจกลับตัดสินใจแล้วว่าหากมีปีศาจทรงพลังมาจริงๆ จะให้หลิวหลีตัดสินใจเองว่าจะอยู่หรือไป
เผ่าปีศาจ เผ่าวิญญาณ หอคอยจิ่วฮวง…สัตว์เดรัจฉานในบรรพกาล... วันนี้วันเดียว เจียงหลีได้รับรู้เรื่องราวมากเกินไปจนทำให้นางสับสนเล็กน้อย
ผลคือหลังจากท่านประมุขจากไปแล้ว นางเดินออกไปอย่างมึนงง
“ศิษย์น้องเล็ก…” คุนอู๋เรียก
เสิ่นฉงกลับรั้งไว้และพูดว่า “ปล่อยให้ศิษย์น้องเล็กอยู่คนเดียวไปก่อน รู้เรื่องราววงในมากมายอย่างกะทันหันเช่นนี้ นางคงต้องการใช้เวลาย่อยข้อมูลสักพัก”
สุดท้ายแล้ว ทั้งสามเดินจากไปอย่างเงียบๆ และสั่งให้บ่าวรับใช้ในตำหนักเย่าห้ามไปรบกวนนาง
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน สายตาของเจียงหลีจดจ้องไปที่เจ้าเปี๊ยกในอ้อมแขนอีกครั้ง ราวกับว่ารู้สึกบางอย่างในใจ เจ้าเปี๊ยกค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาสีเขียวครามสบตากับนาง ดวงตาของมันสดใสและสะท้อนใบหน้าของเจียงหลี
“เจ้าตัวเล็ก ที่แท้ที่มาของเจ้าช่างยิ่งใหญ่นัก! หากวันหนึ่งวันใด เผ่าปีศาจของเจ้าตามไล่ล่าและต้องการพาตัวเจ้ากลับไปจะทำอย่างไรดี” เจียงหลีเห็นว่ามันตื่นนอนเฉกเช่นปกติ จึงรังแกมันด้วยการขยี้ขนบนศีรษะของมัน
เจ้าเปี๊ยกยอมให้นางหยอกล้อด้วยท่าทางที่ยอมจำนน ทำให้นางยิ่งรู้สึกไม่อยากให้มันจากไป
แต่ขณะที่นางพูดอยู่นั้น นางกลับพลาดโอกาสในการมองเห็นแสงวิบวับในดวงตาสีเขียวครามคู่นั้น
“จิจิ๊ดดด!”
มีเสียงออกจากปากของเจ้าเปี๊ยกอย่างกะทันหัน ราวกับว่ามันกำลังปลอบประโลมนาง
เจียงหลีผงะและหัวเราะอย่างรังเกียจ “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้า ไอ้ตัวเล็กเอาแต่นอนทั้งวัน เอาเจ้าไปเร็วๆ ยิ่งดี! ”
คำพูดของนางทำให้แววตาของเจ้าเปี๊ยกฉายแววความโกรธเคืองขึ้นอย่างไม่คาดคิด มันกระโดดขึ้นจากอ้อมแขนของนาง มือสองข้างดันหน้าอกไว้ กระโดดขึ้นไปกลางอากาศ และประกบปากนาง จุ๊บๆ หลังจากทำภารกิจสำเร็จแล้ว มันกระโดดออกจากอ้อมแขนของเจียงหลีและตกลงบนตอไม้ด้านหน้า แล้วเผยใบหน้าของผู้ ‘ลงโทษ’ ออกมาให้เห็น
“…” อะไรเนี่ย!
เจียงหลีที่โดน ‘ลวนลาม’ ตกตะลึงอยู่กับที่ ใช้เวลานานกว่าจะรู้ว่าเจ้าเปี๊ยกทำอะไรลงไป นางเบิกตากว้าง จ้องมองเจ้าเปี๊ยกขนปุย ความโกรธในใจดับลงโดยไม่ตั้งใจ จนท้ายที่สุด พูดขึ้นอย่างจนปัญญาว่า “นี่ถือว่าเป็นการจู่โจมที่น่ารักหรือไม่”