ราชาเหนือราชัน - ตอนที่ 145 : เจ้ามันบ้า
นิยาย ราชาเหนือราชัน ตอนที่ 145 : เจ้ามันบ้า
เมื่อเซี่ยงเส้าหยุน และตงจื่อเข้าไปในถ้ําทั้งสองพบว่าภายในค่อนข้างลึกด้วยบางเหตุผลเซี่ยงเส้าหยุนรู้สึกไม่ดีเมื่อเข้าไปภายใน และเห็นว่าไฟไม่สามารถลุกลามเข้าไปได้ลึกกว่านี้พิษจากศพขนทมิฬเริ่มหนาแน่นขึ้น หากพวกเขาไม่กลืนยาต้านพิษล่วงหน้าคงจะตายไปแล้ว
“นี่เป็นเรื่องลําบาก ข้าไม่คาดคิดว่าถ้ําจะลึกเพียงนี้มีเพียงศพขนทมิฬบางส่วนเท่านั้นที่ถูกเผาและยังไม่ทราบว่าเบื้องหน้าจะมีสิ่งใดอยู่อีกแค่พิษของศพขนทมิฬก็สร้างความยากลําบากมาก พอแล้ว” เซี่ยงเส้าหยุนขมวดคิ้ว
“เราจะทําเช่นไรกันดี? หรือเราควรยอมแพ้?” ตงลื่อถาม
“ไม่แน่นอน เปิดก่อพลังงานรูปร่างของเจ้าเสีย และพยายามเข้าไปโดยใช้คบเพลิงแต่หากพบว่ามันลึกเกินกว่าที่เราจะสํารวจได้คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้”เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว
ดังนั้น ทั้งสองจึงก่อพลังงานรูปร่างเพื่อปกป้องตัวเองจากพิษในอากาศ
เซี่ยงเส้าหยุนมีสายฟ้าสีม่วงโดยกําเนิด พลังหยางจึงพิเศษกว่าผู้อื่นดังนั้นพิษของเหล่าศพขนทมิฬซึ่งมีคุณสมบัติเป็นหยินจึงถูกทําลายลง
เมื่อเซี่ยงเส้าหยุนเห็นเช่นนั้นเขาจึงรู้สึกยินดีมากทําไมเราถึงคิดไม่ได้นะ?พลังสายฟ้าเป็นสิ่งที่สวนทางกับพิษ!”
ด้วยคิดว่ามีเพียงไฟเท่านั้นที่สวนทางกับพิษแต่ตอนนี้เด็กหนุ่มเข้าใจโดยพลันเมื่อได้เห็นสายฟ้ามีผลเช่นเดียวกับไฟสําหรับพลังงานรูปร่างของตงจื่อ มันเป็นสีเขียวเห็นได้ชัดว่าได้ฝึกฝนพลัง งานธาตุไม้ซึ่งไม่สามารถยับยั้งพิษได้เมื่อเห็นเช่นนั้นเซี่ยงเส้าหยุนจึงวางมือบนบ่าของตงจื่อและพยายามใช้พลังงานสายฟ้าคุ้มกันสหายของตน
ไม่ว่าตงลื่อจะมีภูมิหลังแบบไหนเซี่ยงเส้หยุนก็สรุปได้ว่าไม่ใช้ผู้มีเล่ห์เหลี่ยมจากความโง่เขลาที่เขากระทําตั้งแต่ได้พบดังนั้นตงลื่อจึงไม่น่าเป็นภัยคุกคามต่อเขาแน่นอน
แต่ทันที่ที่มือสัมผัสกับไหล่ของตงจื่อตงลื่อก็ขยับตัวเขาจับมือของเซี่ยงเส้าหยุนด้วยมืออีกข้างและฟันศอกเข้าใส่เซี่ยงเส้หยุนด้วยแขนอีกข้างช่างเป็นการโจมตีที่ตรงไปตรงมาและขาวสะอาดซึ่งเป็นการกระทําโดยธรรมชาติที่ฝังแน่นภายในตัวตั้งแต่กําเนิดดังนั้น เซี่ยงเส้าหยุนจึงสรุปได้ว่าตงจื่อไม่ได้ตั้งใจนั่นเป็นเพียงการตั้งรับตามสัญชาตญาณเท่านั้น
ตุ้ม!
ตงลื่อโจมตีด้วยพลังมหาศาลที่สร้างรอยร้าวแก่พลังงานภายยอกของเซี่ยงเส้าหยุนทันทีแต่โชคดีเซี่ยงเส้าหยุนมีพลังงานที่ก่อรูปภายในอยู่อีกชั้นมิเช่นนั้นการโจมตีเพียงครั้งเดียวอาจทําให้ได้รับบาดแผลฉกรรจ์
และตงจื่อดูไม่เหมือนกับจะหยุดโจมตีเขาตะโกน“ข้าจะสังหารเจ้า คนลามก!”
เขาก้มตัวลงขณะจับแขนเซี่ยงเส้าหยุนไว้แน่นและเหวี่ยงไหล่เข้าใส่
ตุ้ม!
เซี่ยงเส้าหยุนถูกกระแทกกับพื้นดินจากนั้นตงลื่อชักดาบและฟาดไปที่เซี่ยงเส้าหยุนที่อยู่ตรงพื้น
ในตอนนั้น เซี่ยงเส้าหยุนเพิ่งได้สติเขาเลิกตาขึ้นขณะที่ดาบเข้าใกล้มันช่างเชื่องช้าในสายตาของเขาวิถีของมันชัดเจนขณะใกล้เข้ามามือทั้งสองพุ่งขึ้นกําดาบไว้ระหว่างฝ่ามือ
“นี่เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?” เซี่ยงเส้าหยุนจดจ่อกับพลังทั้งหมดในการเปล่งเสียง และตะโกนออก
มีร่องรอยเล็กน้อยของเสียงคํารามพยัคฆ์ผสมกับเสียงของเขาเองดังกึกก้องไปทั้งถ้ําเสียงคํารามทําให้หูของตงจื่อดับไปชั่วครู่เปิดโอกาสให้เซี่ยงเส้าหยุนผลักดาบไปด้านข้างก่อนจะกระโดดกลับไปยืนด้วยเท้า
“เจ้าทําอะไร?” เซี่ยงเส้าหยุนจ้องมองตงจื่อ
“ข้าควรเป็นผู้ถามเจ้าเส้นมากกว่า!เหตุใดจึงแตะต้องไหล่ของข้า?” ตงจื่อจ้องมองเซี่ยงเส้าหยุนกลับ
“เจ้าบ้า! พลังงานสายฟ้าของบ้าสามารถต้านทานพิษของศพขนทมิฬได้ข้าพยายามจะปกป้องเจ้าจากพิษแล้วดูสิ่งที่เจ้าทําสิเจ้าพยายามจะสังหารข้า” เซี่ยงเส้าหยุนโกรธเคือง
คําเหล่านั้นทําให้ตงลื่อรู้สึกผิดต่อเซี่ยงเส้าหยุนเขาก้มหัวลงโดยไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดในขณะที่พยายามจะขอโทษมีร่างสีดําปรากฏขึ้นใกล้เคียง
“โฮก!”
“ระวัง!” เซี่ยงเส้าหยุนสามารถมองเห็นด้านหลังตงจื่อได้อย่างชัดเจน ความ ตกตะลึงทําให้เขาตะโกนและดึงตงจื่อไปด้านข้าง ก่อนจะเตะไปที่ร่างสีดําทั้งสอง
ตู้ม! ตู้ม!
ศพขนทมิฬทั้งสองถูกส่งลอยไปตงจื่อเหงื่อแตกหากเซี่ยงเส้าหยุนตอบสนองช้ากว่านี้เขาคงถูกกัด
เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว “ทําในสิ่งที่เจ้าต้องการข้าจะเข้าไปล่ะ”
เซี่ยงเส้าหยุนไม่ต้องการปล่อยเรื่องนี้ไปเขาหยิบคบเพลิงไว้ในมือหนึ่งและอกระบุราชันผ่าเมฆาในมืออีกข้างหนึ่งขณะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งศพขนทมิฬทั้งสองลุกขึ้นยืนอีกครั้งแต่ก็ถูกเซี่ยงเส้าหยุนฟันขาดเป็นสองส่วน
ในตอนนั้น เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มจริงจังขณะที่ก้าวขึ้นไปบนศพขนทมิฬอีกตัวหนึ่งที่เพิ่งเผยตัวและใช้คบเพลิงจุดเผาร่างของพวกมันแทนที่จะเสียเวลาเด็กหนุ่มก้าวไปข้างหน้าขณะจุดไฟยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่พิษยิ่งหนาแน่นเสียงฟูดังขึ้น ขณะพิษกัดกร่อนพลังงานภายนอกอย่างไม่หยุดหย่อน
ตงจื่อตัวติดกับเซี่ยงเส้าหยุน เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้ด้วยเป็นนักสู้ผู้มากความสามารถแต่ก็ไม่อาจเข้าไปในถ้ําได้ลึกกว่านี้ขณะเดียวกันทั้งสองได้พบศพขนทมิฬที่น่ากลัวหลังจากลังเลเพียงครู่ เขาหยิบก้านยาวิญญาณและยัดเข้าปากยาวิญญาณซึ่ง สามารถต้านทานพิษและยังดีกว่าเม็ดยาต้านพิษในตอนแรกเสียอีก
“ข้าจะไม่เป็นภาระ!” ตงจอกล่าวคําเบาก่อนจะวิ่งตามเซี่ยงเส้าหยุนพร้อมยกดาบขึ้น
แม้จะมีศพขนทมิฬจํานวนไม่มากภายในถ้ํายิ่งเข้าไปลึกเพียงใด ก็ยิ่งพบพวกมันน้อยลงถึงกระนั้นพวกมันที่ปรากฏด้านในช่างแข็งแกร่งกว่าตัวก่อนหน้ามากหากไม่ใช้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพ คงไม่อาจเอาชนะพวกมันได้ด้วยการฟันเพียงครั้งเดียวด้วยศพขนทมิฬมีผิวหนังที่แข็งอย่างไม่น่าเชื่อและขนสีดําประปรายไฟธรรมดาไม่อาจทําอะไรมันได้อีก
“นี่อาจเป็นสัญญาณว่าศพเหล่านี้ได้กลายสภาพเป็นผีดิบเต็มตัว” เซี่ยงเส้าหยุนพึมพํา
ด้วยไม่เข้าใจว่านิกายหุบเขาทมิฬค้นพบสิ่งในในระหว่างการขุดสถานที่ฝังศพลังจากขุดมาเป็นระยะเวลาเนิ่นนานยิ่ง เข้าไปลึกเพียงใดภายในถ้ํายิ่งกว่างขวางขึ้นเห็นได้ชัดว่าเป็นสถานที่ซึ่งถูกมนุษย์สร้างขึ้น
ปัจจุบัน เซี่ยงเส้าหยุนหยุดเดินและยืนอยู่ที่นั่นเพื่อศึกษาห้องซึ่งมีกําแพงสีดําสนิทมันถูกสร้างขึ้นจากแร่โลหะทมิฬที่นิกายหุบเขาทมิฬกําลังขุด
เซี่ยงเส้าหยุนสนใจแร่โลหะทมิฬเล็กน้อยขณะจ้องมองไปยังรอยปุ่มรูปมนุษย์ทั้งสามสิบหกชิ้นบนพื้นมีผีดิบอยู่ภายในหลุมละตัวซึ่งทั้งหมดสวมเกราะโบราณและถืออาวุธบางอย่างไว้ในมือไม่มีสัญญาณชีวิตอยู่ภายในเห็นได้ชัดว่าพวกเขาสิ้นชีพอย่างเนิ่นนาน