ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 85 ล่า
ตอนที่ 85 ล่า
เมื่อลูเมี่ยนรับรู้สถานการณ์ ก็หันหลังวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
แถวนี้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อม อีกทั้งยังไม่เข้าใจความสามารถของสัตว์ประหลาดช่างตีเหล็ก จะให้ทำอย่างไรได้นอกจากหนี?
รอจนหนีไปให้ถึงกับดักธรรมชาติที่ใกล้ที่สุด ระหว่างที่อีกฝ่ายก้มหน้าก้มตาไล่ล่าอย่างไม่ลดละ นั่นคือเวลาโต้กลับ
กึกกึกกึก!
ลูเมี่ยนไม่ได้วิ่งเป็นเส้นตรง แต่วิ่งเป็นรูปตัว S คล้ายกับงู
ที่ทำแบบนี้เพราะกลัวจะถูกทำนายเส้นทางการเคลื่อนไหว แล้วโยนลูกไฟหรือซัดอาวุธระยะไกลเข้าใส่
หากเป็นเมื่อก่อน ลูเมี่ยนวิ่งในวิถีโค้งได้บ้างก็จริง แต่บางครั้งต้องชะลอความเร็วเพื่อลดแรงเฉื่อย ไม่เช่นนั้นร่างกายอาจรับไม่ไหว หรือไม่ก็เซล้มลง
แต่ตอนนี้ต่างออกไป ร่างกายเด็กหนุ่มยืดหยุ่นเหนือมนุษย์มนา กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นยืดขยายได้มากกว่าปกติหลายเท่า ช่วยให้หมุนร่างกายครึ่งวงกลมได้อย่างลื่นไหลนุ่มนวล
อาศัยเทคนิคดังกล่าว เขาเชื่อว่าตราบใดที่สัตว์ประหลาดช่างตีเหล็กไม่มีพลังพิสดาร ตนจะหลุดพ้นจากเขต ‘กำแพงเมือง’ และเข้าสู่ซากบ้านที่อยู่ห่างออกไปราวๆ เจ็ดแปดเมตรได้อย่างราบรื่น
ทันใดนั้น หัวใจของเขารู้สึกเหมือนถูกบีบรัด ลางสังหรณ์กำลังร้องเตือนอย่างแรงกล้า
โดยไม่ต้องคิดหรือวิเคราะห์ ลูเมี่ยนอาศัยแรงเฉื่อยจากการวิ่ง เพื่อมุ่งม้วนตัวไปข้างหน้า
ท่ามกลางเสียง ‘ปึด’ หลังของเด็กหนุ่มพลันเจ็บปวดรวดร้าว มีดสั้นประหลาดสีเงินดำกรีดเฉือนไปตามแผ่นหลังจนเลือดสีแดงสดไหลซึม
สัตว์ประหลาดช่างตีเหล็กใช้เพียงหนึ่งก้าว ก็เข้าประชิดตัวลูเมี่ยนจากด้านหลัง พร้อมกับกวัดแกว่งอาวุธในมือ
ราวกับอีกฝ่ายย่นระยะทางหลายสิบก้าว ให้เข้าประชิดตัวได้ด้วยก้าวเดียวเท่านั้น!
ลูเมี่ยนกัดฟันทนความเจ็บปวด กลิ้งม้วนหน้าไปสองตลบ จนกระทั่งมาถึงด้านนอกซากบ้านที่พังไปกว่าครึ่งหลัง
เด็กหนุ่มใช้สองมือพยุง รีบกระโดดเข้าไปด้านใน อาศัยผนังกับเครื่องเรือนในบ้านเป็นที่กำบังหลบซ่อน จนกระทั่งสบโอกาสวิ่งออกทางประตูหลัง
ได้กลับมาในละแวกนี้ เขาเหมือนเสือในภูเขาลึก เหมือนแซลมอนเข้าสู่ลำน้ำ วิ่งปราดไปตามซากบ้านหลังแล้วหลังเล่าอย่างคล่องแคล่วว่องไว บ้างก็อ้อมค้อม บ้างก็ตรงดิ่ง
เพียงไม่กี่วินาที เด็กหนุ่มมาถึงกับดักธรรมชาติที่เคยเล็งไว้ในตอนแรก อาศัยแผ่นหลังคาเป็นกำบังซ่อนกาย รอคอยสัตว์ประหลาดช่างตีเหล็กที่กำลังจะมาถึง
เขาไม่พยายามเต้นบวงสรวง เพราะเชื่อว่าคงไม่ทัน เนื่องจากชัดเจนแล้วว่าอีกฝ่ายมีพลังวิเศษสำหรับไล่ล่า
นาทีแล้วนาทีเล่าผ่านไป ลูเมี่ยนไม่พบสัตว์ประหลาดช่างตีเหล็ก ไม่ได้ยินเสียงใดเข้ามาใกล้ ไม่พบแม้กระทั่งรอยเท้าจางๆ
“ไม่ได้ไล่ตามมา?” ลูเมี่ยนขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
เด็กหนุ่มโล่งใจก็จริง แต่ก็รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล
หลังจากคิดอยู่พักใหญ่ เขาเดาว่าสัตว์ประหลาดช่างตีเหล็กคงไม่สามารถออกจากเขต ‘กำแพงเมือง’ ได้ไกลนัก ดังนั้นเมื่อตนเข้ามาหลบในซากบ้าน อีกฝ่ายจึงยอมแพ้ไม่ไล่ตาม
นึกถึงอารามตกใจสองครั้งใหญ่ๆ ก่อนหน้านี้ ผนวกกับความเหนื่อยล้าในปัจจุบัน ลูเมี่ยนตัดสินใจไม่สำรวจต่อ
อาศัยความยืดหยุ่นที่เหนือธรรมดา เด็กหนุ่มจัดการบาดแผลกลางหลัง แล้วเดินย้อนรอยทางเดิมเพื่อกลับไปยังวงแหวนรอบนอก
เดินไปได้สักพัก ขณะกวาดสายตามองซากอาคารบ้านเรือนรอบๆ ตัวที่ดูคุ้นตา ความไม่ถูกไม่ควรมีแต่จะยิ่งชัดเจน
“ผ่านไปนานเท่ากับกินมื้อเย็นแล้ว… แดนซากปรักหักพังความฝันไม่ได้ใหญ่โตอะไร เราก็เดินตรงมาตลอด ทำไมถึงยังไม่พ้นเขตเสียที?”
ยิ่งลูเมี่ยนคิดก็ยิ่งมั่นใจว่าไม่ปกติ จนกระทั่งความคิดของเขาก็เริ่มช้าลง เริ่มขาดช่วง คล้ายกับถูกความเหน็ดเหนื่อยรุมเร้าถาโถม หรือไม่ก็ใกล้จะผล็อยหลับเต็มที
เด็กหนุ่มรีบข่มสติ อาศัยความสามารถของนักล่าในการจำแนกเส้นทาง หวังว่าจะหลุดพ้นจากเขตซากอาคารโดยเร็ว
แต่ยิ่งเดินไป ความทรงจำก็ยิ่งหดหาย จนในที่สุดก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังทำอะไร
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ แสงไฟสีส้มสะท้อนอยู่บนกระจกตาลูเมี่ยน
เขากลับมายังเขต ‘กำแพงเมือง’ อีกครั้ง กลับมายังห้องของสัตว์ประหลาดช่างตีเหล็ก
“ท่าไม่ดีแล้ว…”
“เราถูกมัน… เล่นงาน?”
“เข้าใจแล้ว… ว่าทำไม… ถึงไม่ไล่ตาม…”
“คงใช้กำลัง… ฝ่าออกไป… ไม่ได้… ต้อง… หาทางหนี… จาก… สัตว์ประหลาดนั่น…”
ความคิดของลูเมี่ยนเชื่องช้าและติดขัดมากขึ้นเรื่อยๆ
เด็กหนุ่มเดินเข้าใกล้ห้องนั้นอย่างยากลำบาก พลางระบำบวงสรวงอย่างทุลักทุเล
เนื่องจากต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดช่างตีเหล็ก อาวุธที่พึ่งพาได้มากที่สุดย่อมต้องเป็นสัญลักษณ์หนามดำบนหน้าอก ไม่ว่ายังไงก็ต้องรีบกระตุ้นให้ปรากฏออกมา!
ขณะกำลังเต้นระบำอย่างไม่ต่อเนื่อง ลูเมี่ยนเห็นบานประตูเปิดอ้าพร้อมกับแสงสีส้มที่เล็ดลอดออกมา สัตว์ประหลาดในชุดคลุมยาวสีดำ กำลังถือมีดสั้นสีเงินดำกับค้อน ย่างกรายออกจากประตู
แตกต่างจากก่อนหน้านี้ รอยเน่าบนใบหน้าของมันหายไปหลายส่วน แผลที่เคยเห็นกระดูกก็กลับมามีเนื้อหนังปกปิด
ดวงตาของมันแวววาวอย่างมีชีวิตชีวา จ้องมายังลูเมี่ยนด้วยสายตาละโมบโลภมาก รอยยิ้มรอบปากไม่อาจซ่อนได้มิดชิด
ภาพนี้ทำให้ ‘มัน’ ดูเหมือนคนมากกว่าซอมบี้
ในเวลาเดียวกัน ลูเมี่ยนเห็นภาพสะท้อนของตัวเองบนกระจกหน้าต่าง
ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาไร้ชีวิตชีวา ผิวหนังบางส่วนมีร่องรอยเน่าเปื่อย
เขาดูเหมือนซอมบี้มากกว่าคน
วินาทีนี้เองที่ลูเมี่ยนกระจ่างแจ้ง
“ฉันจะ… แทนที่… สัตว์ประหลาดนั่น… และมัน… จะออกไป… ในฐานะ… มนุษย์…”
ลูเมี่ยนไม่รู้เลยว่าตนถูกอิทธิพลใดเล่นงาน หรือสัมผัสกับสิ่งผิดปกติเข้าตอนไหน แต่ในหัวเหลือเพียงความคิดเดียวตอนนี้ นั่นคือเต้นระบำบวงสรวงให้เสร็จลุล่วง กระตุ้นสัญลักษณ์หนามดำบนหน้าอก แล้วฝืนดิ้นรนเฮือกสุดท้าย
เขาเริ่มขยับขาเต้นอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคง สัตว์ประหลาดช่างตีเหล็กก็มิได้โจมตีเข้ามา คล้ายกับมันก็รอให้ลูเมี่ยนเต้นจบ ด้วยเกรงว่าการลงมือใดๆ จะทำให้ชะตากรรมของตนเปลี่ยนไป
ก้าวเข้าใกล้ทีละนิด เต้นระบำไปทีละจังหวะ สายตาของลูเมี่ยนเริ่มมืดมัว เห็นเพียงสัตว์ประหลาดช่างตีเหล็กที่ยิ่งฉีกยิ้มเข้มข้น ดูคล้ายคนมากกว่าที่เคยเป็น
หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ลูเมี่ยนได้ยินเสียง ‘ฮึง’ ในหัว
เสียงอันน่ากลัวที่คล้ายกับดังมาจากไกลอนันต์แต่ใกล้มหันต์ ดังแว่วขึ้นอีกครั้ง
เสียงดังกล่าวไม่ชัดเจนนัก ใกล้เคียงกับอาการหูฝาด ทำให้จิตใจของเขาพอสับสนอยู่บ้าง แต่มิได้มอบประสบการณ์เฉียดตาย
ท่ามกลางความปั่นป่วนนี้ สติของลูเมี่ยนกลับมาคมชัดในทันที การมองเห็นกลับเป็นปกติ
หน้าอกเริ่มร้อนรุ่ม สื่อได้ว่าสัญลักษณ์หนามดำถูกกระตุ้นสำเร็จ
แทบจะในเวลาเดียวกัน เขาพบว่ารอยยิ้มบนใบหน้าสัตว์ประหลาดช่างตีเหล็กกำลังชะงักงัน
ก้อนเนื้องอกทยอยผุดขึ้นตามใบหน้า ศีรษะ และหลังมือของมัน ทั้งหมดมีสีเงินอ่อน แต่ก็มีสีดำแซมอยู่บางส่วน
มีดสั้นพิสดารในมือของมันเริ่มสั่นด้วยเสียง ‘หงึกหงึก’ คล้ายกับกำลังสะท้าน
เปรี้ยะ!
ท่ามกลางเสียงโลหะกระทบ ผิวมีดสั้นสีเงินเหลือบดำที่สลักลวดลายซับซ้อน บังเกิดรอยแตกลึก
สัตว์ประหลาดช่างตีเหล็กพังทลายลงทันที กลายเป็นก้อนเนื้อสีเงินอ่อนปนดำกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น บนชุดคลุมสีดำเต็มไปด้วยหนอนแมลงดีดดิ้นชอนไช
ไม่นานหนอนแมลงกับเนื้องอกก็หยุดขยับ กลายเป็นเพียงก้อนเนื้อสีเทาขาว
ลูเมี่ยนมองดูเหตุการณ์ด้วยความงุนงง หวนนึกถึงอดีตเมื่อครั้งที่ตนเคยเสียท่าศัตรูไปแล้ว หมดสิทธิ์ต่อต้านไปแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับระเบิดตัวเองตายไปเสียก่อน
หลังจากผ่านไปราวๆ สิบวินาที เด็กหนุ่มหัวเราะเยาะก้อนเนื้อด้วยความสมเพชปนสงสัย
“แกเรียกฉันกลับมาที่นี่ ก็เพื่อให้ช่วยจัดพิธีฌาปนกิจสินะ?”
“ทีหลังก็บอกกันก่อนสิ ไม่เห็นต้องทำอะไรยุ่งยากเลย เรื่องแบบนี้ฉันสนับสนุนอยู่แล้ว ซ้ำยังจะปรบมือส่งท้ายให้ด้วย!”
เด็กหนุ่มเดินไปข้างหน้าสองก้าว เข้าใกล้ก้อนเนื้อที่เดิมทีเคยเป็นสัตว์ประหลาดช่างตีเหล็ก พลางตรวจสอบอย่างเอาจริงเอาจัง
เขาไม่พบความผิดปกติด้านอื่น นอกจากสังเกตเห็นว่ามีดสั้นสีเงินดำที่แตกเล็กน้อย ยังคงสั่นไหวแผ่วเบา คล้ายกับสัตว์เล็กๆ ที่บาดเจ็บจากการปะทะกับศัตรูตามธรรมชาติ
ลูเมี่ยนรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัด จึงก้มมองตำแหน่งฝั่งซ้ายของหน้าอก ประหนึ่งว่าเห็นทะลุเสื้อผ้าไปถึงสัญลักษณ์หนามดำ
เขาได้รับแรงบันดาลใจบางอย่าง จึงยื่นมือขวาออกไป คว้ามีดสั้นสีเงินเหลือบดำเล่มนั้นไว้
มีดสั้นสุดประหลาดสั่นแรงกว่าเก่า แต่ไม่พยายามขัดขืนหรือต่อต้าน เรียกได้ว่าค่อนข้าง ‘เชื่อง’
ยิ่งลูเมี่ยนจับมีดสั้นนานเข้า ความร้อนบนหน้าอกก็ยิ่งระอุ
ผ่านไปสักพัก เขาพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างหลั่งไหลออกมา สร้างความเชื่อมโยงกับมีดสั้นสีเงินดำเล่มนี้
ท่ามกลางเสียงสั่นของโลหะ ความรู้ใหม่แพร่ซึมเข้ามาในหัวสมองลูเมี่ยน เป็นข้อมูลเกี่ยวกับมีดสั้นพิสดารในมือ
นี่คืออาวุธวิเศษที่ถูกปนเปื้อนอย่างรุนแรง จนได้รับพลังและสัญญาณชีพ
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง สิ่งที่ลูเมี่ยนเผชิญหน้าเมื่อสักครู่มิใช่สัตว์ประหลาดช่างตีเหล็ก แต่เป็นมีดสั้นประหลาดเล่มนี้ ช่างตีเหล็กเป็นเพียงหุ่นเชิดหรือ ‘ผู้ถือมีด’ เท่านั้น
สรรพคุณของมีดคือการทำให้สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ที่สัมผัสกับมันด้วยเนื้อหนัง เปลี่ยนเป็นซอมบี้ สูญเสียตัวตนอย่างต่อเนื่อง ไม่ยอมปล่อยมือออกจากมีด เคลื่อนไหวไปตามเจตจำนงของมีด
และบุคคลที่ถูกมันกรีดจนเลือดไหล จะถูกมันล่าเพื่อแลกเปลี่ยนชะตากรรมบางส่วน
ระหว่างกระบวนการแลกเปลี่ยนชะตากรรม จะไม่สามารถทำอันตรายใดกับเป้าหมายได้อีก
เมื่อสักครู่ มันได้แลกเปลี่ยนชะตากรรม ‘การกลายเป็นหุ่นเชิด’ ของสัตว์ประหลาดช่างตีเหล็ก กับชะตากรรม ‘การหนีออกจากทุ่งร้างในฐานะมนุษย์’ ของลูเมี่ยน
หากไม่มีสิ่งใดให้แลกเปลี่ยน ก็ต้องสังหารเป้าหมายให้สิ้นซากสถานเดียว เพื่อแยกชะตากรรมบางส่วนออกมาเก็บไว้ในมีด
ความสามารถนี้อยู่บนเส้นทาง ‘นักเต้น’ เป็นพลังของลำดับ 5 นักล่าชะตากรรม!
ดังนั้น เมื่อมลพิษในตัวลูเมี่ยนถูกกระตุ้น มันจึงสร้างการเชื่อมโยงกับมีดสั้นผ่านการสัมผัสด้วยเนื้อหนัง จนความรู้ไหลเข้ามาในหัวสมอง
หากไม่แล้ว เขาก็ต้องขอให้คนอื่นช่วยตรวจสอบมีดด้วยพลังทำนาย หรือไม่ก็อาศัยหลักการจำแนกลวดลาย เพื่อให้ทราบถึงความสามารถและประโยชน์ของมีดสั้นสีเงินดำ หรือไม่ก็ต้องทดลองไปเรื่อยๆ ด้วยตัวเองเพื่อเก็บข้อมูล
หลังจากทบทวนความรู้ในสมอง ลูเมี่ยนก้มมองมีดสั้นในมือพลางหัวเราะเยาะ
“อันที่จริง ฉันก็ไม่ถือหรอกนะถ้าแกอยากจะชิงชะตากรรมบางส่วนไป แต่ช่วยรับมันให้ได้ด้วยสิ!”
“หรือถ้าอยากแลกเปลี่ยนกับชะตากรรมที่ฉันติดอยู่ในวัฏจักรเวลา ฉันจะยอมคุกเข่าคารวะสามครั้งให้เลย!
“เฮ้อ… การไล่ล่าชะตากรรมส่งเดชน่ะ มีแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเองเท่านั้น!”
มีดสั้นสีเงินดำเพียงสั่นสะเทือนเบาๆ แต่ก็ไม่โต้ตอบ
ลูเมี่ยนเข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึง ‘เชื่อง’ นัก
ประการแรก เกิดจากการกดขี่ของสัญลักษณ์หนามสีดำที่ถูกกระตุ้น
ประการที่สอง ประสบการณ์เมื่อครู่ทำให้อาวุธวิเศษที่มีสัญญาณชีพเล่มนี้ ได้รับบาดแผลทางใจอย่างสาหัส
หลังจากถอนหายใจ ลูเมี่ยนพูดกับมีดสั้นพิสดาร
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แกจะถูกเรียกว่า ‘มีดล่าชะตากรรม’ … เป็นยังไงบ้าง ตรงประเด็นและจำง่ายใช่ไหมล่ะ?”
มีดสั้นสีเงินดำสั่นขึ้นลงสองครั้ง คล้ายกับเป็นการพยักหน้า
“น่าเสียดาย แกเป็นแค่อาวุธวิเศษ พลังจะค่อยๆ ถดถอยอย่างต่อเนื่อง จากเดิมทีสามารถใช้งานได้อีกสองปี แต่ด้วยความเสียหายล่าสุด อายุขัยคงเหลือแค่ครึ่งปีเท่านั้น” ลูเมี่ยนพูดด้วยความเสียดาย
อันที่จริง เขาสามารถทำพิธีกรรมเพื่อดึงพลังจากมลพิษในตัว ออกมาต่ออายุขัยให้กับ ‘มีดล่าชะตากรรม’ ได้ แต่ต้องมีคนช่วยซ่อมแซมรอยแตกเสียก่อน
กล่าวจบ ลูเมี่ยนพบว่าความร้อนบนหน้าอกกำลังเลือนหาย
เพิ่งจะผ่านไปหนึ่งนาทีหลังจากเต้นระบำรอบล่าสุด
โดยแทบไม่ต้องคิด เด็กหนุ่มทิ้งมีดล่าชะตากรรมในมือทันที ราวกับว่ามันเป็นเพียงก้อนถ่านที่ถูกเผาจนแดง
……………………………………………………..