ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 82 ทำนายด้วยฝัน
ตอนที่ 82 ทำนายด้วยฝัน
ในบ้านสองชั้นครึ่งรวมใต้ดิน โดยไม่พูดไม่จา ลูเมี่ยนกับโอลัวร์กินอาหารกลางวันที่ค่อนข้างสายแล้ว
เนื้อแกะที่ควรจะนุ่ม เมื่อเข้าปากทั้งสองก็ราวกับไร้ซึ่งรสชาติโดยสิ้นเชิง
หลังจากพอประทังความอิ่มท้อง ลูเมี่ยนเตรียมเก็บจานชาม แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งจากระยะไกล ดังใกล้เข้ามา
“พวกลีอา?” เด็กหนุ่มหันไปมองที่ประตู
โอลัวร์ก็สังเกตเห็น จึงวางมีดส้อมในมือลง เงยหน้ามองไปที่ประตูบ้าน
ไม่นานนัก กริ่งประตูบ้านก็ดังขึ้น
ลูเมี่ยนไม่ลังเล ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปถึงประตูแล้วมองผ่านตาแมว
ไม่ผิดจากที่คิด ด้านนอกคือพวกลีอา คนต่างถิ่นทั้งสาม
แตกต่างจากตอนที่แยกกันครั้งสุดท้าย วาเลนไทน์ได้ฤกษ์เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียที — อิทธิพลจาก ‘ผู้ทนทุกข์’ ทำให้เสื้อผ้าไหม้ไปบางส่วน แม้บาดแผลบนร่างกายจะฟื้นฟูกลับมาเพราะคุณนายปัวริส แต่เสื้อผ้าที่ไหม้เกรียมไปแล้ว ไม่อาจคืนสภาพเดิม
ลูเมี่ยนเปิดประตูออก ยิ้มอย่างเป็นมิตรพร้อมกับพูด
“พวกกะหล่ำปลีของฉัน คิดถึงกันแล้วหรือ? มาหาเร็วจังเลยนะ”
“โอ้… ถ้าจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้สินะ ไอ้ชุดเนี่ย”
วาเลนไทน์มิได้สวมเสื้อกั๊กสีขาวกับทวีดแจ็กเกตสีน้ำเงินตัวเก่า แต่เปลี่ยนเป็นเสื้อกั๊กสีเหลืองกับสูทสีดำ กางเกงยังคงเป็นสีเข้ม ส่วนลีอายังอยู่ในชุดกระโปรงแคชเมียร์สีขาว แต่ตรงท้องกับข้อมือเพิ่มของตกแต่งเป็นดอกไม้ผ้าสีขาว ใหญ่หนึ่งดอก เล็กสองดอก บดบังรอยฉีกขาดได้เป็นอย่างดี ในกรณีของไรอัน ลูเมี่ยนดูไม่ออกว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนชุดหรือไม่ แต่ก็ไม่พบรอยขาดตรงจุดที่ได้รับบาดเจ็บ จึงเดาว่าคงเตรียมชุดที่เหมือนกันไว้สองเซต
“สำหรับสองเรื่องที่ให้ไปสืบ พวกเราได้ความคืบหน้ามาแล้ว” ไรอันตอบอย่างหนักแน่น พลางส่งสายตาบอกใบ้ให้เข้าไปคุยข้างใน
ลูเมี่ยนหันกลับไปปรึกษาพี่สาว แล้วหันกลับมาเปิดประตู เชื้อเชิญสามนักสืบจากทางการเข้าไปในบ้าน
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกไรอันได้เจอกับโอลัวร์ ทุกคนทักทายกันอย่างสุภาพ
“เรื่องที่ราศีกำลังจะเปลี่ยน ชาวบ้านกำลังจะพบโชคลาภ เรายืนยันได้ว่าเป็นข่าวที่แพร่โดยหลวงพ่ออธิการโบสถ์” หลังจากนั่งลงตรงโต๊ะอาหาร ไรอันไม่มัวพิรี้พิไร รีบเข้าประเด็นหลักทันที “แต่เรื่องราวอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด… เพราะทั้งลักษณะคำพูดและคารมคมคาย ค่อนข้างคล้ายคลึงกับพวกแม่หมอตามชนบท หลวงพ่อไม่น่าจะคิดเรื่องแบบนี้เองได้”
แม่หมอในชนบทหมายถึง บุคคลที่มีงานเสริมเป็นการทำนายทายทักดวงชะตาตามเมืองเล็กๆ หรือหมู่บ้าน
โอลัวร์พยักหน้าอย่างตรึกตรอง
“หรือว่าจะได้รับอิทธิพลจากจอมเวทที่ตายไป?”
“บางที… นี่คงเป็นวิธีที่ใช้ล่อลวงชาวบ้านให้แอบบูชาเทพมาร”
“ทำไมพวกชาวบ้านถึงหลงเชื่ออะไรกันง่ายๆ แบบนี้!” วาเลนไทน์คำรามต่ำอย่างโกรธขึ้ง
สีหน้าแววตาทำราวกับไม่เข้าใจว่า เหตุไฉนชาวบ้านกอร์ตูถึงได้โง่งมเพียงนี้
ทำไงได้ล่ะ… ก็การศรัทธาในองค์สุริยันเจิดจรัส ไม่ได้ช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากความยากจน ซ้ำยังถูกขูดรีดจากหลวงพ่อกับเจ้าหน้าที่ปกครองอยู่เรื่อยๆ … โอลัวร์ไม่ได้พูดความคิดออกไป ไม่อยากปะทะกับวาเลนไทน์ที่กำลังโมโห
เธอสามารถจินตนาการได้ว่า เมื่อชาวบ้านบางคนถูกล่อลวงให้ทำสิ่งที่ถือเป็นการบูชาเทพมาร ชาวบ้านเหล่านั้นจะได้รับผลประโยชน์บางอย่างจากหลวงพ่อกับพวกลิ่วล้อ เช่นยอดบริจาคแด่องค์สุริยันเจิดจรัสสามารถลดเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง หรือการไม่ถูกปงส์·เบเนต์ทำร้าย หรือการใช้ชื่อของนักเลงรายนี้เพื่อข่มขู่ชาวบ้านที่เป็นอริกัน โดยสรุปแล้ว พวกเขาจะสัมผัสได้ว่า ‘โชคลาภ’ ของตนมีการเปลี่ยนแปลง ชีวิตมีความหวัง จึงยิ่งเพิ่มความศรัทธา
แน่นอน โอลัวร์ไม่ได้มองว่าพวกชาวบ้านทำถูกต้อง เพราะท้ายที่สุดแล้ว รัฐบาลกับศาสนจักรต้องการเพียงเงิน แต่ลัทธินอกรีตต้องการชีวิต
ไม่มีใครตอบคำถามของวาเลนไทน์ มีเพียงลูเมี่ยนที่แนะนำด้วย ‘เจตนาดี’
“คุณต้องไปถามพวกเขาเอาเอง ทำการสืบสวนว่า ‘เหตุใดศรัทธาถึงสั่นคลอนได้ง่ายนัก’”
“ถ้าคุณหาคำตอบพบ องค์สังฆราชจะต้องชื่นชมคุณมากแน่”
‘สังฆราช’ คือชื่อเรียกองค์สันตะปาปาของศาสนจักรสุริยันเจิดจรัส หลายๆ ศาสนาก็ใช้คำนี้เรียกผู้นำสูงสุดของตน เดิมทีลูเมี่ยนก็ไม่เข้าใจ แต่หลังจากได้อ่านเอกสารอ้างอิงที่โอลัวร์ซื้อมาก็กระจ่าง
วาเลนไทน์เงียบไป ดูสนใจอยู่ในที
โอลัวร์มองไรอันแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย
“หาสามีของฌิบริล… ฌ็อง·โมรีเจอแล้วหรือ?”
ไรอันหันไปมองลีอา ส่งสัญญาณให้เธอพูด
ลีอาผงกหัวรับ
“พวกเราแอบเข้าบ้านของฌ็อง·โมรีแล้วขโมยข้าวของเครื่องใช้มาหนึ่งชิ้น”
“อาศัยวัตถุดังกล่าว ฉันลองทำนายด้วยความฝัน”
ทำนายด้วยฝัน… โอลัวร์ผงกหัวเล็กน้อย ดูไม่แปลกใจอะไร
เมื่อวานลูเมี่ยนได้บรรยายการสำรวจปราสาทให้ฟังแล้ว เธอจึงลองคาดคะเนเส้นทางและลำดับของนักสืบทั้งสามตามสิ่งที่แสดงออกมา
ชัดเจนว่าลีอามาจากเส้นทาง ‘นักทำนาย’ ที่พบได้บ่อยในอินทิส และไม่ใช่ลำดับ 9 นักทำนาย หรือลำดับ 8 ตัวตลก แต่อย่างน้อยต้องลำดับ 7 นักมายากล ซึ่งสามารถเดาได้จากพลังวิเศษอย่าง ‘กระดาษคนตัวแทน’ และ ‘ย้ายความเสียหาย’ รวมถึงความชำนาญในการทำนายและทักษะด้านกายกรรม
โอลัวร์ไม่แน่ใจว่าลีอาไปถึงลำดับ 6 แล้วหรือยัง เพราะเธอไม่มีข้อมูลของพลังในลำดับที่สูงกว่า
วาเลนไทน์มาจากเส้นทาง ‘สุริยัน’ เส้นทางหลักที่ศาสนจักรสุริยันเจิดจรัสควบคุมอยู่ ในทำนองเดียวกัน ลำดับของเขาไม่ใช่ลำดับ 9 นักขับขาน หรือลำดับ 8 ผู้ภาวนาแห่งแสง โอลัวร์สามารถสรุปได้จากการใช้พลัง ‘อัญเชิญแสงศักดิ์สิทธิ์’ ‘ทำน้ำมนต์’ และ ‘สุริยันทรงกลด’ ว่าลำดับของวาเลนไทน์คือลำดับ 7 ‘ข้ารับใช้สุริยัน’ และน่าจะยังไม่ถึงลำดับ 6 ‘ผู้รับรอง’ เพราะยังไม่ได้สำแดงพลังที่เกี่ยวข้องออกมา
พลังวิเศษของไรอันไม่ใช่ประเภทที่พบได้บ่อยในอินทิส คงจะเป็นเส้นทาง ‘นักรบ’
เส้นทางนี้ถูกควบคุมโดยศาสนจักร ‘เทพสงคราม’ แห่งจักรวรรดิฟุซัคทางตอนเหนือ แต่ในช่วงห้าหกปีหลัง ตามประเทศต่างๆ มีผู้วิเศษและสัตว์วิเศษเส้นทางนักรบปรากฏตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ในสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก มีหลายคนเลือกเส้นทางนี้ทั้งโดยสมัครใจและจำใจ
เท่าที่โอลัวร์ทราบ เส้นทางนักรบมีอีกชื่อหนึ่งว่าเส้นทาง ‘ยักษา’ ลำดับ 9 นักรบ ลำดับ 8 กลาดิเอเตอร์ ลำดับ 7 เจ้าศาสตรา ลำดับ 6 คือลำดับที่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพจากลำดับก่อนหน้า ชื่อว่า ‘อัศวินรุ่งอรุณ’ มีพลังเหมือนคนยักษ์ สามารถสร้าง ‘แสงรุ่งอรุณ’ ในบริเวณใกล้เคียงเพื่อขจัดภาพลวงตาและพลังงานด้านลบหรือชั่วร้าย
เส้นทางนี้ยังสามารถควบแน่นแสงเพื่อสร้างชุดเกราะ ‘รุ่งอรุณ’ กับอาวุธที่เส้นทางนี้ชำนาญที่สุด— ‘ดาบแสงแรก’ มีลักษณะเป็นดาบใหญ่สองมือ และด้วยดาบแสงแรกนี้เอง พวกเขาสามารถใช้ท่าไม้ตายของลำดับ— ‘พายุแสง’ ที่มีอานุภาพทำลายร่างกายมนุษย์ ขจัดวิญญาณอาฆาต หรือแม้กระทั่งทำให้วิญญาณมารบาดเจ็บ
จากภาพรวมของสิ่งที่ไรอันแสดงออกมา โอลัวร์สันนิษฐานว่าอีกฝ่ายอยู่ในลำดับ 6 อัศวินรุ่งอรุณ แต่ยังไม่ถึงลำดับ 5 การ์เดี้ยน
เดิมที เธอก็คิดว่านักสืบทั้งสามไม่ด้อยกว่าตนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ค้นพบว่ามีบางคนแข็งแกร่งกว่าคนอื่น หากไม่เตรียมตัวให้ดี เกรงว่าเธอคงดวลตัวต่อตัวไม่ชนะใครเลย
ควรทราบไว้ว่า ในการแบ่งลำดับอย่างเป็นทางการ ลำดับ 9 และ 8 ถูกมองว่าเป็นลำดับต่ำ มีความสามารถเหนือคนธรรมดาเพียงเล็กน้อย อีกทั้งข้อบกพร่องก็ยังชัดเจน ส่วนลำดับ 7 ถึง 5 คือลำดับกลางที่เริ่มมีพลังเหนือธรรมชาติของจริง ลำดับ 4 ก็ยิ่งเหนือไปกว่านั้น ก้าวเข้าสู่ขอบเขตของเทพ คู่ควรแก่การถูกเรียกว่าลำดับสูง
ตามรายงานของคนในสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก ผู้แทรกซึมอยู่ในหน่วยงานของทางการ หากเป็นคดีเหนือธรรมชาติทั่วไป หน่วยแรกที่ถูกส่งเข้าไปก่อนคือทีมของผู้วิเศษลำดับกลางหนึ่งคน และลำดับต่ำสองคน จากนั้นก็ประเมินความร้ายแรง แล้วส่งทีมผู้วิเศษเข้าไปสมทบตามความเหมาะสม แต่ในคราวนี้ เพื่อสืบสวนความผิดปกติของหมู่บ้านกอร์ตู ทางการอินทิสได้ส่งทีมนักสืบลำดับกลางถึงสามคนตั้งแต่รอบแรก ถือว่าประเมินอันตรายไว้ค่อนข้างสูง
แต่แม้จะเป็นทีมสืบสวนที่แข็งแกร่งเพียงนี้ ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับหมู่บ้านกอร์ตู
สำหรับข้อมูลข้างต้น โอลัวร์เคยเล่าให้ลูเมี่ยนฟังแล้ว ขณะนี้สองพี่น้องกำลังเงียบฟังคำอธิบายของลีอา
“ในการทำนายด้วยฝัน ฉันเห็นคนเลี้ยงแกะปิแยร์·แบรีถือเล็บที่พันด้วยเส้นผมเดินออกจากบ้าน แล้วยัดมันเข้าไปในกองฟาง” ลีอาอธิบายภาพที่ตนเห็นด้วยคำพูดที่ง่ายที่สุด
กองฟาง… เล็บและเส้นผม… ลูเมี่ยนพลันนึกถึงสิ่งที่ตนเห็นหลังจากตามแกะสามตัวนั้นไป
ตอนนั้นเขาก็พบเล็บที่พันด้วยเส้นผม ซุกอยู่ในกองฟางในคอกแกะบ้านแบรีเช่นกัน
เด็กหนุ่มพูดพลางขมวดคิ้ว
“นี่คือเล็บกับเส้นผมของฌ็อง·โมรี?”
“เขาถูกคนเลี้ยงแกะปิแยร์·แบรีฆ่า? เหตุเกิดที่บ้านแบรี?”
“ตามปกติแล้ว ธรรมเนียมการซ่อนเล็บและเส้นผมไว้นอกบ้านเพื่อไม่ให้ส่งผลต่อราศีและโชคลาภของครอบครัว จะใช้กับสมาชิกในครอบครัวที่ทำตัวไม่ดี หรือฆ่าตัวตาย หรือถูกญาติฆ่าเท่านั้น… แต่เพราะฌ็อง·โมรีถูกฆ่าที่บ้านของคนเลี้ยงแกะ ปิแยร์·แบรีจึงต้องตัดเล็บกับดึงเส้นผมออกมาซ่อนในกองฟางนอกบ้าน…”
“ไม่แปลกใจที่ก่อนหน้านี้ก็เคยมี… นั่นคงเป็นของเหยื่อคนก่อน หมอนั่นแอบฆ่าคนไปเท่าไรกันแน่?” ลูเมี่ยนหัวเราะเยาะ “ทำตัววิปริตถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะมัวเป็นห่วงราศีกับโชคลาภอยู่อีกหรือ?”
“คนโง่เขลา!” วาเลนไทน์สบถด่าด้วยความโกรธ
เขา ไรอัน และลีอาเคยฟังข้อมูลนี้จากลูเมี่ยนมาก่อนแล้ว ย่อมทราบเกี่ยวกับแกะสามตัว กองฟาง และธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง
หลังจากหารือกันสักพัก พวกเขาลงความเห็นว่าช่วงนี้ยังไม่ควรทำอะไรเพิ่มเติม แค่คอยสังเกตท่าทีของหลวงพ่อก็พอ
พวกลีอากล่าวคำอำลากับลูเมี่ยนและโอลัวร์ แล้วเดินกลับร้านเหล้าคร่ำครึ
สองพี่น้องยังไม่ได้เล่า ‘สมมติฐาน’ ของพวกตนเมื่อตอนเที่ยงๆ ให้อีกฝ่ายฟัง ด้วยเกรงว่าสามนักสืบจะขาดแรงจูงใจในการทำลายวัฏจักรจากภายใน
ยังไงเสีย พวกเขาอาจเป็นเพียงคนที่ ‘ได้รับผลกระทบ’ ไม่ใช่ ‘องค์ประกอบ’ ของวัฏจักร ย่อมมีโอกาสหลุดพ้นได้ด้วยความช่วยเหลือจากภายนอก
หลังจากเก็บโต๊ะ ช่วยล้างจาน ลูเมี่ยนกลับเข้าห้องของตนแล้วทิ้งตัวนอนลงบนเตียง
เขานอนไม่หลับอยู่นานเนื่องจากในหัวเต็มไปด้วยความคิดซับซ้อน จึงตัดสินใจเข้าฌานเบื้องต้นเพื่อให้ใจสงบ จนกระทั่งผล็อยหลับไปเอง
…
ในห้องที่ปกคลุมไปด้วยหมอกสีเทาอ่อน ลูเมี่ยนลืมตาพร้อมกับพยุงตัวนั่งบนเตียง
เด็กหนุ่มก้มลงมองหน้าอกตัวเอง สายตาราวกับมองทะลุผ่านเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสีเทาขาว รวมถึงเนื้อหนังที่ขวางอยู่ จนเห็นไปถึงสัญลักษณ์หนามดำและลวดลายสีดำอมเขียว
เจ้าพวกนี้คือต้นตอและสาเหตุของวัฏจักร? ลูเมี่ยนพึมพำเงียบ
สัญลักษณ์หนามดำคือต้นตอของปัญหา ส่วนรอยประทับสีดำอมเขียวนำมาซึ่งพรอันประเสริฐขององค์ซ่อนเร้นผู้ยิ่งใหญ่ ช่วยให้หมู่บ้านกอร์ตูยังมีโอกาสรอด
จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด ต้องย้อนกลับไปร่วมๆ หกปีก่อน
ลูเมี่ยนยังจำได้ชัดเจน ในเวลานั้น ตนยังเป็นเพียงเด็กเร่ร่อน อาศัยการเป็นเด็กอายุน้อยที่มักถูกดูแคลน ผนวกกับความเลือดเย็นที่เกินกว่าวัย ช่วยให้เอาชีวิตรอดมาได้เรื่อยๆ
จนกระทั่งวันหนึ่ง เด็กหนุ่มได้พบชายชราผู้ใกล้ตาย
อาจเพราะช่วงนั้นเขาค่อนข้างมีกิน จิตใจจึงเผลอไหล หรืออาจเพราะชายชราคนนั้นทำให้เขานึกถึงญาติเพียงคนเดียวที่เคยมี—ปู่บังเกิดเกล้าที่เลี้ยงลูเมี่ยนจนถึงสิบกว่าขวบ แต่ด่วนจากไปก่อน
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด สุดท้ายลูเมี่ยนก็ตัดสินใจให้ความช่วยเหลือชายชรา
แม้จะช่วยชีวิตชายชราไว้ไม่ได้ แต่เด็กหนุ่มก็เป็นธุระไปเผาศพให้ และช่วยนำไปฝังไว้ในสุสานสาธารณะที่ไม่เสียเงิน
สัญลักษณ์สีดำอมเขียวคือสิ่งที่เด็กหนุ่มพบบนร่างของชายชรา และนับแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็มักฝันถึงหมอกสีเทาหนาทึบ
โชคชะตาย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง อาหารเริ่มหาได้ไม่พอกิน โชคยังดีที่หลังจากนั้นไม่นานก็ได้พบกับโอลัวร์
……………………………………………………..