ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 78 ร่องรอย
ตอนที่ 78 ร่องรอย
ลูเมี่ยนพลันสะดุ้งเฮือก แต่ก็สายเกินไปที่จะหลบ จึงต้องยอมให้พลังงานที่มองไม่เห็นตกลงบนร่างกาย
เด็กหนุ่มรู้สึกอบอุ่นทันที ร่างกายฉาบล้นไปด้วยความกล้าหาญ ราวกับได้พบแสงแดดในฤดูหนาวที่ขาดแคลนเครื่องนุ่งห่ม
แต่นอกเหนือจากนั้นกลับไม่พบความผิดปกติ เป็นประสบการณ์คล้ายคลึงกับตอนบ่ายเมื่อวาน
อ้าว…? ในฐานะ ‘นักเต้น’ ไม่ใช่ว่าเรายิ่งต้องปวดแสบปวดร้อนหรอกหรือ? ลูเมี่ยนหันไปมองไรอันเจ้าของร่างเล็กกะทัดรัด กับลีอาผู้มีใบหน้าสุดสยองพองเกล้า และพบว่าไม่มีควันดำหรือควันเขียวลอยขึ้นจากร่างกายของพวกเขา
ทันทีหลังจากนั้น วาเลนไทน์ที่มีร่างกายเป็นแสงบริสุทธิ์ ได้สร้างน้ำมนต์โปรยลงบนตัวลีอากับไรอันหลายหยด แต่ทั้งสองยังคงอยู่ในสภาพเดิม ไม่มีอะไรดีขึ้น
“การชำระล้างและปัดเป่าไม่ได้ผล?” ลูเมี่ยนเอ่ยปากถาม
เด็กหนุ่มต้องการทราบให้แน่ชัดว่า เพราะเหตุใดตนถึงแสบร้อน และเพราะเหตุใดถึงไม่แสบ เพื่อที่ตัวผู้รับ ‘พร’ อย่างเขาจะได้ทราบว่า ในอนาคตตนควรหลีกเลี่ยงสถานการณ์ใด และสถานการณ์ใดที่สามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไรอันอธิบายอย่างรวบรัดในสองสามประโยค
“การชำระล้างและปัดเป่ามิได้ครอบจักรวาล เป้าหมายต้องเป็นพลังงานที่สอดคล้องกับความชั่วร้าย เช่นออร่าของความเสื่อมทราม หรือวิญญาณคนตาย อย่างหลังอาจไม่ชั่วร้ายเสมอไป แต่เพียงไม่ลงรอยกับโลกความเป็นจริง สมควรต้องกลับไปสู่โลกวิญญาณ ส่งผลให้ถูกชำระล้างและปัดเป่าได้”
“เหมือนกับที่เรากำหนดเทพมารโดยอ้างอิงจากการกระทำ เนื่องจากเทพมารไม่จำเป็นต้องชั่วร้ายตามชื่อ”
ลูเมี่ยนเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้าง จึงถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“พลังแห่งชะตากรรม มิได้เป็นความชั่วร้าย และมิได้สื่อถึงความเสื่อมทราม?”
จึงชำระล้างหรือปัดเป่าไม่ได้?
“ถูกต้อง” วาเลนไทน์ได้ยืนยันข้อเท็จจริงนี้จากการทดลองเมื่อสักครู่
เราถึงทนรับออร่าสุริยันเมื่อสักครู่ได้สินะ… แต่ทำไมน้ำมนต์ถึงกระตุ้นสัญลักษณ์หนามดำบนหน้าอก จนทำให้เราได้ยินเสียงอันน่ากลัวนั่น? เพราะมลพิษในรอยประทับมิใช่พลังของเราเอง ไม่ลงรอยกับตัวเรา ทำให้ร่างกายของเราไม่บริสุทธิ์ จึงต้องได้รับการชำระล้าง? ลูเมี่ยนเริ่มคาดเดาในใจ
เด็กหนุ่มตั้งใจจะยกตัวอย่างจากคนที่ได้รับ ‘พร’ แล้ว เช่นคนเลี้ยงแกะปิแยร์·แบรี เพื่อสอบถามว่า ‘การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ’ ถือเป็นความชั่วร้ายและเสื่อมทรามด้วยหรือไม่ แต่สถานการณ์ปัจจุบันค่อนข้างเร่งด่วน ไม่อนุญาตให้มีการพูดคุยยืดยาว
ลูเมี่ยนพยายามเดินไปทางประตูห้องใต้ดิน
แต่ขยับไปได้เพียงสองก้าว เขาก็รู้สึกเหมือนมีเสียง ‘ฮึง’ ใกล้กับใบหู ตามด้วยเสียงที่คล้ายกับดังมาจากไกลอนันต์ แต่ขณะเดียวกันก็กระชั้นชิด เสียงนั้นไม่ชัดเจน ค่อนข้างพร่าเลือน เพียงแค่ทำให้หน้าอกอุ่นขึ้นเล็กน้อย จิตใจสับสนเล็กน้อย
สถานะนี้ใกล้เคียงกับตอนที่เขาเห็น ‘มนุษย์บะหมี่’ เต้นระบำ
สิ่งนี้ทำให้ลูเมี่ยนมั่นใจว่า สัญลักษณ์หนามดำบนหน้าอกของตน กำลังถูกกระตุ้นแบบครึ่งๆ กลางๆ
เด็กหนุ่มรีบหันร่างไปมองไรอัน ลีอา วาเลนไทน์ และพบว่าทั้งสามมิได้แสดงอาการผิดปกติใดๆ
ลูเมี่ยนผิดหวังอยู่หลายส่วน ทีแรกเขานึกว่าสองสัญลักษณ์บนหน้าอกของตน อาจมีอิทธิพล ‘กำราบ’ ผู้วิเศษได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า คงได้ผลกับแค่สัตว์ประหลาดในซากปรักหักพังความฝันเท่านั้น โดยเฉพาะตัวที่ได้รับพรจากเจ้าของสัญลักษณ์หนามสีดำ
แต่ก็ไม่แน่ว่า หากกระตุ้นสัญลักษณ์บนหน้าอกแบบเต็มพิกัด ก็อาจส่งอิทธิพลกับผู้วิเศษรอบตัวได้บ้าง
“ร่างกายของฉัน… มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างไหม?” เด็กหนุ่มถามพวกลีอา
“ไม่มี” พวกลีอาพร้อมใจกันส่ายหน้า
ลูเมี่ยนพยักหน้าบางๆ จนแทบมองไม่เห็น ภายในใจยืนยันได้สองเรื่อง
เรื่องแรก สัญลักษณ์หนามดำบนหน้าอกของตน หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ‘รอยประทับมลพิษของเทพมาร’ สามารถช่วยให้เขา ‘ต่อต้าน’ สถานการณ์ผิดปกติในห้องใต้ดินได้
เรื่องที่สอง โชคดีที่ก้าวแรกของเขา ได้รับอิทธิพลจากพลังในขอบเขต ‘ปัจจุบัน’ พอดิบพอดี
หลังจากหยุดเดินไปสักพัก ลูเมี่ยนบรรจงย่ำไปข้างหน้าทีละก้าว
ความรู้สึกอุ่นๆ ตรงหน้าอกไม่ลดลงเลย ยังคงสภาพเดิมไว้ไม่แปรเปลี่ยน
“คราวนี้มีอะไรเปลี่ยนไปไหม” เขาถามพวกไรอันอีกครั้ง
ลีอาเป็นคนแรกที่ส่ายหน้า
“ไม่มี”
ลูเมี่ยนหายใจออกแผ่วเบา พลางพึมพำเงียบ
“ด้วย ‘การคุ้มครอง’ ของสัญลักษณ์หนามดำ เราสามารถเดินไปมาภายในนี้ได้อย่างอิสระ อย่างมากก็แค่ร้อนรุ่มหน้าอก พวกคนเลี้ยงแกะปิแยร์·แบรีก็คงจะเหมือนกัน…”
“เดี๋ยวสิ… แต่ตอนนี้หลวงพ่อยังไม่ได้รับพร ยังไม่มีสัญลักษณ์หนาม! แล้วทำไมถึงเดินเข้าใกล้แท่นบูชาได้อย่างปลอดภัย?”
คิดถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนเริ่มเข้าใจหลักการบางอย่าง จึงกดสายตามองลงต่ำ
อาศัยแสงที่เปล่งจากร่างวาเลนไทน์ เด็กหนุ่มเริ่มพบ ‘รอยเท้า’ ที่มนุษย์ธรรมดามองไม่เห็น กระจายเกลื่อนกลาดอยู่เต็มพื้น
หากไม่นับรอยเท้าบางส่วนที่ดูไม่เป็นระเบียบ รอยเท้าส่วนใหญ่จะเดินตามรูปแบบที่เฉพาะเจาะจง โดยมีจุดหมายปลายทางคือแท่นบูชา
ลูเมี่ยนลองเหยียบลงบนตำแหน่งรอยเท้าที่ใกล้ที่สุด ทันใดนั้น ความรู้สึกอุ่นๆ บนหน้าอกเริ่มลดลง
สิ่งนี้หมายความว่า เขากลับมายัง ‘ปัจจุบัน’ แล้ว
เป็นอย่างที่คิดจริงๆ … ในห้องใต้ดินแห่งมีเส้นทางปลอดภัย เส้นทางที่ไม่ว่าจะเดินยังไงก็จะเป็น ‘ปัจจุบัน’ เสมอ! ลูเมี่ยนยินดีปรีดาเหลือจะกล่าว เพราะนี่คือร่องรอยที่ไรอัน ลีอา กับวาเลนไทน์—สามผู้วิเศษผู้เก่งกาจมองไม่เห็น แต่นักล่าตัวน้อยอย่างตนค้นพบ!
เขานึกถึงคำพูดเก่าๆ ของโอลัวร์
“ทุกเส้นทางล้วนมีความถนัดเป็นของตัวเอง ก่อนจะเข้าสู่ขอบเขตครึ่งเทพ หากเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจงบางอย่าง ลำดับ 9 ของบางเส้นทางอาจมีประโยชน์มากกว่าลำดับ 5 ของอีกเส้นทาง”
เดิมที ลูเมี่ยนรู้สึกต่ำต้อยและกดดัน เนื่องจากในการสำรวจตลอดสองวันมานี้ เขาไม่สามารถสร้างผลงานเป็นชิ้นเป็นอันต่อหน้าสามผู้วิเศษที่เก่งกาจได้เลย รับหน้าที่เป็นเพียง ‘ไกด์’ หรือคนที่ถูกปกป้อง แต่ตอนนี้เริ่มได้รับความมั่นใจกลับมาบางส่วน
การค้นหาร่องรอยแห่งความเป็นจริงอันเลือนราง คือความสามารถพิเศษของ ‘นักล่า’
พวกคุณทำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?
แน่นอน ลูเมี่ยนยังไม่ลืมอีกหนึ่งประโยคที่โอลัวร์เสริมเข้ามา
“แต่บางเส้นทางก็เก่งไปเสียทุกด้าน”
เด็กหนุ่มระงับความเหลิง หันหลังกลับ แล้วออกคำสั่งกับไรอัน ลีอา วาเลนไทน์
“พวกคุณเดินเข้าหาแท่นบูชาพร้อมกันคนละก้าว”
พวกไรอันทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ ราวกับยังไม่เชื่อใจลูเมี่ยนเต็มร้อย ไม่กล้าทำตามคำสั่งอย่างไร้เหตุผล
เด็กหนุ่มจึงต้องอธิบาย
“ดูที่พื้นสิ มีรอยเท้าอยู่เต็มไปหมด ต้องเป็นรอยเท้าของพวกหลวงพ่อกับลิ่วล้อแน่ ซึ่งหมายความว่ามันคือเส้นทางปลอดภัยยังไงล่ะ!”
ไรอัน ลีอา วาเลนไทน์ ซึ่งไม่มีความสามารถในขอบเขตนี้ ต้องอาศัยแสงสุริยันเพื่อให้มองเห็นร่องรอยจางๆ อย่างยากลำบาก
ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจเชื่อคำพูดลูเมี่ยน
ผู้วิเศษทางการของอินทิสมีเส้นทางนักล่าอยู่ไม่น้อย ซึ่งทั้งสามก็เคยร่วมงานมาบ้าง ย่อมทราบดีว่าโอสถนี้เชี่ยวชาญการค้นหาร่องรอยที่ละเอียดอ่อน
อาศัยคำแนะนำของเด็กหนุ่ม พวกเขาเดินไปบนเส้นทางปลอดภัยพร้อมๆ กัน
เพียงไม่กี่วินาที ลูเมี่ยนเห็นร่างกายไรอันขยายใหญ่ เห็นวาเลนไทน์สว่างน้อยลง และเห็นใบหน้าของลีอาค่อยๆ กลับเป็นปกติ
ทุกคนกลับมายัง ‘ปัจจุบัน’ แล้ว มิได้อยู่ใน ‘อดีต’ หรือ ‘อนาคต’ อีกต่อไป
กึกกึกกึก! ลูเมี่ยนเดินตามเส้นทางปลอดภัย กลับเข้าไปรวมกลุ่มอย่างไม่ยากเย็น
แล้วก็พูดยิ้มๆ
“อย่าเดินผิดอีกล่ะ ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงสถานะอีกครั้ง อาจย้อนกลับมาแก้ไขไม่ได้แล้ว”
เด็กหนุ่มเลียนเสียงไรอัน เนื่องจากรู้สึกว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันดี
หากทำตามนิสัยดั้งเดิมของเขา คงได้เยาะเย้ยถากถางอีกฝ่ายไปตรงๆ ว่า:
“ฮะฮะ! พวกคุณตาบอดกันหรือไง? มองไม่เห็นร่องรอยที่ชัดเจนขนาดนี้ ถ้าเดินผิดอีกครั้งก็หมดหนทางเยียวยาแล้ว!”
ลีอาลูบหน้าตัวเองพลางถอนหายใจ
“พวกเราจะตามเธอ”
ลูเมี่ยนไม่ถ่อมตัว เริ่มพินิจพิเคราะห์รอยเท้าบนพื้นอย่างละเอียด บรรจงย่ำนำเข้าใกล้แท่นบูชา
ท่าทีดูระแวงระวังแตกต่างจากตอนที่กลับไปรวมกลุ่ม เขาไม่ได้กลัวตัวเองเดินผิด แต่ไรอันกับคนอื่นๆ จะผิดไม่ได้แล้ว
ในคราวนี้ กระดิ่งเล็กสีเงินของลีอามิได้ส่งเสียง
จนกระทั่งทั้งสี่ขยับเข้าใกล้แท่นบูชา กระดิ่งจึงค่อยเริ่มดังกรุ๊งกริ๊ง บ้างก็เร็วบ้างก็ช้า
“มีอันตราย แต่ยังพอหาทางหลบเลี่ยงได้” ลีอาผู้มากประสบการณ์ เล่าการตีความให้ฟัง
ไรอันพยักหน้าสอดรับทันที
“อย่าเพิ่งแตะต้องอะไรในนี้ แค่สังเกตการณ์เท่านั้น”
ลูเมี่ยนเบนสายตาไปทางด้านบนของแท่นบูชา
ตรงนั้นเป็นร่องบุ๋มลงไปลึก คล้ายกับเตรียมไว้ใส่บางสิ่ง ภายในมีสิ่งของวางกระจายกัน ประกอบด้วยเทียนไขสีเทาขาว ขวดน้ำใส และกล่องไม้ปิดสนิท
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือเสื้อผ้าสีดำ
เป็นเสื้อคลุมยาวที่มีฮู้ด
และด้านหน้าของเสื้อคลุม ซึ่งเป็นศูนย์กลางของวัตถุอื่น มีภาพสลักของสัญลักษณ์วงกลมที่ประกอบกันจากหนาม
แต่ละส่วนล้วนดูบิดเบี้ยว สีดำสนิท คล้ายกับถูกทาด้วยสีพิเศษ มอบความรู้สึกเหมือนกำลังไหลเอื่อยๆ
ทันทีที่ลูเมี่ยนเห็นสัญลักษณ์ สมองพลันวิงเวียน ดวงตาพร่ามัว หูเริ่มได้ยินเสียงแว่ว
เพียงไรอัน ‘ฮึ่ม’ หนึ่งคำ แสงรุ่งอรุณก็เอ่อล้นรอบๆ ตัวอย่างเป็นธรรมชาติ
สิ่งนี้ยังช่วยให้ลีอากับวาเลนไทน์สามารถควบคุมความปั่นป่วนทางจิตใจ
“อย่าจ้องสัญลักษณ์นานเกินไป” ไรอันสั่งเสียงขรึม
ลูเมี่ยนรีบเบือนสายตาไปข้างๆ
ความรู้สึกวิงเวียนและหูแว่วเริ่มซาลง
แท่นบูชาคงไม่มีอย่างอื่นแล้ว ลองมองหารอบๆ ดีกว่า… ลูเมี่ยนแค่คิดว่าจะพูดออกไป ก็ได้ยินลีอาถามกับไรอันว่า
“แสงรุ่งอรุณของคุณจะไม่ทำให้แท่นบูชาถูกกระตุ้นหรือ”
หือ? ลูเมี่ยนรีบหันกลับไปมองแท่นบูชาอีกครั้งตามสัญชาตญาณ
กรุ๊งกรุ๊งกริ๊งกริ๊ง! กระดิ่งเงินบนหมวกคลุมหน้าและรองเท้าของลีอา ดังขึ้นอย่างรุนแรงเร่งเร้า
แทบจะในเวลาเดียวกัน ชุดคลุมสีดำที่มีฮู้ดบนแท่นบูชา พลันปลิวลอยขึ้น คล้ายกับถูกมนุษย์ล่องหนสวมใส่
วิ้ว!
ลมหนาวเหน็บพัดวนเป็นก้นหอย ลูเมี่ยนเหลือบเห็นใบหน้าโปร่งใสจำนวนหนึ่งซ่อนอยู่ใต้ฮู้ด
แต่ละใบหน้าดูบิดเบี้ยวเกรี้ยวกราด แผ่ความเกลียดชังอย่างแรงกล้า เกาะกลุ่มกลมเกลียวแน่นแฟ้น ก่อกำเนิดเป็นศีรษะอันแปลกประหลาดและน่าหวาดหวั่น
ในนั้นมีหนึ่งใบหน้าที่ลูเมี่ยนคุ้นเคยดี—แรมงด์—ใบหน้าของเขาซีดเซียวเขียวบวม หางตาเต็มไปด้วยน้ำตาเลือด
ลูเมี่ยนไม่คิดจะเพ่งพินิจอย่างละเอียด รีบเดินฉากข้างสองก้าว ไปหลบหลังไรอันมิดชิด
“ช่วยเราด้วย! ช่วยเราด้วย!”
ใบหน้าโปร่งใสเปล่งเสียงอย่างพร้อมเพรียง เนื้อเสียงแหลมลึก คล้ายมีเข็มหมุดมหาศาลทิ่มแทงเข้าไปในวิญญาณของพวกไรอัน จนแทบจะสิ้นสติในเสี้ยวอึดใจ
วาเลนไทน์ที่อยู่ในสภาพดีกว่าใคร แผ่ผายแขนทั้งสองข้างออก
เสาลำแสงอันศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ผุดผ่อง ซึ่งมีเกลียวเปลวไฟมายารายล้อม สาดลงมาจากเบื้องบนทันใจนึก กลืนกินชุดคลุมสีดำที่สวมใส่โดยมนุษย์ล่องหน
เมื่อแสงอันเจิดจ้าแผ่ปกคลุมทุกอณูมิติ ลูเมี่ยนกับลีอารีบหลับตาปี๋ตามสัญชาตญาณ
……………………………………………………..