ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 343 คำตอบ
ตอนที่ 343 คำตอบ
ขณะเดินตามถนนลองบาไปยังป้ายรถม้าสาธารณะใกล้ๆ ลูเมี่ยนเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ จึงกดเสียงลงแล้วพูด
“เทอร์มีโพลอส ทำไมถึงให้ฉันเลือกเค้กพระราชาชิ้นที่ไม่มีถั่วปากอ้าล่ะ”
ถ้าได้กินเม็ดถั่วปากอ้านั่น จนกลายเป็น ‘พระราชา’ จะเกิดอะไรขึ้น?
เทอร์มีโพลอสยังคงเงียบ
ลูเมี่ยนคิดสักพัก แล้วเปลี่ยนคำถาม
“ถึงแม้จะมีเรื่องประหลาดสักสองสามจุดมาทำให้กลัว แต่ผลลัพธ์กลับยังคงปกติ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับศาสตร์เร้นลับหรือพลังวิเศษตรงไหนเลย”
ผ่านไปไม่กี่วินาที เสียงทุ้มของเทอร์มีโพลอสดังก้องอยู่ในหูลูเมี่ยน
“คราวหน้าลองไม่ทำตามคำสั่งของพระราชาดูสิ”
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่ทำตามคำสั่งพระราชา? ถ้าเรากินเค้กพระราชาชิ้นของตัวเองเข้าไป ไม่วางไว้ในห้องหัวขี้ผึ้ง แล้วหยิบกระดาษขาวออกมาเลย จะเกิดอะไรขึ้น? ลูเมี่ยนไตร่ตรองอยู่ในใจ
เด็กหนุ่มมิได้ตรงกลับเขตตลาด แต่นั่งรถม้าสาธารณะไปถนนเฌอร์ในเขตถนนหลวงแทน
ในฐานะสมาชิกหลักของ ‘ชุมนุมแสงเหนือ’ เขาต้องรายงานเรื่องที่ตนจัดการกิโยม·เบเนต์ให้มิสเตอร์ K ทราบทันที รวมถึงความเคลื่อนไหวล่าสุดของชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก เพื่อดูว่าจะได้รับรางวัลตอบแทนหรือไม่
การเป็นสมาชิกสามองค์กรลับ แม้จะทำให้ได้รับรางวัลสามเท่า แต่ก็หมายความว่าต้องรายงานภารกิจเดียวถึงสามครั้ง
ใต้ดินของสำนักพิมพ์นิตยสาร ‘สื่อวิญญาณ’ บ้านเลขที่ 19 ถนนเฌอร์
มิสเตอร์ K นั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิงสีแดงเหมือนทุกครั้ง เงียบฟังอย่างตั้งใจ ลูเมี่ยนก็เล่าไปว่า ตนใช้อำนาจของชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กเพื่อค้นหาตัวกิโยม·เบเนต์ แล้วจัดการกับสาวกเทพมารรายนี้ด้วยวิธีใด
เมื่อลูเมี่ยนเล่าว่า อดีตอธิการโบสถ์สุริยันเจิดจรัสรายนี้กระหายพลังจนต้องหันไปศรัทธาองค์ซ่อนเร้นนามว่าชะตากรรม มิสเตอร์ K ก็ก้มศีรษะลง เริ่มวาดไม้กางเขนบนหน้าอกตามลำดับบนล่างซ้ายขวา พร้อมสารภาพบาปกับสวรรค์ด้วยเสียงแหบต่ำ
“ข้าแต่พระบิดาผู้เมตตา ขอพระองค์โปรดให้อภัยความผิดบาปที่มนุษย์ก่อขึ้นด้วยเถิด”
ลูเมี่ยนขยับมุมปากเล็กน้อย เริ่มสารภาพบาปตามมิสเตอร์ K ไป โดยที่ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่า เหตุใดตนถึงต้องสารภาพบาป
หลังจากสารภาพบาปแล้ว เด็กหนุ่มเล่าคร่าวๆ เกี่ยวกับโรคบุคลิกภาพแตกแยกของพี่สาว รวมถึงองค์กร ‘คนบาป’ ที่อยู่เบื้องหลังโรช·หลุยส์·ซ็องซง ก่อนจะปิดท้ายว่า
“มิสเตอร์ K ผมอยากให้คุณช่วยตามหาครอบครัวเดิมของโอลัวร์ หรือก็คือโรช·หลุยส์·ซ็องซง พวกเขาน่าจะเป็นสมาชิกขององค์กรคนบาป ผู้ศรัทธานอกรีตแห่งลัทธิชะตากรรม”
ใบหน้าของมิสเตอร์ K ถูกซ่อนใต้เงาหนาทึบของฮู้ดอันใหญ่ เขาพูดอย่างสุขใจด้วยเสียงแหบพร่า
“ผมเข้าใจดีว่าคุณอยากแก้แค้นให้โอลัวร์ นี่ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด พระบิดาผู้เมตตา พระองค์ผู้ทรงฤทธานุภาพของเรา มิเคยประสงค์ให้ผู้ศรัทธาไม่คิดถึงตัวเอง หากเรื่องส่วนตัวสามารถผสานเข้ากับการชำระล้างอันศักดิ์สิทธิ์ได้ก็ยิ่งนับเป็นเรื่องดี”
“ในแง่นี้ คุณสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในมือได้อย่างเต็มที่ ลองอาศัยพลังของชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กจัดการเรื่องส่วนตัวให้สำเร็จลุล่วง นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะเห็น ลองพยายามให้มากขึ้น”
“ผมจะช่วยตามหา ‘คนบาป’ เหล่านั้นให้”
เขาตอบรับคำขอของลูเมี่ยน แง่หนึ่งเพราะเป็นเรื่องที่พึงกระทำอยู่แล้ว
ตามหาครอบครัวของโรช·หลุยส์·ซ็องซง เพื่อจัดการกับองค์กรคนบาปผู้ศรัทธาในเทพมารแห่งชะตากรรม!
“ขอบคุณครับ มิสเตอร์ K” ลูเมี่ยนพูดอย่างจริงใจ
เด็กหนุ่มพิจารณาอีกสักพักแล้วกล่าวต่อ
“การตายของกิโยม·เบเนต์อาจทำให้ผู้วิเศษทางการยกระดับการล่าตัวผม คุณพอจะมีสมบัติวิเศษสำหรับเปลี่ยนใบหน้าและความสูงที่เหมาะกับผมไหมครับ”
เด็กหนุ่มกำลังมองหาโอกาสแปลงโฉมเป็น ‘มักเกิ้ล’ โอลัวร์ เพื่อแฝงตัวเข้าไปในสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก
ทันใดนั้น น้ำเสียงของมิสเตอร์ K ก็เปลี่ยนไปเป็นคลั่งไคล้
“อ้างอิงจากความต้องการของคุณ ผมมีเพียง ‘โลหิตต้นกำเนิด’ … ตราบใดที่คุณควบคุมร่างกายตัวเองได้ ก็สามารถเปลี่ยนความสูงกับรูปลักษณ์ภายนอกได้ตามใจ… อาจไม่ช่วยให้เปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์ที่ต้องการได้แม่นยำนัก แต่ก็เพียงพอที่จะปกปิดตัวตนเดิม ปัญหาเดียวคือ มันต้องฉีดล่วงหน้า ส่งผลเพียงช่วงเวลาสั้นๆ มิใช่ว่าอยากเปลี่ยนตอนไหนก็ได้”
ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์ที่ต้องการได้แม่นยำ… จุดนี้ยังพอรับได้ เพราะเมื่อชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกจัดการชุมนุม พวกเขาจะปลอมตัวในระดับหนึ่งเสมอ เพื่อมิให้คนอื่นรู้จักตัวจริง… ไม่ได้สิ ถ้าเป็น ‘ผู้ชม’ ที่ประทับใจในตัวโอลัวร์อย่างลึกซึ้ง จะต้องจำแนกจริงเท็จจากรายละเอียดดวงตา รูปคาง หรือจุดอื่นๆ ได้แน่ หากจะสวมรอยเป็น ‘มักเกิ้ล’ ให้แนบเนียน ใบหน้าใต้หน้ากากจะต้องเหมือนโอลัวร์ทุกกระเบียดนิ้ว… มิหนำซ้ำ ผลข้างเคียง ของโลหิตต้นกำเนิดก็มิใช่สิ่งที่เราจะรับไหว… ลูเมี่ยนคิดอยู่หลายตลบ ก่อนจะเรียบเรียงคำพูดออกไป
“ผมกังวลว่าหลังจากฉีดโลหิตต้นกำเนิดเข้าไป ร่างกายจะเปลี่ยนกลับไปเป็นมนุษย์ยุคแรกเริ่ม ถึงจะมีพรคุ้มครองจากพระองค์คอยช่วยให้ร่างกายกับจิตใจไม่เกิดปัญหาร้ายแรง แต่มันก็ง่ายที่คนของชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กจะสังเกตเห็นความผิดปกติ จนระแคะระคายความศรัทธาที่แท้จริงของผม”
มิสเตอร์ K ถอนหายใจด้วยความผิดหวังเล็กๆ
“นี่ก็เป็นปัญหาหนึ่ง แม้ผมจะเชื่อว่าพระองค์ทรงคุ้มครองเรา ช่วยป้องกันมิให้ศรัทธาที่แท้จริงของเราถูกเปิดเผย แต่ข้อกังวลของคุณก็ถือว่าสมเหตุสมผล”
หลังจากปฏิเสธของขวัญสำเร็จ ลูเมี่ยนพูดต่อ
“เมื่อไม่นานมานี้ ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กให้ผมติดต่อกับคนคนหนึ่ง…”
เด็กหนุ่มเล่าตั้งแต่ที่การ์ดเนอร์·มาร์ตินเรียกตัวไปพบ จนถึงตอนจบของเกมเค้กพระราชา
สิ่งเดียวที่ไม่ได้เล่าคือคำเตือนของเทอร์มีโพลอส โดยให้เหตุผลว่าตัวเองพอจะมีความรู้เรื่องศาสตร์เร้นลับอยู่บ้าง จึงสังเกตเห็นปัญหาได้ในทันที แล้วจงใจหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดความผิดปกติ
มิสเตอร์ K ฟังอย่างตั้งใจ ไม่มีการขัดจังหวะระหว่างทาง รอจนกระทั่งลูเมี่ยนพูดจบ จึงลุกขึ้นยืน เดินไปมาสองสามก้าวแล้วพูด
“งานถัดไปของคุณคือ สืบให้ได้ว่าชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กติดต่อกับคนของตระกูลเซารอนด้วยเหตุผลใด กำลังวางแผนฮุบมรดกของเซารอน หรือคิดจะร่วมมือกันในอนาคต”
“ได้ครับ มิสเตอร์ K” ถึงแม้มิสเตอร์ K จะไม่ได้สั่ง ลูเมี่ยนก็อยากรู้เหตุผลเบื้องหลังอยู่แล้ว
มิสเตอร์ K หยุดเดิน หันมามองเด็กหนุ่มพร้อมกับพูด
“สัญชาตญาณของคุณถูกต้องแล้ว ถ้าเกิดความผิดพลาดกับเกมดังกล่าว มีโอกาสสูงทีเดียวที่จะเกิดหายนะทางศาสตร์เร้นลับ”
“เป้าหมายการถวายของปุยฟ์… ฟอม็องดา·เซารอนคือสมาชิกคนสำคัญของราชวงศ์เซารอนในเวลานั้น เกิดที่ตระกูลสาขาช็องปาญ ในภายหลังกลายเป็นคนโปรดของกษัตริย์โอโดที่สิบสอง จนถูกรับเข้าตระกูลหลัก ได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มข้น”
“ฟอม็องดามีจุดเริ่มต้นที่ดี แต่กลับมีจุดจบไม่ดี ในช่วงบั้นปลายชีวิต เขาหายตัวไปอย่างลึกลับ ทำให้ราชวงศ์เซารอนเกิดความเสียหายใหญ่หลวง มิหนำซ้ำ ในช่วงยี่สิบกว่าปีหลังจากนั้น คนสำคัญของราชวงศ์เซารอนต่างก็ทยอยเสียชีวิตอย่างน่าประหลาด หรือวันดีคืนดีก็กลายเป็นบ้าไป อำนาจของตระกูลถดถอยลงอย่างมาก จนกระทั่งถูกโรซายล์โค่นล้มการปกครอง”
หนึ่งในเหตุผลที่จักรพรรดิโรซายล์โค่นราชวงศ์เซารอนสำเร็จ คือการที่ราชวงศ์เก่าเสื่อมถอยอย่างหนักจากภายใน? ฟอม็องดาหายตัวไปอย่างลึกลับมาสองสามร้อยปีแล้ว เหตุใดพิธีสังเวยในวันนี้ถึงยังคงนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางศาสตร์เร้นลับที่อันตราย? ลูเมี่ยนฟังคำบรรยายของมิสเตอร์ K ในหัวก็มีความคิดแล่นผ่านเรื่อยๆ
…………
ถนนเสื้อนอกขาว อพาร์ตเมนต์เลขที่ 3 ห้อง 601
จินนาที่ได้รับข้อมูลจาก ‘ผู้ชำระ’ ติดมือกลับมานิดหน่อย เมื่อเดินเข้าห้องไป ก็กวาดสายตามองหาฟรังก้าเพื่อถ่ายทอดเรื่องราว
หลังจากมองครบหนึ่งรอบ จินนาเห็นประตูห้องนอนใหญ่เปิดแง้มอยู่ ด้านในมีเสียงเคาะป๊อกแป๊กดังเล็ดลอดออกมา
“ฟรังก้า?” เธอเรียกออกไป
เสียงที่แจ่มใสราวกับน้ำของฟรังก้าดังตอบกลับมา
“อยู่ในนี้!”
“เข้ามาคุยได้เลย”
จินนาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เพราะไม่เคยเข้าห้องนอนของฟรังก้ามาก่อน แต่สุดท้ายก็ผลักประตูเปิดแล้วเดินเข้าไป
ดวงตาสีน้ำเงินของหญิงสาวสว่างวาบในทันที เมื่อเห็นกองเครื่องจักรอันซับซ้อนยิ่ง ตั้งอยู่ชิดผนังฝั่งตรงข้ามหน้าต่าง
เครื่องจักรนั่นประกอบด้วยเฟืองจำนวนมากที่หมุนรอบเสากลมๆ สีทองเหลือง คานงัด เพลาข้อเหวี่ยง นอต และอื่นๆ เพื่อเชื่อมต่อทุกจุดเข้าด้วยกัน
มองดูเครื่องจักรที่สูงกว่าตัวเอง จินนาถามด้วยใบหน้างงงวย
“นี่คือ…?”
“เครื่องหาผลต่างรุ่นที่สามซึ่งถูกปรับแต่งโดยอัจฉริยะบางคน จะเรียกว่าเครื่องวิเคราะห์ก็ได้… อา… รุ่นตัดตอน รุ่นย่อ รุ่นเล็ก เรียกอะไรก็เรียกไปเถอะ แต่ไม่ใช่รุ่นสมบูรณ์ เพราะห้องนอนฉันยัดมันไม่ได้แน่” ฟรังก้าที่นั่งอยู่หน้าเครื่องจักรปริศนา กำลังพิมพ์เครื่องพิมพ์ดีดสมัยใหม่ พลางอธิบายเครื่องจักรให้พวกพ้องฟังด้วยความภูมิใจ
“สมแล้วที่เป็นศาสนิกชนของจักรกลไอน้ำ” จินนารำพัน
ฟรังก้าหัวเราะในคอ
“เป็นบางครั้ง”
จินนาเพ่งพินิจเครื่องวิเคราะห์นี้อย่างละเอียด พบว่าด้านล่างของมันเชื่อมต่อกับโทรเลขหนึ่งเครื่อง และเครื่องพิมพ์ดีดโลหะสองครั้ง
ฟรังก้าหยุดพิมพ์ไม่นาน เครื่องพิมพ์ดีดอีกเครื่องก็เริ่มพิมพ์อักษรทีละตัวลงบนกระดาษขาวภายใต้การชักนำของเครื่องวิเคราะห์ขนาดมหึมา โดยที่พลังงานกับข้อมูลของเครื่องวิเคราะห์ ถูกส่งมาจากเครื่องรับโทรเลขนั่น
“มัน… กำลังทำอะไรอยู่หรือ” จินนารู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนไม่รู้หนังสือ
ฟรังก้าชี้ไปทางเครื่องวิเคราะห์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ตราบใดที่ไม่เปลี่ยนการเข้ารหัส เจ้าเครื่องนี้จะช่วยฉันแปลรหัสโทรเลขโดยอัตโนมัติ จากนั้นก็ใช้นิ้วโลหะที่เชื่อมต่อกับแป้นพิมพ์เครื่องพิมพ์ดีด ทยอยพิมพ์ตัวอักษรที่สอดคล้องกัน รวมเป็นคำที่ถูกต้อง”
“หรือก็คือ ฉันสามารถอ่านเนื้อหาของโทรเลขได้โดยไม่ต้องเสียเวลาถอดรหัสเอง ประหยัดเวลากับสมองไปได้มากโข”
“ในทำนองเดียวกัน ฉันสามารถเขียนโทรเลขด้วยภาษาปกติ แล้วมันจะช่วยเข้ารหัสให้อัตโนมัติ พร้อมกับส่งโทรเลขผ่านคลื่นความถี่ที่ตั้งค่าเอาไว้ล่วงหน้า”
จินนามองเฟืองที่กำลังหมุนในจุดต่างๆ ของเครื่องจักร พลางฟังคำอธิบายของฟรังก้าที่เธอแทบจะไม่เข้าใจ
“แล้วประโยชน์ของมันคือ?” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย
ฟรังก้าชะงักเล็กน้อย
“ประโยชน์? มันก็ช่วยให้การคุยกันผ่านโทรเลขไม่ยุ่งยากอีกต่อไป สามารถทำได้ทุกวัน เอ่อ… แต่เปลืองกระดาษไปหน่อย”
“คุยกันผ่านโทรเลข?” จินนางุนงง
ฟรังก้าสร้างเครื่องจักรที่ซับซ้อนขนาดนี้ ทำเรื่องยุ่งยากขนาดนี้ เพียงเพื่อคุยกันผ่านโทรเลข?
เสียงเครื่องพิมพ์ดีดที่เราได้ยินทุกคืนดึกๆ ดื่นๆ คือเสียงฟรังก้ากำลังคุย?
“ถูกต้อง” ฟรังก้ายิ้มอย่างภูมิใจ “เพื่อนของฉันในกองทัพโลเอ็น นัดหมายเวลาส่งข้อมูลที่อ็องโตนี·รีดต้องการมาแล้ว นี่เพิ่งจะเริ่มคุยกัน”
แม้ว่าเธอสามารถขอข้อมูลดังกล่าวได้จากมาดาม ‘จัดจ์เมนต์’ ได้โดยตรง แต่เธอไม่อยากรบกวนไพ่อาร์คาน่าใหญ่ถ้าไม่จำเป็น
ทันทีที่ฟรังก้าพูดจบ เครื่องวิเคราะห์ก็เสร็จสิ้นการพิมพ์ แปลงข้อมูลจากโทรเลขเป็นภาษาอินทิสฉบับสมบูรณ์
ฟรังก้าคว้ากระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่าน มองกวาดเพียงรอบเดียวก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึม
…………
ตกกลางคืน ในห้อง 601 ของอพาร์ตเมนต์
ลูเมี่ยน อ็องโตนี·รีด ฟรังก้า และจินนามารวมตัวกันอีกครั้ง
ฟรังก้าโบกกระดาษในมือ พูดกับอ็องโตนี·รีดว่า
“อีกฝ่ายตอบกลับมาแล้ว กองทัพโลเอ็นบันทึกการต่อสู้ครั้งนั้นไว้ว่า…”
“ไม่มีการต่อสู้ครั้งนั้น!”
“ไม่มีการต่อสู้ครั้งนั้น?” อ็องโตนี·รีดเบิกตากว้าง ลุกขึ้นยืนทันที
ไม่มีการต่อสู้ครั้งนั้น? ลูเมี่ยนเลิกคิ้วเล็กน้อย
เป็นคำตอบที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายไปมาก
ฟรังก้าพยักหน้ารับแผ่วเบา มองอ็องโตนี·รีดแล้วพูดต่อ
“หรือก็คือ กองทัพที่โจมตีคุณกับเพื่อนร่วมรบของคุณ อาจไม่ใช่กองทัพโลเอ็น!”
……………………………………………………..