ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 34 คำพังเพย
ตอนที่ 34 คำพังเพย
ระหว่าง ‘ทำความรู้จัก’ กับพวกลีอาใหม่อีกครั้ง ลูเมี่ยนเฝ้าสังเกตอย่างใจจดใจจ่อ จนกระทั่งทั้งสองฝ่ายเดินมาถึงด้านนอกโบสถ์สุริยันเจิดจรัส
เด็กหนุ่มยืนยันเบื้องต้นว่า คนต่างถิ่นทั้งสามไม่ ‘รู้จัก’ ตนเลย และไม่ได้ระวังตัวเกี่ยวกับ ‘การแกล้ง’ ในครั้งนี้
ย้อนเวลากลับมาจริงๆ สินะ…ลูเมี่ยนจมอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ
“เราเคยมาที่นี่แล้ว แต่ก็ไม่เจอใคร” วาเลนไทน์หันไปมองสิ่งก่อสร้างหลังใหญ่ ซึ่งผสานกลมกลืนเข้ากับสีของยามค่ำคืน พลางกล่าวตาม ‘บทที่ถูกกำหนดไว้’
ลูเมี่ยนสงบจิตใจ ไม่เดินตามขั้นตอนเดิม
เพียงพูดอย่างตรงไปตรงมา
“นั่นเพราะหลวงพ่ออธิการโบสถ์ไม่เห็นหัวพวกคุณยังไงล่ะ”
เด็กหนุ่มอยากสลัดภาพจำ ‘เด็กแสบแต่นิสัยไม่แย่’ ไปจากใจคนต่างถิ่นทั้งสาม ซึ่งดูเหมือนจะเป็นผู้วิเศษของทางการ
“เธอกำลังจะบอกว่า หลวงพ่ออยู่ในโบสถ์ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาจงใจไม่ตอบเสียงเคาะประตูของเรา?” ลีอาคิดถึงหลายความเป็นไปได้
ลูเมี่ยนยิ้ม
“ก็คนกำลังแอบเสพเมถุนอยู่ในโบสถ์ ใครจะอยากให้คนอื่นเห็น?”
พอพูดจบ เด็กหนุ่มอดรำพันในใจไม่ได้: น่าเสียดาย คราวนี้อดได้ยินคำว่า ‘ไอ้ชาติสุนัข! กล้าดียังไงถึงเข้ามาขัดจังหวะพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ของโบสถ์!’
แน่นอน หลังจากเข้าใจคุณนายปัวริสมากขึ้น เขามองว่าในบางแง่มุม หลวงพ่อก็ไม่ไร้เหตุผลเสียทีเดียว
นักบวชรายนี้อาจเหมือนกับวีรบุรุษในนิยายสายลับที่โอลัวร์ชอบเขียน ปลอมตัวมาทำภารกิจสำคัญ ยอมทนต่อความอัปยศอดสู ยอมขายตัวเองเพื่อแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มอำนาจชั่วร้ายที่คุณนายปัวริสสังกัด!
“แอบเสพเมถุนในโบสถ์?” วาเลนไทน์เปลี่ยนท่าทีจากเย็นชา เป็นการย้อนถามอย่างเร่งรีบ
ลูเมี่ยนกางมือออก
“ตกใจอะไร? สำหรับหลวงพ่ออธิการโบสถ์แล้ว นี่ก็เปรียบดังกิจวัตรประจำวัน”
“ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น คำพังเพยโบราณก็ว่าไว้มิใช่หรือ… ‘ไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน บุรุษมักมองหาหญิงอื่นอยู่เสมอ’”
“แต่นี่มันในโบสถ์!” วาเลนไทน์พูดด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น
ลูเมี่ยนคิดอยู่สักพัก แล้วถามอย่างใคร่รู้
“คุณกำลังจะบอกว่า ถ้านักบวชแอบเสพเมถุนนอกโบสถ์ ก็ถือว่ายอมรับได้?”
“นั่นเป็นการดูหมิ่นพระองค์!” วาเลนไทน์ทำตัวราวกับปรอทใกล้แตก
ไรอันตบไหล่อีกฝ่ายแผ่วเบา เตือนอ้อมๆ ให้สงบลง
พร้อมกันนั้น คนต่างถิ่นผู้สติดีกว่าใครรายนี้ ถามลูเมี่ยน
“เธอพอจะรู้ไหม ว่าคืนนี้หลวงพ่ออธิการโบสถ์แอบเสพเมถุนกับใคร?”
ลูเมี่ยนส่ายหัว
“ความเป็นไปได้มีนับไม่ถ้วน ชู้รักของหลวงพ่อเท่าที่ฉันรู้นะ…ก็มีคุณนายปัวริส มาไดนา·เบเนต์ ฟิลิปปา·กิโยม ฌิบริล·แบรี…”
“มาไดนา·เบเนต์… นามสกุลเดียวกับหลวงพ่อ?” ลีอาจับจุดอย่างแหลมคม
ลูเมี่ยนพยักหน้า
“เธอกับหลวงพ่อเป็นญาติห่างๆ กันสองรุ่น”
“…” วาเลนไทน์พลันตะลึงงัน กัดฟันกรอดพลางพูดว่า “กิโยม·เบเนต์… หมอนั่นเป็นข้ารับใช้ของพระองค์หรือของปีศาจกันแน่?”
พูดเป็นอยู่คำเดียวหรือไง? แล้วก็ไม่เห็นจะทำอะไรมันสักที…ลูเมี่ยนจงใจช่วยแก้ต่างให้หลวงพ่อ
“เรื่องแค่นี้เอง ในเขตดาลีแอชมีคำพังเพยว่า ‘ญาติห่างๆ ไม่ว่าจะพี่หรือน้องสาว ก็ย่อมหลับนอนด้วยกันได้’”
“ทำไมเธอถึงรู้จักคำพังเพยเยอะนัก?” ลีอาอดหัวเราะไม่ได้ จนกระดิ่งเงินบนหัวดังกรุ๊งกริ๊ง
ลูเมี่ยนกางมืออีกครั้ง
“ชนบทก็อย่างนี้แหละ”
“เธอรู้ได้ยังไงว่าเราไม่ใช่คนดาลีแอช?”
“ไม่งั้นคงไม่พูดว่า ‘ในเขตดาลีแอชมีสุภาษิตว่า’ …”
ก็พวกคุณเป็นคนบอกเอง… ลูเมี่ยนเผลอหลุดปากโดยไม่ทันคิด หลงลืมไปว่า ตนยังไม่ควรรับรู้ ‘เหตุการณ์ก่อนหน้า’
จึงต้องปั้นน้ำเป็นตัว
“ก็บุคลิกของพวกคุณไม่เหมือนคนดาลีแอชเลย”
ต่อด้วยการชี้ไปทางถนนกลับสู่หมู่บ้าน
“ฉันพาพวกคุณมาหาหลวงพ่อแล้ว ขอตัวกลับบ้านก่อนนะ”
“นึกว่าเธอจะตามเข้าไปด้วยเสียอีก” ลีอาเหล่มองยิ้มๆ
“ฉันไม่อยากเป็นศัตรูกับหลวงพ่อน่ะ” ลูเมี่ยนทำราวกับเล่าแบบขอไปที “ชาวบ้านคนล่าสุดที่กล้าร้องเรียนหลวงพ่อ จนถึงตอนนี้ก็ยังหาตัวไม่เจอ”
โดยไม่รอให้พวกไรอันตอบ เด็กหนุ่มโบกมือลา วิ่งไปยังอีกฝั่งของลานจัตุรัสพลางพูด
“อย่าลืมเก็บความลับให้ด้วยนะ กะหล่ำปลีของฉัน!”
…
ใต้ดวงจันทร์สีแดงที่ถูกหมู่เมฆรายล้อม ลูเมี่ยนเดินไปบนทางชนบทที่มีแสงดาวพราวพราย
เด็กหนุ่มล้วงสองมือลงในกระเป๋า พลางตรึกตรองเหตุการณ์ล่าสุด
เมื่อใกล้ถึงบ้าน ลูเมี่ยนหยุดเดิน เงยหน้ามองหลังคาบ้านสองชั้นครึ่งรวมใต้ดิน
เป็นไปตามคาด ตรงนั้นมีโอลัวร์ในชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงิน กำลังนั่งกอดเข่าชมดาวอย่างเงียบงัน
ท่ามกลางความมืดยามราตรี ร่างของหญิงสาวดูโดดเดี่ยวและห่างไกล
ทุกอย่างเกิดขึ้นซ้ำ…หรือว่าเหตุการณ์เมื่อ ‘ก่อนหน้า’ คือความจริง ส่วนตอนนี้เรากำลังฝัน? ลูเมี่ยนเพิ่งจะเริ่มคาดเดา ก็ตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างวันที่ 29 มีนาคมทั้งสองแบบ
วันนี้เขาไม่เห็นมาดามผู้ให้ ‘ไพ่ไม้’ และเคยสอนศาสตร์เร้นลับในร้านเหล้าคร่ำครึ!
นั่นทำให้เด็กหนุ่มยิ่งสับสน ว่าตนกำลังฝันอยู่หรือไม่
พรุ่งนี้ต้องไปยืนยัน…ลูเมี่ยนฝืนข่มใจ เดินไปทางหน้าบ้านและเปิดประตูเข้าไป
เหมือนกับ ‘ครั้งก่อน’ เขาใช้บันไดบนชั้นสอง ปีนขึ้นไปบนหลังคา ก้าวเบาๆ ไปหาโอลัวร์แล้วนั่งลง
“มีอะไรน่าดูนักหรือไง” ลูเมี่ยนจงใจพูด
โอลัวร์หันมามองพลางถอนหายใจ ขณะเตรียมร่ายยาว ลูเมี่ยนชิงเสริมอีกหนึ่งประโยค
“ที่ฉันสงสัยก็คือ การนั่งดูดาวน่ะ มีความหมายอะไรกับพี่”
โอลัวร์มองหัวจรดเท้า
“วันนี้ตรงไปตรงมาจังนะ”
เธอหันกลับไปมองดาวอีกครั้ง พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“นายคงรู้อยู่แล้ว ฉันไม่ใช่คนของกอร์ตู หรือคนของดาลีแอช”
“ไม่แน่ใจว่านายเคยได้ยินคำพังเพยนี้ไหม…บ้านเกิดคือที่ที่กลับไปไม่ได้…”
ลูเมี่ยนไม่ตอบติดตลก เพียงแหงนมองดาวบนฟ้าตาม
เมื่อโอลัวร์บินกลับเข้าห้องนอนเพื่อเขียนจดหมายถึงเพื่อน ลูเมี่ยนซึ่งยังไม่เปิดเผยว่าตนกลายเป็นผู้วิเศษแล้ว กลับชั้นสองด้วยทางเดียวกับที่ขึ้นมา และสนทนากับพี่สาวเรื่อง ‘เพื่อนทางจดหมาย’ ต่ออีกสักพัก
จากนั้น เด็กหนุ่มช่วยโอลัวร์ปิดประตูห้อง กลับไปยังห้องนอนของตัวเอง
มองไปทางเตียงที่ปูด้วยชุดเครื่องนอนสี่ชิ้นสีขาว ลูเมี่ยนเอะใจกับบางสิ่ง จึงเดินเข้าไปใกล้และยกหมอนขึ้น
ใต้หมอนมีไพ่หนึ่งใบนอนอยู่นิ่งๆ —ไพ่ทาโรต์สำรับเล็ก— ‘เจ็ดไม้’ !
ขณะจ้องมองไพ่ ซึ่งหน้าไพ่เป็นภาพของผู้ชายหน้าตามุ่งมั่น สวมเสื้อผ้าสีเขียว ถือแท่งไม้คอยต้านรับการโจมตี ลูเมี่ยนนึกถึงการตีความที่มาดามคนนั้นเคยพูดให้ฟัง
“วิกฤต ความท้าทาย การเผชิญหน้า ความกล้าหาญ…”
ยิ่งครุ่นคิด ลูเมี่ยนก็ยิ่งพบว่า สี่คำนี้สะท้อนสถานการณ์ปัจจุบันตนได้เป็นอย่างดี
ก่อนจะจั่วไพ่ เด็กหนุ่มมีโอกาสตกอยู่ในวิกฤต และเผชิญกับความท้าทาย!
ถัดไปคือการสร้างความกล้า และต่อสู้กับปัญหา? เดี๋ยวนะ…เราย้อนเวลามาแล้วไม่ใช่หรือไง…ยังไม่ได้พบกับมาดามคนนั้นเลย ยังไม่ได้จั่วไพ่ แล้วทำไมถึงมีเจ็ดไม้? ลูเมี่ยนพลันตื่นตระหนก และเริ่มไม่แน่ใจว่าการคาดเดาของตนถูกต้อง
สมมติฐานต่างๆ ผุดในหัวอย่างรวดเร็ว คล้ายฟองบนผิวน้ำที่กำลังเดือด
จนกระทั่งลูเมี่ยนปวดหัวอย่างหนัก รู้สึกเหมือนตัวเองใกล้จะเป็นบ้า
ลงเอยด้วย เด็กหนุ่มตัดสินใจปักธง ‘สิ่งของ’ เกี่ยวกับมาดามคนนั้นให้เป็น ‘ข้อยกเว้น’ ชั่วคราว ช่วยให้สติสตังของเขายังไม่พังทลาย
ด้วยความลึกลับและพิเศษของมาดามคนนั้น หากเธอจะไม่ได้รับผลกระทบจากการย้อนเวลา มันก็ฟังดูปกติไม่ใช่หรือไง!
“ถ้าพรุ่งนี้ได้เจอกัน และเธอยังจำเราได้ ก็แสดงว่าสมมติฐานนี้ถูก…” ลูเมี่ยนถอนหายใจ รู้สึกเหนื่อยล้าทางจิตอย่างยิ่ง
เด็กหนุ่มเดินเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันง่ายๆ แล้วรีบกลับขึ้นเตียงนอน
…
ท่ามกลางหมอกสีเทาอ่อนที่คุ้นตา ลูเมี่ยนเลิกเปลือกตาตื่น พลิกตัวนั่ง มองไปยังโต๊ะไม้ริมหน้าต่างกับเก้าอี้เอนหลัง
เขาเข้าสู่ความฝันพิเศษอีกครั้ง
หลังจากพบว่า ‘ไพ่ไม้’ ยังอยู่ เด็กหนุ่มก็พอจะเดาเรื่องนี้ได้
ตามความเคยชิน ลูเมี่ยนคุ้ยกระเป๋าลับในเสื้อ แววตาพลันเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อในทันที
เหรียญทองหายไป!
เหรียญทองหายไปทั้งหมด!
ลูเมี่ยนรีบกระโดดลงจากเตียง ค้นหาทุกซอกมุมร่างกายก็แล้ว ค้นหาบนเตียงนอนก็แล้ว แต่ก็ไม่พบเหรียญทองที่ได้มาอย่างลำบาก
ไม่มีแม้แต่เหรียญทองแดงหนึ่งโกเปต์!
“เวลาในนี้ก็ถอยหลังด้วย?” ลูเมี่ยนลองเดา
มองไปรอบตัวไม่เห็นปืนล่าสัตว์ ขวาน และส้อมเหล็กซึ่งควรจะวางอยู่
ลูเมี่ยนสงบสติ ออกจากห้องนอน ผ่านทางเดิน ลงไปยังชั้นล่าง
ส้อมเหล็กยาวเกือบสองเมตรและขวานสีดำยังอยู่ในสภาพดี วางในตำแหน่งเดิมของพวกมัน เฉกเช่นการสำรวจซากปรักหักพังในความฝันครั้งแรก
ในทำนองเดียวกัน ถังน้ำมันข้าวโพดก็ยังไม่ย้ายมาอยู่ข้างเตา
ส่วนปืนล่าสัตว์นั้น ลูเมี่ยนลองค้นทั่วบ้านแต่ก็ยังไม่พบ
เด็กหนุ่มเริ่มเอนเอียงไปทางสมมติฐาน ‘เวลาในนี้ก็ถอยหลังเช่นกัน’
“ต้องไปสำรวจซากปรักหักพัง ดูว่าสัตว์ประหลาดสองตัวนั้นยังอยู่ไหม…” ลูเมี่ยนพึมพำเสียงแผ่ว มือจับขวานพร้อมกับเปิดประตูออกไป
ไม่นานก็เดินผ่านทุ่งรกร้างซึ่งเต็มไปด้วยรอยพื้นแยก จนมาถึงส่วนนอกของซากปรักหักพัง
ต่างจากการสำรวจครั้งแรก เด็กหนุ่มในฐานะ ‘นักล่า’ เพียงแค่มองผ่านๆ ก็พบร่องรอยการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก
เมื่อลองเพ่งสมาธิ ลูเมี่ยนพบว่ามีร่องรอยของสองสิ่งมีชีวิตที่ชัดเจนกว่าตัวอื่น หนึ่งในนั้นเป็นเจ้าของรอยเท้าค่อนข้างตื้น แนวการเดินโค้งไปทางด้านหลังของซากบ้านที่ฟังเพราะไฟไหม้
“ถ้าตอนนั้นเรามีพลังวิเศษ ก็คงไม่เกือบถูกเล่นงาน” ลูเมี่ยนถือขวานเดินเข้าไปในซากบ้าน
มุ่งหน้าไปยัง ‘จุดหมาย’ เรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงตำแหน่งใกล้ๆ กับไหแตก
แสงสีทองส่องลอดมาจากด้านในไห
ลูเมี่ยนโน้มตัวลง เก็บเหรียญลูอิดอร์ขึ้นมา
สีของเหรียญ ไม่ต่างจากตอนที่ลูเมี่ยนเก็บขึ้นมาครั้งแรกเลยสักนิด
ย้อนเวลาจริงๆ สินะ… ยกเว้นเพียงไม่กี่กรณี สิ่งอื่นๆ ล้วนกลับสู่ ‘สภาพเริ่มต้น’ … ลูเมี่ยนถอนใจแน่นหนัก
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มฉากถอยไปด้านข้างเร็วๆ สองก้าว บิดเอว แล้วหมุนตัวไปทางขวา
พร้อมกับการเคลื่อนไหวอันทรงพลัง ขวานในมือถูกเหวี่ยงออกไป
สัตว์ประหลาดสีเลือดไร้หนังหุ้ม ซึ่งพุ่งลงมาจากหลังคา ต้องพานพบคมขวานทันทีที่เหยื่อลับสายตา
ฉึก!
หัวของมันถูกขวานฟันขาดกระเด็น ร่างไร้เศียรตกกระแทกพื้นอย่างแรง ท่ามกลางหยดเลือดและน้ำเหลืองสาดกระจาย
…………………………………………………….