ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 324 ใครจริง ใครปลอม
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 324 ใครจริง ใครปลอม
ตอนที่ 324 ใครจริง ใครปลอม
หลังจากบูแลร์เล่าคร่าวๆ ถึงเหตุผลการเลือกโต๊ะ ก็เงยหน้ามองลูเมี่ยนพลางหัวเราะเยาะตัวเอง
“ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคุณจะยิง”
ลูเมี่ยนลูบปืนลูกโม่ที่วางอยู่ทางขวามือ แล้วกล่าวยิ้มๆ
“ดูเหมือนคนที่คุณเคยเจอมาทั้งหมด จะเป็นพวกพลเมืองดีที่เคารพกฎหมายนะ”
บูแลร์ที่เคยถูกทุบตีหลายครั้งจนสร้างนิสัยปัจจุบันขึ้นมา เตรียมจะโต้แย้งตามจิตใต้สำนึก แต่เมื่อลองเทียบระหว่างคนก่อนๆ กับบุคคลตรงหน้าแล้ว เขาเริ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายพูดมีเหตุผล
ขอบคุณการคุ้มครองจากกฎหมาย เขาผู้เป็นนักเขียนคอลัมน์ในนิตยสารหน้าทะเล้น ถึงยังมีชีวิตรอดจวบจนปัจจุบัน!
“คุณไม่กลัวตำรวจหรือครับ” บูแลร์เหล่มองบริกรที่ไม่กล้าเดินนำเมนูอาหารเครื่องดื่มมาให้ “การยิงปืนในร้านกาแฟไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย ป่านนี้คงมีคนแจ้งตำรวจแล้ว”
ลูเมี่ยนหัวเราะในคอ
“ดังนั้นเราจึงต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า”
พูดไปพลางหยิบปืนขึ้นมา ดันโม่ออก เติมกระสุนสีเหลืองอร่ามใส่รังเพลิงว่างๆ ต่อหน้าบูแลร์
“ผมอยากรู้ว่าในช่วงสองเดือนหลัง มีผีเสื้องานสังคมคนไหนออกจากถนนกำแพงเมือง ออกจากโลกแห่งความหรูหราฟุ่มเฟือยนี้ไปบ้าง” ลูเมี่ยนถามด้วยจังหวะไม่เร็วไม่ช้า
บูแลร์ส่ายหน้าตามสัญชาตญาณ
“พวกเธอยังไม่ถือว่าเป็น ‘ผีเสื้องานสังคม’ ตัวจริง สุภาพสตรีระดับนั้นต้องมีบ้านพักหรูหราส่วนตัว มีคู่รักประจำที่มีฐานะ เทียวไปเทียวมาตามแวดวงชนชั้นสูงเป็นประจำ เพียงแค่เอื้อนเอ่ยก็สามารถเปลี่ยนกระแสอุตสาหกรรมหรือนโยบายบางอย่าง สำหรับหญิงสาวที่นี่ พวกเธอเป็นได้แค่ผีเสื้องานสังคมตัวสำรองเท่านั้น”
“ผมแค่อยากรู้ว่ามีใครบ้างที่ตรงตามคำบรรยาย” ลูเมี่ยนไม่สนใจว่า ‘ผีเสื้องานสังคม’ จะมีความหมายเช่นไร
บูแลร์มองปืนลูกโม่ในมือเด็กหนุ่มแวบหนึ่ง แล้วจึงนึกย้อนความหลัง:
“มีสี่คน… ชอร์นาน้อยแต่งงานกับพ่อค้าชาวโลเอ็นไปอยู่ที่เบ็คลันด์… ‘แจกันขาว’ โซฟีกลายเป็นคู่รักของสส. บาทิสต์ เริ่มเข้าร่วมงานเลี้ยงมื้อค่ำกับซาลอนชนชั้นสูงบ้างแล้ว หวังจะกลายเป็นผีเสื้องานสังคมตัวจริง… ‘กุหลาบน้ำค้าง’ มารีกลายเป็นบ้า ในเช้าวันหนึ่ง เธอใช้กรรไกรทำลายใบหน้าตัวเอง ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจิตเวชไปแล้ว… ‘โฉมงามชูรส’ ปอลีนาอยู่ดีๆ ก็หายตัวไปจากถนนกำแพงเมือง ดูเหมือนจะถูกใครสักคนที่มีตำแหน่งพาตัวไป”
ขณะบูแลร์เล่า กลับเห็นอันธพาลหน้าตาดี ที่แค่ไม่พอใจใครก็ยิงปืนใส่ หยิบกระดาษโน้ตกับปากกาหมึกซึมออกมา จดบันทึกอย่างเอาจริงเอาจัง
เขากลืนน้ำลายแล้วพูดต่อ
“ไม่นานมานี้ผมได้เจอปอลีนาที่ถนนแว็งซองต์ ชีวิตของเธอถือว่าค่อนข้างดี มีรถม้าสี่ล้อ มีสาวใช้ มีคนรับใช้ชาย มีพ่อบ้าน”
“น่าเสียดายที่ตอนนั้นผมติดธุระอื่น จึงไม่ได้สืบให้ชัดว่าพักอยู่แถวไหน”
ถนนแว็งซองต์… ลูเมี่ยนจำได้ว่า มันคือหนึ่งในถนนห้าเส้นที่อยู่ในผลการทำนายของฟรังก้า อยู่ไกลจากถนนกำแพงเมืองที่สุด เป็นย่านผู้ดีที่ค่อนข้างสงบ
จากคำบรรยายของบูแลร์ เด็กหนุ่มเริ่มสงสัยว่าปอลีนากลายเป็นคู่รักของกิโยม·เบเนต์
สำหรับอาชญากรมีค่าหัว การเลี้ยงดูผีเสื้องานสังคมหน้าใหม่ ย่อมปลอดภัยกว่าการไปซื้อบริการบนถนนกำแพงเมืองบ่อยๆ เดิมทีกิโยม·เบเนต์ก็ไม่ใช่คนโง่อะไร ปัจจุบันแค่มีตัณหาราคะมากขึ้น ท้องหิวง่ายขึ้นเท่านั้น ใช่ว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้สักหน่อย ย่อมต้องเลือกทางที่เสี่ยงน้อยกว่า
ขณะเดียวกัน เสียงฝีเท้าถี่กระชั้น ดังแว่วมาจากด้านนอกร้านกาแฟ ตำรวจสามนายกำลังเดินจ้ำตรงมาทางประตู
ลูเมี่ยนสวมหมวกแฟลตแก๊ปสีน้ำเงินเข้มอย่างไม่รีบร้อน เก็บกระดาษโน้ตพร้อมกับปากกาหมึกซึม นับธนบัตรจำนวนห้าสิบเฟลคิน วางไว้ตรงหน้าบูแลร์
จัดการทุกอย่างเสร็จ เด็กหนุ่มจึงหยิบปืนลูกโม่ ลุกขึ้นยืน เดินไปทางประตูหลังของร้านกาแฟที่อยู่ใกล้มาก แล้วเปิดประตูออกไป
ปึง!
กลุ่มตำรวจผลักประตูเข้ามาในร้านกาแฟมโนรถ
…………
บนถนนแว็งซองต์ บ้านหลังใหญ่ตั้งเรียงรายสองฟากฝั่งถนน พื้นถนนสะอาดเอี่ยมกว้างขวาง ผู้คนสัญจรไปมาไม่มากนัก บางครั้งคราวมีรถม้าแล่นผ่าน
คงไม่ต้องลอบเข้าไปทีละหลัง ค้นหาทีละห้องหรอกนะ?
หรือต่อให้ต้องทำแบบนั้นจริง เด็กหนุ่มก็มิใช่คนที่ถนัดที่สุด ฟรังก้าสามารถทำงานนี้ได้ดีกว่าแน่นอน เพียงแต่จะอันตรายมาก
หลังจากไตร่ตรองอยู่หลายสิบวินาที ลูเมี่ยนก็คลี่ยิ้ม เดินไปทางบ้านหลังหนึ่งแล้วสั่นกริ่งประตู
บุคคลที่เดินมาเปิดประตูสีน้ำตาลเข้ม คือคนรับใช้ชายที่ไม่มีเชื้อสายจากทวีปใต้ เขามองหน้าลูเมี่ยนด้วยความงุนงง ก่อนจะถามด้วยสำเนียงทรีอาร์ขนานแท้
“มีธุระอะไรหรือครับ”
ลูเมี่ยนตอบยิ้มๆ
“ขอถามหน่อยสิ บนถนนสายนี้น่ะ คุณนายคนไหนแจ่มที่สุด”
“…” คนรับใช้ชายฟังแล้วถึงกับอึ้ง นี่คือครั้งแรกที่เคยมีใครมาถามเขาแบบนี้
ไม่สิ ไม่ใช่ครั้งแรก ระหว่างคุยกันในที่ลับ หรือตอนคุยโม้ในบาร์ บางคราวก็มีคนอยากรู้เรื่องทำนองนี้บ้าง แต่ต้องเป็นคนแบบใด ถึงได้มาสั่นกริ่งประตูหน้าบ้านคนอื่นตอนแดดจ้าๆ เพื่อถามไถ่เรื่องพรรค์นี้?
เขาต้องการอะไรกันแน่?
ยังไม่ทันที่คนรับใช้ชายจะตอบ ลูเมี่ยนก็หยิบธนบัตรสิบเฟลคินออกมา ยื่นให้อีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม
คนรับใช้ชายกะพริบตาปริบๆ ลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจรับเงินไว้
เขาสงสัยว่า ชายหนุ่มตรงหน้าอาจเป็นพวก ‘ลัทธิแดนดี้ปลอม’ ที่ถนัดการปอกลอกสุภาพสตรีร่ำรวย โดยหวังร่างกายกับทรัพย์สินอีกฝ่าย เนื่องจากทั้งนิสัยหน้าตาล้วนตรงตามคำบรรยายในหนังสือพิมพ์
ในเมื่อเป้าหมายมิใช่คุณนายกับคุณหนูในบ้าน ไฉนเลยต้องปฏิเสธค่าตอบแทน?
เมื่อคู่สนทนาได้สิ่งที่ต้องการ คุณนายคนหนึ่งก็ได้รับความสุขไปด้วย!
คนรับใช้ชายเหลียวซ้ายแลขวา แล้วกระซิบกระซาบ
“คุณนายบ้านเลขที่ 50 สวยมาก… เป็นชาวทรีอาร์แท้ๆ แต่กลับไปแต่งงานกับคนต่างแคว้นที่มาจากทางใต้ สำเนียงนั่นน่ะ…”
คนรับใช้ชายพูดไปพลางส่ายหัวอย่างโกรธเคืองระคนดูแคลน ราวกับอัดอั้นตันใจเรื่องนี้มาพักใหญ่แล้ว
รอยยิ้มบนใบหน้าลูเมี่ยนยิ่งทวีความชัดเจน
แน่นอน หลวงพ่อผู้ได้รับผลข้างเคียงเชิงลบจาก ‘แรงกระตุ้นโอ้อวด’ เมื่อได้ผีเสื้องานสังคมชาวทรีอาร์หน้าตาสะสวยมาควง ก็คงยากที่จะไม่อวดเพื่อนบ้าน
อาจไม่ถึงกับจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำหรืองานเต้นรำเพื่อป่าวประกาศ แล้วคงไม่ถึงกับพาคู่รักไปไล่เคาะประตูบ้านคนอื่น แต่น่าจะอาศัยวิธีการบางอย่าง หมั่นเผยตัวให้เพื่อนบ้านเห็นเป็นครั้งคราว เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าแม้แต่คนต่างแคว้นก็มีผีเสื้องานสังคมสวยๆ มาเป็นชู้รักได้
ระหว่างนั้น กิโยม·เบเนต์ต้องปลอมตัวให้แนบเนียนเพียงพอ แต่ในส่วนของคู่ควง คงไม่มีการบังคับให้เธอเก็บซ่อนความงาม ซ้ำยังอาจกำชับให้แต่งตัวพิถีพิถัน เพื่อแสดงความน่าประทับใจให้โลกรู้
แน่นอน ลูเมี่ยนยังไม่กล้าฟันธงว่าคุณนายคนนั้นคือปอลีนา หรือฟันธงว่าเธอคือชู้รักของหลวงพ่อ แต่อาศัยหลักการ ‘เดาไปก่อน ค่อยพิสูจน์’ ไปเรื่อยๆ จนเริ่มเข้าเป้า จึงทราบว่าตนเข้าใกล้กิโยม·เบเนต์มากขึ้นแล้ว
หน้าประตูบ้านเลขที่ 50 ถนนแว็งซองต์ ลูเมี่ยนมองเข้าไปโดยทำตัวเหมือนผู้คนที่สัญจรผ่าน
เป็นอาคารสามชั้นสีขาวนวล มองเห็นรางๆ ว่าด้านหลังมีสนามหญ้าสีเขียวกับสวนดอกไม้หลากสี มีคนสวนกำลังลงมือตัดแต่ง โดยเห็นได้จากเงาด้านข้าง
ลูเมี่ยนรีบถอนสายตากลับ เดินผ่านเสาผนังของบ้านไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
เด็กหนุ่มเกรงว่า หากจ้องนานเกินไป อาจทำให้ใครบางคนสงสัย
ส่วนหลวงพ่อจะจำตนได้หรือไม่นั้น เขาไม่กังวลเลย เพราะก่อนออกเดินทาง ลูเมี่ยนได้ใช้ ‘ใบหน้าของไนเซอร์’ แปลงโฉมไปบางส่วน โดยที่แก้ต่างกับพวกพ้องว่าเป็นเทคนิคการแต่งหน้า
เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผมสีทองสลับดำ อาจเป็นลูเมี่ยนได้ แต่ก็เป็นคนอื่นได้เช่นกัน ตราบใดที่กิโยม·เบเนต์ไม่มีพลังในการสลายมนต์แปลงโฉม หรือมีแต่ไม่ได้ใช้ออกมา ก็ไม่มีทางทราบได้เลยว่าถูกแกะรอยมาถึงย่านนี้แล้ว
ลูเมี่ยนเตรียมออกจากถนนแว็งซองต์ โดยให้จินนาหรือฟรังก้ามาสอดแนมแทน ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของบ้านหลังตรงข้าม เฝ้าสังเกตอย่างอดทน จนกว่าจะตัดผู้ต้องสงสัยออกไปได้
ที่เด็กหนุ่มไม่ปลอมตัวเป็นคนเร่ร่อนเหมือนครั้งก่อนๆ ก็เพราะถนนสายนี้แทบจะไม่มีคนเร่ร่อนเลย พอมีสักคนสองคนผ่านมา ก็จะถูกคนรับใช้ไล่ตะเพิดไปทันที
ก่อนจะเดินพ้นอาคารสีขาวนวลไป ลูเมี่ยนชายตามองอีกครั้งอย่างเป็นธรรมชาติ แลเห็นเงาของบุรุษปรากฏขึ้นจากหน้าต่างห้องรับแขก
เงาดังกล่าวไม่สูง ไม่ถึงหนึ่งเมตรเจ็ด สวมเสื้อเชิ้ตสีเข้ม กางเกงขายาวสีดำแบบใส่อยู่บ้าน รูปร่างค่อนข้างล่ำสัน จมูกงองุ้มเล็กน้อย ผมสีดำไม่สั้นไม่ยาว
มุมปากเด็กหนุ่มบรรจงยกโค้ง ดวงตาคล้ายกับมีเปลวไฟล่องหนลุกโชน
แม้อีกฝ่ายจะปลอมตัวได้เก่งกาจ แต่ต่อให้ถูกเผาเป็นตอตะโก ลูเมี่ยนก็ไม่มีทางลืมลง!
ไม่ใช่ใครนอกจากหลวงพ่อกิโยม·เบเนต์ อธิการโบสถ์ประจำหมู่บ้านกอร์ตู!
ลูเมี่ยนถอนสายตากลับอย่างยากลำบาก เดินต่อไปข้างหน้า
ขณะเดียวกัน กระแสความคิดเริ่มหมุนวน พยายามไตร่ตรองหางทางเลือกที่ดีที่สุด
ไม่นานเขาก็มาถึงปลายถนนแว็งซองต์
พอดีกับที่นกแก้วขนเขียวสลับขาวบินมาจากฝั่งถนนกำแพงเมือง โฉบลงมาเกาะไหล่เด็กหนุ่ม แล้วจึงพูดเร็วระรัว
“เราพบเป้าหมายแล้ว!”
พบเป้าหมาย? แล้วที่เราเห็นคือใคร? หลวงพ่ออีกคน? ลูเมี่ยนทั้งตกใจปนสงสัย ถึงกับชะงักงันไปครู่หนึ่ง
แล้วคนไหนคือกิโยม·เบเนต์ตัวจริง? เราคำนวณพลาด หรือว่าชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กกับพวก ‘มุสิก’ คริสโตถูกพวกมันต้ม?
…………
สิบห้านาทีก่อน ถนนกำแพงเมือง ซ่องโสเภณี ‘ผักชีฝรั่ง’
อัลบัสนั่งอยู่ตรงบาร์ชั้นหนึ่ง จิบแลงติร้อนแรงไปพลาง สังเกตไปพลางว่าบริกร คนงาน หรือหัวหน้างานในซ่องแห่งนี้ ใครรับผิดชอบงานไหนบ้าง
ระหว่างนั้น เขาคอยมองลูกค้าที่ผ่านไปผ่านมาอย่างไร้อารมณ์ แต่ก็แทบไม่ได้ข้อมูลใหม่ เนื่องจากคนที่อยากปกปิดตัวตน ก็จะสวมหน้ากากต่างๆ อย่างไม่สะทกสะท้าน ส่วนคนที่ไม่อยากปกปิดตัวตน สถานที่แห่งนี้ก็คงมิใช่ทะเลของเขา
หลังจากเข้าใจภาพรวมการทำงานของซ่องโสเภณีผักชีฝรั่งเบื้องต้นแล้ว อัลบัสก็ถือโอกาสเดินเข้าห้องน้ำ เลี้ยวไปทางครัว รอให้เด็กเสิร์ฟที่ถือกระดาษโน้ตสองสามแผ่นเดินเข้ามา
เด็กเสิร์ฟรายนี้คอยสรุปความต้องการจากแต่ละห้อง แล้วสั่งอาหารกับทางครัว
อัลบัสผมแดงเข้มเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหา ควักเหรียญทองเหลืองเป็นกำๆ รวมถึงปึกธนบัตรหนาๆ ออกจากกระเป๋าเสื้อ
เด็กเสิร์ฟทำหน้าฉงนทันที
อัลบัสพูดยิ้มๆ
“ผมมาที่นี่เพื่อตามหาไอ้เวรคนหนึ่ง… ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันปลอมตัวเป็นอะไร รู้แค่ว่ามันตัวสูงพอๆ กับคุณ ชอบเลือกแต่โสเภณีคนดัง พอเสร็จกิจกรรมกามก็ต้องหาอะไรยัดท้อง”
“ถ้าคุณให้ข้อมูลตรงกับสิ่งที่ผมต้องการได้ ก็รับไปทั้งหมดนี่ได้เลย”
……………………………………………………..