ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 315 เทอร์มีโพลอสว้าวุ่น
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 315 เทอร์มีโพลอสว้าวุ่น
ตอนที่ 315 เทอร์มีโพลอสว้าวุ่น
จริงหรือ? ลูเมี่ยนไม่เชื่อว่านี่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ
ในทรีอาร์ใต้ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลและซ้อนทับกัน การพบปะผู้คนโดยบังเอิญไม่ถือว่าผิดปกติ อาจมิได้เกิดขึ้นบ่อย แต่ก็ไม่ได้หายากจนเกินไปนัก เนื่องจากมีทั้งตำรวจเหมือง พวกลักลอบขนของ นักสำรวจถ้ำ นักวิจัยแร่ นักศึกษามหาวิทยาลัย สมาชิกองค์กรลับ อาชญากรมีค่าหัว ลูกน้องแก๊ง สาวกเทพมาร รวมถึงกลุ่มต่อต้านรัฐบาล แต่ในโลกมืดอันใหญ่โตนี้ โอกาสที่จะบังเอิญเจอคนรู้จักนั้นแทบเป็นศูนย์
นี่ไม่เหมือนกับตอนที่ไปช่วยจินนา คราวนั้นลูเมี่ยนตามกลิ่นไปเรื่อยๆ
เด็กหนุ่มตึงเครียดทันที มองโมไนต์ที่สวมแว่นตาเลนส์เดี่ยว พูดพลางฝืนยิ้ม
“ใช่แล้ว บังเอิญจังเลย”
เขาสอดมือข้างหนึ่งใส่กระเป๋ากางเกง อีกมือทำท่าจะเก็บเทียนและอุปกรณ์บนหิน หวังให้อีกฝ่ายเชื่อว่าตนทำพิธีเสร็จแล้ว พร้อมจากไปได้ทุกเมื่อ ไม่เหลือสิ่งใดให้ทำลายหรือครอบครอง
โมไนต์บีบแว่นตาเลนส์เดี่ยวตรงกระบอกตาขวา โบกมือแล้วพูดพลางยิ้ม
“ไว้เจอกันบนดิน”
พูดจบ เขาหันหลังกลับ เดินหายตัวไปจากทางเข้าโพรงเหมือง เสียงฝีเท้าเบาลงทุกขณะ
ลูเมี่ยนมองตามหลังด้วยความอึ้งเล็กๆ
กลับแล้ว?
หรือว่าจะเจอกันโดยบังเอิญจริงๆ?
จากเท่าที่เห็น หมอนั่นคุ้นเคยกับทรีอาร์ใต้ดินเป็นอย่างดี คงเคยมาแถวนี้หลายครั้ง และคงทราบดีว่า ในบรรยากาศมืดๆ เงียบๆ เช่นนี้ การพรวดพราดเข้ามาในโพรงที่มีคนและแสงไฟ อาจกระตุ้นโทสะอีกฝ่ายจนเกิดการปะทะที่ไม่จำเป็น…
ต่อให้มีคนแปลกหน้ารุกล้ำเข้ามาในโพรงเหมืองเส้นทางประจำของตัวเอง แต่สิ่งที่ควรทำคือการซ่อนตัวแล้วค่อยๆ แอบเข้ามาใกล้ เพื่อดูลาดเลาเบื้องต้นให้แน่ใจก่อน มิใช่เข้ามา ‘เคาะประตู’ โดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมแบบนี้…
มั่นใจในฝีมือตัวเองขนาดนั้นเชียว?
ไม่น่าจะแค่มาขู่กันเฉยๆ แน่!
ขณะสมองลูเมี่ยนกำลังเร่งประมวลผล สายตาก็ผละจากทางเข้าโพรงมายังเทียนไขและกองอุปกรณ์บนหิน
เด็กหนุ่มลังเลว่าควรดำเนินพิธีกรรมต่อหรือไม่
ทันใดนั้น เสียงทุ้มลึกของเทอร์มีโพลอสพลันดังสะท้อนอยู่ในโสตประสาท
“ไปหาที่อื่นเถอะ”
หืม… นอกจากจะตกใจสุดขีดแล้ว ลูเมี่ยนยังสัมผัสถึงความร้อนใจเจือกังวลในน้ำเสียงของเทอร์มีโพลอสอย่างน่าประหลาด
มันไม่ชัดเจนนัก ราวกับมีอยู่จริงและไม่มีอยู่จริง ทำให้ลูเมี่ยนสงสัยว่าตนอาจเข้าใจผิดไปเอง
นี่คือหนแรกอย่างแท้จริง ที่เขาสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเทวทูตแห่งชะตากรรม
ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเยาะเย้ย ถากถาง หรือท้าทายเพียงใด มากที่สุดของเทอร์มีโพลอสคือเงียบ ไม่ตอบโต้
เรื่องที่ทำให้เทวทูตว้าวุ่นและหวั่นวิตกได้ มันต้องไม่ธรรมดาแน่!
ขณะที่หัวใจเต้นเร็วขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม ลูเมี่ยนกล่าวออกไป
“คนเมื่อสักครู่ อันตรายมากเลยหรือ”
“ตัวเขาไม่ถือว่าอันตราย แต่มอบความรู้สึกอันตรายแก่ข้า” เทอร์มีโพลอสยอมอธิบาย
สิ่งนี้ยิ่งสอดคล้องกับข้อสันนิษฐานของลูเมี่ยน
เทวทูตองค์นี้สัมผัสได้ถึงปัญหาในแง่ของโชคชะตา เป็นปัญหาในระดับที่สามารถคุกคามพระองค์!
“ในเมื่ออีกฝ่ายไม่แข็งแกร่ง แล้วทำไมแกถึงรู้สึกอันตราย? เป้าหมายของมันคืออะไรกันแน่?” ลูเมี่ยนถามต่อ
น้ำเสียงของเทอร์มีโพลอสกลับเป็นปกติ กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“ข้าถูกผนึกอยู่ สัมผัสโลกภายนอกผ่านเจ้าได้เพียงอย่างเดียว จึงมีข้อมูลไม่มากพอ”
“ถ้าอยากรู้คำตอบของสองคำถามเมื่อครู่ อันดับแรกก็ต้องหาวิธีทำให้ผนึกอ่อนแอลง”
แกคิดว่าฉันโง่หรือไง? ชักสงสัยแล้วว่า ความว้าวุ่นใจเจือหวั่นวิตกในตอนแรก เป็นแค่การแสดงเพื่อสร้างแรงกดดันข่มขู่เราหรือเปล่า… แต่ถ้าคิดถึงจากรูปแบบการลงมือครั้งก่อนๆ ของเทอร์มีโพลอส หมอนี่ไม่ใช่ประเภทรุกหนัก ไม่น่าจะรีบหางโผล่ขนาดนี้… การปรากฏตัวของโมไนต์ประจวบเหมาะเกินไปจริงๆ บรรยากาศก็ดูไม่ปกติเลย ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง ให้ตีไว้ก่อนว่าเป็นตัวอันตราย ห้ามประมาทเลินเล่อเด็ดขาด… ลูเมี่ยนรีบเก็บของทุกชิ้นบนก้อนหิน ถือโคมไฟคาร์ไบด์ เดินออกจากโพรงเหมืองแห่งนี้ไป
เด็กหนุ่มอาศัยโครงสร้างใต้ดินทรีอาร์ที่จดจำมาจากแผนที่ของการ์ดเนอร์·มาร์ติน อ้อมไปยังย่านที่ใกล้กับเขตหอรำลึก แล้วลงใต้ดินอีกหลายเมตร จนพบโพรงเหมืองแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างเงียบ โดยระหว่างทางก็ขจัดร่องรอยไปอย่างน้อยสามครั้ง
ฟู่… หลังจากลูเมี่ยนกวาดตาหนึ่งรอบ ก็คลายความกังวลลงเล็กน้อย วางโคมไฟคาร์ไบด์ลง นำเทียนกับอุปกรณ์ในพิธีวางบนหินสูงครึ่งเมตร
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มตระหนักได้ว่ามีบางสิ่งกำลังขยับอยู่ริมโพรงเหมือง
ฮึ่ย… หัวใจลูเมี่ยนเต้นแรงอีกครั้ง พลางบรรจงหยิบโคมไฟคาร์ไบด์ด้วยความระมัดระวัง แล้วส่องไปยังตำแหน่งดังกล่าว
แสงสีเหลืองอมฟ้าส่องให้เห็นหนูสีดำตัวหนึ่ง ครึ่งล่างของมันถูกหินก้อนไม่ใหญ่นักบังอยู่ ภาพเหล่านี้ฉายเข้าดวงตาลูเมี่ยนอย่างชัดเจน
หนูตัวดังกล่าวไม่กลัวแสงเลย เอาแต่ยืนนิ่งในจุดเดิม สองสามวินาทีถัดมาจึงค่อยๆ หันหลังกลับ เดินเชื่องช้ากลับไปมุดรูเล็กๆ ตรงโคนผนังหิน
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ลูเมี่ยนรู้สึกว่าตาขวาของหนูตัวนั้นใหญ่กว่าตาซ้ายหนึ่งวง
ขณะถือโคมไฟคาร์ไบด์ จิตใจเด็กหนุ่มกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง ร่างกายเริ่มขยับพร้อมกับถามไถ่เสียงเบา
“เทอร์มีโพลอส ที่นี่ก็มีปัญหาหรือ”
เสียงของเทวทูตชะตากรรมดังสะท้อนในตัวลูเมี่ยนอย่างน่าเกรงขาม
“เจ้าควรสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูลทันที ขอพรคุ้มครองจากเทวทูตแล้วย้ายไปตำแหน่งอื่น”
หา… ร้ายแรงขนาดนั้นเชียว? รูม่านตาลูเมี่ยนขยายกว้างทันใด รีบหยิบเทียนไขอีกเล่มออกมา จัดแท่นบูชาอย่างว่องไว
เด็กหนุ่มไม่กังวลเลยสักนิด ว่านี่อาจเป็นการล่อลวงจากเทอร์มีโพลอสเพื่อให้ตนตัดสินใจผิดพลาด เพราะอย่างไรเสีย การสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูลคือที่พึ่งสุดท้ายของเขาอยู่แล้ว มีแต่ดี ไม่มีข้อเสีย
และหากมองในมุมกลับ การที่เทวทูตชะตากรรมถูกบีบให้ต้องขอพรคุ้มครองจากมิสเตอร์ฟูล แม้จะเป็นทางอ้อม แต่ก็เพียงพอให้อนุมานได้ว่า สถานการณ์ในปัจจุบันไม่ธรรมดาอย่างยิ่งแล้ว หากปะทุขึ้นมา เกรงว่าอาจมีอันตรายเหนือจินตนาการ!
ท่ามกลางสถานการณ์อันสุดโต่ง ลูเมี่ยนใช้เวลาเพียงสิบกว่าวินาทีเพื่อจัดวางเทียนไข เตรียมกริชเงิน สร้างกำแพงวิญญาณปิดล้อมตัวเองและแท่นบูชาไว้
ถัดมา เขาจุดเทียนสามเล่มตามลำดับจากเทพถึงมนุษย์ จากซ้ายไปขวา แล้วหยดสารสกัดดอกไม้กับน้ำบริสุทธิ์
ท่ามกลางแสงเลือนรางคละเคล้าม่านหมอกบางเบา ลูเมี่ยนถอนหายใจ กล่าวด้วยท่าทีองอาจ
“ข้าวิงวอนต่อท่าน”
“วิงวอนขอพรคุ้มครอง…”
เมื่อพิธีดำเนินไป ลูเมี่ยนก็จมอยู่ในหมอกควันเจือจางอีกครั้ง รู้สึกคันยุบยิบตามเนื้อหนัง ความคิดเชื่องช้าลง จนกระทั่งเห็นเทวทูตปีกสิบสองคู่ที่ก่อกำเนิดจากแสงล้วน ร่อนลงจากตำแหน่งสูงอนันต์ โอบกอดตนเอาไว้
เมื่อปีกคู่แล้วคู่เล่าหุบลงแล้วมลายหาย ลูเมี่ยนก็พลันลืมตาตื่น ก่อนจะรีบตรวจสอบร่างกายตัวเองทันที รีบเก็บของบนแท่นบูชา ออกจากโพรงเหมืองนี้ในพริบตา
เด็กหนุ่มมุ่งหน้าไปยังใต้ดินเขตตลาด ระหว่างทางก็คอยขจัดร่องรอยตามความเคยชิน
เกือบยี่สิบนาทีถัดมา ลูเมี่ยนก็พบอีกหนึ่งโพรงเหมืองที่เหมาะแก่การซ่อนตัว ซึ่งดูจากแผนที่แล้วก็นับว่าปลอดภัย
เขาเลี้ยวเข้าไป ตรวจสอบหนึ่งรอบ แล้วถามเสียงอู้อี้
“เทอร์มีโพลอส ที่นี่มีปัญหาไหม?”
“ตอนนี้ไม่มี” เทอร์มีโพลอสตอบ
ลูเมี่ยนหลับตาลงเล็กน้อย จิตใจผ่อนคลายลงหลายส่วน
เด็กหนุ่มเริ่มพบปัญหาหนึ่ง
ควรย้อนกลับขึ้นไปบนดินก่อน รอสักพัก จนกว่าความผิดปกติจะหายไป แล้วค่อยหาที่ซ่อนตัวใหม่เพื่อประกอบพิธีขอพรดี หรือควรฉวยโอกาสระหว่างที่ยังมีเทวทูตของมิสเตอร์ฟูลคอยคุ้มครอง จนสามารถต้านทานความผิดปกติต่างๆ ได้ชั่วคราว รีบยกระดับตัวเองให้เป็นภิกษุบิณฑบาตโดยเร็วดี
ตามนิสัยของลูเมี่ยน เขาก็อยากลองเสี่ยงดูบ้าง ยังไงคราวหน้าก็ต้องทำแบบเดิมอยู่แล้ว ในเมื่อตนไม่มีวิธียืนยันว่าความผิดปกติหายไปแล้วหรือยัง สุดท้ายก็ต้องปรึกษากับคนใหญ่คนโตอยู่ดี
ถ้าอย่างนั้น ทำไมไม่ถามให้เรียบร้อยตั้งแต่ตอนนี้เลยล่ะ!
ลูเมี่ยนจัดแท่นบูชาอีกครั้ง คราวนี้มิได้ขอพรคุ้มครอง มิได้ขอรับพร แต่เป็นการอัญเชิญผู้ส่งสารของมาดามเมจิกเชี่ยน
ไม่นานนัก ผู้ส่งสารตุ๊กตาในชุดกระโปรงสั้นสีทองสว่าง พลันปรากฏตัวเหนือเปลวเทียนสีฟ้าอมเขียว
มันมองลูเมี่ยน กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยปลื้ม
พูดจบ มันก็หยิบจดหมายที่ลูเมี่ยนรีบเขียนไป
เนื้อหาในจดหมาย เขาเล่าย่อๆ ถึงพฤติกรรมของโมไนต์ รวมถึงการตอบสนองของเทอร์มีโพลอส ปิดท้ายด้วยการถามว่า ตอนนี้เหมาะสมที่ตนจะขอรับ ‘พร’ หรือไม่
ในแง่นี้ ลูเมี่ยนใช้ลูกไม้เล็กน้อย ด้วยการถามว่า ‘ทำได้’ หรือ ‘ทำไม่ได้’ เท่านั้น มิได้อ้อนวอนให้มาดามเมจิกเชี่ยนคอยคุ้มครองตรงๆ
—ค่าใช้จ่ายในการขอให้ครึ่งเทพลงมือ เกรงว่าจะแพงจนเขาจ่ายไม่ไหว ไม่เท่ากับการใช้วิธีถามเพื่อให้เธอหันมาสนใจ
แน่นอน หากอับจนหนทางอย่างแท้จริงแล้ว เขาก็เต็มใจจะลองดู ติดหนี้ยังดีกว่าตาย ยังสามารถทยอยใช้หนี้ได้จนกว่าจะหมด หรือไม่ก็ตายไปก่อน ก็ไม่ต้องใช้หนี้แล้ว
ที่นี่ไม่ดีเท่าไร… หมายถึงโพรงเหมืองหินนี้ หรือทั่วทั้งทรีอาร์ใต้ดิน? ลูเมี่ยนไตร่ตรองความเห็นเมื่อสักครู่ของผู้ส่งสาร
ไม่นานนัก ผู้ส่งสารตุ๊กตาก็มาส่งจดหมายตอบกลับ:
“เรื่องใหญ่แล้วล่ะ”
ประโยคแรกของมาดามเมจิกเชี่ยนทำเอาหัวใจลูเมี่ยนแทบหยุดเต้น
“แน่นอน ปัญหายังไม่ร้ายแรงถึงเพียงนั้น อย่างน้อยฉันก็ยังไม่พบว่าท่านผู้ยิ่งใหญ่กลับมายังโลกของเรา”
“สำหรับตอนนี้ สิ่งที่ต้องยืนยันเป็นอันดับแรกคือเป้าหมายของท่าน คำนึงจากท่าทีของเทอร์มีโพลอส ฉันเชื่อว่าเป้าหมายนั้นคงเกี่ยวข้องกับเจ้าชื่อยาว แต่ท่านผู้นั้นเชี่ยวชาญการอำพรางเป้าหมายแท้จริง นี่อาจเป็นเพียงภาพลวงตาที่ใครบางคนสร้างขึ้น เพื่อทำให้พวกเราหรือบางพระองค์ไขว้เขว”
“ทั้งปัจจุบันและอนาคตอันใกล้จะไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับเธอ เมื่อปรับสภาพเสร็จแล้ว ก็ประกอบพิธีขอพรได้เลย”
ท่าน? อีกฝ่ายคือเทวทูต? บุคคลที่แสดงเจตจำนงผ่านโมไนต์คือเทวทูต? ลูเมี่ยนอดไม่ได้ที่จะซี้ดปาก ในใจเริ่มหวาดหวั่นอย่างแรงกล้า
เรื่องนี้ทำให้เขานึกถึงความพิเศษของคาบาเร่ต์แกะดำ สงสัยว่าถ้าตนเข้าไปทวงหนี้จริง อาจต้องเผชิญหน้ากับสาวกจำนวนมากของเทวทูต!
เมื่อเห็นว่ามาดามเมจิกเชี่ยนแนะนำแบบเดียวกับเทอร์มีโพลอส ลูเมี่ยนจึงสงบใจลงแล้วเริ่มจัดแท่นบูชาใหม่
ผ่านไปไม่นาน เด็กหนุ่มจ้องเทียนไขสีเทาขาวสองเล่มที่แทนชะตากรรมและตัวเอง ท่ามกลางกลิ่นหอมอันซับซ้อนของน้ำหอมอำพันเทา เขาถอยหลังหนึ่งก้าว เปล่งเสียงอันทรงพลัง
“ข้าแต่อำนาจแห่งชะตากรรมเอ๋ย!”
“ท่านผู้เป็นอดีต เป็นปัจจุบัน เป็นอนาคต”
“ท่านผู้เป็นเหตุ เป็นผล เป็นกระบวนการ…”
……………………………………………..