ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 314 รวมพลังผู้คน
ตอนที่ 314 รวมพลังผู้คน
นายคุยกับลูกบุญธรรมของนายแล้ว ก็เลยมาหาฉันเพื่อยืนยันท่าที? ลูเมี่ยนยังคงยิ้มเหมือนเดิม
“คุณจะศรัทธาอะไรก็ไม่เกี่ยวกับผม ขอเพียงไม่ศรัทธาเทพมารก็พอ แล้วอีกอย่าง สาวกของเทพแห่งปัญญาความรู้ในทรีอาร์ก็มิใช่ผู้ต้องหา”
ราวกับต้องการสื่อว่า ‘ผมยังเป็นผู้ต้องหาเลย คุณอยากนับถืออะไรก็เชิญ’
บารอนบรินิแยร์หัวดีมาแต่ไหนแต่ไร จึงไม่สานต่อประเด็นเก่า เปลี่ยนไปเกริ่นเข้าเรื่องใหม่
“ผมซาบซึ้งใจมากที่คุณช่วยตามหาลุดวิกให้ ยังไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนอย่างไรดี”
เขาไม่เสนอรางวัลออกมาเอง แต่รอดูท่าทีกับความคิดลูเมี่ยน
เด็กหนุ่มใคร่ครวญครู่หนึ่ง แล้วนำความคิดที่สลัดทิ้งไปเมื่อครู่กลับมาพิจารณาใหม่
การให้บารอนบรินิแยร์ช่วยอ่านและกรอก ‘บันทึกย่อ’ มิได้หมายความว่าต้องให้อยู่ในห้องเดียวกับฟรังก้า จินนา และอ็องโตนี·รีดเสมอไป สามารถให้ดูข้อมูลแค่บางส่วน กำชับสิ่งที่ควรระวัง แล้วให้กลับไปอ่านสรุปเองที่บ้าน
ในทำนองเดียวกัน ก่อนที่อ็องโตนี·รีดจะตอบตกลงเข้าร่วมปฏิบัติการล้อมจับหลวงพ่อกิโยม·เบเนต์ ก็ไม่ควรได้ติดต่อกับฟรังก้าและจินนาโดยตรง แต่ต้องจัด ‘ห้องทำงาน’ ให้เป็นการส่วนตัว
ลูเมี่ยนมองบารอนบรินิแยร์แล้วตั้งใจถาม
“คุณถนัดการอ่านแล้วจดบันทึกไหม”
ในสมุดบันทึกเวทมนตร์ของโอลัวร์เขียนไว้ว่า เส้นทางหลักของศาสนจักรเทพแห่งปัญญาความรู้มีชื่อว่า ‘นักอ่าน’ ซึ่งเป็นชื่อของโอสถลำดับ 9 ส่วนลำดับ 8 คือ ‘นักวิเคราะห์ฝึกหัด’ และลำดับ 7 คือ ‘นักสืบ’
เมื่อนำไปผนวกกับเรื่องที่บารอนบรินิแยร์ไม่ค่อยแสดงพลังวิเศษ แต่พึ่งพาสมองอันเฉียบแหลม พึ่งพาฝีมือหมัดมวยที่ไม่ธรรมดา และฝีมือการยิงปืนที่หาตัวจับได้ยาก จนได้กลายเป็นหัวหน้าหน่วยพรรคซาฟาห์ รวมถึงความศรัทธาในปัจจุบัน ลูเมี่ยนเริ่มสงสัยว่าอีกฝ่ายคือผู้วิเศษเส้นทางนักอ่าน
และจากชื่อโอสถก็สามารถอนุมานได้ว่า คนแบบนี้ถนัดการอ่านหนังสือ
บารอนบรินิแยร์สูบกล้องยาพลางกล่าว
“เทียบกับพวกที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ผมถือว่าอ่านเก่งพอใช้”
เขายังไม่เข้าใจเจตนาของคำถาม จึงสงสัยว่าชาร์ลกำลังวิเคราะห์เส้นทางผู้วิเศษของตนอยู่
ซึ่งมันก็ไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด การ์ดเนอร์·มาร์ตินทราบอยู่ก่อนแล้ว
ลูเมี่ยนเผยรอยยิ้มจริงใจ
“เมื่อไม่นานมานี้ ผมเพิ่งได้ข้อมูลของสัตว์โลกวิญญาณมาชุดหนึ่ง แต่คุณคงทราบดี ไม่สิ ต้องทราบอยู่แล้ว ความรู้ทำนองนี้ถ้าอ่านนานๆ ทำให้เกิดภาระทางใจ แถมผมยังเป็นผู้วิเศษเส้นทางนักล่า คงไม่ได้ใช้ข้อมูลพวกนี้ในอนาคตอันใกล้หรอก เพียงแต่หวังว่าเมื่อถึงเวลาที่จำเป็น ตัวเองจะค้นหาความรู้ที่ต้องการได้รวดเร็ว ไม่เสียเวลาอันมีค่าไป ดังนั้น ผมอยากแบ่งข้อมูลส่วนหนึ่งให้คุณ ให้คุณช่วยอ่านแล้วสรุปคำสำคัญออกมา”
“เหมือนกับการทำดัชนีในห้องสมุด” บารอนบรินิแยร์ฟังแล้วเข้าใจทันที
เขายิ้มแล้วกล่าวต่อ
“แบบนี้ฝ่ายผมได้เปรียบนะ เพราะข้อมูลทำนองนั้นมักมีมูลค่าสูง”
ดัชนีห้องสมุด… สมแล้วที่เป็นสาวกของเทพแห่งปัญญาความรู้ เลือกใช้คำได้มืออาชีพจริงๆ … ลูเมี่ยนค่อนข้างดีใจ เชื่อว่าบารอนบรินิแยร์คงจะเหนือกว่าอ็องโตนี·รีดกับกระต่ายพิทยาหนึ่งตัวด้วยซ้ำ
ขณะเดียวกัน เด็กหนุ่มพบว่าตนควรระวังบารอนบรินิแยร์ไว้สักหน่อย เช่น จากบรรดาข้อมูลที่เตรียมจะส่งให้อีกฝ่าย ควรดึงสิบแผ่นมาอ่านล่วงหน้าก่อนแล้วจดบันทึกไว้เอง เก็บไว้เทียบกับดัชนีที่บารอนบรินิแยร์ส่งกลับมาในภายหลัง ดูว่าอีกฝ่ายจงใจละเว้นหรือดัดแปลงหรือไม่
แน่นอน นี่เป็นสไตล์ถึกทนตามแบบฉบับลูเมี่ยน อีกวิธีหนึ่งคือการขอให้ฟรังก้าช่วยให้ศาสตร์การทำนายยืนยัน แต่ก็มีโอกาสถูกแทรกแซงได้เช่นกัน
ลูเมี่ยนสอดมือล้วงกระเป๋า มองบารอนบรินิแยร์ด้วยสายตาเหมือนมองคนงาน ยิ้มแล้วพูด
“ผมไม่สนใจว่าใครได้เปรียบ ขอแค่บรรลุเป้าหมายเป็นพอ”
บารอนบรินิแยร์พยักหน้าเบาๆ โดยไม่สานต่อบทสนทนา เพียงแค่แจ้งให้ลูเมี่ยนทราบว่าตนจะอยู่ที่ใดในช่วงเช้า ให้ส่งข้อมูลไปตามนั้น
โรงแรมระกาทอง ห้อง 305
ภาษากายของลูเมี่ยนดูผ่อนคลายลงมากขณะทวนคำพูดที่กล่าวกับบารอนบรินิแยร์เมื่อครู่ให้อ็องโตนี·รีดฟัง แล้วเสริมว่า
“ความรู้เหล่านั้นคือรางวัลตอบแทน แล้วผมยังจะสอนอาคมพิธีกรรมให้คุณด้วย เพื่ออัญเชิญสัตว์โลกวิญญาณออกมาช่วยคุณอ่านและสรุปใจความสำคัญ… เป็นอย่างไรบ้าง สนใจรับงานนี้ไหม?”
กระจกตาสีน้ำตาลเข้มของอ็องโตนี·รีดกำลังสะท้อนภาพลูเมี่ยน ก่อนจะกล่าวด้วยใบหน้าใคร่ครวญ
“คุณดูรีบร้อนมาก เรื่องนี้มีความหมายต่อคุณเป็นพิเศษ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง”
ลูเมี่ยนไม่คิดจะปิดบังอยู่แล้ว จึงกล่าวต่อไป
“ในอนาคตผมต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง จำเป็นต้องพึ่งพาสัตว์พันธสัญญาที่เหมาะสมกับตัวเอง เมื่อถึงเวลานั้น ผมอาจขอให้คุณเข้าร่วมด้วย ส่วนใหญ่เป็นงานสนับสนุน คุณสามารถเริ่มไตร่ตรองได้ตั้งแต่ตอนนี้เลยว่าจะตอบตกลงหรือไม่ หรืออยากได้รางวัลแบบใด… หึๆ … ไม่ต้องรีบให้คำตอบก็ได้ อีกสักสองวันค่อยว่ากัน”
“คุณกำลังเกริ่นนำ เพื่อให้ผมเริ่มเตรียมใจ พร้อมกับสร้างความคาดหวังที่สอดคล้องกัน” อ็องโตนี·รีดอ่านทะลุความคิดของลูเมี่ยน
ลูเมี่ยนเริ่มกระอักกระอ่วนขึ้นมานิดหน่อย แต่ด้วยความที่หน้าหนาเป็นพรสวรรค์ จึงไม่เผยท่าทางใดนอกจากตอบกลับไปยิ้มๆ
“คุณไม่รู้ตัวหรือไง ว่าการพูดจาแบบนี้มันอันตรายต่อชีวิตน่ะ”
อ็องโตนี·รีดผงกหัวแผ่วเบา ราวกับใช้โอกาสเมื่อครู่ยืนยันบางสิ่ง แล้วจึงตอบตกลงที่จะช่วยอ่านเอกสารเพื่อจดทำ ‘บันทึกย่อ’
…………
ชั้นสองของคาบาเร่ต์ลมเอื่อย ในห้องที่ติดกับห้องนอนลูเมี่ยน
เด็กหนุ่มมองอ็องโตนี·รีดกับกระต่ายพิทยาที่นั่งเคียงกัน พลางพลิกอ่านข้อมูลแล้วกรอกลงตาราง ก่อนจะพยักหน้าพอใจเบาๆ จนแทบมองไม่เห็น
เขาเน้นย้ำอีกครั้งว่าห้ามอ่านรายละเอียดของความรู้ที่เขียนกำกับไว้ว่า ‘อันตราย’ หรือ ‘แข็งแกร่ง’ จากนั้นก็ออกจากห้อง เดินไปยังห้องทำงานที่สุดปลายทางเดิน
ฟรังก้านั่งสบายๆ บนเก้าอี้ของลูเมี่ยน นำเท้าที่สวมรองเท้าบูตสีแดงพาดกับขอบโต๊ะอ่านหนังสือ
เธอถามอย่างสงสัยใคร่รู้
“คุณอยากให้พวกเราช่วยทำอะไรกันแน่ ทำไมต้องลึกลับขนาดนี้?”
จินนานั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม หมุนตัวมองไปทางประตูเช่นกัน
ลูเมี่ยนปิดประตูอย่างไม่ใส่ใจ แล้วเริ่มเล่าเรื่องราวอย่างรวบรัด โดยแจ้งเหตุผลว่า ตนอยากได้สัตว์พันธสัญญาสักตัวก่อนการเผชิญหน้ากับหลวงพ่อ
“เรื่องง่ายๆ พรรค์นี้ ทำนายครู่เดียวก็รู้ผลแล้วไม่ใช่หรือไง…” ถึงฟรังก้าจะพึมพำ แต่ก็ยอมทำตามที่ลูเมี่ยนขอ ส่วนจินนาเริ่มสนใจในสัตว์โลกวิญญาณ
ไม่นานนัก ฟรังก้าเงยหน้ามองกระต่ายพิทยาสามตัว ซึ่งล้วนนั่งประจำตำแหน่ง พลิกแผ่นกระดาษด้วยความไว พลางจดบันทึกลงตาราง รวมไปถึงจินนากับลูเมี่ยน แล้วกล่าวติดตลกว่า
“ยังกับว่าที่นี่เป็นโรงงาน แล้วพวกเราเป็นแรงงานคัดลอกข้อมูลเลยนะ”
ขอแสดงความยินดีด้วย เธอเข้าใจถูกแล้ว… ลูเมี่ยนตอบแบบขอไปที
“ผมก็กำลังอ่านแล้วกรอกลงตารางเหมือนกันไม่ใช่หรือไง?”
ฟรังก้าคิดตามแล้วก็พบว่าจริง จึงก้มหน้าทำ ‘งาน’ ของตนต่อไป
เป็นเช่นนี้ไปจนถึงสี่ทุ่มกว่า ระหว่างทางมีพักหลายรอบ รวมถึงกินอาหาร งีบตอนเที่ยง พักผ่อนเล็กน้อย ผ่อนคลายอาการไม่พึงประสงค์ สลับกับอัญเชิญกระต่ายพิทยาออกมาใหม่
ลูเมี่ยนถือโอกาสระหว่างพักสั้นเป็นครั้งคราว คอยสังเกตสภาพของฟรังก้า จินนา อ็องโตนี·รีด และกระต่ายพิทยาทั้งสี่ตัว เพื่อป้องกันมิให้ใครจดจ่ออยู่กับการอ่านนานเกินไป จนไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของตัวเอง
จินนาถึงขีดจำกัดก่อนใครเพื่อน เธอเพิ่งเลื่อนลำดับเป็นนักกระตุ้น ยังปรับตัวเข้ากับโอสถไม่ค่อยได้ ควบคุมพลังที่เอ่อล้นไม่อยู่ สภาพไม่ค่อยสู้ดีนัก
คนถัดมาคืออ็องโตนี·รีด เงามืดในใจถือว่าค่อนข้างร้ายแรง ความสามารถในการต่อต้านอาการผิดปกติในบางแง่มุมจึงต่ำมาก
ลูเมี่ยน ฟรังก้า และกระต่ายพิทยาซึ่งเปลี่ยนมาเจ็ดรุ่นแล้ว สามารถยืนหยัดได้จนถึงที่สุด
ส่วนบารอนบรินิแยร์เสร็จงานของตัวเองตั้งแต่หกโมงเย็นกว่าๆ แล้วนำข้อมูลพร้อมตารางมาส่งที่ร้านกาแฟ
หลังจากยกเลิกการอัญเชิญ ส่งเหล่า ‘ผู้ช่วย’ ที่อ่อนเพลียชัดเจนกลับบ้านไป ลูเมี่ยนก็ย้อนกลับไปยังบ้านลับบนถนนเสื้อนอกขาว โดยนำกระดาษตารางทุกใบมาซ้อนกัน
เด็กหนุ่มพลิกอ่านพอเป็นพิธี ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น แล้วโยนกระดาษเหล่านั้นลงบนโต๊ะด้วยความรู้สึกสำเร็จลุล่วง
เขายังไม่คิดจะคัดเลือกทันที อยากกลายเป็นผู้ถือพันธสัญญาเสียก่อน ทำความเข้าใจเงื่อนไขสัญญาให้ชัดเจน แล้วค่อยอ่านดัชนีอีกครั้ง เพื่อมิให้ต้องลำบากใจที่อุตส่าห์หาสัตว์โลกวิญญาณในอุดมคติได้แล้ว แต่สุดท้ายกลับพบว่าไม่ตรงตามเงื่อนไขสัญญา
ลูเมี่ยนพักผ่อนสักหน่อย แล้วอัญเชิญกระต่ายพิทยาตัวใหม่ออกมา ให้มันคัดลอกกระดาษตารางทุกใบเพิ่มอีกสองชุด
หลังจากแยกเก็บกระดาษดัชนีทั้งสามชุด เด็กหนุ่มเหนื่อยจนไม่อยากล้างหน้าแปรงฟัน จึงล้มตัวลงบนเตียงแล้วหลับปุ๋ยไปเลย
…………
เช้าตรู่หกโมง ลูเมี่ยนที่สดชื่นกระปรี้กระเปร่าไม่รีบลงใต้ดินเพื่อเตรียมแท่นบูชาแล้ววิงวอนขอพรทันที แต่ออกไปวิ่งเหยาะๆ ตามด้วยซ้อมหมัดมวย ผ่อนคลายจิตใจเหมือนทุกวัน
ใกล้แปดโมงตรง เขาถึงเริ่มหยิบอุปกรณ์ต่างๆ แล้วเดินกลับห้อง 207 โรงแรมระกาทอง
หลังจากลังเลใจสักพัก ลูเมี่ยนตัดสินใจหยิบโคมไฟคาร์ไบด์ติดตัวไปด้วย แม้ว่าตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอุปกรณ์ส่องแสงแล้วก็ตาม เนื่องจากตัวเองคือแหล่งกำเนิดแสงชั้นเลิศ
เด็กหนุ่มต้องการให้ศัตรูที่อาจพบเจอระหว่างทาง มีความคิดแวบแรกว่าตนไม่มีเนตรมองกลางคืน และไม่ชำนาญการสร้างแสงสว่าง
ใต้ดินทรีอาร์ ภายในโพรงเหมืองหินที่เคยจัดพิธีกรรมเกี่ยวกับชะตากรรมก่อนหน้านี้
ลูเมี่ยนเช็ดถูสภาพแวดล้อมที่มืดชื้นพอเป็นพิธี แล้ววางเทียนผสมเลือดของตนลงบนหินใหญ่ที่ใช้เป็นแท่นบูชา
หลังจากชำระล้างกริชเงินเสร็จแล้วเตรียมจะสร้างกำแพงวิญญาณ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบา
เสียงฝีเท้าดังกล่าวก้องกังวานไปทั่วอุโมงค์ใต้ดิน ดูเหมือนกำลังอยู่ในโพรงเหมืองหินไม่ไกลออกไป
มีคนผ่านทางมา? หัวใจของลูเมี่ยนเริ่มเต้นแรง ใจอยากเก็บกวาดที่เกิดเหตุแล้วรีบซ่อนตัว
เด็กหนุ่มเพิ่งจะเดินเข้าใกล้แท่นบูชา ยังไม่ทันได้ดับโคมไฟคาร์ไบด์ เสียงฝีเท้าแผ่วเบาก็ดังใกล้ทันที ประหนึ่งอยู่หน้าทางเข้าโพรงนี้แล้ว
เมื่อเห็นว่าซ่อนตัวไม่ทันแน่ ลูเมี่ยนหันหลังกลับทันที นำมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า มองไปตามต้นเสียง
ตรงนั้นมีชายผอมเกร็งผิวคล้ำยืนอยู่ ถือโคมไฟคาร์ไบด์หนึ่งดวง ผมหยักศกสีดำ ดวงตาสีเข้ม สวมเสื้อคลุมสีดำแบบหมอดูในคณะละครสัตว์
โมไนต์… ลูเมี่ยนจดจำอีกฝ่ายได้
นักต้มตุ๋นชาวหมู่เกาะที่เคยหลอกชาร์ลี แต่กลับถูกพวกนักต้มตุ๋นในคาบาเร่ต์แกะดำหลอกอีกที
โมไนต์มองมาทางลูเมี่ยนเช่นกัน
มุมปากของเขาบรรจงยกโค้ง ใบหน้ายิ้มแย้มร่าเริงขณะทักทาย
“บังเอิญจังเลยนะ”
นักต้มตุ๋นรายนี้พูดไปพลางหยิบแว่นตาขาเดียวที่เลนส์ทำจากคริสตัลออกมา สวมไว้กับเบ้าตาขวา
……………………………………………