ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 296 คำขอ
ตอนที่ 296 คำขอ
การ์ดเนอร์·มาร์ตินคุ้นเคยกับความจริงใจและตรงไปตรงมาของลูเมี่ยนดี จึงพยักหน้าเบาๆ แล้วพูด
“ถ้าคุณอยากได้ในทันที ผมมีของสามชิ้นที่มูลค่าเทียบเท่าเขี้ยวมนุษย์หมาป่า”
“ชิ้นแรกคือ ‘กำไลเงา’ … สมบัติวิเศษชิ้นนี้จะช่วยให้คุณซ่อนตัวในเงาที่มีขนาดใหญ่กว่าร่างกายได้ สามารถอัญเชิญ ‘เงารับใช้’ ที่มีพลังพิเศษเล็กน้อย และสามารถเปลี่ยนเงาให้มีชีวิตเพื่อตรึงเป้าหมายในระดับหนึ่ง”
“แต่มันเป็นของอัปมงคล จากบรรดาผู้ที่เคยใช้งาน มากกว่าหนึ่งในสามกลายเป็นบ้า และอีกหนึ่งในสามหายตัวไปอย่างลึกลับโดยไม่ได้สวมติดตัวไป ไม่มีใครเคยเห็นอีกเลย ส่วนที่เหลือดูภายนอกยังปกติอยู่ แต่มักจะบอกว่าตัวเองมีอาการหูอื้อ บางครั้งก็หูแว่ว”
“ในช่วงไม่กี่ปีหลัง หากมิใช่สถานการณ์พิเศษ ก็ไม่มีใครกล้าใช้สมบัติวิเศษชิ้นนี้แล้ว”
แล้วมาถามฉันทำไมว่าต้องการไหม หน้าอย่างฉันดูเหมือนคนโง่หรือคนบ้านักหรือไง? ลูเมี่ยนเผยความกังขาด้วยสายตา
การ์ดเนอร์·มาร์ตินยิ้มพลางอธิบายง่ายๆ
“ผมเป็นหนึ่งในส่วนน้อยที่ใช้กำไลเงาแล้วไม่เกิดปัญหา ผมรู้วิธีลดผลข้างเคียงด้านลบของมัน แต่จะบอกคุณก็ต่อเมื่อคุณเลือกมัน”
อย่างนายเนี่ยนะไม่มีปัญหา? เริ่มเห็นภาพหลอนตั้งแต่เมื่อไร? ลูเมี่ยนกลั้นหายใจ ไม่ได้พูดในสิ่งที่ใจคิด
ตามความเห็นของเขา การ์ดเนอร์·มาร์ตินที่ถูกปนเปื้อนโดย ‘ความผิดปกติ’ จากบ้านเลขที่ 13 ถนนใหญ่ตลาด อาจไม่ได้ดีกว่าคนบ้าหรือคนที่หายตัวไปอย่างลึกลับสักเท่าไร
ตามคำอธิบายของมาดามเมจิกเชี่ยน เกี่ยวกับการปนเปื้อน การ์ดเนอร์·มาร์ตินที่ยืนอยู่ตรงนี้ อาจไม่ใช่การ์ดเนอร์·มาร์ตินคนเดิมอีกแล้ว
การ์ดเนอร์·มาร์ตินมองเด็กหนุ่มแล้วพูดยิ้มๆ
“อันที่จริง เวลาอยู่ต่อหน้าผม คุณไม่ต้องสำรวมมากนักก็ได้ มันทำให้คุณดูเหมือนนักล่าที่ยังไม่ได้เลื่อนเป็นลำดับ 8… ไม่ว่าคุณจะพูด ‘ยั่วยุ’ ใส่ผมอย่างไร ผมก็แค่เหน็บแนมกลับไปเท่านั้นเอง คุณก็เห็นว่าทุกวันนี้อัลบัสยังสบายดีอยู่”
“ได้ครับ ผู้การ” แน่นอน ลูเมี่ยนมิอาจพูดออกไปได้ว่า สิ่งที่ตนอดกลั้นไว้ส่วนใหญ่ คือความลับที่จะปล่อยให้ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กได้ยินไม่ได้
การ์ดเนอร์·มาร์ตินลุกออกจากเก้าอี้เอนหลังแล้วพูดต่อ
“อย่างที่สอง ตะกอนพลังที่ ‘ผู้สื่อวิญญาณ’ ทิ้งไว้… คุณรู้จักคำว่าตะกอนพลังไหม”
ลูเมี่ยนตอบด้วยเสียงสงบนิ่ง
“การฆ่าสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติจะได้รับวัตถุดิบหลักสำหรับปรุงโอสถ การสังหารผู้วิเศษก็ย่อมต้องได้สิ่งที่คล้ายกัน เหมือนกับลูกแก้วใสสีทองของ ‘ค้อนเหล็ก’ แอตและเขี้ยวมนุษย์หมาป่านี้”
“ผมเดาว่ามันคือตะกอนพลัง พวกมันสอดคล้องกับโอสถ และไม่มีความจำเป็นต้องไปหาวัตถุดิบหลักมาแล้ว”
การ์ดเนอร์·มาร์ตินพยักหน้าชื่นชม
“ถูกต้อง หัวไวไม่เบา”
เขาไม่ได้อธิบายเรื่อง ‘กฎความถาวรของตะกอนพลัง’ อย่างเฉพาะเจาะจง คงคิดว่าพัวพันกับความลับมากไปหน่อย ซึ่งยังไม่ถึงเวลาที่ลูเมี่ยนควรจะรู้
การ์ดเนอร์·มาร์ตินเดินไปมาหน้าเตาผิงที่ยังไม่ได้จุดไฟ โดยกอดมือไพล่หลังไว้
“ผู้สื่อวิญญาณ… จากชื่อคุณก็คงพอเดาได้ว่า สมบัติวิเศษที่สร้างจากมันจะมีความสามารถในขอบเขตใด ส่วนจะได้รับพลังแบบใดนั้น ขึ้นอยู่กับความเก่งกาจของ ‘ช่างฝีมือ’ อีกที”
“หากไม่มีอะไรผิดพลาด คุณจะได้รับพลังสองชนิดจากตัวเลือกเหล่านี้: ‘แปลงเป็นซอมบี้’ สามารถทนทานการเน่าเปื่อย ความเย็น และการกัดเซาะจากออร่าแห่งความตาย; ‘เนตรมรณะ’ สามารถส่องจุดอ่อนของสิ่งมีชีวิตประเภทอันเดด และมองเห็นวิญญาณทั่วไปบนโลกความจริง; ‘สื่อสารกับอันเดด’ เพื่อใช้พวกมันบรรลุผลทางศาสตร์เร้นลับต่างๆ … หากโชคดีพอ คุณอาจได้ครบทั้งหมด”
“ตะกอนพลังนี้ คุณพยายามอย่าพกติดตัวไว้ ไม่อย่างนั้นจะตกเป็นเป้าความเกลียดชังจากวิญญาณทั่วไปและอันเดดรอบตัว วันดีคืนดีอาจถูกลอบโจมตีอย่างพิสดาร”
ฟังดูเจ๋งดีนะ แต่ก็คล้ายกับ ‘ผู้ถือพันธสัญญา’ อยู่หลายส่วน ต่างก็พึ่งพาสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อให้ได้รับพลัง… ลูเมี่ยนครุ่นคิดสองสามวินาทีก่อนจะถาม
“แล้วอย่างที่สามล่ะครับ”
การ์ดเนอร์·มาร์ตินเดินกลับไปที่เก้าอี้เอนหลัง
“นั่นก็เป็นอีกหนึ่งตะกอนพลัง ถ้าพกติดตัวไว้ คุณจะพบว่าตัวเองกลายเป็นคนมีโชค โดยจะสังเกตเห็นได้จากรายละเอียดในสิ่งต่างๆ”
“ชื่อของลำดับที่สอดคล้องกันคือ ‘ผู้โชคดี’ แต่คุณต้องจำไว้ว่า การอาบไล้ไปด้วยโชคดีเป็นเวลานานคือสัญญาณของหายนะ และมันอาจทำให้คุณเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น”
ลำดับ 7 ของเส้นทาง ‘สัตว์ประหลาด’ ลูเมี่ยนนึกถึงเนื้อหาในสมุดบันทึกเวทมนตร์ของโอลัวร์
เส้นทาง ‘สัตว์ประหลาด’ หรืออีกชื่อคือเส้นทาง ‘โชคชะตา’ โดดเด่นด้านสัมผัสวิญญาณอันเฉียบแหลม และใกล้ชิดกับขอบเขตของโชคชะตา
ลูเมี่ยนหัวเราะในคอก่อนจะพูด
“กลับกลายเป็นว่า ‘ผู้โชคดี’ ดันโชคร้ายต้องกลายเป็นตะกอนพลัง?”
“ตลกร้ายจริงๆ”
การ์ดเนอร์·มาร์ตินพูดในเชิงเห็นด้วย
“อย่าดูหมิ่นโชคร้าย และอย่าพึ่งพาโชคดี ไม่อย่างนั้นคุณเองก็จะกลายเป็นตะกอนพลังเหมือนกัน”
“เป็นปรัชญาที่ลึกซึ้งจริงๆ” ลูเมี่ยนจำคำพูดที่แฝงไปด้วยประสบการณ์และบทเรียนนี้ไว้
เด็กหนุ่มย้อนคิดถึงคำแนะนำของการ์ดเนอร์·มาร์ตินเมื่อสักครู่อย่างละเอียด พบว่าอีกฝ่ายไม่ตระหนี่ข้อมูลของลำดับต่างๆ เลย
ลำพังคำอธิบายของ ‘ผู้สื่อวิญญาณ’ และ ‘ผู้โชคดี’ ก็เพียงพอแล้วที่จะขายได้ราคาดีในชุมนุมศาสตร์เร้นลับหลายแห่ง
การ์ดเนอร์·มาร์ตินชี้เขี้ยวสีเขียวเข้มบนพื้นอีกครั้ง
“มันคือตะกอนพลังของ ‘มนุษย์หมาป่า’ เมื่อกลายเป็นสมบัติวิเศษแล้ว จะมอบพลังอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างดังนี้: พลังในการฟื้นฟูร่างกายที่ยอดเยี่ยม; แปลงร่างเป็นมนุษย์หมาป่า; หรือละทิ้งสติสัมปชัญญะเพื่อแลกกับการระเบิดพลังได้ชั่วขณะ”
“แต่ก็อย่างที่คุณเห็น มนุษย์หมาป่ามักได้รับการถูกครอบงำโดยความกระหายเลือดและแรงฆ่าฟัน อีกทั้งในคืนพระจันทร์เต็มดวงหรือพระจันทร์สีเลือด ยังมีความเสี่ยงที่จะเสียสติหรือคลุ้มคลั่งได้อีกด้วย”
“ตัดสินใจได้หรือยังว่าจะเลือกชิ้นไหน? ถ้าคุณเลือกตะกอนพลัง ผมสามารถติดต่อ ‘ช่างฝีมือ’ และช่วยคุณออกค่าใช้จ่ายให้ได้ นี่คือรางวัลที่คุณได้รับจากผลงานในค่ำคืนนี้”
‘ช่างฝีมือ’ ที่นายหามาใช่นักบุญไหม? ถ้านายรู้ว่าฉันแอบเก็บกิ่งพฤกษาเงาไว้ จะทำหน้ายังไงกันนะ? ลูเมี่ยนครุ่นคิดพลางรำพันถึงตัวเลือกที่มี
เด็กหนุ่มตัดทิ้ง ‘กำไลเงา’ ออกไปก่อน เพราะดูเหมือนมันจะอยู่ในเส้นทางของมิสเตอร์ K ซึ่งในอีกไม่กี่วันข้างหน้า รางวัลที่มิสเตอร์ K จะเสนอให้ตนเลือก อาจมีสิ่งที่คล้ายกันหรือดีกว่า และที่สำคัญ ผลข้างเคียงจากกำไลเงาถือว่าอันตรายเกินไปมาก แม้การ์ดเนอร์·มาร์ตินจะอ้างว่ามีวิธีควบคุม แต่ลูเมี่ยนก็ไม่กล้าเสี่ยง
เหนือสิ่งอื่นใดเลย มันเป็นความเสี่ยงที่เขาไม่จำเป็นต้องแบกรับ
“ผู้สื่อวิญญาณสามารถชดเชยจุดอ่อนของเราได้ แต่มันไม่ค่อยเข้ากับกิ่งพฤกษาเงาสักเท่าไร จะให้สร้างสมบัติวิเศษทำนอง ‘คนผีผูกพัน’ ก็คงจะไม่เหมาะ… อา… จุดเด่นบางอย่างยังคล้ายคลึงกับ ‘ผู้ถือพันธสัญญา’ ด้วย…”
“‘ผู้โชคดี’ จะช่วยให้กิ่งพฤกษาเงา กระตุ้นแรงกระหายที่เราต้องการได้ทุกครั้งไหม? การยอมสละสติสัมปชัญญะ รวมถึงการถูกครอบงำโดยความกระหายเลือดและแรงฆ่าฟันของมนุษย์หมาป่า ต่างก็ดูจะเข้ากันได้ดีกับกิ่งพฤกษาเงา อยากเห็นเหมือนกันว่าจะออกมาเป็นสมบัติวิเศษแบบไหน…”
ลูเมี่ยนคิดไม่ตก ใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะตัดสินใจได้
“ผมเลือก… ผู้โชคดี”
เหตุผลสำคัญที่เขาละทิ้งตะกอนพลังของมนุษย์หมาป่าคือ มันอาจทำให้สมบัติวิเศษที่สร้าง เกิดผลข้างเคียงประเภท ‘เสียสติ’
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นยังพอทำเนา ยังพอหาวิธีลดผลข้างเคียงได้ เช่นเลือกใช้เฉพาะตอนที่มีแต่ศัตรู หรือเก็บให้ห่างตัวในคืนจันทร์เต็มดวงหรือจันทร์สีเลือด แต่ลูเมี่ยนทำแบบนั้นไม่ได้ หากเด็กหนุ่มเสียสติแม้แต่ครั้งเดียว เทอร์มีโพลอสอาจใช้ประโยชน์จากตรงนั้น ทำให้ผนึกมิอาจรักษาสมดุลได้อีก
นอกจากนี้ ตัวเขายังถือเป็นผู้วิเศษในขอบเขตชะตากรรม ในอนาคตเมื่อลำดับสูงขึ้น ก็อาจช่วยสนับสนุนให้สมบัติวิเศษ ‘ผู้โชคดี’ มีประสิทธิภาพสูงขึ้นได้
ส่วนเรื่องการเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น ลูเมี่ยนที่ถือแว่นส่องความลับอยู่แล้ว ไม่รังเกียจที่จะพกของแบบเดียวกันเพิ่มอีกสักชิ้น
การ์ดเนอร์·มาร์ตินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คิดว่าลูเมี่ยนจะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างตะกอนพลังผู้สื่อวิญญาณหรือกำไลเงา
ไม่นานเขาก็กลับมาสำรวม ไม่ถามสิ่งใดเพิ่มเติม เพียงพูดยิ้มๆ
“มนุษย์มักยึดติดกับโชคลาภ”
บอสของพรรคซาฟาห์ ‘ผู้การ’ แห่งชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กรายนี้ เดินออกจากห้องนั่งเล่นแล้วขึ้นบันไดไป
ไม่กี่นาทีถัดมา เขาเดินกลับมา ในมือถือโถแก้วใสใบเล็กสำหรับใส่ลูกอม
ในโถใบดังกล่าวมีลูกตาสีปรอทนอนนิ่ง โดยที่ยังหมุนไปมาอย่างเชื่องช้าราวกับยังมีชีวิต
“วิธีพกติดตัวและเก็บรักษาตามปกติคือ วางมันไว้ในพื้นที่แคบๆ และมืด” การ์ดเนอร์·มาร์ตินอธิบายพลางนำผ้าสีดำพันรอบโถหลายชั้น
“เปลี่ยนโถให้มันทุกเจ็ดวัน”
“ขอบคุณครับ ผู้การ” ลูเมี่ยนนำโถแก้วที่บรรจุตะกอนพลัง ‘ผู้โชคดี’ ใส่กระเป๋ากางเกง
การ์ดเนอร์·มาร์ตินไม่แปลกใจที่เด็กหนุ่มไม่ฝากให้ตนติดต่อ ‘ช่างฝีมือ’ ให้ เพราะคุณสมบัติที่แท้จริงของสมบัติวิเศษ ไม่ควรมีคนรู้หลายคน จึงนิยมหา ‘ช่างฝีมือ’ ด้วยตัวเองกันมากกว่า
เขาคิดมาถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนก็เป็นฝ่ายเอ่ยปาก
“ผู้การครับ ผมอยากแลกของรางวัลอย่างอื่น แทนค่าจ้างช่างฝีมือที่สมควรจะได้ฟรี”
การ์ดเนอร์·มาร์ตินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“อยากได้อะไร”
ลูเมี่ยนยิ้ม
“ช่วยตามหาคนให้หน่อยครับ”
“ใคร?” การ์ดเนอร์·มาร์ตินพอจะมีชื่อในใจอยู่บ้าง
สีหน้าของลูเมี่ยนค่อยๆ เคร่งขรึม
“กิโยม·เบเนต์”
“คุณรู้ว่าผมมาจากหมู่บ้านกอร์ตู ย่อมต้องเคยเห็นหมายจับของอธิการโบสถ์คนนั้นแล้ว”
“ผมตามรอยมันมานาน อยากจับไอ้นักบวชนอกรีตที่นำพาหายนะมาสู่ตัวเองให้ได้… ล่าสุดได้ข่าวว่าสัปดาห์หน้ามันจะปรากฏตัวแถวๆ เจ้าหญิงสีชาด ผมอยากให้ผู้การช่วยตามหาให้หน่อย”
การ์ดเนอร์·มาร์ตินหัวเราะในคอ
“ผมนึกว่าคุณอยากจัดการด้วยตัวเอง กัดฟันอดทน ไล่ตามเบาะแสตามลำพัง และลงมือแก้แค้นอย่างลับๆ เสียอีก”
“ฉลาดมาก รู้จักใช้พลังขององค์กร เข้าใจโลกเร็วกว่าที่ผมคิดไว้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งหลักการที่นักล่าควรยึดถือ”
“ตกลงตามนั้น”
…………………………………………..
.