ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 273 ผู้ค้า
ตอนที่ 273 ผู้ค้า
หลังจากเดินตามลูเมี่ยนไปสองสามก้าวพลางถือโคมไฟคาร์ไบด์ ‘คนยักษ์’ ซิมงต์เริ่มสังเกตเห็นจุดขัดแย้งในคำพูดอีกฝ่าย
“ชาร์ล บอสรู้แล้วว่าคุณคือ ‘นักวางเพลิง’ คงไม่เขี่ยทิ้งง่ายๆ นักหรอก”
ลูเมี่ยนจ้องอุโมงค์ที่สว่างไสวด้วยแสงสีเหลืองอมส้มด้านหน้า หัวเราะแล้วถามโดยไม่หันหลังมอง
“ผมเข้าพรรคซาฟาห์มานานแค่ไหนแล้ว”
ทั้ง ‘คนยักษ์’ ซิมงต์และ ‘มุสิก’ คริสโตต่างก็ตาสว่างด้วยความเข้าใจ ยอมรับคำอธิบายนี้
ผู้วิเศษที่มีรากเหง้าน่าสงสัย เพิ่งเข้าร่วมแก๊ง แถมยังนำวัตถุดิบหลักโอสถมาเอง ดูอย่างไรก็ไม่น่าไว้ใจ จำเป็นต้องผ่านการทดสอบซ้ำๆ
และหากเขาตายระหว่างทำภารกิจ ก็ถือว่าเป็นความโชคร้ายของเขาเอง การสูญเสียผู้วิเศษจากภายนอกแบบนี้ ไม่ทำให้บอสเจ็บปวดเท่ากับการสูญเสียลูกน้องที่บ่มเพาะมากับมือ
สองหัวหน้าหน่วยของพรรคซาฟาห์ไม่ลังเลอีกต่อไป เดินขนาบซ้ายขวาตามหลังลูเมี่ยน ห่างออกไปสองถึงสามก้าวเพื่อคอยระวังภัย เฉกเช่นสมุนของแก๊งสองสามคนที่มักเดินตามพวกเขาเวลาออกไปข้างนอก
ระหว่างนี้ ‘คนยักษ์’ ซิมงต์สวมถุงมือ ทาพิษแมงป่องบางส่วนลงบนมีดสั้น มีดสามคม และนวมของเขา จากนั้นก็คืนขวดให้ลูเมี่ยน
ทั้งสามเดินตามอุโมงค์ด้วยเส้นทางในแผนที่ แม้ทุกคนจะก้าวเบามาก แต่เนื่องจากสภาพแวดล้อมค่อนข้างพิเศษ เสียงฝีเท้าจึงสะท้อนก้องภายในความมืดและความเงียบ
ผ่านไปเกือบสี่สิบห้านาที พวกเขาเดินผ่านจุดที่ถูกระบุว่าเป็นสุสานโบราณ จนมาถึงทางเข้าอุโมงค์ลับ
โพรงเหมืองหินนี้ถูกทิ้งร้างมานาน พื้นผิวขรุขระ มีตะไคร่ขึ้นเล็กน้อย ไกลออกไปมีเสียงน้ำไหลซ่าจากแม่น้ำใต้ดิน รวมถึงเสียงรถไฟใต้ดินพ่นไอน้ำเป็นครั้งคราวจากเหนือศีรษะเยื้องๆ ออกไป
ลูเมี่ยนกวาดตามองพอเป็นพิธี คาบห่วงโคมไฟคาร์ไบด์ สองมือจับส่วนที่ยื่นออกจากผนังหินด้านข้าง ปีนป่ายขึ้นไปใกล้ปากถ้ำอย่างคล่องแคล่ว
จากนั้น เด็กหนุ่มเอื้อมมือขวาไปดันหินที่ดูปกติก้อนหนึ่ง อยู่แถวจุดเชื่อมระหว่างผนังด้านข้างกับเพดานถ้ำ ออกแรงดันจนมันเลื่อนไปด้านหลัง
ช่องทางสีดำมืดเปิดออกทันที ใหญ่พอให้คนตัวใหญ่อย่างซิมงต์ค้อมหลังเดินเข้าไปได้
อุโมงค์ลับเส้นนี้เกิดจากการปรับปรุงระบบระบายอากาศเดิมของเหมืองหิน ซึ่งเคยพังเมื่อนานมาแล้ว
ทั้งสามเดินก้มหลัง บรรจงก้าวไปตามอุโมงค์วกวน ลึกลงใต้ดินอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงน้ำไหล และไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของรถไฟไอน้ำใต้ดินอีก
นอกจากเสียงหายใจกับฝีเท้าของพวกเขา รอบข้างเงียบสงัดราวกับสุสานแห่งความตาย
ผ่านไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง ลูเมี่ยนกับพรรคพวกกระโดดจากทางออกหนึ่งตามที่ระบุไว้ในแผนที่ เข้าไปในถ้ำเก่าใต้ดิน
ด้านบนมีหินงอกหินย้อยห้อยลงมา ราวกับอสูรร้ายในความมืดอ้าปากเผยคมเขี้ยว
ลูเมี่ยนมิได้เร่งฝีเท้าเข้าสู่อุโมงค์ลับอีกเส้น ซึ่งอยู่ด้านล่างสุดของถ้ำ แต่เอียงตัวไปมอง ‘คนยักษ์’ ซิมงต์กับ ‘มุสิก’ คริสโต ซึ่งมีฝุ่นผงเกาะอยู่บนร่างกายและศีรษะมากบ้างน้อยบ้าง พลางกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ตอนนี้เรามาทำข้อตกลงกันก่อน เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน จะได้ไม่ต้องสื่อสารกันแบบฉุกละหุก”
“ได้” ทั้งคริสโตและซิมงต์ต่างรู้สึกว่า ประโยคดังกล่าวฟังดูปกติ
ลูเมี่ยนพยักแผ่วเบาแล้วกล่าว
“หนึ่ง ตั้งแต่เข้าสู่อุโมงค์ถัดไปจนกลับมาถึงตรงนี้ ทุกคนห้ามพูด พยายามใช้ภาษากายสื่อความหมาย ถ้าสุดวิสัยจริงๆ ต้องขออนุญาตจากฉันก่อนจึงจะพูดได้”
นี่คือข้อควรระวังที่ขยายความมาจากคำพูดของการ์ดเนอร์·มาร์ติน ซึ่งห้ามสื่อสารกับ ‘ผู้ค้า’ ผ่านคำพูด ลูเมี่ยนได้ขยายขอบเขตและความเด็ดขาดออกไปมาก เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุไม่คาดฝันในทุกกรณี
คริสโตและซิมงต์ต่างจำคำสั่งของบอสได้ พวกเขาพยักหน้าตามกัน ยอมรับข้อจำกัดนี้
ได้เห็นดังนั้น ลูเมี่ยนจึงกล่าวต่อ
“สอง ไม่ว่าจะเกิดความผิดปกติแบบใด ยกเว้นกรณีที่พวกคุณถูกโจมตีโดยตรง ช่วยรักษาความสงบเอาไว้ก่อน ยึดท่าทีของผมเป็นหลัก”
“สาม ผมไม่บังคับหรอกนะ แต่ถ้าพวกคุณอยากรอด ก็ควรทำตามที่ผมบอกจะดีกว่า”
สองข้อเรียกร้องล่าสุดทำให้ ‘มุสิก’ คริสโตกับ ‘คนยักษ์’ ซิมงต์ค่อนข้างต่อต้าน เพราะนั่นเท่ากับว่า พวกเขาต้องฝากชีวิตของตนไว้กับสติปัญญา ฝีมือ การตอบสนอง และวิจารณญาณของลูเมี่ยนเพียงผู้คน สำหรับผู้วิเศษเถื่อนที่เคยชินกับการพึ่งพาตัวเอง นี่ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคย
หลังจากลังเลอยู่สองสามวินาที นึกถึงพลังของชาร์ลและการวางตัวหลายอย่างก่อนหน้านี้ ‘มุสิก’ คริสโตฝืนยิ้มเจื่อน
“ผมจะคอยตามสัญญาณของคุณ แต่หากคุณตอบสนองไม่ทัน และเทฟี่ส่งสัญญาณแจ้งเตือนอันตราย ผมก็จะเคลื่อนไหวในแบบของผม”
“บ้าจริง… ยิ่งทำธุรกิจลักลอบนานเท่าไร ผมก็ยิ่งกลัวใต้ดินของทรีอาร์มากขึ้นเท่านั้น”
‘คนยักษ์’ ซิมงต์พูดตาม
“ผมก็เหมือนกับ ‘มุสิก’”
ลูเมี่ยนพึงพอใจกับความ ‘เชื่อง’ ระดับนี้ของสองผู้วิเศษที่เป็นถึงหัวหน้าหน่วยพรรคซาฟาห์ จึงมิได้เรียกร้องเพิ่มเติม เพียงพยักหน้าแล้วพูด
“ไม่มีปัญหา”
“สี่ ผมจะไปติดต่อกับผู้ค้าคนนั้น รับกล่องที่บอสต้องการจากมือเขา”
ฟังถึงตรงนี้ ‘มุสิก’ คริสโตและ ‘คนยักษ์’ ซิมงต์ ต่างก็มองลูเมี่ยนด้วยสายตาที่เหมือนเพิ่งรู้จักชาร์ล
พวกเขาคิดว่า ‘นักวางเพลิง’ รายนี้คงอาศัยข้อได้เปรียบทางฝีมือและสถานะ สั่งให้คนใดคนหนึ่งไปติดต่อกับผู้ค้าคนนั้น แบกรับภาระส่วนที่อันตรายที่สุดของภารกิจ หรือไม่ก็เสนอให้จับฉลากสุ่มหาคนไป แต่ตัวเองเป็นผู้ดำเนินการ คาดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มจะอาสาไปรับกล่องนั่นเองกับมือ
ใจชาร์ลน่านับถือจริงๆ … ‘คนยักษ์’ ซิมงต์อดไม่ได้ที่จะชื่นชม
หากเป็นเขา คงไม่เลือกแบบนี้แน่
สิ่งนี้ทำให้เขาและ ‘มุสิก’ คริสโต เลิกต่อต้านการทำตามคำสั่งของลูเมี่ยนเหมือนในช่วงแรก
แม้แสงจะสว่างไม่มาก แต่ลูเมี่ยนก็เห็นท่าทีของเพื่อนร่วมงานทั้งสองแล้ว
เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะรำพันจิกกัดในใจ:
“ถ้าพวกนายไม่ใช่ผู้วิเศษที่โง่เขลาเบาปัญญาด้านศาสตร์เร้นลับ จนอาจเผลอไปสร้างปัญหาระหว่างการส่งมอบกล่อง ฉันก็คงไม่เลือกเสี่ยงภัยด้วยตัวเองหรอก”
นั่นทำให้ลูเมี่ยนเริ่มคิดจริงจังว่า บางครั้งความอ่อนแอก็เป็นข้อได้เปรียบเช่นกัน
หลังจากเน้นย้ำอีกครั้งว่าห้ามพูด เด็กหนุ่มถือโคมไฟคาร์ไบด์ หันหลังกลับแล้วเดินไปยังพื้นถ้ำ ใช้ท่าทางบอกให้ ‘คนยักษ์’ ซิมงต์โอบก้อนหินที่สูงเกือบครึ่งคน ย้ายมันไปทางด้านข้าง
หินก้อนนั้นหนักมาก กระทั่งพละกำลังของซิมงต์ก็ดูเหมือนจะยากลำบาก ใช้เวลาพอสมควรในการขยับออก จนเผยให้เห็นปากทางเข้าอุโมงค์ลับ
อุโมงค์นี้ไม่ยาวมากนัก ทั้งสามใช้เวลาก้มหลังเดินเพียงเจ็ดแปดนาที ก็มาถึงโพรงเหมืองที่พังทลายไปเกือบหมด เหลือเพียงที่ว่างเพียงเล็กน้อย
นี่คือจุดหมายปลายทางของพวกเขา โพรงเหมืองอัลแบร์
ลูเมี่ยนมองก้อนหินสีเทาดำที่ทับซ้อนกันอย่างระเกะระกะอยู่พักหนึ่ง เอียงหน้ามอง ‘คนยักษ์’ ซิมงต์ที่สวมชุดสูทสีดำ ชี้ไปตรงหน้าอก
ซิมงต์เข้าใจความหมายทันที หยิบนาฬิกาพกสีเทาเหล็กออกมา เปิดมันออกพร้อมกับเสียง
บนหน้าปัดเผยให้เห็นเฟืองจำนวนมากที่ขบกัน มอบความรู้สึกงดงามตามแบบฉบับกลไก ทั้งประณีตและเย็นชา
‘คนยักษ์’ ซิมงต์ถือนาฬิกาพก แสดงให้ลูเมี่ยนและ ‘มุสิก’ คริสโตดูสักพัก บอกให้พวกเขารับรู้ว่า เวลาปัจจุบันห่างจากเวลานัด—เที่ยงตรง—อีกสิบกว่านาที
ลูเมี่ยนพยักหน้าเล็กน้อย รักษาความเงียบ และรอคอยอย่างอดทน
หลังจากรอสักพัก เด็กหนุ่มเอียงศีรษะ ฟังเสียงโดยรอบ
เขาได้ยินเสียงแปลกๆ จากใต้ดิน คล้ายมีผู้คนจำนวนมากกำลังกรีดร้อง คำราม และต่อสู้กันอยู่
อาศัยแสงจากโคมไฟคาร์ไบด์ ลูเมี่ยนหันไปมองซิมงต์กับคริสโต พบว่าพวกเขาก็มีท่าทีคล้ายกัน คือได้ยินเสียงเหล่านั้นเช่นกัน
เมื่อเห็นซิมงต์กับคริสโตหันมามองตน ลูเมี่ยนทำท่ากดมือขวาลง บอกให้พวกเขาอย่าแตกตื่น
ท่ามกลางเสียงประหลาดที่ดังเป็นระยะ ทั้งสามยืนอยู่ริมโพรงเหมืองอัลแบร์ รอคอยอย่างเงียบงัน
ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าดังจากอีกฟากหนึ่งของโพรงเหมือง ราวกับมีใครสักคนสวมรองเท้าหนัง เดินมาตามอุโมงค์ที่เงียบสงัดผิดปกติ ห่างออกไปหลายสิบเมตร
ผู้ค้าคนนั้น? ลูเมี่ยนหันสายตาไปทางฝั่งตรงข้ามอย่างครุ่นคิด
เสียงฝีเท้าหยุดลงบางที และดำเนินต่อไปบางที สะท้อนก้องไปทั่วโพรงเหมืองอัลแบร์
เมื่อห่างจากโพรงเหมืองอัลแบร์เพียงไม่กี่เมตร มันก็หายไปอย่างประหลาด หายไปอย่างสิ้นเชิง
หลังจากรอต่อไปสักพัก ลูเมี่ยนกับพรรคพวกก็เห็นร่างหนึ่งเดินเข้ามาจากปากทางเข้าอีกฝั่งของโพรงเหมือง เป็นชายร่างสูงเกินหนึ่งเมตรแปด สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เสื้อกั๊กสีเหลือง เสื้อนอกสีดำ และกางเกงขายาวสีเข้ม มือถือกระเป๋าหนังใบเล็กสีน้ำตาลอมเหลือง
ชายคนดังกล่าวสวมหมวกผ้าไหมกึ่งสูง ขอบหมวกกดต่ำลงมา ทำให้ใบหน้าเงาสลัวไปบ้าง แต่ด้วยสายตาของ ‘นักล่า’ ลูเมี่ยนยังคงเห็นหน้าอีกฝ่ายได้ชัดเจนภายใต้แสงจากโคมไฟคาร์ไบด์ทั้งสามดวง
ผมสั้นสีน้ำตาลแดง นัยน์ตาสีน้ำตาลแดง เคราข้างแก้มหนาทึบและค่อนข้างรุงรัง คิ้วค่อนข้างหนา ร่างกายผอมโซจนน่าตกใจ ราวกับหมีตัวผู้ที่หิวโหยมานาน
คอเสื้อเชิ้ตของเขารัดแน่น มอบความรู้สึกเหมือนคนกลัวหนาว
ลูเมี่ยนถือโคมไฟคาร์ไบด์ เตรียมเดินเข้าไปหาชายผู้นั้น
จังหวะนี้เอง คริสโตดึงแขนเขาไว้
เมื่อลูเมี่ยนหันศีรษะมา เขารีบชี้กระเป๋าเสื้อฝั่งขวาของตัวเอง ใบหน้าตื่นตระหนกปนหวาดกลัว
กำลังจะบอกว่า หนูประหลาดที่ชื่อเทฟี่ส่งสัญญาณเตือนภัยแล้ว? แต่จากท่าทีของคริสโต อันตรายคงยังไม่ปะทุ ยังอยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงโกยแน่บไปแล้ว… ลูเมี่ยนตีความ พยักหน้าให้คริสโต บ่งบอกว่าตนจะระมัดระวังและรอบคอบ
คริสโตมิได้ขัดขวาง มองส่งเด็กหนุ่มเดินไปหาผู้ค้าด้วยสีหน้าเจือความห่วงใย
ระหว่างเข้าใกล้ สายตาของลูเมี่ยนคอยจับจ้องร่างกายอีกฝ่ายโดยไม่วางตา วิเคราะห์ทุกรายละเอียด
เสื้อผ้าดูโคร่งไปหน่อย เหมือนไม่ค่อยพอดีตัว… ท่าทีคล้ายกำลังหวาดกลัวบางสิ่ง แต่ขณะเดียวกันก็เปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นชิงชัง… สองมือไม่ได้ยื่นออกมานอกแขนเสื้อ ซ่อนอยู่ข้างใน รวมไปถึงที่จับกระเป๋า… ส่วนรองเท้า…
ลูเมี่ยนตาเบิกกว้างทันใด เนื่องจากเห็นสองเท้าของผู้ค้ามิได้สวมรองเท้า เพียงแต่สวมถุงเท้าสีเทา
สิ่งนี้ขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับเสียงฝีเท้าที่พวกตนได้ยินเมื่อครู่!
หรือว่าเสียงนั่นไม่ได้มาจากเขา แต่เป็นคนอื่น? ลูเมี่ยนทวีความระแวดระวังและตื่นตัว
ที่ว่างในโพรงเหมืองอัลแบร์มีไม่มากนัก ไม่นานเด็กหนุ่มก็มาถึงตรงหน้าผู้ค้า
ชายร่างคล้ายหมีหิวโซยิ้มขึ้นมา ถามด้วยเสียงหัวเราะ
“การ์ดเนอร์·มาร์ตินส่งพวกคุณมาสินะ?”
“หมอนั่นผวาบ้างไหม? หลังจากเพื่อนที่ถูกส่งลงมาใต้ดินเพื่อตามหาทางเข้าทรีอาร์ยุคสมัยที่สี่ จนหายตัวไปหลายเดือน จู่ๆ ก็ส่งข้อความไปหา บอกว่ามีของสำคัญจะมอบให้”
………………………………………………