ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 272 PUA
ตอนที่ 272 PUA
‘คนยักษ์’ ซิมงต์ตะลึงจนพูดไม่ออกชั่วขณะ หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีจึงค่อยเปิดปาก
“คุณเสียสติไปแล้วหรือ? ถ้าไม่ผ่านก็แค่เสียโอกาสไปครั้งหนึ่งเท่านั้น”
‘มุสิก’ คริสโตพูดต่อ:
“ถ้าเป็นภารกิจสำคัญ บอสต้องไปด้วยตัวเองแน่นอน ไม่เลือกส่งเราไปแทน ถ้าไม่สำคัญก็แปลว่าความเสี่ยงไม่สูง”
ความคิดนี้แทบไม่ต่างจากสิ่งที่ลูเมี่ยนคิดไว้ตอนแรก
เด็กหนุ่มมองทางเข้าใต้ดินทรีอาร์ที่ไม่ไกลนัก พูดพลางจงใจยิ้ม
“บางที บทบาทของเราอาจจะเป็นเหยื่อล่อปลา?”
“ยกตัวอย่างเช่น บอสสงสัยว่ามีกลุ่มอำนาจแอบจับตาดูเราอยู่ จึงออกแบบภารกิจแบบนี้ขึ้นมา หากทุกสิ่งราบรื่นโดยไม่เกิดความผิดปกติ ก็จะได้ขจัดความระแวงไป โดยถือว่านี่เป็นบททดสอบ แต่ถ้าเกิดตกปลาใหญ่ได้จริง เขาก็สืบสาวต่อจากตรงนั้น กำจัดภัยซ่อนเร้นทิ้ง ส่วนเหยื่อล่อปลาอย่างเราจะถูกปลากินหรือไม่ เขาไม่สนใจหรอก ตราบเท่าที่สามารถบรรลุเป้าหมาย การสูญเสียผู้วิเศษลำดับต่ำอย่างพวกเราสักสองสามคน ยังอยู่ในขอบเขตที่เขาสามารถรับได้”
คำพูดดังกล่าวทำให้ใบหน้าของ ‘มุสิก’ คริสโตถอดสีเล็กน้อย ขณะที่ ‘คนยักษ์’ ซิมงต์ปิดปากเงียบ
แม้พวกเขาจะด้อยประสบการณ์ในโลกศาสตร์เร้นลับ แต่ผ่านการคลุกคลีอยู่ในแก๊งมาหลายปี และเคยเป็นหัวหน้าหน่วยมานาน ย่อมพอจะมีทักษะการวิเคราะห์อยู่บ้าง
ทั้งสองจำใจต้องยอมรับว่า การคาดเดาของชาร์ลสมเหตุสมผลทีเดียว
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะกังวลกับความปลอดภัยของตัวเอง
โดยเฉพาะ ‘มุสิก’ คริสโต สมองของเขาเต็มไปด้วยภาพน้องชายเออร์เคนก่อนตาย รวมถึงสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าวของภรรยาและลูกของเออร์เคน
หากมิใช่เพราะตอนนั้นบอสมอบหมายงานอื่นให้ทำ จนไม่ได้เข้าร่วมทีมลักลอบขนของ เขาคงจะถูก ‘คนในกระจก’ แทนที่ และต้องตายอย่างน่าสังเวชในมุมมืดของใต้ดินไปแล้ว
และภรรยาของเขา ฝูงสุนัขของเขา สรรพสัตว์ที่เขาเลี้ยงไว้ ก็จะตกเป็นของ ‘คนในกระจก’ สักพักหนึ่ง!
ขณะครุ่นคิดหลายสิ่ง ทั้งสามจุดไฟโคมคาร์ไบด์ของตน เดินตามบันไดเหล็กลงไป เข้าสู่ใต้ดินด้วยบรรยากาศเงียบงัน
‘มุสิก’ คริสโต ใช้แสงสีเหลืองอมฟ้าส่องสำรวจรอบอุโมงค์มืด แล้วพูดเสียงสั่นเครือ
“บอสคงไม่มีเจตนาส่งพวกเราไปตายหรอก”
“ถึงแม้เราจะเป็นแค่ผู้วิเศษลำดับต่ำ แต่ก็ทำประโยชน์ได้ไม่น้อย ถ้าตายที่ใต้ดิน บอสอาจต้องใช้เวลาครึ่งปีหรือแม้แต่หนึ่งปีเพื่อฝึกคนใหม่มาทำงานแทน”
เขานึกถึงเหตุการณ์ ‘คนในกระจก’ ที่บอสให้ตนไปทำสิ่งอื่น ซึ่งชัดเจนว่าต้องการปกป้องเขาโดยไม่ให้ความลับรั่วไหล
“ทุกสิ่งมีราคาของมัน บางที ชิปที่บอสอยากแลกในคราวนี้ อาจสำคัญกว่าเราสามคนมัดรวมกันก็ได้” ลูเมี่ยนถือโคมไฟคาร์ไบด์ที่ส่องแสงสีเหลือง เดินเชื่องช้าไปบนทางมืดๆ ที่ชื้นแฉะ พลางหัวเราะเยาะ “ผมก็หวังว่าภารกิจนี้จะไม่มีอันตรายมากเหมือนที่บอสพูด แต่คนเราต้องไม่ซื่อบื้อ ต้องพร้อมรับมือสถานการณ์เลวร้ายที่สุดไว้เสมอ”
‘มุสิก’ คริสโต ผู้ตระหนักถึงการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของชาร์ล เอ่ยถามไปตามสัญชาตญาณ
“แล้วเราควรทำยังไง”
ในสายตาของเขา ชาร์ลคือคนที่พึ่งพาได้มากที่สุดในภารกิจ เปรียบดั่งฟางช่วยชีวิตในช่วงเวลาสำคัญ
ได้ยินคำถามดังกล่าว ‘คนยักษ์’ ซิมงต์ผินหน้าไปมองคริสโตด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง
‘มุสิก’ ตัวนี้กลายเป็นคนขี้ขลาดตั้งแต่เมื่อไรกัน?
เป็นหัวหน้าหน่วยที่อยู่ใต้บอสเหมือนกันไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงเลือกเผยความอ่อนแอและความกังวลต่อหน้าชาร์ล?
ความทะนงตนและการเคารพตนเองหายไปไหนหมด? ไม่กลัวหรือว่าหลังจากนี้จะถูกชาร์ลกดขี่และคุกคามธุรกิจลักลอบขนสินค้า?
นี่คือคำถามที่ลูเมี่ยนรออยู่ จึงตอบกลับไปอย่างจริงใจ
“บอสช่วยเหลือผมหลายครั้งแล้ว ผมจึงยินดีช่วยเขาสะสางภารกิจ แต่เงื่อนไขก็คือ ตัวภารกิจต้องไม่เสี่ยงอันตรายเกินไป ห้ามมีเพียงทางเลือกเดียวคือ ‘ความตาย’ … ให้ตายสิ ผมยังใช้ชีวิตไม่สาแก่ใจเลย!”
“ดังนั้น ท่าทีของผมคือ ถ้าทำภารกิจสำเร็จได้ก็จะทำ แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็จะยอมแพ้ทันทีโดยไม่ลังเล ชีวิตต้องมาก่อนเสมอ เพื่อการนั้นแล้ว เงื่อนไขข้อแรกก็คือ เราสามคนต้องลดความหวาดระแวงที่มีต่อกันก่อน ผนึกกำลังกันอย่างสุดฝีมือ เพื่อเผชิญหน้ากับทุกภัยซ่อนเร้น”
คำพูดดังกล่าวสอดคล้องกับความคิดของ ‘มุสิก’ คริสโต และ ‘คนยักษ์’ ซิมงต์ ทำให้ทั้งสองพยักหน้ารับ คนหนึ่งเห็นได้ชัด อีกคนแทบมองไม่เห็น
ไม่มีใครไม่เห็นแก่ตัว การยอมเสี่ยงเพื่อบอสในระดับหนึ่ง ถือเป็นการแสดงความจงรักภักดีที่เพียงพอแล้ว!
และเมื่อเห็นพ้องต้องกันในหลักการดังกล่าว ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ ก็ดูเหมือนจะเป็นการ ‘ร่วมมืออย่างจริงใจ’ เพื่อฝ่าฟันอันตราย อย่างน้อยฉากหน้าก็ดูเป็นแบบนั้น
“แล้วเราควรร่วมมือกันแบบไหน?” ‘มุสิก’ คริสโตตัดสินใจได้แล้ว
เขาไม่อยากซ้ำรอยเหตุการณ์ ‘คนในกระจก’
ลูเมี่ยนพูดพลางยิ้ม
“อันดับแรก เราต้องรู้จักพลังของกันและกัน มันจะช่วยให้ประสานงานได้ดีขึ้น”
คริสโตลังเลอยู่สองวินาทีก่อนจะเริ่มเกริ่น
“ผมเป็น ‘นักฝึกสัตว์’ ลำดับ 8 ของเส้นทาง ‘นักปรุงยา’ สามารถต่อกรกับสัตว์ร้ายหลายชนิด สื่อสารกับพวกมันได้ในระดับหนึ่ง แลกเปลี่ยนบทสนทนา ค่อยๆ ฝึกพวกมันให้เชื่องจนกระทั่งกลายเป็นบริวาร”
“ผมยังสามารถรักษาคนป่วย ปฐมพยาบาล หรืออะไรทำนองนี้ได้ทุกอย่าง…”
เล่าถึงตรงนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองชาร์ล ราวกับอยากถามว่า เด็กหนุ่มอยากเพิ่มพลังให้กับ ‘กิจกรรมอย่างว่า’ หรือไม่ หรือต้องการยาเพื่อเสริมกำลังวังชาไหม
เขาได้ยินมาว่า ชาร์ลผู้นี้เจ้าชู้ประตูดิน ไม่เพียงแต่คบหากับจินนา คู่นอนของ ‘บูตแดง’ อย่างฉาวโฉ่ แต่ยังมีสัมพันธ์สวาทกับหางเครื่องอีกนับสิบคน จัดแจงให้พวกเธอไปเรียนการแสดงที่โรงละครกรงพิราบเก่าเพื่อหาเงิน ไม่ต้องไปนอนกับลูกค้าอีกต่อไป
นักปรุงยา? ถ้ารู้แต่แรกว่า ‘มุสิก’ คริสโตเป็น “นักปรุงยา” ตอนนั้นเราคงขอยาจากเขาสักสองสามขวดมาให้แม่จินนาดื่ม… ถ้าเป็นแบบนั้น แม่ของจินนาก็คงหายป่วยและกลับบ้านได้ภายในคืนนั้นเลย… ลูเมี่ยนถอนหายใจเงียบ ท่ามกลางแสงสว่างจากโคมไฟคาร์ไบด์ เด็กหนุ่มพยักหน้าแผ่วเบา
ยิ่งได้ฟัง ‘คนยักษ์’ ซิมงต์ยิ่งประหลาดใจระคนตกตะลึง
เขาสงสัยว่า ‘มุสิก’ คริสโตคงเสียสติไปแล้ว ถึงกับบอกความลับเรื่อง ‘ลำดับ’ ออกมาจนหมด!
ต้องไม่ลืมว่า ก่อนหน้านี้ นอกจากตัวบอสใหญ่ การ์ดเนอร์·มาร์ติน ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าคริสโตอยู่เส้นทางใด ลำดับเท่าไร เพราะในกรุงทรีอาร์ คนชอบเลี้ยงสัตว์มีอยู่ถมถืด มีแม้กระทั่งพวกชอบเลี้ยงสัตว์ฝูงใหญ่ บางคนยังมองสัตว์เลี้ยงเป็นคนรัก ซึ่งพบเห็นเป็นระยะตามหน้าหนังสือพิมพ์
‘คนยักษ์’ ซิมงต์นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งขึ้นมาทันที
‘มุสิก’ คริสโตรับผิดชอบธุรกิจลักลอบ และเป็นหัวหน้าหน่วยที่ทำภารกิจลับให้บอสมากที่สุด บางทีเขาอาจไปรู้อะไรมา จนรู้สึกกระอักกระอ่วนใจกับภารกิจคราวนี้ จึงเห็นด้วยกับคำพูดของชาร์ลและเลือกที่จะร่วมมือกัน
คริสโตถอนหายใจแล้วพูดต่อ
“ผมโชคไม่ดีเลย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีโอกาสได้ฝึกสัตว์วิเศษ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ต่อให้เจอผู้วิเศษลำดับกลาง ผมก็ใช่ว่าจะอับจนหนทาง”
“ภารกิจคราวนี้เร่งด่วนมาก ไม่ให้เวลาพวกเราเตรียมตัวเลย ผมนำสหายติดตัวมาด้วยไม่มาก… ให้ตายสิ กลัวพวกเราจะตายไม่ทันใจหรือไง?”
เขาพูดไปพลางยกมือขวาขึ้น
สิ่งมีชีวิตประเภทงูที่มีหัวเป็นทรงสามเหลี่ยม สีสันค่อนข้างฉูดฉาดหลากหลาย พุ่งออกจากแขนเสื้อคริสโตอย่างรวดเร็ว
จากนั้น คริสโตก็สั่งให้งูหดกลับเข้าไปในแขนเสื้อ ยื่นมือล้วงกระเป๋าเสื้อ หยิบหนูขนาดฝ่ามือออกมาหนึ่งตัว
หนูตัวนั้นแตกต่างจากหนูทั่วไป ขนสีขาวอ่อน เส้นขนชัดเจน คู่ดวงตาเปล่งประกายราวกับทับทิมสีแดง
“มันชื่อเทฟี่ ผมพบเจ้าสัตว์พิเศษตัวนี้ระหว่างลักลอบขนของใต้ดินในละแวกนี้ ตัวมันไม่สามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบโอสถ แต่สามารถสัมผัสถึงอันตรายซ่อนเร้นได้” คริสโตแนะนำรวบรัด
“มันยังสามารถกะเกณฑ์พลังของคนอื่นได้คร่าวๆ ด้วยสินะ” ลูเมี่ยนถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด
คริสโตมองลูเมี่ยนด้วยความประหลาดใจ ลังเลอยู่สองวินาทีก่อนจะตอบ
“ใช่”
เมื่อเห็นว่า ‘มุสิก’ เปิดเผยข้อมูลพอสมควรแล้ว แม้ลูเมี่ยนจะเชื่อว่าอีกฝ่ายยังมีพลังชนิดอื่นหรือสัตว์ตัวอื่นซ่อนอยู่ แต่ก็มิได้ถามคาดคั้น เพียงหันไปทาง ‘คนยักษ์’ ซิมงต์
ซิมงต์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นึกถึงการคาดเดาเมื่อครู่ แล้วพูดเสียงอู้อี้
“ผมเป็น ‘กลาดิเอเตอร์’ ลำดับ 8 ของเส้นทาง ‘นักรบ’ เหมือนกับ ‘ค้อนเหล็ก’ แอต ถนัดการต่อสู้ซึ่งหน้า เชี่ยวชาญสารพัดวิชา ผมมีปืน มีดสั้น มีดสามคม และนวมอยู่กับตัว”
เขาพูดค่อนข้างรวบรัด เนื่องจาก ‘กลาดิเอเตอร์’ ไม่ได้มีพลังพิสดารอะไร
ไม่มีสมบัติวิเศษ? นั่นสินะ คนที่ถูกปลุกปั้นให้เป็นนักเลงแก๊ง คงหาสมบัติวิเศษมาครอบครองได้ยาก… ลูเมี่ยนหัวเราะในคอ
“คุณเก่งกว่า ‘ค้อนเหล็ก’ แอต เพราะคุณมีสมอง สามารถประเมินสถานการณ์ได้ดี”
คำพูดนี้ทำให้ ‘คนยักษ์’ ซิมงต์ไม่รู้ว่าควรโกรธหรือภูมิใจดี
เขาถือโคมไฟคาร์ไบด์ มองหน้าลูเมี่ยนพร้อมกับถาม
“แล้วคุณล่ะ? ลำดับ 8 ของเส้นทางไหน? นักล่า?”
ในเมื่อคิดจะร่วมมือกันอย่างจริงใจ ชาร์ลก็ไม่ควรปิดบังอำพรางสิ่งใด!
ลูเมี่ยนเผยรอยยิ้ม ยกมือขวาขึ้นมาหงาย ยื่นออกไปขนานกับพื้น
เปลวไฟสีแดงฉานพวยพุ่งจากฝ่ามือเด็กหนุ่ม ลอยค้างอยู่กลางอากาศ ลุกไหม้อย่างเงียบงัน
“คุณคือนักวางเพลิง?” ‘คนยักษ์’ ซิมงต์อุทานด้วยความตกตะลึง
ในแวดวงศาสตร์ลึกลับประจำกรุงทรีอาร์ สิ่งที่ขาดแคลนน้อยที่สุดอย่างหนึ่ง คือข้อมูลของลำดับต่ำในเส้นทาง ‘นักล่า’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ต่ำกว่าลำดับ 6
ลูเมี่ยนไม่ได้ตอบ ใช้รอยยิ้มแทนคำตอบ
‘คนยักษ์’ ซิมงต์เข้าใจในทันที ถึงเหตุผลที่ ‘มุสิก’ คริสโตเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อชาร์ลอย่างรวดเร็ว ซ้ำยังเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ
ลำดับ 7 คือจุดเริ่มต้นของลำดับกลาง เทียบกับพวกตนที่เป็นผู้วิเศษลำดับต่ำแล้ว มันมีการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ แข็งแกร่งยิ่งกว่ากันหลายเท่านัก!
เมื่อถอนสายตาออกจากกระเป๋าเสื้อของ ‘มุสิก’ คริสโต ซิมงต์เอ่ยถามลูเมี่ยนด้วยความประหลาดใจเจือสงสัย
“บอสรู้หรือยังว่าคุณเป็นลำดับ 7 แล้ว?”
“บอสช่วยหาวัตถุดิบเสริมให้ผม” ลูเมี่ยนตอบตามจริง พลางสลายเปลวไฟสีแดงเพลิงในฝ่ามือทิ้งไป
นี่มัน… รูม่านตาของ ‘คนยักษ์’ ซิมงต์ขยายกว้างทันที
ลูเมี่ยนเหลียวซ้ายแลขวา แล้วพูดต่อว่า
“ดังนั้น ถ้าดูแล้วภารกิจมีโอกาสสำเร็จ ผมจะพยายามสุดฝีมือเพื่อทำให้สำเร็จ”
พูดจบ เด็กหนุ่มก้าวไปข้างหน้า พลางหยิบขวดยาสีเหล็กออกมา โยนให้ ‘คนยักษ์’ ซิมงต์ข้างๆ
“นี่คือ ‘พิษแมงป่อง’ ที่ผมได้มาจาก ‘ค้อนเหล็ก’ แอต คุณจะลองทาอาวุธดูก็ได้นะ”
“ยิ่งคุณแข็งแกร่ง โอกาสรอดของพวกเราก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน”
‘คนยักษ์’ ซิมงต์รับขวดยานั้นไว้ ห้วงความคิดตกอยู่ในภวังค์
ชาร์ลคนนี้ ถึงแม้จะน่าหงุดหงิดและไม่ถูกชะตากับเขา แต่ไม่ว่าจะเป็นวิสัยทัศน์ สติปัญญา พลัง หรือแม้กระทั่งแนวทางการลงมือ ก็ล้วนมอบความรู้สึก ‘พึ่งพาได้’ แก่คนรอบข้าง พอรู้ตัวอีกทีก็ยอมติดตามเชื่อฟังเขาไปแล้ว
ลูเมี่ยนที่เดินนำแถว ถอนหายใจเงียบงันโดยไม่หันหลังกลับไปมอง
เขาเพิ่งพูดเกินจริงไปในเรื่องความเสี่ยง สร้างความหวาดกลัวขึ้นมา ก็เพื่อทำให้ ‘มุสิก’ คริสโตกับ ‘คนยักษ์’ ซิมงต์เกิดความกดดัน จนเริ่มกังวลปนกระสับกระส่าย จากนั้นก็สำแดงความน่าเกรงขาม แสดงความเห็นที่น่าเชื่อถือ รวมถึงความเมตตาพอประมาณ เพื่อสร้างภาพจำว่าตนคือผู้นำของกลุ่มเล็กๆ กลุ่มนี้
ภายใต้สถานการณ์ที่จำเป็นต้องซุกซ่อนไพ่ตาย มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น เด็กหนุ่มจึงจะดึงศักยภาพของทีมออกมาได้ถึงขีดสุด เพื่อต่อกรกับภัยซ่อนเร้นที่อาจเกิดขึ้น
…………………………………………….