ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 267 มรดก
ตอนที่ 267 มรดก
มีชั่วขณะหนึ่งที่ลูเมี่ยนสงสัยว่า ตนอาจเห็นภาพหลอนไป:
ไม่มีคู่รักนั่น และไม่มีใครพยายามดับเทียนไข!
หากความทรงจำไม่คมชัด หากไม่ตระหนักถึงอันตรายของทรีอาร์ใต้ดินมาก่อน ลูเมี่ยนคงจะตั้งคำถามกับตัวเอง แทนการมองหาร่องรอยของคู่รักดังกล่าว
แขกสองสามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังคู่รักนั่น เร่งฝีเท้าไล่ตามคนข้างหน้า เติมเต็มช่องว่างที่เกิดขึ้นในแถวอย่างกะทันหัน
พวกเขาดูไม่แปลกใจ ไม่หวาดกลัว หรือไม่งุนงง
ทุกอย่างดูเป็นปกติเหลือเกิน
ลูเมี่ยนซึ่งถูกสายตาจำนวนมากจับจ้องอยู่แล้ว ผิวหนังยิ่งมีขนลุกซู่ชูชัน
เด็กหนุ่มมองไปทางเคนดัลล์ ผู้ดูแลสุสานที่เดินนำหน้าตำรวจสองนายไปแล้ว เพื่อดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เคนดัลล์สวมกางเกงขายาวสีเหลืองและเสื้อกั๊กสีน้ำเงิน มือหนึ่งถือโคมไฟคาร์ไบด์ที่ดับแล้ว ส่วนอีกข้างถือเทียนขาวที่ลุกไหม้อย่างเงียบงัน เดินตามเส้นทางเดิมไปยังทางออกสุสานใต้ดินโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ราวกับไม่ตระหนักถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดใกล้ตัว
ทันใดนั้น เขาหันหลังกลับ สบตากับลูเมี่ยน
“มีอะไรหรือครับ” เสียงทุ้มของเคนดัลล์ดังก้องในโถงทางเดินที่มีห้องฝังศพเรียงรายสองด้าน ดังก้องเข้าไปในโพรงกะโหลกใกล้ๆ
ลูเมี่ยนไม่ตื่นตระหนก เพียงตอบอย่างใจเย็น
“กลัวจะพลัดหลงน่ะครับ”
เคนดัลล์พยักหน้าเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่เห็น
“งั้นผมจะช้าลงอีกหน่อย”
เขาเดินต่อไปยังประตูทางออก ย่างเท้าช้าลงอย่างเห็นได้ชัด เดินอย่างเชื่องช้า โซเซ เงียบสงัด เหมือนซอมบี้ที่ถูกบรรยายในนิยายสยองขวัญบางเรื่อง
ลูเมี่ยนถือเทียนขาวที่มีเปลวไฟสีเหลืองอมส้มสั่นไหว เดินผ่านกลุ่มแขกงานแต่งที่ยังคงหัวเราะเฮฮา พลางเหลือบมองกะโหลกสีขาวเป็นครั้งคราว หัวสมองเต็มไปด้วยความคิดมากมายแล่นผ่าน:
“ไม่มีใครเอะใจเลยว่ามีคนหายไป…”
“เมื่อพวกเขาออกจากสุสานใต้ดิน ครอบครัวของชายหญิงคู่นั้นจะรู้ไหมว่าญาติหายตัวไป?”
“ก็เคยสงสัยอยู่ว่า การเปิดสุสานใต้ดินให้คนทั่วไปเข้าออกได้ตามปกติ จะเป็นไปได้ด้วยหรือที่พวกนักศึกษาซึ่งชื่นชอบการผจญภัย เต้นรำกับโครงกระดูก จะไม่ก่อปัญหาขึ้นเลย?”
“แม้แต่ผู้เยี่ยมชมที่ยอมให้ผู้ดูแลสุสานช่วยนำทาง ก็ยังมีบางส่วนไม่ฟังคำเตือน ไม่ต้องพูดถึงคนหนุ่มสาวที่ลงมายังสุสานใต้ดินโดยถือเทียนขาวเพียงแท่งเดียว…”
“เคยคิดว่าคงมีมาตรการป้องกันที่ปลอดภัยกว่านี้ หรือความถี่ของเหตุการณ์อาจไม่บ่อยจนพวกคึกคะนองหวาดกลัว แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แล้ว…”
ลูเมี่ยนสงสัยว่า คนที่ถูก ‘กลืนกิน’ โดยสุสานใต้ดิน ไม่เพียงแต่ร่างกายจะหายไป แม้แต่ภาพในความทรงจำของเพื่อนกับญาติก็จะถูกลบไปด้วย!
“ทำไมเราถึงจำพวกเขาได้? เพราะเทอร์มีโพลอสถูกผนึกในตัว โชคชะตาของเราจึงเชื่อมโยงกับพระองค์ในระดับหนึ่ง?”
“สถานที่อันตรายแบบนี้ ทำไมรัฐบาลกับสองศาสนจักรใหญ่ยังคงเปิดให้สาธารณชนเข้าออกได้อิสระ? สุสานใต้ดินจำเป็นต้องมีมวลชนเข้าออกอยู่เป็นประจำ เพื่อสะกดสิ่งใด? คนที่ไม่ฟังคำเตือนก็ถือเป็นเครื่องเซ่นที่จำเป็น?” ยิ่งคิดลูเมี่ยนก็ยิ่งขนลุกซู่ บังคับตัวเองมิให้วิเคราะห์เจาะลึกมากเกินไป
ตอนนี้ยังขาดข้อมูลที่เพียงพอ จึงมิอาจวิเคราะห์ได้ละเอียดนัก
อย่างไรเสีย ไม่มีสิ่งใดในสุสานใต้ดินมีค่าพอให้เขาเสี่ยงสำรวจ การแวะเวียนมาเป็นครั้งคราวแบบนี้ ตราบใดที่ยังปฏิบัติตามกฎ ก็คงไม่เผชิญกับปัญหาใดอยู่แล้ว!
นับตั้งแต่เข้ามาในสุสานใต้ดิน ตำรวจ ‘ช่างจ้อ’ โรแบร์ก็เงียบไป ดูเหมือนเขาจะยังอึดอัดกับสภาพแวดล้อมที่นี่
เขาไม่พูดเลย แล้วก็ไม่มีใครชวนใครคุย ท่ามกลางความเงียบที่ชวนให้กระอักกระอ่วน ทั้งสี่เดินกลับไปยังประตูธรรมชาติที่แกะสลักภาพนูนต่ำอันวิจิตรงดงาม แล้วเดินออกไปด้านนอก
เมื่อก้าวข้ามเส้นแบ่งเขต ลูเมี่ยนสัมผัสได้ทันทีว่าสายตาหลายคู่ที่คอยจับจ้องอันตรธานหายไปแล้ว
ความหนาวเย็นในร่างกายไม่หลงเหลืออีกต่อไป ผิวหนังกลับเป็นปกติในพริบตา
“ฟู่…” โรแบร์ถอนหายใจยาว “ทุกครั้งที่เข้าไปในสุสานใต้ดิน ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด เคนดัลล์ คุณทำได้ยังไง ถึงเข้าไปวันละสิบกว่าครั้ง แล้วยังมีความสุขมากๆ ได้อีก?”
เคนดัลล์หัวเราะในคอ
“คุณคิดว่าพวกเราไม่ได้รับผลกระทบหรือ? ตราบใดที่ไม่ต้องเข้าเวรกลางคืน คนที่มีครอบครัวจะรีบไปหาภรรยา ส่วนคนที่ไม่มีก็จะไปสถานที่อย่างเช่นถนนกำแพงเมือง เพื่ออบอุ่นตัวเองด้วยอุณหภูมิร่างกายของคนอื่น”
“พูดตามตรง อยู่ที่นี่นานเข้า ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังกลายเป็นศพทีละนิด”
ในระหว่างการพูดคุยเรื่อยเปื่อย เคนดัลล์จุดโคมไฟคาร์ไบด์ และดับเทียนในมือ
ระหว่างทางกลับไปบนดิน โรแบร์มองรถม้าตำรวจเขตตลาดที่จอดอยู่ด้านนอกอาคารทางเข้า แล้วยิ้มแหยให้เพื่อนร่วมงานและลูเมี่ยน
“ผมครั่นเนื้อครั่นตัวมานานจนปวดฉี่ พวกคุณรอผมก่อนนะ จะรีบไปเข้าห้องน้ำ”
พูดจบ เขาก็เดินไปยังอาคารสีเทาขาวสองชั้นที่ขายตั๋วเข้าสุสานใต้ดิน
ลูเมี่ยนมองโดมที่เต็มไปด้วยภาพนูนต่ำหินสลัก ยืนข้างเสาริมขอบ คอยมองผู้คนที่มาเยือนจัตุรัสแดนชำระด้วยสายตาเหม่อลอย ส่วนตำรวจอีกคนขึ้นรถม้า นั่งรอด้านใน
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มรู้สึกหนาวยะเยือกอีกครั้ง
ความรู้สึกนี้คล้ายกับตอนที่เขาเข้าไปในสุสานใต้ดินมาก แต่ไม่รุนแรงเท่า
เด็กหนุ่มหันไปมองอย่างระแวดระวังตามสัญชาตญาณ เห็นผู้ดูแลสุสานเคนดัลล์ยืนอยู่ด้านหลังตน กำลังมองมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“มีอะไรหรือครับ?” ลูเมี่ยนถามอย่างใจเย็น
เคนดัลล์เจ้าของหนวดเคราสีน้ำตาลหนาทึบถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“เมื่อสักครู่ คุณกำลังมองอะไร?”
ใจของลูเมี่ยนหดวูบเล็กน้อย ถามกลับไปอย่างจริงใจกึ่งเสแสร้ง
“คุณหมายถึงตอนไหน?”
“ระหว่างทางกลับ ตอนที่เดินผ่านกลุ่มคนพวกนั้น” น้ำเสียงของเคนดัลล์ไม่เปลี่ยนไปมากนัก
ลูเมี่ยนทำท่าเหมือนเพิ่งนึกออก
เคนดัลล์จ้องมองเด็กหนุ่มสองวินาที แล้วพยักหน้าพูดว่า
“อย่าเอาอย่างพวกเขา”
พูดจบ ผู้ดูแลสุสานก็ถือโคมไฟคาร์ไบด์ที่ยังไม่ได้จุด เดินไปทีละก้าว กลับอาคารสีเทาขาวสองชั้นที่เป็นของพวกเขา
ไม่นานนัก ตำรวจโรแบร์ก็วิ่งมา รถม้ากลับแล่นไปยังเขตตลาดคนซื่อ
…………
กองบัญชาการตำรวจเขตตลาด ภายใน ‘ห้องเก็บมรดก’ ลึกเข้าไปในทางเดินชั้นหนึ่ง
โรแบร์เดินไปยังชั้นไม้ที่แบ่งเป็นหลายช่อง ชี้ไปหาหนึ่งในนั้นแล้วพูด
“ตรงนี้ มรดกของฟลามง”
ภายในนั้นประกอบด้วยกระเป๋าเดินทางสีเข้ม ปากกา กระดาษ ขวดหมึก และหนังสือเล่มใหญ่สองสามเล่ม
ลูเมี่ยนดึงหนังสือเล่มหนึ่งออกมา เปิดอ่านคร่าวๆ พบว่าเป็นตำราวิชาแร่วิทยา เกี่ยวกับชั้นหินใต้ดินของทรีอาร์ สำหรับเด็กที่ต้องพักการเรียนกลางคันแบบเขา เนื้อหาถือว่าค่อนข้างยาก ไม่เข้าใจศัพท์อยู่หลายคำ เนื่องจากเป็นศัพท์เฉพาะทางของวิชาแร่วิทยา
อีกสองสามเล่มก็เกี่ยวกับวิชาแร่วิทยาเช่นกัน บางเล่มเป็นตำราพื้นฐาน บางเล่มรวมบทความที่ซับซ้อนกว่า
หลังจากตรวจสอบพอเป็นพิธี ลูเมี่ยนหยิบกระเป๋าเดินทางออกมา วางลงบนพื้นแล้วเปิดออก
นอกจากเสื้อผ้าสองชุดและของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน กระเป๋าเดินทางเต็มไปด้วยถุงผ้าสีเทาขาวขนาดเล็กอีกหลายใบ บนนั้นมีคำต่างๆ เขียนด้วยปากกา
‘ช่อบุปผา’ ‘หญ้าแห้วหมู’ ‘ดาวเมษา’ …
พวกนี้คือชื่อของชั้นหินใต้ดินทรีอาร์ที่ฟลามงเคยพูดถึง… ในถุงมีแร่ที่สอดคล้องกับชั้นหิน? ลูเมี่ยนพยายามนึกย้อน ลองเดาคร่าวๆ ถึงสิ่งที่น่าจะอยู่ในถุงผ้า
ฟลามงหลังจากเป็นบ้าไปแล้ว กลับไม่ลืมนำอุปกรณ์การวิจัยของตนติดตัวมาด้วย!
แต่สิ่งเหล่านี้มิได้สลักสำคัญในสายตาลูเมี่ยน จึงเตรียมจะให้กองบัญชาการตำรวจจัดการไปเลย
ทันใดนั้น น้ำเสียงอันน่าเกรงขามและก้องกังวานของเทอร์มีโพลอส ดังขึ้นข้างหูเด็กหนุ่ม
“ถุงผ้าขวาสุด”
โฮ่ เจ้าคนขี้แพ้ ยังกล้าส่งเสียงอีกหรือ? ปฏิกิริยาแรกของลูเมี่ยนคือการเยาะเย้ยเทอร์มีโพลอส จากนั้นจึงหันไปมองถุงผ้าที่เตะตาเทวทูตแห่งชะตากรรม ด้วยสายตาประหลาดใจปนสงสัย
ถุงผ้าใบดังกล่าวอยู่ด้านขวาสุดของกระเป๋าเดินทาง ข้างบนมันคือถุงเท้าของฟลามง ข้างล่างมันคือมีดโกน บนผิวถุงมีคำเฉพาะที่ประกอบขึ้นเขียนด้วยหมึกสีน้ำเงินเข้ม:
“เลือดธรณี”
ธรณี… เลือด… ลูเมี่ยนที่นั่งยองข้างกระเป๋าเดินทาง รำพันกับตัวเองเสียงค่อย พลางหยิบถุงผ้าขึ้นมาต่อหน้าตำรวจโรแบร์ แล้วเปิดมันออก
ในถุงผ้ามีหินแผ่นหนึ่ง พื้นผิวเป็นสีน้ำตาลแดง มีหลุมบุ๋มมากมาย และในแต่ละหลุมบุ๋มมีจุดสีแดงเข้มประปราย ราวกับว่าแผ่นดินกำลังซึมเลือดออกมา
ด้วยเหตุผลบางประการ ลูเมี่ยนรู้สึกหงุดหงิดพอสมควรเพียงแค่ได้เห็นของสิ่งนี้
เด็กหนุ่มมิได้ใช้มือสัมผัสตัวอย่างแร่ เพียงรัดถุงผ้ากลับไปให้แน่น แล้ววางใส่กระเป๋าเดินทางตามเดิม
ถัดมา เขารีบเปิดอ่านตำราวิชาแร่วิทยา เกี่ยวกับชั้นหินใต้ดินของทรีอาร์
เนื่องจากมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ไม่นานก็ค้นพบคำตอบ:
“ชั้นหิน ‘เลือดธรณี’ ถูกพบที่ระดับความลึก 55 ถึง 56 เมตรใต้ดินทรีอาร์ หนาประมาณ 0.76 เมตร… นี่เป็นแร่ชั้นลึกที่สุดที่เราสามารถเก็บตัวอย่างได้ ถัดลงไปคือเขตอนุรักษ์ซากโบราณ ไม่อนุญาตให้เข้า…”
ด้านข้างคำบรรยายของตำรา มีเชิงอรรถสองสามบรรทัดที่เขียนด้วยลายมือคุ้นเคยของฟลามง
“แร่จำนวนน้อยในชั้นหิน ‘เลือดธรณี’ มีความพิเศษกว่าแร่ชนิดอื่น สงสัยว่ามีสารพิษระเหยที่ทำให้คนหงุดหงิด จนกระทั่งเกิดอาการทางจิตที่เรียกว่าไบโพลาร์”
“มีนักวิจัยคนหนึ่งกลายเป็นบ้ากะทันหัน และลงมือทำร้ายเพื่อนร่วมงาน”
“ต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม จึงจะสัมผัสกับตัวอย่างแร่จากชั้นหิน ‘เลือดธรณี’ ได้”
‘เลือดธรณี’ คือชั้นหินใต้ดินทรีอาร์ที่อยู่ใกล้กับยุคสมัยที่สี่? ก็มีความพิเศษจริงๆ นั่นแหละ… ไม่แปลกใจเลยที่เทอร์มีโพลอสดลใจเรา… ขณะลูเมี่ยนกำลังครุ่นคิด ตำรวจโรแบร์ก็เร่งเร้า
“เอาหรือไม่เอากันแน่? รีบตัดสินใจเร็วเข้า!”
“เอา” ลูเมี่ยนลุกขึ้นยืน
แม้สิ่งที่เขาต้องการจะมีเพียงตัวอย่างแร่จากชั้นหิน ‘เลือดธรณี’ และตำราวิชาแร่วิทยาเกี่ยวกับชั้นหินใต้ดิน แต่เพื่อมิให้ถูกสงสัย เด็กหนุ่มจึงเซ็นชื่อและนำมรดกทั้งหมดของฟลามงกลับไป
กลับมาถึงห้อง 207 ของโรงแรมระกาทองแล้ว ลูเมี่ยนไม่มีเวลาล้างเครื่องสำอางเร้นลับออก รีบถามเทอร์มีโพลอสด้วยเสียงต่ำ
“ตัวอย่างแร่นี้มีอะไรพิเศษ”
เสียงของเทอร์มีโพลอสดังสะท้อนในโสตประสาทลูเมี่ยนอีกครั้ง
“เจ้าคงไม่คิดว่าการที่วิญญาณมงต์ซูรียังไม่มาฆ่าฟลามงเป็นเรื่องปกติหรอกนะ?”
………………………………………………..